วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      อัซรูดิน วาเลนติช เทรนเนอร์ของ ดัลคุร์ด จะไม่มีชื่อของ อเล็กซานเดอร์ เอ็คบลัด แนวรับตัวเก๋าของทีม ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ เชื่อว่า วาเลนติช จะวางหมากมาในระบบ 4-3-3 ตามถนัด โดยจะส่ง ยูกิยะ ซุงิตะ (3 นัด) ปีกชาวญี่ปุ่นวัย 25 ปี ลงช่วยทีมทำเกมรุกทางริมเส้นฝั่งขวา

      โปย่า อัสบากี้ นายใหญ่ของ โกเตบอร์ก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน พาทริค คาร์ลส์สัน-ลาเกมายร์ ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานเเล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง น่าจะมีการปรับในบางตำแหน่ง แต่สำหรับ เอเลียส โอมาร์ส์สัน (3 นัด / 2 ประตู) น่าจะได้ลงต่อ

      เซนอล กูเนส เฮ้ดโค้ชของ เบซิคตัส ยังไร้เงาของ อิตินช์ นูคาน ที่เดี้ยงยาวมาก่อนหน้านี้ ส่วนในรายของ โกคาห์น โกนุล (21 นัด) กับ ว้ากเนอร์ เลิฟ (8 นัด / 2 ประตู) ต้องรอเช็คฟิตกันอีกครั้ง คาดว่าตัวหลักอย่าง ริคาร์โด้ กวาเรสม่า (22 นัด / 3 ประตู) และ แอนเดอร์สัน ทาลิสก้า (22 นัด / 9 ประตู) จะไม่พลาดนัดนี้

      อายคุต โคชามาน กุนซือของ เฟเนร์บาห์เช่ ต้องรอลุ้นความฟิตของ เมาริซิโอ อิสล่า (21 นัด) กับ อัลเปอร์ โปตุค (21 นัด / 3 ประตู) สองตัวหลักของทีม แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการลงเล่น แต่ข่าวดีแบบสุดๆ ก็คือ จูเลียโน่ (26 นัด / 13 ประตู) เพลย์เมกเกอร์ตัวเทพชาวบราซิลจะลงบัญชาการเกมรุกแน่นอน

      สตีฟ อีเเวนส์ ผู้จัดการทีมของ ปีเตอร์โบโร่ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ไรอัน ตาฟาซอลลี่ (33 นัด / 1 ประตู), อเล็กซ์ เพนนี่ (7 นัด) ที่โดนอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ มาร์คัส แมดดิสัน (39 นัด / 8 ประตู) ต้องเช็คฟิตกันอีกครั้ง แต่สำหรับ แจ็ค มาร์ริอ็อตต์ (42 นัด / 26 ประตู) พร้อมลุยล่าตาข่าย

      โทนี่ โมว์เบรย์ เทรนเนอร์ของ แบล็คเบิร์น จะไร้เงาของ ไรอัน นอมเบ (28 นัด), เบน กลัดวิน (5 นัด) และ แฮร์รี่ แชปแมน (12 นัด / 1 ประตู) ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงกลับมาไม่ได้ ส่วนในรายของ คอร์รี่ย์ อีเเวนส์ (28 นัด) ห้องเครื่องตัวหลักของทีม ต้องรอประเมินความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง

      ชู ฉี หว่อง ผู้จัดการทีมของ คิตฉี จะไม่มีชื่อของ กอนชัลเวส เฮลิโอ้ (8 นัด) กับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (6 นัด / 5 ประตู) ที่กอดคอกันเดี้ยงอยู่ นั่นหมายความว่า ชู ฉี หว่อง จะต้องจัดทัพตามสภาพที่มีและน่าจะเป็นชุดเดิม เนื่องจากเป็นชุดที่ดีที่สุดแล้ว นำทีมมาโดย แฟร์นานโด (16 นัด / 4 ประตู)

      ชอย คัง ฮี เฮ้ดโค้ชของ ชุนบุค ฮุนได จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ฮาน คโย วอน (3 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องวัย 27 ปี รายเดียวเท่านั้น ที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนกำลังรบคนอื่นๆ พร้อมลุยกันอยู่นานเเล้ว คาดว่า ริคาร์โด้ โลเปส (7 นัด / 1 ประตู) จะได้ลงเป็น "จอมทัพ" ให้กับทีมเหมือนที่ผ่านมา

      วิคเตอร์ เปไรร่า นายใหญ่ของ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการจัดทัพเช่นกัน เพราะไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ เข้ามา แต่อาจจะได้เห็น "สามสตาร์บราซิเลี่ยน" อย่าง ออสการ์ (6 นัด / 3 ประตู), ฮัลค์ (6 นัด / 4 ประตู) และ เอลเคสัน (1 นัด / 1 ประตู) แบบไม่ครบ เพราะน่าจะมีได้พักบ้าง

