วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      อเดบาโย่ กาเดโบ้ ผู้จัดการทีมของ สุพรรณบุรี ยังไม่มีชื่อของ อดุล หละโสะ (6 นัด) ห้องเครื่องตัวคุมเกมที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ แต่ก็เป็นรายเดียวเท่านั้นที่ขาดหายไป นั่นหมายความว่า อเดบาโย่ จะมีอาวุธครบมือในการลุยศึกนัดนี้ นำทีมมาโดย โรมูโล คาบราล (10 นัด / 4 ประตู) หัวหอกตัวสำคัญชาวบราซิล

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สุพรรณบุรี (3-4-3) : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล - นฤพน พุฒซ้อน, สุพรรณ ทองสงค์, คานู - ณัฐพงษ์ สมณะ, ทาคาฟูมิ อากาโฮชิ, สุบรรณ เงินประเสริฐ, วสันต์ ฮมแสน - ธนาสิทธิ์ ศิริผลา, โรมูโล คาบราล, ชนานันท์ ป้อมบุปผา

      ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก นายใหญ่ของ สุโขทัย จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เนลสัน โบนีญ่า (11 นัด / 9 ประตู) กองหน้าตัวเทพที่ติดโทษห้ามแข่งในนัดนี้พอดี แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานเเล้ว คาดว่า "โค้ชเบ๊" จะวางหมากมาในระบบ 4-3-3 ตามถนัด โดยจะมี จอห์น บาจโจ้ (11 นัด / 2 ประตู) เป็นตัวทีเด็ดในแนวรุกเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สุโขทัย (4-3-3) : ไพโรจน์ เอี่ยมมาก - ปิยะราษฎร์ ลาจังหรีด, นรงฤทธิ์ บุญสุข, ยุทธพงษ์ ศรีละคร, เอกสิทธิ์ ฉาวบุตร - คัพฟ้า บุญมาตุ่น, จอง มยอง โอ, สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ - กิตติพงษ์ วงษ์มา, จอห์น บาจโจ้, เอ็นจีว่า ราโคโตฮาริมาลาล่า

      ซูกาโอะ คัมเบะ นายใหญ่คนใหม่ของ อุบล ยูเอ็มที เตรียมขนขุนพลชุดที่ดีที่สุดลงสู่สนาม เพราะไม่มีนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษห้ามแข่งในลิสต์เลยสักคน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง น่าจะยังเป็นเซ็ตเดิมไปก่อน นำทีมมาโดย "สองตัวเมพ" อันโตนิโอ แวร์ซูร่า (11 นัด / 1 ประตู) และ มาร์ค ฮาร์ทมันน์ (10 นัด / 4 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อุบล ยูเอ็มที (3-5-2) : สิทธิกร กล่ำใส - สุรีย์ สุขะ, บรินเนอร์ เอ็นริเก้, ณภัทร จารุภัทรภักดี - เคนตะ ยามาซากิ, ณัฐวุฒิ เจริญบุตร, อันโตนิโอ แวร์ซูร่า, ณัฐพล ทับถนน, ยศวรรธน์ มนทา - มาร์ค ฮาร์ทมันน์, โรดริโก้ ปาราน่า

      สุรพงษ์ คงเทพ เทรนเนอร์ของ พัทยาฯ ยังไม่มีชื่อของ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี (4 นัด / 1 ประตู) กับ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ (6 นัด) สองตัวหลักที่ยังกอดคอกันเดี้ยงเหมือนเก่า แต่จะมีข่าวดีตรงที่ อี วอน ยัง (9 นัด) กัปตันทีมคนเก่ง พ้นโทษแบนมาช่วยทีมในเกมรับได้อีกครั้ง ส่วนในเกมรุกจะมี ลูเคี่ยน (10 นัด / 7 ประตู) รอผลิตสกอร์แน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
พัทยาฯ (3-4-1-2) : ปฏิวัติ คำไหม - สราวุธ กัลยาณบัณฑิต, นพรัตน์ สกุลอ๊อด, ลี วอน ยัง - จักรพันธ์ ไพรสุวรรณ, คิม แต ยอน, อิทธิพล พูลทรัพย์, สุประวีณ์ มีประทัง - พิชา อุทรา - ลูเคี่ยน, ชัยวัฒน์ ศรีนาวงษ์

      จักรพันธ์ ปั่นปี เฮ้ดโค้ชของ ชลบุรี ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน สุทธินันท์ พุกหอม เจ้าเก่าเจ้าเดิม ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ แต่ขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากชุดปัจจุบัน นำทีมมาโดย ซีโร่ อัลเวส (10 นัด / 1 ประตู) และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (11 นัด / 3 ประตู) เหมือนที่ผ่านๆ มา

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชลบุรี (4-3-3) : ชนินทร์ แซ่เอียะ - นพนนท์ คชพลายุกต์, นัสตพล มาลาพันธ์, คิม คยอง มิน, ซูฟามี่ อารีฟีน - วัฒนศัพท์ เจริญศรี, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ - ซิโร่ อัลเวส, ปรินซ์ อัมปงซาห์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์

      แอนดรูว์ ออร์ด ผู้จัดการทีมของ แอร์ฟอร์ซฯ ไม่มีปัญหาใดในการจัดทัพนัดนี้ เนื่องจากไม่รายงานนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเลย ทำให้ ออร์ด สามารถเลือกจัด 11 ขุนพลที่ดีที่สุดได้ตามสะดวก เชื่อว่า "อาวุธหนัก" ที่จะลงสนามเพื่อคว้าชัยชนะ ก็คือ เจย์ซี จอห์น (11 นัด / 1 ประตู) และ เรนาน มาร์เกวส (11 นัด / 3 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แอร์ฟอร์ซฯ (5-3-2) : กฤษกร เกิดผล - ยศศักดิ์ เชาวนะ, อเล็คซานดาร์ คาปิโซดา, เนติพงษ์ แสนมะฮุง, เนติพงษ์ แสนมะฮุง, ธนา ศรีพันดร, วันชัย จารุนงคราญ - นพพล ผลอุดม, เหงียน มิชาล, พิชิตย์ ใจบุญ - เรนาน มาร์เกวส, เจย์ซี จอห์น

      อเล็กซานเดร กาม่า เทรนเนอร์ของ เชียงรายฯ ยังไม่มีชื่อของ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ จอ โค โค (7 นัด) ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ แต่เชื่อว่า กาม่า น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในผัง 11 ตัวจริง เพราะลูกทีมเล่นกันได้ดีอยู่เเล้ว โดยคู่กองหน้าจะเป็น เนบีฮี บายรัม (10 นัด / 3 ประตู) และ เคลตัน ซิลวา (11 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เชียงรายฯ (4-4-2) : ฉัตรชัย บุตรพรหม - ปิยพล ผานิชกุล, วิคเตอร์ คาร์โดโซ, ชินภัทร์ ลีเอาะ, สุริยา สิงห์มุ้ย - ศิวกรณ์ เตียตระกูล, อี ยอง แร, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ชัยวัฒน์ บุราณ - เนบีฮี บายรัม, เคลตัน ซิลวา

      ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล กุนซือของ ประจวบฯ เตรียมขนชุดแกร่งชุดเก่าลงบู๊กันต่อเนื่อง เพราะไม่มีรายงานความเสียหายใดเข้ามาเลย นั่นหมายความว่า "โค้ชวัง" จะส่ง "สามประสาน" อย่าง อมร ธรรมนาม (11 นัด / 6 ประตู), ลอนซาน่า ดูมบูญ่า (11 นัด / 5 ประตู) และ โจนาธาน รีส (11 นัด / 6 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ประจวบฯ (4-3-3) : ขวัญชัย สุขล้อม - อดุลย์ หมื่นสมาน, ควอน แต ฮี, อัดนาน โอราโฮวัช, ซีเกต หมาดปูเต๊ะ - วันเฉลิม ยิ่งยง, จิตปัญญา ทิสุด, กฤษณนน ศรีสุวรรณ - อมร ธรรมนาม, ลอนซาน่า ดูมบูญ่า, โจนาธาน รีส

      จเด็จ มีลาภ เทรนเนอร์ของ การท่าเรือ ยังไม่มีชื่อของ ทศพล ลาเทศ (5 นัด) ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาและไม่พร้อมให้ใช้งาน ส่วนในรายของ เซร์คิโอ ซัวเรซ (8 นัด / 5 ประตู) ห้องเครื่องชาวสเปน ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง แต่สำหรับ ดราแกน บอสโควิช (11 นัด / 3 ประตู) ลงเป็น 11 ตัวจริงแน่

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
การท่าเรือ (4-3-3) : รัตนัย ส่องแสงจันทร์ - นิติพงษ์ เสลานนท์, เอเลียส ดอเลาะ, ดาบิด โรเชล่า, เควิน ดีรมรัมย์ - คิม ซุง ฮวาน, อธิบดี เอติรัตน์, ศิวกร จักขุประสาท - ปกรณ์ เปรมภักดิ์, ดราแกน บอสโควิช, นูรูล ศรียานเก็ม

      เดนนิส อมาโต้ นายใหญ่ของ ชัยนาท ฮอร์นบิล จะไร้เงาของ ปาร์ค จุง โอ (10 นัด) กองหลังร่างยักษ์ เนื่องจากจะติดโทษห้ามแข่ง ส่วนแข้งเดี้ยงชุดเก่าๆ ก็เริ่มทะยอยกลับมาซ้อมกันได้เเล้ว แต่เชื่อว่าเกมนี้ เดนนิส น่าจะยังยึด 11 ขุนพลชุดเดิมไปก่อน โดยจะมี ดิยุฟ บิรัม เป็นตัวความหวังในการพังประตู

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชัยนาท ฮอร์นบิล (3-4-3) : ธีรัตม์ นาคชำนาญ - พรเทพ จันทร์ไข่, ชัชชน ใจรังสี, ณัฐพล เทพอุทัย - ลักษณะ คำรื่น, อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์, สันติภาพ ราษฎร์นิยม, เกียรติศักดิ์ เจียมอุดม - ฉัตรชัย คุ้มพญา, ดิยุฟ บิรัม, เบอร์นาร์ด ดุมเบีย

      พอล คุก ผู้จัดการทีมของ วีแกน ต้องรอลุ้นความฟิตของ นิค พาวล์ (37 นัด / 15 ประตู) สตาร์ประจำทีมอีกครั้ง ว่าพร้อมลงเล่นได้หรือไม่ แต่สำหรับ ไมเคิ่ล ยาค็อบส์ (41 นัด / 11 ประตู) กองกลางตัวเก่งพร้อมลงเป็น 11 ตัวจริงแน่นอน เพราะได้พักในเกมล่าสุด ส่วนกำลังรบที่เหลือก็น่าจะมีการโรเตชั่นกันบ้าง

      ดาร์เรล คลาร์ค กุนซือของ บริสตอล โรเวอร์ส จะไร้เงาของ เลียม เซอร์คอมบ์ (39 นัด / 7 ประตู), สจ๊วร์ต ซินแคลร์ (29 นัด / 2 ประตู), โจ พาร์ทิงตัน (32 นัด / 3 ประตู) และ แดน ลีดบิตเทอร์ (17 นัด) เนื่องจากกอดคอกันเดี้ยงเเบบยกเซ็ต นั่นทำให้ คลาร์ค ต้องคิดหนักไม่น้อยในการวางหมากสู้ศึกนัดนี้

      คริส พาวว์ เฮ้ดโค้ชของ เซาธ์เอนด์ มีรายงานตัวเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ เบน โคเกอร์ (21 นัด), ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์ (25 นัด / 4 ประตู), เท็ด สมิธ และ ร็อบ เคียร์แนน (1 นัด) ซึ่งเป็นผู้เล่นในแนวรับกันทั้งนั้น ยังดีที่ในแนวรุกยังคงมี ไซม่อน ค็อกซ์ (39 นัด / 8 ประตู) ดาวยิงวัย 30 ปี ลงล่าตาข่ายให้กับทีม

      ริชาร์ด เวลเลนส์ นายใหญ่ของ โอลด์แฮม มีข่าวดีตรงที่ เคร็ก เดวี่ส์ (37 นัด / 11 ประตู) กองหน้าตัวเก๋าประสบการณ์สูงสลัดอาการเจ็บข้อเท้าได้เเล้ว พร้อมลุยเพื่อทีมเเน่นอน ส่วนขุมกำลังที่เหลือก็สแตนบายด์รออยู่นานเเล้ว คาดว่า แอนโธนี่ เจอร์ราร์ด (31 นัด / 2 ประตู) จะลงคุมน้องๆ ในแนวรับเหมือนเก่า

      สตีฟ อีแวนส์ เทรนเนอร์ของ ปีเตอร์โบโร่ ต้องรอเช็คความฟิตของ มาร์คัส แมดดิสัน (39 นัด / 8 ประตู) กองหน้าตัวเก่งก่อนลงสนามว่าพร้อมลุยหรือไม่ ส่วนกำลังรบที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด แต่ข่าวดี คือ สตีเว่น เทย์เลอร์ (40 นัด / 3 ประตู) ปราการหลังตัวหลัก กลับมาจากโทษแบนเรียบร้อย

      พอล เฮิร์ส เฮ้ดโค้ชของ ชรูว์สบิวรี่ จะไม่มีชื่อของ จูเนียร์ บราวน์ (15 นัด / 1 ประตู) และ อามูเมเร่ โอโกโก้ (35 นัด / 2 ประตู) ที่โดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ ส่วนในรายของ สเตฟาน เพย์น (36 นัด / 10 ประตู) หัวหอกคนสำคัญของทีม ต้องรอเช็คความฟิตก่อนเริ่มเกมอีกครั้ง แต่เชื่อว่าน่าจะลงเล่นไหว

