วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ทีมเยือนจากเวลส์เปิดฤดูกาลด้วยความร้อนแรงขึ้นถึงหัวตารางของ เเชมเปี้ยนชิพ ทว่าตอนนี้เครื่องกลับมอดลงจนต้องมาปรับจูนกันใหม่พอสมควร เกมนี้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ขาดโอมาร์ โบเกิ้ล(5นัด/2ประตู) ดาวยิงชาวสก๊อตที่ติดโทษแบนกับตัวเจ็บอยู่ก่อนแล้ว รีห์ ฮิลลี่ และกาดีม แฮริส โดยแผนที่ลงนั้นจะใช้ 4-4-1-1 มีโซล แบมบ้า แนวรับตัวแกร่งนำทัพกับหัวหอกเฟเดริค กูนองเบ้(2นัด) ดาวยิงชาวเบนินที่จะได้โอกาส

เจ้าป่า ฟอเรสต์ มีอันดับในตารางแชมเปี้ยนชิพที่ไม่ค่อยดีนักจากฟอร์มที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในระหลัง โดยเกมวันนี้ กุนซือ มาร์ค วอร์เบอร์ตัน ของ ฟอเรสต์ จะวาง 4-2-3-1 ชุดเดิมทั้งหมดเช่นเคยมีกองหน้าตัวเป้าอย่างดาร์ล เมอร์ฟี่(15นัด/7ประตู) ล่าตาข่ายพร้อมกับตัวหลักของทีมอย่างเคียแรน โดเวลล์, เบน ออสบอร์น และโจ วอร์แรลล์ แนวรับตัวเก่ง โดยตัวเดี้ยงที่ลงไม่ได้ก็มีแค่เจมี่ วาร์ด กับคริส โคเฮน

ปีนี้มาค่อยดีนักสำหรับกระทิงหิน โตริโน่ ที่อันดับในตาราง เซเรีย อา ต่ำลงกว่าที่คิด โดยนัดนี้จะได้ อันโตนิโอ บาร์เรก้า กองหลังตัวเก่งหายเจ็บกลับมาและคาดว่าจะได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงในทันที กนซือ ซินิซ่า มิไฮโลวิช นัดนี้จะจัดทีมในระบบการเล่น 4-2-3-1 ยาโก้ ฟัลเก้, อาเดม ลายิช, ซาดิโอ จะเป็นสามกองกลางตัวรุกมี อันเดรีย เบล็อตติ เป็นหน้าเป้าเหมือนเดิม

โตริโน่ (4-3-3) : ซัลวาตอเร่ ซิริกู - ลอเรนโซ่ เด ซิลเวสตรี้, นิโกลัส เอ็นกูลู, ยานโก้ , คริสเตียน อันซัลดี้ - โทมัส รินคอน, ดานิเอเล่ บาเซลลี่, โจเอล โอบี - ยาโก้ ฟัลเก้, อาเดม ลายิช, อันเดรีย เบล็อตติ

หลังจากเอาชนะในเกมยูโรป้า ลีก มาอย่างท่วมท้น 5-1 เกมนี้ มิลาน จะต้องกลับมาเล่นในเกม เซเรีย อา ที่ฟอร์มไม่ค่อยดีอีกครั้ง เอซี มิลาน สภาพทีมยังเหมือนเกมนัดล่าสุด อันเดรีย คอนติ (2 นัด), ดาวิเด้ กาลาเบรีย (5 นัด), อิ๊กนาซิโอ้ อบาเต้ (6 นัด) สามแนวรับยังไม่พร้อมลงเล่นเพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวน ระบบการเล่นมิลานวาง 4-3-3 กองหลัง โบนุชชี่ พร้อมประจำการขณะที่ ลูคัส บีย่า ก็ฟิตสมบูรณ์แล้วน่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริง แนวรุก ซูโซ่ จะคืนทัพหลังจากติดโทษแบนจะเดินเกมร่วมกับ จาโคโม โบนาเวนตูร่า

เอซี มิลาน (3-4-2-1) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า - คริสเตียน ซาปาต้า, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อเลสซิโอ โรมาโญลี่ - ฟาบิโอ บอรินี่, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่, แฟร้งค์ เคสซี่, คริสเตียน โรดริเกวซ - ซูโซ่, จาโคโม โบนาเวนตูร่า - นิโกล่า คาลินิช

โรม่า ทีมเเกร่งเเห่ง เซเรีย อา ปีนี้มีทีเด็ดที่เกมรับได้คลีนชีทมากที่สุดในลีก โดยในเกมนี้พวกเขาจะได้ พาทริค ชีค (1 นัด) กองหน้าชาวเช็กที่ดึงตัวมาใหม่เป็นตัวเลือกในการล่าตาข่าย ทำให้เหลือเพียง ริก คาร์สดอร์พ กองหลังเดนมาร์กรายเดียวเท่านั้นที่ไม่พร้อมลงเล่นในเกมนี้ การจัดทีมในเกมนี้ใช้ 4-3-3 แดนกลางจัดเต็ม เด รอสซี่, เนียงโกลัน และ สตรู้ทมัน ส่วนหน้าเป้ายังใช้ เอดิน เชโก้ ยืนประจำการ