      เควิน มุสแคท ผู้จัดการทีมของ เมลเบิร์น วิคตอรี่ จะไม่มีชื่อของ มิตช์ ออสติน (5 นัด / 1 ประตู) แนวรุกวัย 27 ปี ที่มีปัญหาเจ็บเอ็นหัวเข่า ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า มุสแคท จะเลือกใช้ตัวหลักในปัจจุบัน ลงสู้ศึกต่อ นำทีมมาโดย คอสต้า บาร์บารูเซส (22 นัด / 8 ประตู)

      คิม โด ฮุน กุนซือของ อุลซาน ฮุนได จะไม่มีชื่อของ อี จอง โฮ แนวรุกวัย 26 ปี ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ก็เป็นเพียงแค่รายเดียวเท่านั้นที่ขาดหายไป เชื่อว่าเกมนี้ โด ฮุน จะยังมั่นใจใน "ตัวต่างชาติ" อย่าง มิสลาฟ ออร์ซิช (4 นัด) กับ จูเนียร์ เนเกา (7 นัด / 4 ประตู) ในภารกิจถล่มประตูคู่ต่อสู้

    โทรุ โอนิกิ เทรนเนอร์ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ เตรียมขน 11 ขุนพลชุดใหญ่ลงสนามเเบบเต็มอัตราศึก เพราะสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ดี 100% คาดว่า โอนิกิ จะวางหมากมาในระบบ 4-5-1 โดยจะมี โยชิโตะ โอคุโบะ (7 นัด / 1 ประตู) ศูนย์หน้าตัวเก๋าวัย 35 ปี ลงประคองน้องๆ

      ดาวิเด้ บัลลาร์ดินี่ กุนซือของ เจนัว จะไร้เงาของ ดาวิเด้ บิรัสคี่ (18 นัด), นิโกลัส สปอลลี่ (19 นัด), อาร์มันโด อิซโซ่ (14 นัด / 1 ประตู) และ อาเดล ทารับท์ (22 นัด / 2 ประตู) ที่ยังใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ แต่ข่าวดีคือ โกรัน ปานเดฟ (27 นัด / 3 ประตู) กับ จานลูก้า ลาปาดูล่า (22 นัด / 4 ประตู) พร้อมล่าตาข่าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เจนัว (3-5-2) : มัตเตีย เปริน - ยาว๊าด เอล ยามิค, ลูก้า รอสเซตตินี่, เออร์วิน ซูคาโนวิช - อเลจานโดร โรซี่, ออสการ์ ฮิลเยมาร์ค, อันเดรีย แบร์โตลัชชี่, ลูก้า ริโกนี่, ฟรานเชสโก้ มิงโญเล่ต์ - โกรัน ปานเดฟ, จานลูก้า ลาปาดูล่า

      ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ เฮ้ดโค้ชของ โรม่า มีรายงานตัวเจ็บเข้ามา 3 คน คือ ริค คาร์สดอร์ป (1 นัด), ดีเอโก้ เปร็อตติ (23 นัด / 5 ประตู) และ เกรกอรี่ เดอเฟรล (15 นัด / 1 ประตู) คาดว่า ดิ ฟรานเชสโก้ จะปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 ตามถนัด โดยจะมี เอดิน เซโก้ (31 นัด / 14 ประตู) หัวหอกตัวเทพยืนเป็นตัวจบสกอร์

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โรม่า (4-3-3) : อาลิสสัน - อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, ฮวน เฮซุส, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ - ลอเรนโซ่ เปเยกรินี่, มักซิม โกนาล็องส์, รัดย่า เนียงโกลัน - สเตฟาน เอล ชาราวี่, เอดิน เซโก้, เซนกิซ อุนเดอร์

      โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือเพียงแค่ เซร์กิโอ โรเมโร่ นายด่านชาวอาร์เจนไตน์ที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานเเล้ว คาดว่า "จ่ามู" น่าจะเลือกโรเตชั่นนักเตะตัวหลักพักไว้ฟัดกับ สเปอร์ส ในศึกเอฟเอ คัพ ช่วงสุดสัปดาห์ จึงน่าจะได้เห็น "ทีมชุดสอง" ลงบู๊ในวันนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา - แอชลี่ย์ ยัง, อีริก ไบญี่, มาร์กอส โรโฮ, ลุค ชอว์ - มารูยาน เฟลไลนี่, สกอตต์ แม็กโตมิเนย์ - อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล, เจสเซ่ ลินการ์ด, มาร์คัส แรชฟอร์ด - โรเมลู ลูกากู