      เดเร็ค อดัมส์ กุนซือของ พลีมัธ จะไม่มีชื่อของ ไรอัน เทย์เลอร์ (21 นัด / 5 ประตู) กับ ซอนนี่ แบร็ดลี่ย์ (36 นัด / 4 ประตู) สองตัวสำคัญที่ยังสลัดคราบเดี้ยงกลับมาไม่ได้ ส่วนขุมกำลังรายอื่นๆ ยังอยู่กันครบครัน คาดว่า เรมี่ แม็ทธิว (22 นัด) จะได้ลงเป็นนายด่านมือหนึ่ง หลังจากกลับมาจากการเฝ้าลูกคลอด

      คีธ ฮิลล์ เทรนเนอร์ของ โรชเดล ยังไร้เงาของ แอนดี้ แคนนอน (21 นัด / 2 ประตู), ไนออล คานาแวน (3 นัด) และ คีธ คีน (3 นัด) ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนในราย เอียน เฮนเดอร์สัน (38 นัด / 13 ประตู) ดาวซัลโวของทีมจะติดโทษห้ามแข่งอีกหนึ่งนัด จึงไม่แปลกใจที่ ฮิลล์ จะใช้ 11 ขุนพลชุดเดิมต่อ

      แดน มิคซิเช่ กุนซือของ เอ็มเค ดอนส์ กลายเป็น "อดีต" กับสโมสรไปแล้ว คงต้องรอดูว่าใครจะมาแทนที่ โดยสภาพความพร้อมในนัดนี้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ลี นิโคลล์ส (41 นัด), อเล็กซ์ กิลเบย์ (23 นัด / 3 ประตู) และ โจ วัลช์ (10 นัด) ที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่เเล้ว

      ไซม่อน เกรย์สัน นายใหญ่ของ แบร็ดฟอร์ด มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงอยู่ 4 คน คือ เจค รีฟส์ (25 นัด), ไทโรน โรบินสัน (21 นัด / 3 ประตู), ไรอัน แม็คโกวาน (3 นัด) และ อเล็กซ์ โจนส์ (7 นัด) ส่วนในรายของ คัลลัม กาย (14 นัด) ห้องเครื่องดาวรุ่งวัย 21 ปี ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง

      อิเลีย กรูเยฟ ผู้จัดการทีมของ ดุ๊ยส์บวร์ก จะไร้เงาของ ทิม อัลบูตัท (13 นัด) ห้องเครื่องวัย 25 ปี ที่โดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ นั่นหมายความว่า กรูเยฟ จะวางหมากมาในระบบ 4-2-2-2 ตามถนัด และจะส่ง บอริส ทาชชี่ (23 นัด / 8 ประตู) ลงคู่กับ สตานิสลาฟ ยุทเชนโก้ (27 นัด / 6 ประตู) ในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุ๊ยส์บวร์ก (4-2-2-2) : มาร์ค เฟล็คเก้น - อันเดรียส ไวเกิ้ล, โธมัส บลอมเมเยอร์, เกอร์ริต นูแบร์, เควิน โวลซ์ - ลูคัส โฟรเด้, ฟาเบียน ชเนลฮาร์ด - โอลิเวียร่า ซูซ่า, มอริตซ์ สต๊อปเพิ่ลคัมป์ - บอริส ทาชชี่, สตานิสลาฟ ยุทเชนโก้

      ฮานเนส ดรูว์ส เฮ้ดโค้ชของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา ยังไม่มีชื่อของ นิโคไล รัปป์ (19 นัด) ที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ก็เป็นรายเดียวเท่านั้นที่ขาดหายไป คาดว่า ดรูว์ส จะวาง ปาสกาล ค็อปเค่ (30 นัด / 9 ประตู), ดิมิทรี่ นาซารอฟ (26 นัด / 2 ประตู) และ ริดเก้ มุนซี่ (12 นัด / 3 ประตู) ช่วยกันล่าตาข่าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (3-4-3) : มาร์ติน มานเนิ่ล - ฟาเบียน คาลิก, คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, มัลคอล์ม คาคูตาลัว - เคลเมนส์ ฟานดริช, คาโลเกโร่ ริซซูโต้, เซบาสเตียน เฮิร์ทเนอร์, ฟิลิปป์ รีเซ่ - ปาสกาล ค็อปเค่, ดิมิทรี่ นาซารอฟ, ริดเก้ มุนซี่

      อูเว่ นอยฮุส กุนซือของ ไดนาโม เดรสเดน จะไร้เงาของ โซเรน กอนเธอร์ (4 นัด) และ ยานนิค มุลเลอร์ (24 นัด) เนื่องจากโดนอาการเจ็บเล่นงาน เชื่อว่า "สามประสาน" ในนัดนี้จะเป็นชุดเดิม คือ ซาสชา โฮร์วาธ (16 นัด / 1 ประตู), มุสซ่า โคเน่ (10 นัด / 6 ประตู) และ ฮาริส ดุลเยวิช (24 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไดนาโม เดรสเดน (4-3-3) : มาร์วิน ชว้าบ - นิคลาส คร๊อยเซอร์, มานูเอล คอนร้าด, มาร์เซล ฟรานเค่, ฟิลิป ไฮส์ - นิคลาส เฮาป์มันน์, มาร์โก ฮาร์ทมันน์, ริโก้ เบนาเลลี่ - ซาสชา โฮร์วาธ, มุสซ่า โคเน่, ฮาริส ดุลเยวิช

      มิคาเอล ฟรอนท์เซ็ค นายใหญ่ของ ไกเซอร์ฯ จะไม่มีชื่อของ ยูเลียโน่ โมดิก้า (5 นัด) กับ ดาเนี่ยล ฮาลฟาร์ (9 นัด / 1 ประตู) ที่ขึ้นบัญชีเป็นเเข้งเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานเเล้ว คาดว่า ฟรอนท์เซ็ค จะปรับทัพกันขนานใหญ่อีกครั้ง เพื่อลุ้นคว้า 3 คะเเนนในเกมนี้ให้ได้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไกเซอร์ฯ (4-2-2-2) : มาริอุส มุลเลอร์ - ฟิลิปป์ เวเน่, ยาน คาลล์เซ่น-แบร็คเกอร์, สติเป วูกูร์, เลออน กูวาร่า - คริสตอฟ โมริตซ์, นิลส์ ซูแฟร์ต - แบรนดอน บอร์เรลโล่, โอซายาเมน โอซาเว่ - ฮาลิล อัลตินท็อป, เซบาสเตียน อันเดอร์สสัน