โรม่า (4-3-3) : อาลิสสัน - อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, คอสตาส มาโนลาส, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ - รัดย่า เนียงโกลัน, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, เควิน สตรู้ทมัน - ดิเอโก้ เปร็อตติ, เอดิน เซโก้, สเตฟาน เอล ชาราวี่

เจนัว อออกสตาร์ทมไม่ค่อยจะดีนัก จนอยู่ครึ่งล่างของตารางเซเรีย อา ในตอนนี้ เจนัว นัดนี้ไม่มีปัญหาสภาพทีมทุกคนพร้อมลงเล่นในเกมนี้ การจัดทัพในระบบการเล่น 4-3-2-1 กองกลางตัวรับใช้ เวโลโซ่, ริโกนี่ และ แบร์โตลัชชี่ ส่วนแนวรุก อาเดล ตารับท์, ดิเอโก้ ลักซาล รับหน้าที่ไป ขณะที่หัวหอก โกรัน ปานเดฟ ตัวเก๋ายืนค้ำตัวเดียว

เจนัว (3-5-2) : มัตเตีย เปริน - อาร์มันโด้ อิซโซ่, นิโกลาส สปอลลี่, เออร์วิน ซูคาโนวิช - อเลอันโดร โรซี่, ลูก้า ริโกนี่, มิเกล เวลูโซ่, อันเดรีย แบร์โตลัชชี่, ดีเอโก้ ลาซอลท์ - อาเดล ทารับต์, โกรัน ปานเดฟ

อาร์เซน่อล ของกุนซือ อาร์แซน เวนเกอร์ จะกลับมาใช้ชุดตัวจริงทั้งหมดอีกครั้งหลังได้พักมาเกมยูโรป้าลีกนำโดยปีเตอร์ เช็ก นายทวารมือ1 แนวรับมีมุสตาฟี่, กอสเซียลนี่, นาโช่ มอนเรอัล กลางห้องเครื่องวางแรมซี่ย์ คู่กรานิต ชาก้า และสามแนวรุกเป็นเมซุต โอซิล, อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์ และอเล็กซิส ซานเชซ โดยล่าสุดมีลิสต์ตัวเจ็บเพียงกองกลางซานติ กาซอร์ล่า กับธีโอ วัลคอร์ต

อาร์เซน่อล (3-4-3) : ปีเตอร์ เช็ก - โลร็องต์ คอสเซียลนี่, สโครดาน มุสตาฟี่, นาโช่ มอนเรอัล - เอ็กตอร์ เบเญริน, อารอน แรมซี่ย์, กรานิต ชาก้า, เซอัด โคลาซินัก - เมซุต โอซิล, อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์, อเล็กซิส ซานเชซ

เบิร์นลี่ย์ ที่กำลังร้อนแรงของกุนซือ ฌอน ไดช์ ยังไม่มีนายทวารมือ1 ทอม ฮีตัน(4นัด) ที่ยังเจ็บเช่นเดียวกับกองกลางดีน มาร์นี่ย์(-) และกองหน้าโจนาธาน วอลเตอร์ส(2นัด) ส่วนที่จะลงนั้นคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเกมล่าสุด เพราะกำลังลงตัวอยู่โดยให้นิค โป๊ป เฝ้าเสายาวๆ แนวรับมีเจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ยืนเซ็นเตอร์คู่เบน มี มิดฟิลด์มีสตีเว่น เดอฟูร์ นำทัพและหน้าเป้าให้แอชลี่ย์ บาร์นส ยืนคํ้า

เบิร์นลี่ย์ (4-4-1-1) : นิค โป๊ป - แม็ตธิว ลอว์ตัน, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, เบน มี, สตีเฟ่น วอร์ด - โยฮันน์ กุ๊ดมุนด์สสัน, สตีเว่น เดอฟูร์, แจ็ค คอร์ค, ร็อบบี้ เบรดี้ - เจฟฟ์ เฮนดริค - คริส วู้ด

แมนฯซิตี้ อยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ขาดเพียง จอห์น สโตนส์ และ เบนจามิน เมนดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บ ข่าวดีคือจะได้ นิโคลัส โอตาเมนดี้ พ้นโทษแบนกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง แนวรับใช้ แวงซองต์ กอมปานี จับคู่กับ โอตาเมนดี้ แดนกลางเป็น แฟร์นันดินโญ, เควิน เดอ บรอยน์ และ ดาบิด ซิลบา คอยปั้นเกม ขณะที่แดนหน้าใช้สามประสาน ราฮีม สเตอร์ลิง, ลีรอย ซาเน และ กาเบรียล เชซุส ล่าตาข่าย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-1-4-1) : เอแดร์สัน โมราเอส - ไคล์ วอล์คเกอร์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, แว็งซ็อง ก็อมปานี, ฟาเบียน เดลฟ์ - แฟร์นานดินโญ่ - เลรอย ซาเน่, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง - กาเบรียล เชซุส