      เอ็ดดี้ ฮาว เทรนเนอร์ของ บอร์นมัธ จะไม่มีชื่อของ ไทโรน มิงส์ (2 นัด), อดัม สมิธ (27 นัด / 1 ประตู) และ จูเนียร์ สตานิสลาส (19 นัด / 5 ประตู) เนื่องจากโดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ คาดว่า ฮาว จะปรับทัพมาใช้ระบบ 4-4-1-1 โดยจะส่ง มาร์ก พิวจ์ (19 นัด) ลงแทน จอร์แดน ไอบ์ (29 นัด / 2 ประตู) ทางกราบซ้าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บอร์นมัธ (4-4-1-1) : อัสเมียร์ เบโกวิช - ไซม่อน ฟรานซิส, สตีฟ คุ๊ค, นาธาน อาเก้, ชาร์ลี แดเนี่ยลส์ - ไรอัน เฟรเซอร์, ลูอิส คุ๊ค, แดน กอสลิ่ง, มาร์ก พิวจ์ - โจชัว คิง - คัลลั่ม วิลสัน

      นิโก้ โควัค เฮ้ดโค้ชของ แฟร้งค์เฟิร์ต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน "สามเดี้ยง" เซ็ตเก่า คือ การ์ลอส ซัลเซโด้ (18 นัด), มาสกาเรล (5 นัด) และ อันเต เรบิช (24 นัด / 6 ประตู) ส่วนในรายของ เรนัต ดาดาซอฟ ก็ยังโดนสโมสรลงโทษด้านวินัย เชื่อว่า ลูก้า โยวิช (19 นัด / 8 ประตู) จะได้สิทธิ์ยืนหน้าเป้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (3-4-2-1) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ไซม่อน ฟาแลต - แดนนี่ ดา คอสต้า, มิยัต กาซิโนวิช, โจนาธาน เดอ กุซมัน, ทิโมธี แชนด์เลอร์ - มาร์โก ฟาเบียน, เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง - ลูก้า โยวิช

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ นายใหญ่ของ ชาลเก้ จะไร้เงาของ มาติย่า นาสตาซิช (24 นัด) กับ บรีล เอ็มโบโล่ (20 นัด / 2 ประตู) สองตัวหลักที่ยังเจ็บอยู่ คาดว่าเกมนี้ เทเดสโก้ เตรียมเรียกตัว บาสเตียน อ๊อกซิปก้า (26 นัด) และ มักซ์ เมเยอร์ (24 นัด) คืนผังตัวจริงอีกครั้ง หลังจากที่ได้พักในเกมนัดก่อน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-4-2-1) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - เบนจามิน สตอมบูลี่, นัลโด้, ธิโล่ เคห์เรอร์ - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, มักซ์ เมเยอร์, เลออน โกเร็ตส์ก้า, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - อามีน ฮาริต, ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ - กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์

      จุ๊ป ไฮย์เกส ผู้จัดการทีมของ บาเยิร์น มีรายงานตัวเจ็บเข้ามา 3 ราย ได้แก่ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด), คิงส์ลี่ย์ โกม็อง (21 นัด / 3 ประตู) และ อาร์ตูโร่ วิดัล (22 นัด / 6 ประตู) เชื่อว่าเกมนี้ ไฮย์เกส จะเรียกบรรดาตัวหลักกลับมาใช้งานเต็มอัตราศึก โดยจะมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (27 นัด / 27 ประตู) ยืนเป็นหน้าเป้า

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อูลไรช์ - โจชัว กิมมิค, เจอโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ, ฮาเมส โรดริเกวซ - อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      ไฮโค แฮร์ลิช นายใหญ่ของ เลเวอร์คูเซ่น จะขาดหายไปเพียงแค่ เวนเดล (24 นัด / 2 ประตู) แนวรับชาวบราซิลคนเดียวเท่านั้น ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมสแตนด์บายให้ใช้งานได้ทั้งหมด คาดว่า ลูกัส เอลาริโอ (19 นัด / 7 ประตู) จะลงเล่นจับคู่กับ เควิน โฟลลันด์ (28 นัด / 14 ประตู) เป็นตัวจริงในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (3-4-1-2) : แบร์นด์ เลโน่ - ลาร์ส เบนเดอร์, สเวน เบนเดอร์, โจนาธาน ตาห์ - เบนจามิน เฮนริชส์, ชาร์ลส์ อรานกุซ, จูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์, เลออน ไบญี่ - จูเลี่ยน บรันด์ - เควิน โฟลลันด์, ลูกัส เอลาริโอ