      สเตฟาน ไลเทิ่ล กุนซือของ อินกอลสตัดท์ เหลืออยู่เพียงแค่ เปาโล โอตาวิโอ้ (8 นัด) คนเดียวเท่านั้นที่มีอาการเดี้ยงรบกวน ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง น่าจะยังเป็นชุดเดิมในปัจจุบัน นำทีมมาโดย ดาริโอ เลซกาโน่ (23 นัด / 6 ประตู) หัวหอกชาวปารากวัย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อินกอลสตัดท์ (4-2-3-1) : ออร์ยาน นีลันด์ - โทเบียส เลเวิ่ลส์, โทเบียส ชร็อค, มาร์วิน มาทิป, มาร์เซล เก๊าส์ - คริสเตียน แทรช, อัลม็อก โคเฮน - โธมัส เพลเดิ้ล, ซอนนี่ คิตเทิ่ล, โรเบิร์ต ไลเพิร์ตซ์ - ดาริโอ เลซกาโน่

      ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิ่ล เทรนเนอร์ของ ดุสเซลดอร์ฟ มีรายชื่อตัวเจ็บอยู่ 3 คน คือ โอลิเวอร์ ฟิงค์ (22 นัด), อังเดร ฮอฟฟ์มันน์ (20 นัด / 2 ประตู) และ ลูคัส ชมิตซ์ (12 นัด / 1 ประตู) นั่นทำให้ ฟุงเคิ่ล ต้องปรับมาใช้ 4-2-2-2 โดยจะมี เกงกิ ฮารากูชิ (9 นัด / 1 ประตู) กับ รูเวน เฮนนิ่งส์ (29 นัด / 11 ประตู) ยืนเป็นคู่กองหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุสเซลดอร์ฟ (4-2-2-2) : ราฟาเอล โวล์ฟ - จูเลี่ยน เชาเออร์เต้, คาน อายฮาน, โรบิน บอร์มุธ, นิโก้ กีเซลมันน์ - มาร์เซล โซบ็อตก้า, อดัม บ็อดเซ็ค - เบนิโต้ รามาน, ทาคาชิ อูซามิ - เกงกิ ฮารากูชิ, รูเวน เฮนนิ่งส์

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ ผู้จัดการทีมของ ชาลเก้ ยังไม่มีชื่อของ มาติย่า นาสตาซิช (24 นัด) กับ บรีล เอ็มโบโล่ (20 นัด / 2 ประตู) ที่ยังสลัดอาการเจ็บกลับมาไม่ได้ เชื่อว่าเกมนี้ เทเดสโก้ จะโรเตชั่นนักเตะกันอีกครั้งเพื่อความสดเรื่องสภาพร่างกาย หลังจากเพิ่งผ่านเเมตช์กลางสัปดาห์ในศึกเดเอฟเบ โพคาล

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-4-3) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - เบนจามิน สตอมบูลี่, นัลโด้, ธิโล่ เคห์เรอร์ - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, มักซ์ เมเยอร์, เลออน โกเร็ตส์ก้า, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - เยฟเกนี่ โคโนพิลยานก้า, กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์, ฟรังโก้ ดิ ซานโต้

      สเตฟาน รูเธนเบค นายใหญ่ของ โคโลญจน์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ไซม่อน โซลเลอร์ (16 นัด / 2 ประตู) และ เซย์รู กีรัสซี่ (15 นัด / 4 ประตู) เนื่องจากโดนไข้เดี้ยงเข้าครอบงำ คาดว่าเกมนี้ รูเธนเบค เตรียมจะส่ง แว็งซ็องต์ โกซิเอลโล่ (8 นัด / 1 ประตู) คืนผัง 11 ตัวจริง เพื่อช่วยทีมในเกมตรงกลางสนาม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (4-4-2) : ติโม ฮอร์น - เฟรเดอริก โซเรนเซ่น, ฆอร์เก้ เมเร่, โดมินิค ไฮนซ์, โยนาส เอคเตอร์ - คริสเตียน เกลเมนส์, แว็งซ็องต์ โกซิเอลโล่, ซาลีห์ ออซคาน, เลออน บิตเท่นคอร์ต - เคลาดิโอ ปิซาร์โร่, ยูยะ โอซาโกะ

      ซานโดร ชวาร์ซ เทรนเนอร์ของ ไมนซ์ ยังไร้เงาของ นิโก้ บุนแกร์ต ที่เจ็บยาวมาก่อนหน้านี้ ส่วนขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากนัดที่เปิดบ้านชนะ ไฟร์บวร์ก 2-0 เพราะทุกคนทำหน้าที่กันได้ดีเยี่ยม นำทีมมาโดย ปาโบล เดอ บลาซิส (21 นัด / 4 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไมนซ์ (4-3-3) : เรเน่ อ๊าดเลอร์ - ดาเนี่ยล โบรซินสกี้, เลออน บาโลกัน, อเล็กซานเดอร์ ฮัค, อับดู ดิยัลโล่ - ซูอัต แซร์ดาร์, ฌอง กีบาแมง, แดนนี่ ลัตซ่า - เลวีน ออซตูนาลี่, โรบิน ไคสัน, ปาโบล เดอ บลาซิส

      มานูเอล บอย์ม ผู้จัดการทีมของ เอ๊าก์สบวร์ก จะไม่มีชื่อของ เควิน ดานโซ่ (14 นัด / 2 ประตู), ราฟาเอล ฟรัมแบร์เกอร์ (9 นัด) และ มาร์เซล เฮลเลอร์ (22 นัด) เพราะยังเดี้ยงไม่หาย ส่วนในรายของ แยน โมราเวค (13 นัด) จะติดโทษแบน แถมต้องเช็คฟิตของ ดาเนี่ยล เบเยอร์ (27 นัด) ก่อนลงสนามอีก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอ๊าก์สบวร์ก (3-4-3) : มาร์วิน ฮิตซ์ - เจฟฟรี่ โกเวลูว์, รานี่ เคดิร่า, มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์ - โจนาต็อง ชมิด, ดาเนี่ยล เบเยอร์, มิเชล เกรกอริช, ฟิลิปป์ มักซ์ - อัลเฟร็ด ฟินโบกาสัน, เซร์กิโอ กอร์โดบา

      โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ นายใหญ่ของ โบโลญญ่า มีลิสต์ตัวเดี้ยงในมืออยู่ 5 ราย ได้แก่ ฟิลิปป์ เฮลันเดอร์ (28 นัด), วาสซิลิส โตโรซิดิส (14 นัด), ก็อดเฟร็ด ดอนซาห์ (27 นัด / 2 ประตู), อีริก พัลการ์ (30 นัด / 3 ประตู) และ มัตเตีย เดสโตร (24 นัด / 6 ประตู) นั่นทำให้ โดนาโดนี่ ต้องคิดหนักไม่น้อยในการจัดทัพ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โบโลญญ่า (4-3-3) : อันโตนิโอ มิรานเต้ - อิบราฮิม่า เอ็มบายี่, จานคาร์โล กอนซาเลซ, เซบาสเตียง เดอ มาโย่, อดัม มาซิน่า - อันเดรีย โปลี, ลอเรนโซ่ ครีซีติก, เบลริม เฌมายลี่ - ซิโมเน่ แวร์ดี้, โรดริโก้ ปาลาซิโอ้, เฟเดริโก้ ดิ ฟรานเชสโก้