ฮัดเดอร์สฟิลด์ เกมนี้จะยังไม่มี จอน สแตนโควิช, คาซีย์ พาลเมอร์ และ ไมเคิล เฮเฟเล ที่มีอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังต้องรอเช็คความฟิตของ ฟิลลิป บิลลิง อีกด้วย แนวรับใช้ ซังก้า จับคู่กับ คริสโตเฟอร์ ชินเดิลส์ แดนกลางใช่ อารอน มอย ประสานงานกับ โจนาธาน ฮ็อกก์ แนวรุกมี เอเลียส คาชุงก้า, ทอม อินซ์ และ ราจีฟ ฟาน ลา ปาร์รา คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง สตีฟ มูเนีย

ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ (4-3-3) : โยนาส ลอสเซิ่ล - ทอม สมิธ, คริสโตเฟอร์ ชินด์เลอร์, มาธิอัส ยอร์เกนเซ่น, คริส เลิฟ - ดาเนี่ยล วิลเลี่ยมส์, อารอน มัว, โจนาธาน ฮ็อกก์ - เอเลียส คาชุงก้า, โลร็องต์ เดอปัวเตร, โธมัส อินซ์

เพิ่งโดน อตาลันต้า สอนบอลจาก ยูโรป้า ลีก มาถึง 1-5 เอฟเวอร์ตัน ก็ต้องกลับมาเล่นเกม พรีเมียร์ลีก อีกครั้งพร้อมอาการเมาหมัด เกมนี้จะไม่มีนักเตะตัวหลักหลายรายอย่าง อูมาร์ นิอัสส์,มอร์แกน ชไนเดอลิน และทอม เดวี่ส์ ส่วนตัวรุกอย่าง เวย์น รูนี่ย์ และ กิลฟี่ ซิเกิร์ดสัน พร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริง

เอฟเวอร์ตัน (4-3-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด - จอนโจ้ เคนนี่, ไมเคิ่ล คีน, ฟีล จากีลก้า, เลห์ตัน เบนส์ - ไอดริสซ่า กูเอเย่, เบนี่ แบนิงกิม, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน - อารอน เลนน่อน, โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน, กิลฟี่ ซิเกิร์ดสสัน

เซาธ์แฮมป์ตัน อาการไม่ค่อยีมีแววลงสู่โซนตกชั้นของ พรีเมียร์ลีก อยู่ไม่น้อย เกมนี้พวกเขาจะไม่มี 2 มิดฟิลด์ตัวหลักอย่าง ออริโอล โรเมอู ที่สะสมเหลืองครบ 5 ใบ และ มาริโอ เลมิน่า ที่เจ็บข้อเท้ายังไม่สามารถลงเล่นได้ ส่วนของเกมรุกนั้นจะเป็นหน้าที่ของ มาโนโล กับเบียดินี่ และ ดูซาน ทาดิช เช่นเคย อาจจะมี เชน ลอง เข้ามาเป็นตัวสอดแทรกหากต้องการเกมบุกที่มากขึ้น

เซาท์แฮมป์ตัน (4-2-3-1) : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ - เซดริก โซอาเรส, เฟอร์กิล ฟาน ไดย์ค, เวสลี่ย์ โฮเอ็ดต์, ไรอัน เบอร์ทรานด์ - ดูซาน ทาดิช, สตีเว่น เดวิส, มาริโอ เลมิน่า, นาธาน เร้ดม่อนด์ - เชน ลอง, มาโนโล่ กั๊บเบียดินี่

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ บาร์เซโลน่า ยังคงนำลูกทีมเก้บชัยได้ตามเป้าต่อเนื่องหลังเพิ่งยกทัพไปชนะเอสปันญ่อล 2-0 ในศึกดารบี้ แมตช์ เกมลา ลีกา นัดล่าสุดก่อนจะบุกไปเสมอ ยูเวนตุส พร้อมกับตีตั๋วผ่านเข้ารอบ ชปล. เมื่อกลางสัปดาห์ ส่วนผู้เล่นที่จะพลาดในเกมนี้จะไร้เงากองหลังตัวเก่งอย่าง เคราร์ด ปีเก้ ที่ติดโทษแบนและจะใช้ โธมัส แฟร์มาเล่น ลงจับคู่เซ็นเตอร์แบ็คกับ ซามูแอล อุมตีตี้ ในยามที่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (6 นัด)ยังคงบาดเจ็บ ส่วนแผงแนวรุกแน่นอนว่ายังคงได้เห็น หลุยส์ ซัวเรซ และ ลิโอเนล เมสซี่ ลงยืนหน้าคู่โดยมี ปาโบล อัลกาเซร์ มีชื่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับสตาร์รายอื่น

บาร์เซโลน่า (4-4-2) : มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น ; เนลซอน เซเมโด้, โธมัส แฟร์มาเล่น, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; ปาโบล อัลกาเซร์, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า ; หลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี่

มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์ บาเลนเซีย ยังคงนำลูกโชว์ผลงานร้อนแรงต่อเนื่องหลังขนะรวด 8 เกมติดรวมทุกรายการแถมเกมรุกยังสุดสะแด่วซัดรวม 28 เม็ดเข้าไปแล้ว แถมเกมนี้ยังมีข่าวดีเมื่อ ซิโมเน่ ซาซ่า ดาวยิงตัวเก่งฟิตกลับมาล่าตาข่ายอีกครั้งร่วมกับ โรดริโก้ โมเรโน่ โดยมี กอนกาโล่ กูเอเดส และ การ์ลอส โซเลร์ คอยขึ้นเกมทางริมเส้น ส่วนผู้เล่นบาดเจ็บแน่นอนว่ายังไม่มีชื่อของ ฆาบี กิมิเนซ (-)ที่ยังคงเดี้ยง ส่วน เฆซอน มูริโญ่ (8 นัด)ยังคงต้องรอโอกาสต่อจาก กาเบรียล เปาลิสต้ ที่จะปักหลักกับ เอเซเกล การาย ในแผงหลังต่อเนื่อง

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, เอเซเกล การาย, โฆเซ่ กาย่า ; การ์ลอส โซเลร์, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, กอนกาโล่ กูเอเดส ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซิโมเน่ ซาซ่า

กุนซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ ยังไร้เงา ไซม่อน ชาร์ ปราการหลังทีมชาติเดนมาร์กที่เจ็บจึงต้องส่ง โยฮานเนส กีส ลงปักหลักแทน ส่วนแข้งตัวเจ็บแน่นอนว่ายังคงไร้ชื่อ ดาเนี่ยล การ์ริโก้ และ นิโก้ ปาเรฆ่า และจะได้เห็นการพักนักเตะหลังบดมาเหนื่อยกับ ลิเวอร์พูล โดยทำการพัก ฆัวกิน กอร์เรอา และ ปาโบล ซาราเบีย พร้อมส่ง โนลิโต้ กับ เฆซุส นาบาส ลงป่วนแนวรับแทน

เซบีญ่า (4-2-3-1) : ดาบิด โซเรีย ; กาเบรียล เมร์กาโด้, โยฮานเนส กีส, แกลร์กมงต์ ล็องเล่ต์, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ ; กีโด ปิซซาโร่, สเตเว่น เอ็นซ็องซี่ : ปาโบล ซาราเบีย, เอแวร์ บาเนก้า, โนลิโต้ ; ลุยส์ มูเรียล

ฆาบี กาเยย่า ผู้จัดการทีมชั่วคราว "เรืดำน้ำสีเหลือง" มีปัญหาการจัดทัพค่อนข้างเยอะหลังยังไร้เงาตัวเจ็บนับ 5 รายก่อนหน้านี้ ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามจะได้เห็น การ์ลอส บักก้า กับ เซดริก บากัมบู ยังคงรับบทเป็นคู่หน้าโดยมี นิโกล่า ซานโซเน่ เป็นตัวสอดแทรก ส่วนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คจะปรับมาใช้งาน อัลบาโร่ กอนซาเลซ ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน ดานิเอเล่ โบเนร่า

บียาร์เรอัล (4-3-1-2) : มาเรียโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; มานู ตริกูเอรอส, โรดรี, โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ; ปาโบล ฟอร์นัลส์ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

ลาส พัลมาส (4-3-3) : ราอูล ไลโซอิน ; ดาบิด ซิมง, เมาริซิโอ เลมอส, ชีโม่ นาบาร์โร่, ดานี่ กาสเตยาโน่ ; โฆนาธาน บีเอร่า, ฆาบี กัสเตยาโน่, บิเซนเต้ โกเมซ ; บิคตอร์ บีโตโล่, โฆนาธาน กาเยรี่, โลอิก เรมี่

เอวเซบิโอ ซากริสตาน กุนซือ เรอัล โซเซียดัด เตรียมเช็คความฟิตของ ดาบิด ซูรูตูซ่า กองกลางตัวหลักแต่คาดว่าจะฟิตพร้อมออกสตาร์ทได้อย่างไร้ปัญหาซึ่งทำให้ความพร้อมภายในทีมจัดว่าสมบูรณ์สุดๆและจะได้เห็นแกนหลักอย่าง อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ กับ ชาบี ปรีเอโต้ ลงเป็นจอมทัพร่วมกันพร้อมกับใช้ อัดนาน ยานาซาย, มิเกล โอยาซาบัล และ วิลเลี่ยน โฆเซ่ คอยขึ้นเกมในโซนสามประสานแดนหน้า

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เคโรนีโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, ดีเอโก้ ยอร์เรนเต้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เกบิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; มิเกล โอยาซาบัล, วิลเลี่ยน โฆเซ่, อัดนาน ยานาซาย