      ยูน จุง ฮวาน นายใหญ่ของ เซเรโซ โอซาก้า โชคดีเหลือเกินที่สภาพความพร้อมของทีมสมบูรณ์ 100% ไม่มีความกังวลใจใดๆ ในการจัดทัพทั้ง เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ขุนพลจะมาเเบบชุดใหญ่เต็มสูบ นำทีมมาโดย เคนยู ซูงิโมโตะ (8 นัด / 2 ประตู) หัวหอกวัย 25 ปี รับหน้าที่ผลิตสกอร์เหมือนเดิม

      ฟาบิโอ คันนาวาโร่ เฮ้ดโค้ชของ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จะไร้เงาของ เจิ้ง จื่อ (2 นัด) ห้องเครื่องกัปตันทีม เนื่องจากติดโทษห้ามแข่ง แต่จะมีข่าวดีกลับมาตรงที่ เนมันย่า กูเดลจ์ (6 นัด / 1 ประตู) และ หลิน เกา (6 นัด / 3 ประตู) สองตัวเก่งกลับมาช่วยทีมได้เเล้ว หลังจากชดใช้โทษแบนเรียบร้อย

      โบซิดาร์ บันโดวิช นายใหญ่ของ บุรีรัมย์ฯ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน รัตนากร ใหม่คามิ (10 นัด / 1 ประตู) กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (8 นัด) ที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ พรรษา เหมวิบูลย์ (9 นัด / 1 ประตู) ปราการหลังตัวแกร่งต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง แต่คิดว่าน่าจะลงเล่นไหว

      โช ซุง ฮวาน เทรนเนอร์ของ เจจู ยูไนเต็ด เตรียมหมุนเวียนนักเตะตัวหลักให้ได้พักบ้าง เพราะเกมนี้ไม่มีผลอะไรกับพวกเขาอีกแล้ว นั่นหมายความว่า เราจะได้เห็นบรรดาแข้งสำรองลงวาดลวดลายกันหลายคนแน่ๆ แต่ในรายของ ควอน ซุน ฮยุง (6 นัด) มิดฟิลด์กัปตันทีม น่าจะได้ลงคุมแดนกลางต่อ

      โซ จุง วอน ผู้จัดการทีมของ ซูวอน บลูวิงส์ ไม่มีปัญหาใดในการจัดทีมนัดนี้ เพราะไม่มีทั้งนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนแม้เเต้คนเดียว แถมยังได้ตัว คิม อึน ซุน (4 นัด) กับ ลี จอง ซุง (5 นัด) สองกองกลางตัวเก่งกลับมาจากโทษห้ามแข่งอีก เรียกได้ว่า สภาพทีมในวันนี้ "พร้อมลุย" แบบสุดๆ ไปเลย

      โก โออิวะ เทรนเนอร์ของ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส จะไร้เงาของ อาซึโตะ อุชิดะ (2 นัด) แบ็คขวาหน้าหล่อ เนื่องจากโดนไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า โออิวะ จะส่ง มู คานาซากิ (8 นัด / 4 ประตู) ลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก หลังจากที่เกมนัดก่อนนั่งเป็นสำรอง

      วู จินกุย เฮ้ดโค้ชของ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว งานเข้าซะเเล้ว เมื่อศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ (1 นัด / 3 ประตู) มีอาการเจ็บกล้ามเนื้อ น่าจะหมดสิทธิ์ลงสนามในนัดนี้ นั่นทำให้ จินกุย ต้องแก้ปัญหาทันที แต่สำหรับ โจวานนี่ โมเรโน่ (6 นัด / 2 ประตู) กับ เฟรดี้ กัวริน (6 นัด / 1 ประตู) ยังพร้อมลุยแน่นอน

      เกรแฮม อาร์โนลด์ นายใหญ่ของ ซิดนี่ย์ เอฟซี ยิ้มสบายใจได้ก่อนเกมเลย เพราะไม่มีรายงานความเสียหายใดเข้ามาเรื่องสภาพทีม สามารถจัดทัพชุดที่ดีสุดลงบู๊ได้เลย คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากชุดที่บุกชนะ ซูวอน บลูวิงส์ 4-1 ในนัดก่อน นำทีมมาโดย อเล็กซ์ บรอสเก้ (25 นัด / 4 ประตู)

      เอริค เต็น ฮาก ผู้จัดการทีมของ อาแจ็กซ์ มีรายงานตัวเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ วาคลาฟ เซอร์นี่ (4 นัด), ดาลี่ย์ ซิงค์กราเว่น (4 นัด), นิค เวียร์เกเวอร์ (12 นัด / 2 ประตู) และ เฟรงกี้ เดอ ยอง (22 นัด) แต่จะมีข่าวดีก่อนเกมคือ โยเอล เวลต์มัน (28 นัด / 1 ประตู) พร้อมลงช่วยทีมในเกมรับ หลังพ้นโทษแบน