      ดีเอโก้ โลเปซ กุนซือของ กายารี่ จะไร้เงาของ ดานิเอลเล่ เดสเซน่า (16 นัด) และ ดิเอโก้ ฟาริอัส (22 นัด / 1 ประตู) ที่มีอาการเจ็บรบกวนอยู่ ส่วนในรายของ เชา เปโดร (21 นัด / 5 ประตู) แนวรุกตัวสำคัญก็ดันติดโทษห้ามแข่งพอดี ทำให้ภาระในการทำประตูต้องฝากไว้ที่ เลโอนาร์โด้ ปาโวเล็ตติ (28 นัด / 9 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กายารี่ (3-5-2) : อเลซิโอ้ คราโญ่ - ลูก้า เซปปิเตลลี่, ฟาบิโอ ปิซาคาเน่, เลอันโดร กัสตัน - ปานกราซิโอ ฟาราโก้, อาเธอร์ โยนิต้า, ลูก้า ชิการินี่, นิโคโล่ บาเรลล่า, ซิโมเน่ ปาโดอิน - มาร์โก้ ซาอู, เลโอนาร์โด้ ปาโวเล็ตติ

      ไฮโค แฮร์ลิช ผู้จัดการทีมของ เลเวอร์คูเซ่น จะไม่มีชื่อของ เวนเดล (24 นัด / 2 ประตู) กับ โยเอล พอห์ยานพาโล (7 นัด / 1 ประตู) ที่โรคเดี้ยงเข้าครอบงำ ส่วนในรายของ ลาร์ส เบนเดอร์ (19 นัด / 2 ประตู) จะติดโทษแบน จึงเป็นโอกาสของ ติน เชดวาย (6 นัด) แนวรับดาวรุ่งที่จะลงทำหน้าที่แทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่ - ติน เชดวาย, สเวน เบนเดอร์, พานาจิโอติส เพตซอส, เบนจามิน เฮนริชส์ - ชาร์ลส์ อรานกุซ, จูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์ - จูเลี่ยน บรันด์, ไค ฮาแวร์ซ, เลออน ไบญี่ - เควิน โฟลลันด์

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ นายใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ จะไร้เงาของ ดาน ซากาดู (11 นัด / 1 ประตู), ราฟาเอล เกร์ไรโร่ (8 นัด / 1 ประตู), มิชี่ บัตชัวยี่ (10 นัด / 7 ประตู), ชินจิ คากาวะ (18 นัด / 5 ประตู) และ เซบาสเตียน โร้ด ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน คาดว่า สโตเกอร์ ต้องคิดปรับแก้ปัญหาใหม่กันอีกครั้ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : โรมัน บูร์กี - ลูคัส พิสเซค, โซเครติส, โอเมอร์ โทพรัค, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - มามุด ดาฮุด, จูเลี่ยน ไวเกิ้ล - คริสเตียน พูลิซิช, มาริโอ เกิทเซ่, มาร์โก รอยส์ - มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์

      ฟลอเรียน โคห์เฟลด์ เทรนเนอร์ของ เบรเมน มีรายชื่อนักเตะเดี้ยง 4 คนชุดเก่า คือ มิคาเอล เซ็ตเตเรอร์, ลุดวิก ออกุสตินสัน (27 นัด / 1 ประตู), อารอน โยฮันส์สัน (11 นัด / 1 ประตู) และ ฟิน บาร์เทิ่ลส์ (14 นัด / 2 ประตู) ส่วนในรายของ โธมัส เดอลานี่ย์ (29 นัด / 2 ประตู) จะติดโทษห้ามแข่ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบรเมน (4-3-3) : ยีรี พาฟเลนก้า - เกเบร เซลาสซี่, มิลอส เวลโกวิช, นิโคลัส มอยซานเดอร์, มาร์โก ฟรีเดิ้ล - มักซิมิเลี่ยน เอ็กเก้สไตน์, ฟิลิปป์ บาร์กเฟรเด้, เจอโรม กอนดอร์ฟ - ซลัตโก้ ยูนูโซวิช, มักซ์ ครูเซ่, อิชัค เบลโฟดิล

      ตายฟุน คอร์คุต เฮ้ดโค้ชของ สตุ๊ตการ์ต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อันเดรียส เบ็ค (23 นัด / 1 ประตู), ชาดรัก อาโกโล่ (21 นัด / 4 ประตู) และ การ์ลอส มาเน่ ที่ควงเเขนกันเข้าออกโรงพยาบาลอยู่ นั่นทำให้ คอร์คุต ต้องเรียกตัว เบนจามิน ปาวาร์ (30 นัด / 1 ประตู) มายืนเเบ็คขวา แทนที่ของ เบ็ค

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สตุ๊ตการ์ต (4-4-2) : รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ - เบนจามิน ปาวาร์,ติโม บอย์มการ์ตเทิ่ล, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว - คริสเตียน เกนท์เนอร์, ซานติอาโก้ อัสกากิบาร์, อีริค ธอมมี่, เดนนิส อาโอโก้ - มาริโอ โกเมซ, ดาเนี่ยล กินเซค

      จุ๊ป ไฮย์เกส นายใหญ่ของ บาเยิร์น มีรายงานลูกทีมไม่พร้อมรบเข้ามา 4 คน คือ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด), โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (23 นัด / 4 ประตู), อาร์ตูโร่ วิดัล (22 นัด / 6 ประตู) และ คิงส์ลี่ย์ โกม็อง (21 นัด / 3 ประตู) แต่คงไม่มีผลอะไรอยู่เเล้ว เพราะ ไฮย์เกส มีนักเตะให้เลือกสรรกันอีกมากมายหลายคน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-1-4-1) : สเวน อูลไรช์ - ราฟินญ่า, นิคลาส ซูเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ - โธมัส มุลเลอร์, เซบาสเตียน รูดี้, ธิอาโก้ อัลกานตาร่า, ฆวน เบร์นาต - ว้ากเนอร์

      อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ กุนซือของ ฮันโนเวอร์ เหลือตัวเจ็บในมืออยู่ 3 ราย ได้แก่ วัลเดเมียร์ แอนตัน (26 นัด / 1 ประตู), โจนาธาส (12 นัด / 3 ประตู) และ เอ็ดการ์ พริบ ส่วนในรายของ เฟลิกซ์ เคล๊าส์ (28 นัด / 4 ประตู) มิดฟิลด์ตัวสำคัญดันติดโทษห้ามแข่ง ทำให้ ไบรเท่นไรเตอร์ ต้องแก้เกมเป็นการด่วน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮันโนเวอร์ (3-4-3) : ฟิลิปป์ ชอเนอร์ - ติโม ฮูเบอร์ส, ซาลิฟ ซาเน่, มาร์วิน บาคาลอร์ซ - จูเลี่ยน คอร์บ, เพอร์มิน ชเว็กเลอร์, อิเวอร์ ฟอสซั่ม, มีโก้ อัลบอร์นอซ - มาร์ติน ฮาร์นิค, นิคลาส ฟัลครู้ก, อิห์ลัส เบบู