โฆเซ่ อังเคล ซิกานด้า กุนซือ บิลเบา มีข่าวดีคือจะได้ มิเกล เบสก้า กองกลางตัวหลักซึ่งพ้นโทษแบนกลับมาลงสนาม ส่วนตัวเจ็บยังคงไร้ชื่อแข้งโซนมิดฟิลด์อย่าง อิเกร์ มูเนียอิน (6 นัด 1 ประตู) และ เบนญัติ (6 นัด)ตามคาด ส่วนผังแนวรุกในเกมนี้ยังคงใช้ตัวหลักอย่าง อาริตซ์ อาดูริตซ์, อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ และ อายเมริก ลาปอร์ต้า ยังมีชื่อตามคาด

แอธฯบิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; อินญิโก้ เลกูเอ้, อายเมริค ลาปอร์เต้, อูไน นูนเญซ, มิเกล บาเลนเซียก้า ; มิเกล ซาน โฆเซ่, อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อินญิโก้ กอร์โดบา ; อาริตซ์ อาดูริตซ์

กุนซือ กาอิซก้า การิตาโน่ มีปัญหาการจัดทัพเพิ่มเข้าให้แล้วหลัง ลูซินโญ่ และ กีเยร์เม่ กอดคอติดโทษแบนในนัดนี้ทำให้ต้องมีการปรับตำแหน่งโดยการส่ง เฟร์นานโด นาบาร์โร่ และ เปโดร มอสเกร่า ลงสนามเช่นเดียวกับแนวรับที่จะวางาอูล อัลเบนโตซ่า ลงปักหลักแทน ซิดเน่ ที่บาดเจ็บ ส่วนทีเด็ดแนวรุกยังคงได้เห็น อาเดรียน โลเปซ เป็นตัวชูโรงยาม ซากาเรีย บักกาลี่ ยังไม่ฟิตสมบูรณ์

ลา กอรุนญ่า (4-2-3-1) : รูเบน มาร์ติเนซ ; เคราร์ด บาเลนติน, ราอูล อัลเบนโตซ่า, ฟาเบียน ชาร์, เฟร์นานโด นาบาร์โร่ ; เปโดร มอสเกร่า, เซลโซ่ บอร์เกส ; เฟเด การ์ตาเบีย, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, อาเดรียน โลเปซ ; ลูกัส เปเรซ

      เยนส์ ราซิเยฟสกี้ เฮ้ดโค้ชของ โบคุ่ม จะไร้เงาของ โธมัส ไอส์เฟลด์ (9 นัด) กับ ติโม เพอร์เธิ่ล ที่โดนอาการเจ็บรบกวน แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานเเล้ว คาดว่า ราซิเยฟสกี้ จะวางหมากมาในระบบ 4-4-2 โดยจะมี ร็อบบี้ ครูส (11 นัด / 3 ประตู) และ ลูคัส ฮินเตอร์เซียร์ (12 นัด / 3 ประตู) รับบทบาทคู่หูเพชรฆาตในการล่าประตู

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โบคุ่ม (4-4-2) : มานูเอล รีมันน์ - แยน กียาเมร่าห์, อองโตนี่ โรซิลล่า, เฟลิกซ์ บาสเตียนส์, ดานิโล่ ซัวเรส - ลุค เฮมเมริช, สเตฟาโน่ เชลอซซี่, เควิน สโตเกอร์, วิตาลี่ ยาเนลท์ - ร็อบบี้ ครูส, ลูคัส ฮินเตอร์เซียร์

      ฮานเนส ดรูว์ส นายใหญ่ของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา ยังไร้เงาของ นิคกี้ อาดเลอร์ เหมือนเดิม เนื่องจากยังอยู่ในช่วงรีดฟิต ส่วนในรายของ เดนนิส เคมเป้ (10 นัด / 1 ประตู) ดาวเตะตัวสำคัญ ดันมาติดโทษแบนอีก เนื่องจากสะสมใบเหลืองครบโควต้าเเล้ว แต่ตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมลงเล่นกันทั้งหมด โดยเฉพาะ ดิม่า นาซารอฟ (11 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (5-2-3) : มาร์ติน มานเนิ่ล - คาโลเกโร่ ริซซูโต้, ฟาเบียน คาลิก, โดมินิค วีดร้า, นิโคไล แร็ปป์, เซบาสเตียน เฮิร์ทเนอร์ - คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, เคลเมนส์ ฟานดริช - ปาสกาล ค็อปเค่, ดิม่า นาซารอฟ, โซเรน เบิร์ทรัม

      เจฟ ไซบีน นายใหญ่ของ บีเลเฟลด์ ยังมีเเข้งเดี้ยงค้างสต็อกเซ็ตเดิมอย่าง คริสโตเฟอร์ นอธ, นิลส์ ควอชเนอร์ (4 นัด) และ อันดรา สปอราร์ (9 นัด / 2 ประตู) นั่นหมายความว่า ไซบีน ไม่มีปัญหาอื่นใดเพิ่มเติมเข้ามา แถมยังมีข่าวดีอีกที่ จูเลี่ยน บอร์เนอร์ (12 นัด / 2 ประตู) กลับมารับใช้ต้นสังกัดได้แล้ว เพราะชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บีเลเฟลด์ (4-2-2-2) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ฟลอเรียน ดิ๊ค, จูเลี่ยน บอร์เนอร์, สเตฟาน ซัลเกอร์, ฟลอเรียน ฮาร์แธร์ซ - ทอม ชู๊ทซ์, มานูเอล เพรเทิ่ล - คริสตอฟ เฮมไลน์, พาทริค ไวห์เร๊าช์ - อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์, ฟาเบียน โคลส