      ฟิลิป โคคู นายใหญ่ของ พีเอสวี จะไม่มีชื่อของ สตีเฟน เบิร์กไวย์น (28 นัด / 7 ประตู) หัวหอกตัวเทพของทีม เนื่องจากจะติดโทษห้ามแข่ง แต่ขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด เชื่อว่า ตัวเด็ดๆ อย่าง เออร์วิง โลซาโน่ (25 นัด / 15 ประตู) กับ ลุ๊ค เดอ ยอง (27 นัด / 11 ประตู) คงไม่พลาดการลงเล่น

      ทอร์สเท่น ลีเบิร์คเน็ชท์ เฮ้ดโค้ชของ บราวน์ชไวก์ ขาดหายไปเพียงแค่ โยเซฟ บัฟโฟ่ (11 นัด / 3 ประตู) และ ซาลิม เคห์ลิฟี่ (19 นัด / 2 ประตู) ที่ขึ้นบัญชีเป็นนักเตะเจ็บอยู่ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากเดิมมากนัก โดยจะมี โดมินิค คุมบาล่า (17 นัด / 3 ประตู) เป็นตัวจบสกอร์

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บราวน์ชไวก์ (4-2-2-2) : ยัสมิน เฟย์ซิช - มักซิมิเลี่ยน ซอยเออร์, เฟรเดริค ตินกาเกอร์, กุสตัฟ วัลสวิค, เคน ไรเชิ่ล - ยาน ฮอชไชด์, มีร์โก โบลันด์ - จอร์จ ไตเกิ้ล, ซูเลมาน อับดุลลาไฮ - ฟิลิปป์ ฮอฟมันน์, โดมินิค คุมบาล่า

      เดิร์ค ชุสเตอร์ ผู้จัดการทีมของ ดาร์มสตัดท์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โรมูอัลด์ ลากาเซ็ตต์ (3 นัด) กับ ปีเตอร์ ไนเมเยอร์ (3 นัด) เพราะโดนพิษไข้เดี้ยงเข้าครอบงำ ส่วนในรายของ มาร์วิน เมห์เล็ม (17 นัด / 2 ประตู) จะติดโทษแบน แต่ยังดีที่ เฟลิกซ์ แพล็ตเต้ (16 นัด / 3 ประตู) ลงเล่นได้ตามปกติ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดาร์มสตัดท์ (4-2-2-2) : ดาเนี่ยล ฮอยเออร์ - เควิน กรอสส์คร๊อยซ์, โรเเม็ง เบรเกรี่, อายทัก ซูลู, ฟาเบียน ฮอลลันด์ - วิลสัน คามาวูอาก้า, ยานนิค สตาร์ค - โทเบียส เคมเป้, โจวิน โจนส์ - จี ดอง วอน, เฟลิกซ์ แพล็ตเต้

      ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ดุสเซลดอร์ฟ จะไร้เงาของ อังเดร ฮอฟฟ์มันน์ (20 นัด / 2 ประตู) และ ลูคัส ชมิตซ์ (12 นัด / 1 ประตู) สองแนวรับที่โดนไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ คาน อายฮาน (27 นัด) ปราการหลังตัวสำคัญอีกคนก็ดันติดโทษห้ามแข่งอีก ทำให้ปัญหาใหญ่ที่ ฟุงเคิ่ล ต้องปรับคือ แนวรับ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุสเซลดอร์ฟ (4-2-3-1) : ราฟาเอล โวล์ฟ - ฌอง ซิมเมอร์, อดัม บ็อดเซ็ค, โรบิน บอร์มุธ, นิโก้ กีเซลมันน์ - มาร์เซล โซบ็อตก้า, ฟลอเรียน นอยฮุส - เบนิโต้ รามาน, โอลิเวอร์ ฟิงค์, เกงกิ ฮารากูชิ - รูเวน เฮนนิ่งส์

      แฟร้งค์ ชมิดท์ กุนซือของ ไฮเด้นไฮม์ จะมีเพียงแค่ มัวริว มัลธ็อป คนเดียวเท่านั้น ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะเป็นชุดใหญ่เต็มสูบ นำทีมมาโดย จอห์น เวอร์ฮ็อค (23 นัด / 9 ประตู) ดาวยิงตัวเก่งประจำสโมสร