      คริสเตียน สไตรช์ นายใหญ่ของ ไฟร์บวร์ก มีลิสต์แก๊งเดี้ยงเซ็ตเก่า 5 คน คือ อามีร์ อาบราชี่ (12 นัด), ไมค์ ฟร๊านซ์ (11 นัด), โยริก ราเว่ต์ (10 นัด), คาเล็บ สแตนโก้ (6 นัด) และ ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์ (10 นัด / 2 ประตู) นั่นหมายความว่า สไตรช์ แทบจะไม่มีอะไหล่ไปปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงเลย คงต้องวางแผนกันดีๆ แล้วล่ะ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฟร์บวร์ก (3-4-3) : อเล็กซานเดอร์ ชโวลอฟ - คักลาร์ โซยุนกู, จูเลี่ยน ชุสเตอร์, มานูเอล กัลด์ - ปาสกาล สเตนเซิ่ล, โรบิน ค็อก, นิโคลัส ฮอฟเลอร์, คริสเตียน กุนเตอร์ - ยานิค ฮาเบเรอร์, นีล พีเตอร์เซ่น, ลูคัส โฮเลอร์

      คริสเตียน ติตซ์ เฮ้ดโค้ชของ ฮัมบูร์ก ยังไม่มีชื่อของ แมร์กิม มาฟราย (17 นัด) กับ วาเลซ (18 นัด / 1 ประตู) ที่โดนตัดชื่อออก ส่วนในรายของ เดนนิส เดี๊ยคเมเยอร์ (21 นัด), นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) และ สเวน ชิพพล็อค (10 นัด) ยังเจ็บอยู่ แต่ที่อดบู๊อีกคน คือ ดั๊กลาส ซานโต๊ส (24 นัด / 1 ประตู) เพราะติดแบน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-3-3) : จูเลี่ยน โพลแลร์เบ็ค - โกโตคุ ซากาอิ, กีเดียน จุง, คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส, ฟาน ดรองกาเล่น - ลูอิส โฮลท์บี้, มัตตี้ สไตน์มันน์, อารอน ฮันท์ - ฟิลิป คอสติช, จานลูก้า วัลด์ชมิดท์, ทัตสึยะ อิโตะ

      พาล ดาร์ได นายใหญ่ของ แฮร์ธ่าฯ เหลือตัวเจ็บเพียงแค่ มักซิมิเลี่ยน มิตเทิ่ลสตัดท์ (9 นัด) แนวรับดาวรุ่งรายเดียวเท่านั้น ส่วนขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง น่าจะเป็นชุดเดียวกับที่เปิดบ้านชนะ โคโลญจน์ 2-1 อาจจะเปลี่ยนแปลงแค่ส่ง จอร์แดน โตรูนาริก้า (10 นัด / 1 ประตู) ลงสนาม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-4-2) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - มิตเชล ไวเซอร์, จอร์แดน โตรูนาริก้า, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพลตเท่นฮาร์ด - วาเลนติโน่ ลาซาโร่, เพอร์ สเคลเบร็ด, วลาดิเมียร์ ดาริด้า, ซาโลมง กาลู - ดาวี เซลเก้, เวดัด อิบิเซวิช

      นิโก้ โควัค เทรนเนอร์ของ แฟร้งค์เฟิร์ต จะไร้เงา การ์ลอส ซัลเซโด้ (18 นัด) และ อันเต เรบิช (24 นัด / 6 ประตู) ที่โดนไข้เดี้ยงเข้าครอบงำ ส่วนในรายของ ไซม่อน ฟาแลต (26 นัด / 1 ประตู) แนวรับตัวเก่งจะติดโทษเเบน ทำให้ โควัค ต้องปรับทัพแก้ปัญหา แต่สำหรับ เซบาสเตียง ฮัลแลร์ (27 นัด / 8 ประตู) ลงล่าตาข่ายได้ตามปกติ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (3-4-2-1) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, มาร์โก รุส - แดนนี่ ดา คอสต้า, มิยัต กาซิโนวิช, โจนาธาน เดอ กุซมัน, ทิโมธี แชนด์เลอร์ - มาริอุส โวล์ฟ, มาร์โก ฟาเบียน - เซบาสเตียง ฮัลแลร์

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ กุนซือของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เหลืออยู่เพียงแค่ สเตฟาน พอช (9 นัด) และ เดนนิส ไกเกอร์ (21 นัด / 2 ประตู) เท่านั้น ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ แต่เชื่อว่า นาเกิ้ลมันน์ ไม่น่าคิดเปลี่ยนแปลง 11 ขุนพลแต่อย่างใด น่าจะมีแค่ส่ง มาร์ก อูธ (27 นัด / 12 ประตู) คืนผัง หลังชดใช้โทษเเบนเรียบร้อยแล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-4-2-1) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ - พาเวล คาเดราเบค, นาเดียม อามิรี่, ฟลอเรียน กริลลิช, นิโก้ ชูลซ์ - อันเดร ครามาริช, แซร์ก จีนาบรี้ - มาร์ก อูธ

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล นายใหญ่ของ ไลป์ซิก ยังไร้เงาของ "สามเดี้ยง" เซ็ตเดิม ได้แก่ มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก (15 นัด / 2 ประตู), มาร์เซล ซาบิตเซอร์ (22 นัด / 3 ประตู) และ คอนราด เลเมอร์ (20 นัด) ส่วนในรายของ นาบี เกอิต้า (24 นัด / 5 ประตู) กับ อูปาเมกาโน่ (24 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คฟิตอีกครั้ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-4-2) : ปีเตอร์ กูลัคซี่ - ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, วิลลี่ ออร์แบน, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แบร์นาร์โด้ - เควิน คัมเพิ่ล, นาบี เกอิต้า, ดีเอโก้ เดมม์, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ยุสซุฟ โพลเซ่น, ติโม แวร์เนอร์

      เดนนิส อมาโต้ ผู้จัดการทีมของ ชัยนาท ฮอร์นบิล เริ่มกลับมาใช้ตัวหลักได้หลายคน เพราะทะยอยหายเจ็บมาช่วยทีมแล้ว แต่เชื่อว่า เดนนิส น่าจะยังคงใช้เชปเดิมต่อไป และน่าจะวางหมากมาในระบบ 3-4-3 โดยจะมี เบอร์นาร์ด ดุมเบีย (10 นัด / 3 ประตู) เป็นตัวทีเด็ดในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชัยนาท ฮอร์นบิล (3-4-3) : ธีรัตม์ นาคชำนาญ - พรเทพ จันทร์ไข่, ชัชชน ใจรังสี, ณัฐพล เทพอุทัย - เกียรติศักดิ์ เจียมอุดม, อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์, สันติภาพ ราษฎร์นิยม, ลักษณะ คำรื่น - ฉัตรชัย คุ้มพญา, ดิยุฟ บิรัม, เบอร์นาร์ด ดุมเบีย