      เจฟ สตราสเซอร์ เทรนเนอร์ของ ไกเซอร์ฯ เหลือลูกทีมที่ต้องพักรักษาตัวอีก 4 ราย ได้แก่ มาร์เซล กอร์เรอา (5 นัด), แม็ดส์ อัลบัค (4 นัด), โอซายาเมน โอซาเว่ (10 นัด) และ แค็กเปอร์ เพอร์ซีบิลโก้ (1 นัด) นั่นทำให้ สตราสเซอร์ มีทางเลือกมากขึ้น แต่สำหรับ เซบาสเตียน อันเดอร์สสัน (10 นัด / 5 ประตู) น่าจะลงเล่นเป็นตัวจริงต่อไป

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไกเซอร์ฯ (4-3-2-1) : มาริอุส มุลเลอร์ - ฟิลิปป์ เอ็มเวเน่, เบนจามิน เคสเซิ่ล, สติเป วูกูร์, อาบู ฮันน่า - คริสโตฟห์ มอริตซ์, ดาเนี่ยล ฮัลฟาร์, นิลส์ ซูแฟร์ต - แบรนดอน บอร์เรลโล่, โอเซ ควัดโว่ - เซบาสเตียน อันเดอร์สสัน

      โอลาฟ ยานส์เซ่น ผู้จัดการทีมของ ซังต์ เพาลี มีลิสต์รายชื่อลูกทีมเจ็บอยู่ 4 ราย ได้แก่ สเวนด์ โบรเดอร์เซ่น, มาร์ค ฮอร์นชูห์ (6 นัด), ฟิลิปป์ ซีไรส์ และ เรียว มิยาอิชิ คาดว่า ยานส์เซ่น จะปรับทีมแค่จุดเดียวด้วยการส่ง โจฮันเนส ฟลุม (12 นัด / 2 ประตู) ลงเล่นขับเคลื่อนเกมในแดนกลางแทนที่ของ เบอร์นด์ เนห์ริก (14 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซังต์ เพาลี (4-2-3-1) : โรบิน ฮิมเมิ่ลมันน์ - ลูก้า ซานเดอร์, ลาส โซบีช, คริสโตเฟอร์ อาวีเวอร์, ดาเนี่ยล บูบัลล่า - โจฮันเนส ฟลุม, คริสโตเฟอร์ บุชมันน์ - เชงค์ ซาฮิน, โมลเลอร์ แดห์ลี่, วัลเดมาร์ โซโบต้า - ซามี่ อัลลากุย

      ดามีร์ บูริช กุนซือของ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน บาลาซส์ เม็กเยรี่ (9 นัด), นิค ออมลาดิช (4 นัด / 1 ประตู), เซอร์ชาน ซาราเรอร์ และ มาธิส บอลลี่ เพราะยังเดี้ยงอยู่ทั้งหมด เชื่อว่าเกมนี้ บูริช จะปรับแนวรุกกันอีกครั้ง โดยจะให้ มานูเอล ตอร์เรส (7 นัด), โตลชาย ชิเกอร์ชี่ (8 นัด) และ ดาวิด รอม (6 นัด) ลงเล่นร่วมกัน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ (3-4-3) : ซัสชา บูร์เชิร์ต - มาริโอ มาโลก้า, มาร์โก กาลิกูรี่, ริชาร์ด มักยาร์ - คาเล็ด นาเรย์, พาทริค ซอนไธเมอร์, อดัม พินเตอร์, มักซิมิเลี่ยน วิตเท็ค - มานูเอล ตอร์เรส, โตลชาย ชิเกอร์ชี่, ดาวิด รอม

      เดเร็ค แม็คอินเนส เฮ้ดโค้ชของ อเบอร์ดีน ไม่มีรายงานความเสียหายเรื่องสภาพทีมเข้ามาเช่นกัน ทำให้สามารถเลือกจัดทีมชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ได้แน่ เชื่อว่า แม็คอินเนส จะมีการปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงบ้างในบางตำแหน่งจากเกมก่อน แต่สำหรับ อดัม รูนี่ย์ (11 นัด / 4 ประตู) น่าจะได้รับความไว้วางใจเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าต่อไป

      พอล แม็คโดนัลด์ นายใหญ่ของ คิลมาร์น็อค ไม่มีปัญหาใดในการจัดทัพ เพราะสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ 100% คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ไม่น่าจะต่างไปจากนัดที่บุกเสมอ ดันดี 0-0 โดยจะมี คริส บอยด์ (11 นัด / 3 ประตู) ยืนเป็นคู่กองหน้ากับ จอร์แดน โจนส์ (14 นัด / 2 ประตู) เหมือนเดิม