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฮเด้นไฮม์ (4-2-3-1) : เควิน มุลเลอร์ - โรเบิร์ต สเตร๊าส์, ติโม เบียร์มันน์, มาธิอัส วิตเทค, อาร์เน่ ฟีค - เซบาสเตียน กรีสเบ็ค, นอร์มัน ธอยเออร์เคาฟ์ - มาร์ก ชนัตเตอเรอร์, มักซิมิเลี่ยน ธีล, นิโกล่า โดเวดาน - จอห์น เวอร์ฮ็อค

      มิชาเอล โคลเนอร์ กุนซือของ เนิร์นแบร์ก เหลือตัวเดี้ยงในมืออีก 3 ราย ได้แก่ เดนนิส ลิพแพร์ต, เอนิส อาลูชี่ และ เซบาสเตียน แคร์ก (3 นัด) แต่ไม่น่าส่งผลในการจัดทัพสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ใช้งานอยู่เเล้ว ส่วนข่าวดีที่มีเข้ามาคือ มิคาเอล อิชัค (23 นัด / 12 ประตู) ฟิตเต็มสูบ พร้อมล่าตาข่าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เนิร์นแบร์ก (4-3-3) : ฟาเบียน เบร็ดโลว์ - เอ็นริโก้ วาเลนตินี่, จอร์จ มาร์เกรอิตเตอร์, เอเเวร์ตัน, ทิม ไลโบลด์ - ฮันโน่ เบห์เรนส์, พาทริค เออร์ราส, เควิน โมห์วัลด์ - มาร์วิน สเตฟาเนี๊ยค, มิคาเอล อิชัค, เอดูอาร์ด โลเว่น

      สเตฟาน ไลเทิ่ล เทรนเนอร์ของ อินกอลสตัดท์ จะไร้เงาของ อัลเฟรโด้ โมราเลส (26 นัด / 4 ประตู) ห้องเครื่องชาวอเมริกันที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานเเล้ว โดยเฉพาะ คริสเตียน แทรช (21 นัด / 1 ประตู) ที่คืนทัพได้ทันที หลังจากชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อินกอลสตัดท์ (4-2-3-1) : ออร์ยาน นีลันด์ - โทเบียส เลเวิ่ลส์, โทเบียส ชร็อค, มาร์วิน มาทิป, มาร์เซล เก๊าส์ - คริสเตียน แทรช, อัลม็อก โคเฮน - โธมัส เพลเดิ้ล, ซอนนี่ คิตเทิ่ล, โรเบิร์ต ไลเพิร์ตซ์ - สเตฟาน คุตช์เก้

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ไลป์ซิก จะไม่มีชื่อของ มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก (15 นัด / 2 ประตู), มาร์เซล ซาบิตเซอร์ (26 นัด / 4 ประตู) และ คอนราด เลเมอร์ (20 นัด) ที่ยังเดี้ยงไม่หาย คาดว่าเกมนี้ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล คงปรับทีมพอสมควรเลย เพราะเพิ่งลงเตะบอลยุโรป เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-4-2) : ปีเตอร์ กูลัคซี่ - ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, วิลลี่ ออร์แบน, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แบร์นาร์โด้ - เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, เควิน คัมเพิ่ล, นาบี เกอิต้า, บรูม่า - ยุสซุฟ โพลเซ่น, ติโม แวร์เนอร์

      ฟลอเรียน โคห์เฟลด์ นายใหญ่ของ เบรเมน เหลือนักเตะบาดเจ็บค้างสต็อกอีก 4 คน คือ มิคาเอล เซ็ตเตเรอร์, ลุดวิก ออกุสตินสัน (27 นัด / 1 ประตู), อารอน โยฮันส์สัน (11 นัด / 1 ประตู) และ ฟิน บาร์เทิ่ลส์ (14 นัด / 2 ประตู) ส่วนในรายของ นิโคลัส มอยซานเดอร์ (23 นัด / 1 ประตู) กลับมาช่วยทีมได้แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบรเมน (4-3-1-2) : ยีรี พาฟเลนก้า - เกเบร เซลาสซี่, มิลอส เวลโกวิช, นิโคลัส มอยซานเดอร์, มาร์โก ฟรีเดิ้ล - มักซิมิเลี่ยน เอ็กเก้สไตน์, ฟิลิปป์ บาร์กเฟรเด้, โธมัส เดอลานี่ย์ - ซลัตโก้ ยูนูโซวิช - อิชัค เบลโฟดิล, มักซ์ ครูเซ่