      มิซู ปาเตไลเน่น เฮ้ดโค้ชของ อุบล ยูเอ็มที ยังดีที่ไม่มีปัญหาใดในการจัดทัพ เพราะสภาพของตัวหลักสมบูรณ์ดี 100% คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากเดิม แม้ฟอร์มจะไม่ดี เพราะเป็นชุดที่ดีที่สุดแล้ว โดยจะมี มาร์ค ฮาร์ทมันน์ (10 นัด / 4 ประตู) หัวหอกชาวฟิลิปปินส์นำทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อุบล ยูเอ็มที (4-4-2) : สิทธิกร กล่ำใส - ปิยะชาติ ถามะพันธ์, บรินเนอร์ ซานโตส, สุรีย์ สุขะ, ยศวรรธน์ มนทา - วัชระ เกรียรัมย์, ธัญพิสิษฐ์ คุขะละโม, เคนตะ มายาซากิ, วุฒิชัย ทาทอง - มาร์ค ฮาร์ทมันน์, เมนเดส โรดริโก้ โดมิงเกซ

      สันติ ไชยเผือก นายใหญ่ของ เมืองทองฯ มีรายงานตัวเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ เซลิโอ ซานโตส (2 นัด), นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ (8 นัด), อดิศร พรหมรักษ์ (3 นัด) และ แจ็คสัน โคเอลโญ่ (6 นัด / 3 ประตู) ส่วนในรายของ นาโออากิ อาโอยามะ (10 นัด) ปราการหลังตัวแกร่ง ต้องรอเช็คความฟิตก่อนอีกครั้ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เมืองทองฯ (4-3-3) : ประสิทธิ์ ผดุงโชค - ทริสตอง โด, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์, นาโออากิ อาโอยามะ, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา - สารัช อยู่เย็น, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, รัชพล นาวันโน - สิโรจน์ ฉัตรทอง, เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ, เจนรบ สำเภาดี

      จักรพันธ์ ปั่นปี เทรนเนอร์ของ ชลบุรี จะหมดสิทธิ์ใช้งาน นพนนท์ คชพลายุกต์ (9 นัด), มาร์เคลย์ ซานโต๊ส (6 นัด / 1 ประตู) และ สุทธินันท์ พุกหอม ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน แต่กำลังหลักยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ชิโร่ อัลเวส (9 นัด / 1 ประตู) หรือแม้แต่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (10 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชลบุรี (4-2-3-1) : ชนินทร์ แซ่เอียะ - ภานุพงศ์ พลซา, ชลทิตย์ จันทคาม, คิม คยุง มิน, ซูลฟาห์มี่ อารีฟิน - สหรัฐ สนธิสวัสดิ์, ธีระพงศ์ ดีหามแห - ชิโร่ อัลเวส, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ - ณภัทร ธรรมรงค์ศุภกรณ์

      เจฟ ไซบีน เฮ้ดโค้ชของ บีเลเฟลด์ ยังไร้เงาของ ไบรอัน เบห์เรนด์ (19 นัด / 1 ประตู) กับ นิลส์ ควอชเนอร์ (4 นัด) ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงกลับมาไม่ได้ คาดว่า ไซบีน น่าจะให้โอกาสกับ โรแบร์โต้ มัสซิโม่ (3 นัด) กองกลางวัย 17 ปี ลงเล่นต่อ โดยจะมี อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์ (30 นัด / 12 ประตู) เป็นตัวจบสกอร์

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บีเลเฟลด์ (4-2-2-2) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ฟลอเรียน ดิ๊ค, เฮนรี่ ไวเกลท์, จูเลี่ยน บอร์เนอร์, ฟลอเรียน ฮาร์แธร์ซ - มานูเอล เพรเทิ่ล, ทอม ชู๊ทซ์ - โรแบร์โต้ มัสซิโม่, คอนสแตนติน เคิร์ชเบาเมอร์ - อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์, ฟาเบียน โคลส

      ทอร์สเท่น ลีเบิร์คเน็ชท์ กุนซือของ บราวน์ชไวก์ มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาถึง 5 ราย ได้แก่ แยน ฮ็อกไชด์ (25 นัด / 2 ประตู), โยเซฟ บัฟโฟ่ (11 นัด / 3 ประตู), สตีฟ ไบรต์ครอยซ์ (15 นัด), เคน ไรเชิ่ล (26 นัด / 1 ประตู) และ คริสตอฟเฟอร์ นีมัน (18 นัด / 5 ประตู) นั่นทำให้ ลีเบิร์คเน็ชท์ ต้องปวดขมับในการจัดทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บราวน์ชไวก์ (4-4-2) : ยัสมิน เฟย์ซิช - จอร์จ ไตเกิ้ล, เฟรเดริค ตินกาเกอร์, กุสตัฟ วัลสวิค, นิโก คิเยวสกี้ - มีร์โก โบลันด์, ยาน ฮอชไชด์, คิวริน โมลล์, ออซคาน ยิลดิริม - ซูเลมาน อับดุลลาไฮ, ฟิลิปป์ ฮอฟมันน์

      มาโน่ โพลกิ้ง เทรนเนอร์ของ แบงค็อกฯ จะไร้เงาของ ปกเกล้า อนันต์ (7 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องตัวสำคัญ เนื่องจากต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว คาดว่า สรรวัชญ์ เดชมิตร (9 นัด) จะกอดคอกับ สุมัญญา ปุริสาย (10 นัด / 6 ประตู) ลงคุมเกมตรงกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แบงค็อกฯ (4-2-3-1) : ไมเคิล ฟาลเคสการ์ด - มิก้า ชูนวลศรี, มานูเอล ทอม เบียห์, เอเวอร์ตัน กอนซาเวส, พุทธินันท์ วรรณศรี - แอนโธนี อำไพพิทักษ์วงศ์, สรรวัชญ์ เดชมิตร - วานเดอร์ หลุยส์, สุมัญญา ปุริสาย, ร็อบสัน เฟร์นานเดซ - ธีรเทพ วิโนทัย

      อำนาจ แก้วเขียว นายใหญ่ของ บางกอกกล๊าส จะหมดสิทธิใช้งาน ดาเนียล การ์เซีย โตติ (10 นัด / 2 ประตู) จอมทัพชาวสเปนที่โดนไข้เดี้ยงเข้าครอบงำ แต่ก็มีเรื่องดีเข้ามา เมื่อ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (10 นัด / 1 ประตู) กับ แมตต์ สมิธ (10 นัด / 3 ประตู) ฟิตเต็มสูบ พร้อมลงสนามช่วยต้นสังกัดในนัดนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บางกอกกล๊าส (4-2-3-1) : นริศ ทวีกุล - พิชิต เกศโร, เฉลิมศักดิ์ อักขี, แมตต์ สมิธ, สหรัฐ ปองสุวรรณ - ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ - สุรชาติ สารีพิมพ์, มาริโอ ยูรอฟสกี้, จักรกฤษ ลาภตระกูล - เฟเดริค เมนดี้