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ นายใหญ่ของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ จะเหลือเพียงแค่ เบนจามิน ฮุบเนอร์ (9 นัด / 1 ประตู) รายเดียวเท่านั้นที่ยังเจ็บไม่หาย แต่เชื่อว่าเกมนี้ นาเกิ้ลมันน์ จะโรเตชั่นนักเตะแน่ๆ เพราะลูกทีมกรำศึกหนักมาเหลือเกิน โดยชื่ออย่าง เออร์มิน บิคัคซิช (2 นัด), พาเวล คาเดอร์ราเบ็ค (8 นัด) และ เซิร์จ จีนาบรี้ (3 นัด) จะได้เป็นตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-5-2) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - เออร์มิน บิคัคซิช, เควิน อัคโปกูม่า, เควิน โฟ้กท์ - พาเวล คาเดอร์ราเบ็ค, เคเรม เดเมียร์เบย์, นาเดียม อามิรี่, เดนนิส ไกเกอร์, สตีเว่น ซูเเบร์ - เซิร์จ จีนาบรี้, อันเดร ครามาริช

      มาร์คุส กิสดอล เทรนเนอร์ของ ฮัมบูร์ก จะไม่มีชื่อของ บีจาร์เน่ โธเอลเค่, อัลบิน เอคดัล (8 นัด) และ นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) ที่โดนไข้เดี้ยงเข้าครอบงำ ดังนั้น กิสดอล จึงยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน 11 ตัวจริงที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน แม้จะเพิ่งแพ้มาก็ตาม นั่นทำให้ ยาน อาร์ป (4 นัด / 2 ประตู) จะยืนค้ำเป็นหน้าเป้าต่อไปอีกนัด

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-2-3-1) : มาเธเนีย - เดนนิส เดี๊ยคเมเยอร์, คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส, แมร์กิม มาฟราย, ดั๊กลาส ซานโต๊ส - กีเดียน จุง, โกโตคุ ซากาอิ - ทัตสึยะ อิโตะ, อารอน ฮันท์, ฟิลิป คอสติช - ยาน อาร์ป

      พาล ดาร์ได เทรนเนอร์ของ แฮร์ธ่าฯ ยังมีรายงานลูกทีมเดี้ยงเซ็ตเดิม คือ นิคลาส สตาร์ค (9 นัด / 1 ประตู), วลาดิเมียร์ ดาริด้า (7 นัด), วาเลนติน สต๊อคเกอร์ (3 นัด) และ จูเลี่ยน ชีเบอร์ แต่เชื่อว่า ดาร์ได จะสลับสับเปลี่ยน 11 ตัวจริงจากเกมยูโรป้า ลีกแน่ โดยจะดัน มิตเชล ไวเซอร์ (12 นัด / 1 ประตู) ขึ้นไปเป็นปีกขวา และส่ง ซาโลมง กาลู (11 นัด / 3 ประตู) กับ เวดัด อิบิเซวิช (10 นัด / 2 ประตู) มาช่วยทำเกมบุก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-2-3-1) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - ปีเตอร์ เปคาริค, เซบาสเตียน ลังคัมป์, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพล็ตเท่นฮาร์ด - อาร์เน่ ไมเออร์, เพอร์ สเคลเบร็ด - มิตเชล ไวเซอร์, วาเลนติโน่ ลาซาโร่, ซาโลมง กาลู - เวดัด อิบิเซวิช

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ กุนซือของ โคโลญจน์ มีลิสต์นักเตะเจ็บยาวเหยียด ได้แก่ โดมินิค ไฮนซ์ (11 นัด / 1 ประตู), เจา กูไอรอส, โดมินิค มาโรห์ (6 นัด), เลออน บิตเท่นคอร์ต (12 นัด), คริสเตียน เคลเมนส์ (1 นัด), โจนาส เอคเตอร์ (3 นัด), มาร์โก โฮเกอร์ (5 นัด), มาร์เซล ริสเซ่ (4 นัด), จอห์น กอร์โดบา (8 นัด) และ ไซม่อน โซลเลอร์ (9 นัด) แถมต้องมาเสีย เฟรเดริค โซเรนเซ่น (12 นัด / 1 ประตู) ไปกับโทษแบนอีก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (3-4-3) : ติโม ฮอร์น - ฆอร์เก้ เมเร่, มัทธีอัส เลห์มันน์, จานเนส ฮอร์น - ลูคัส คลุนเตอร์, มิลอส โยยิช, ซาลีห์ ออซคาน, คอนสแตนติน เร๊าส์ - ยูยะ โอซาโกะ, เคลาดิโอ ปิซาร์โร่, เซห์รู กีรัสซี่