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ เทรนเนอร์ของ ดอร์ทมุนด์ มีรายงานตัวเดี้ยงเข้ามา 5 ราย ได้แก่ ดาน ซากาดู (11 นัด / 1 ประตู), ราฟาเอล เกร์ไรโร่ (8 นัด / 1 ประตู), มานูเอล อาคานยี่ (7 นัด), ชินจิ คากาวะ (18 นัด / 5 ประตู) และ เซบาสเตียน โร้ด แต่คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง คงเป็นชุดเดียวกับเปิดบ้านชนะ สตุ๊ตการ์ต 3-0

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : โรมัน บูร์กี - ลูคัส พิสเซค, โซเครติส, โอเมอร์ โทพรัค, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - มามุด ดาฮุด, นูรี ซาฮิน - คริสเตียน พูลิซิช, มาร์โก รอยส์, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์ - มิชี่ บัตชัวยี่

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ นายใหญ่ของ ชาลเก้ จะไร้เงาของ บรีล เอ็มโบโล่ (20 นัด / 2 ประตู) ดาวยิงทีมชาติสวิสเซอร์เเลนด์ ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนในรายของ มาติย่า นาสตาซิช (24 นัด) แนวรับคนสำคัญดันติดโทษห้ามแข่ง เชื่อว่า เทเดสโก้ จะเรียกตัว ธิโล่ เคห์เรอร์ (23 นัด / 1 ประตู) มารับผิดชอบหน้าที่ในตำแหน่งนั้น

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-5-2) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - เบนจามิน สตอมบูลี่, นัลโด้, ธิโล่ เคห์เรอร์ - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, มักซ์ เมเยอร์, นาบิล เบนตาเลบ, เลออน โกเร็ตส์ก้า, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - ฟรังโก้ ดิ ซานโต้, กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์

      ดีเตอร์ เฮ็กคิงก์ ผู้จัดการทีมของ กลัดบัค จะไร้เงาของ พาทริค เฮอร์มันน์ (22 นัด), มามาดู ดูกูเร่ และ ราอูล โบบาดีย่า (13 นัด) ที่โดนไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ ลาร์ส สไตน์เดิ้ล (29 นัด / 5 ประตู) กองกลางกัปตันทีมจะติดโทษแบน คาดว่า ธอร์แกน อาซาร์ (29 นัด / 9 ประตู) คือชื่อที่จะมาเสียบแทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กลัดบัค (4-2-3-1) : ยาน ซอมเมอร์ - นิโก้ เอลเวดี้, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, มัทธีอัส กินเตอร์, ออสการ์ เวนด์ - คริสโตฟห์ เครเมอร์, เดนิส ซากาเรีย - ธอร์แกน อาซาร์, มิกกาแอล กุสซ็อง, วินเชนโซ่ กริโฟ่ - ราฟฟาเอล

      จุ๊ป ไฮย์เกส เทรนเนอร์ของ บาเยิร์น เหลือเพียงแค่ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด) และ คิงส์ลี่ย์ โกม็อง (21 นัด / 3 ประตู) เท่านั้นที่เจ็บค้างสต็อกอยู่ แต่คงไม่มีผลอะไรในการจัดทัพเเล้ว เนื่องจาก ไฮย์เกส ออกมาบอกแล้วว่าจะให้ตัวหลักได้พักกันแบบยกเซ็ต ในนัดนี้จึงเป็นบรรดาแข้งสำรองลงบู๊แน่นอน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อูลไรช์ - ราฟินญ่า, นิคลาส ซูเล่, เจอโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา - โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, เซบาสเตียน รูดี้ - อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ - ว้ากเนอร์

      อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ เฮ้ดโค้ชของ ฮันโนเวอร์ มีชื่อตัวเจ็บ 5 คนแก๊งเดิมเลย ได้แก่ เฟลิเป้ (6 นัด), ฟลอเรียน ฮุบเนอร์ (9 นัด), วัลเดเมียร์ แอนตัน (26 นัด / 1 ประตู), โจนาธาส (12 นัด / 3 ประตู) และ เอ็ดการ์ พริบ นั่นทำให้ ไบรเท่นไรเตอร์ คงไม่คิดเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงมากนักจากเกมก่อน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮันโนเวอร์ (3-4-2-1) : ฟิลิปป์ ชอเนอร์ - โอลิเวอร์ ซอร์ก, ซาลิฟ ซาเน่, โจซิป อีเลซ - อิห์ลัส เบบู, เพอร์มิน ชเว็กเลอร์, มาร์วิน บาคาลอร์ซ, มีโก้ อัลบอร์นอซ - มาร์ติน ฮาร์นิค, เฟลิกซ์ เคล้าส์ - นิคลาส ฟัลครู้ก