      บรูโน่ ลาบบาเดีย เฮ้ดโค้ชของ โวล์ฟสบวร์ก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โจฌัว กีลาโว้ก (26 นัด / 2 ประตู), อิ๊กนาซิโอ กามาโช่ (11 นัด), จิอันลูก้า อิตเตอร์ (5 นัด) และ อั๊ดเมียร์ เมห์เมดี้ (5 นัด / 1 ประตู) ที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ เฟลิกซ์ อูดูโอไค (16 นัด / 1 ประตู) จะติดโทษห้ามแข่งในเกมนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โวล์ฟสบวร์ก (3-4-1-2) : โกเยนส์ กัสตีลส์ - ปอล เชคเกิ้ล, โรบิน น็อคเก้, จอห์น บรู้คส์ - พอล เวอร์ฮาจ, มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์, รีเชดลี่ บาซัวร์, วิลเลี่ยม - ดาเนี่ยล ดิดาวี่ - นานี่ ดิมาต้า, ยูนุส มัลลี่

      ดีเตอร์ เฮ็กคิงก์ กุนซือของ กลัดบัค มีลิสต์ตัวเดี้ยงอยู่ในมือ 4 คน คือ ฟาเบียน จอห์นสัน (10 นัด / 1 ประตู), รีซ อ๊อกซ์ฟอร์ด (3 นัด), พาทริค เฮอร์มันน์ (22 นัด) และ มามาดู ดูกูเร่ ส่วนในรายของ ลาร์ส สไตน์เดิ้ล (29 นัด / 5 ประตู) แนวรุกตัวหลัก กลับมาจากโทษแบนเเล้ว  

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กลัดบัค (4-4-2) : ยาน ซอมเมอร์ - นิโก้ เอลเวดี้, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, มัทธีอัส กินเตอร์, ออสการ์ เวนด์ - โยนาส ฮอฟมันน์, คริสโตฟห์ เครเมอร์, เดนิส ซากาเรีย, ธอร์แกน อาซาร์ - ราฟฟาเอล, ลาร์ส สไตน์เดิ้ล

      คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ เทรนเนอร์ของ ลา กอรุนญ่า จะไม่มีชื่อของ เอเนโก้ โบเบด้า (8 นัด) และ ซันลี่ย์ มุนตารี่ (7 นัด) ที่กอดคอกันเดี้ยงอยู่ แต่คงไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ เพราะตัวหลักคนอื่นยังอยู่กันครบ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะนำทีมมาโดย อาเดรียน โลเปซ (26 นัด / 9 นัด) หัวหอกตัวเก่งวัย 30 ปี

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลา กอรุนญ่า (4-3-3) : รูเบน มาร์ติเนซ - ฆวนฟราน, ซิดเน่, ราอูล อัลเบนโตซ่า, ลูซินโญ่ - กีเยร์เม่, เปโดร มอสเกร่า, เซลโซ่ บอร์เกส - เอ็มเร่ โคลัก, ลูกัส เปเรซ, อาเดรียน โลเปซ

      อาเซียร์ การิตาโน่ เฮ้ดโค้ชของ เลกาเนส จะไร้เงาของ มาร์ติน มอนโตวานี่ (12 นัด / 1 ประตู) และ อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้ (13 นัด / 2 ประตู) ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน แต่ข่าวดีที่มีเข้ามาคือ นอร์ดิน อัมราบัต (26 นัด / 1 ประตู) แนวรุกตัวเก่ง กลับมาช่วยทีมได้เเล้ว และเชื่อว่า การิตาโน่ จะใช้งานทันที

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลกาเนส (4-2-3-1) : อีบัน กูเอญาร์ - โฆเซบา ซัลดูอา, อูไน บูตินซ่า, ดิมิทริออส ซิโอวาส, ดีเอโก้ ริโก้ - กาเบรียล ปิเรส, รูเบน เปเรซ - นาบิล เอล ซาร์, ฆาเบียร์ เอราโซ่, นอร์ดิน อัมราบัต - มิเกล กูเอร์โร่

      เฟลิซ มาซซู เฮ้ดโค้ชของ ชาร์เลอรัว จะขาดหายไปเพียงเเค่ สตีเฟ่น วิลเล่มส์ แนวรับวัย 27 ปี ที่เดี้ยงยาวไม่หายสักทีคนเดียวเท่านั้น แต่กำลังรบคนอื่นๆ พร้อมลุยเพื่อต้นสังกัดกันอยู่เเล้ว เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง คงไม่ต่างจากเกมที่เปิดบ้านเสมอ เกงค์ 2-2 เพราะทุกคนทำหน้าที่กันได้ดีพอตัวเลย

      อีวาน เลโก้ เทรนเนอร์ของ คลับ บรูซ มีรายงานตัวเจ็บเข้ามา 3 ราย ได้แก่ เซาโล เดการ์ลี่ (10 นัด / 1 ประตู), เคนเน็ธ เเวร์เมียร์ (7 นัด) และ กิลโลเม่ อูเเบร์ (4 นัด) นั่นคงไม่ส่งผลในการจัดทัพมากนัก เพราะตัวหลักคนอื่นๆ ยังอยู่กันครบ คาดว่า เวสลี่ย์ (31 นัด / 7 ประตู) จะได้ลงปั้นเกมรุกให้กับทีมแน่ๆ

      จิมมี่ เธลิน นายใหญ่ของ เอล์ฟสบอร์ก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เยสเปอร์ มานน์ส กับ มาร็อคฮี เอ็นดิโอเน่ ที่ควงเเขนกันเดี้ยงอยู่ แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมให้เรียกใช้งานได้ทั้งหมด เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง คงไม่ต่างจากนัดก่อนๆ มากนัก นำทีมมาโดย สเตฟาน อิชิซากิ (2 นัด) กองกลางประสบการณ์สูง

      หลุยส์ ปิเมนต้า กุนซือของ บรอมมาปอจคาร์น่า ต้องรอเช็คความฟิตของ อเล็กซานเดอร์ นิลส์สัน (1 นัด) และ ไมเคล ไนเวส (1 นัด) ก่อนเกมจะเริ่มอีกครั้ง ว่าไหวหรือไม่ คาดว่า ปิเมนต้า น่าจะมีการปรับ 11 ขุนพลอย่างเเน่นอน แต่ในแนวรุกคงจะมี เปตาร์ เปโตรวิช (3 นัด / 1 ประตู) ลงสนามเป็นตัวจริง