สเตฟาโน่ ปิโยลี่ ผู้จัดการทีมมีข่าวดีคือจะได้ มิลาน บาเดลย์ ห้องเครื่องวัย 28 ปีสลัดเดี้ยงกลับมาลงตัวจริงอีกครั้งในแผงแดนกลางทำให้ การ์ลอส ซานเชส ต้องหลุดเป็นตัวสำรองในเกมนี้เพื่อเปิดทางให้ลงมาผนึกกำลังร่วมกับ มาร์โก เบนาสซี่ และ จอร์แดน แวเรอตูต์ พร้อมกับใช้ เฟเดริโก้ เคียซ่า, โจวานนี่ ซิเมโอเน่ และ กิล ดิอ๊าซ เป็นทีเด็ดในเกมรุก

ฟิออเรนติน่า (4-3-3) : มาร์โก สปอร์ติเยลโล่ - บรูโน่ กัสปาร์, เกร์มัน เปซเซย่า, ดาวิเด้ อัสโตรี่, คริสเตียโน่ บิรากี้ - มาร์โก เบนาสซี่, จอร์แดน แวเรอตูต์, การ์ลอส ซานเชส - เฟเดริโก้ เคียซ่า, โจวานนี่ ซิเมโอเน่, กิล ดิอ๊าซ

ซิโมเน่ อินซากี้ ผู้จัดการทีมยังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้โดยเฉพาะ ดาวิเด้ ดิ เจนนาโร่ กองกลางและกองหน้าอย่าง เฟลิเป้ ไซเซโด้ ที่ยังพร้อมออกสตาร์ทส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามกุนซือ อินซากี้ เตรียมส่ง ชิโร่ อิมโมบิเล่ ลงเป็นทีเด็ดแดนหน้าอีกครั้งหลังส่งชุดสำรองลงบู๊ ยูโรป้า ลีก โดยมี มิลินโกวิช ซาวิช และ หลุยส์ อัลแบร์โต้ เป็นตัวสนับสนุน

ลาซิโอ (3-4-2-1) : โธมัส สตราโคช่า - บาสโต๊ส, สเตฟาน เด ฟราย, สเตฟาน ราดู - อดัม มารูซิค, มาร์โก ปาโรโล่, ลูคัส เลว่า, เซนาด ลูลิช, มิลินโกวิช ซาวิช - หลุยส์ อัลแบร์โต้ - ชิโร่ อิมโมบิเล่

ส่วนทีมเยือน นาโปลี ทีมจ่าฝูงยังคงร้อนแรงต่อเนื่องหลังเก็บชัยรวด 2 เกมติดรวมทุกรายการยังนำเดี่ยวจ่าฝูงในเวลานี้ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนามจะขาดเพียงแค่ ฟาอูซี่ กูลาม แบ็คซ้ายตัวเก่งและ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิก กองหน้าที่ยังเดี้ยงอยู่ ส่วนทีเด็ดแนวรุกส่วนใหญ่ยังอยู่กันครบไม่ว่าจะเป็น โฆเซ่ กาเยฆอน ดรีส, เมอร์เท่นส์ และ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เป็นสามประสาน โดยมี อัลลัน, จอร์จินโญ่ รวมถึง มาเร็ค ฮัมซิค จอมทัพประจำทีมเป็นตัวชูโรงแผงมิดฟิลด์

นาโปลี (4-3-3) : เปเป้ เรน่า - คริสเตียน มาจโจ้, ราอูล อัลบิโอล, คาลิดู คูลิบาลี่, เอลเซอิด ฮายซาย - อัลลัน, จอร์จินโญ่, มาเร็ค ฮัมซิค - โฆเซ่ กาเยฆอน, ดรีส เมอร์เท่นส์, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่

ลุยจิ เดล เนรี่ เฮ้ดโค้ชเจ้าบ้าน อูดิเนเซ่ เป็นอันต้องสะดุดเสียแล้วหลังฟอร์มดีชนะรวดมา 3 เกมติด ก่อนจะโดน กาญารี่ บุกมาเบรคความร้อนแรงถึงถิ่นด้วยผล 0-1 ส่วนความพร้อมในเกมนี้แน่นอนว่ายังจะไร้เงา เยนส์ ลาร์เซ่น กองหลังตัวหลักชาวเดนมาร์กที่บาดเจ็บ รวมถึง เอมิล ฮัลเฟร็ดสัน(7 นัด)แดนกลาง นอกจากนี้ยังจะไม่มี อัลบาโน่ บิซซาร์รี่ นายทวารที่โดนไล่ออกจากเกมล่าสุด ทำให้ ซิโมเน่ สคุฟเฟต นายทวารดาวรุ่งได้รับโอกาส ส่วนคีย์แมนในเกมนี้จะใช้ โรดริโก้ เด ปอล, มักซี่ โลเปซ และ สติเป้ เปริก้า คอยจบสกอร์

อูดิเนเซ่ (4-3-3) : ซิโมเน่ สคุฟเฟต - ซิลวาน วิดเมอร์, ดานิโล่, ซาเมียร์, อาลี อั๊ดนาน - อันโตนิน บารัค, เซโก้ โฟฟาน่า, ยาคุบ ยังค์โต้ - โรดริโก้ เด ปอล, มักซี่ โลเปซ, สติเป้ เปริก้า