      ตายฟุน คอร์คุต นายใหญ่ของ สตุ๊ตการ์ต ยังไร้เงาของ การ์ลอส มาเน่ ที่ยังไม่มีวี่แววจะสลัดคราบเดี้ยงได้ ส่วนในรายของ ซานติอาโก้ อัสกากิบาร์ (26 นัด) ห้องเครื่องกำลังสำคัญดันมาติดโทษห้ามแข่งพอดี ส่งผลให้ คอร์คุต ต้องเรียกตัว โอแรล ม็องกาล่า (17 นัด) มารับสัมปทานแทน 

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สตุ๊ตการ์ต (4-4-2) : รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ - อันเดรียส เบ็ค, เบนจามิน ปาวาร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว - อีริค ธอมมี่, โอแรล ม็องกาล่า, คริสเตียน เกนท์เนอร์, เดนนิส อาโอโก้ - มาริโอ โกเมซ, ดาเนี่ยล กินเซค

      นิโก้ โควัค เทรนเนอร์ของ แฟร้งค์เฟิร์ต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน การ์ลอส ซัลเซโด้ (18 นัด), มาสกาเรล (5 นัด) และ อันเต เรบิช (24 นัด / 6 ประตู) ส่วนในรายของ เรนัต ดาดาซอฟ แนวรุกชาวอาเซอร์ไบจาน โดนสโมสรลงโทษด้านวินัย จึงเชื่อว่า โควัค คงจะเลือกใช้ 11 ขุนพลชุดเดิมลงบู๊กันต่อในเกมนัดนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (3-4-1-2) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ไซม่อน ฟาแลต - แดนนี่ ดา คอสต้า, เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง, โจนาธาน เดอ กุซมัน, ทิโมธี แชนด์เลอร์ - มาริอุส โวล์ฟ - ลูก้า โยวิช, เซบาสเตียง ฮัลแลร์

      ไฮโค แฮร์ลิช ผู้จัดการทีมของ เลเวอร์คูเซ่น จะไร้เงาของ สเวน เบนเดอร์ (27 นัด / 2 ประตู), เวนเดล (24 นัด / 2 ประตู) แะ โยเอล พอห์ยานพาโล (7 นัด / 1 ประตู) ส่วนในายของ ลูกัส เอลาริโอ (19 นัด / 7 ประตู) จะติดโทษห้ามเเข่งเป็นนัดที่ 3 แต่สำหรับ จูเลี่ยน บรันด์ (29 นัด / 7 ประตู) ลงเล่นเเน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่ - พานาจิโอติส เพตซอส, ลาร์ส เบนเดอร์, โจนาธาน ตาห์, เบนจามิน เฮนริชส์ - จูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์, ชาร์ลส์ อรานกุซ - ไค ฮาแวร์ซ, จูเลี่ยน บรันด์, เลออน ไบญี่ - เควิน โฟลลันด์

      สเตฟาน รูเธนเบค กุนซือของ โคโลญจน์ จะไม่มีชื่อของ ยาน ฮอร์น (9 นัด), โดมินิค มาโร่ห์ (8 นัด) และ เซย์รู กีรัสซี่ (15 นัด / 4 ประตู) ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนในรายของ มาร์เซล ริสเซ่ (11 นัด) ต้องรอเช็คความฟิตกันอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ คือ ซาลีห์ ออซคาน (22 นัด) อดบู๊ชัวร์ เนื่องจากติดโทษแบน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (4-3-2-1) : ติโม ฮอร์น - ลูคัส คลุนเตอร์, ฆอร์เก้ เมเร่, โดมินิค ไฮนซ์, โยนาส เอคเตอร์ - แว็งซ็องต์ โกซิเอลโล่, มาร์โก โฮเกอร์, คริสเตียน เกลเมนส์ - ยูยะ โอซาโกะ, เลออน บิตเท่นคอร์ต - ไซม่อน เทร็อด

      พาล ดาร์ได เฮ้ดโค้ชของ แฮร์ธ่าฯ มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงอยู่ 4 ราย ได้แก่ โจนาธาน คลิ้นส์มันน์, มักซิมิเลี่ยน มิตเทิ่ลสตัดท์ (9 นัด), จอร์แดน โตรูนาริก้า (10 นัด) และ ฟาเบียน ลุสเตนแบร์เกอร์ (20 นัด) คาดว่า ดาร์ได จะให้โอกาสกับ อองเดร ดูด้า (14 นัด / 1 ประตู) ลงเสียบแทน ลุสเตนแบร์เกอร์ ในแดนกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-2-3-1) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - มิตเชล ไวเซอร์, นิคลาส สตาร์ค, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพลตเท่นฮาร์ด - วลาดิเมียร์ ดาริด้า, อาร์เน่ เมเยอร์ - วาเลนติโน่ ลาซาโร่, อองเดร ดูด้า, ซาโลมง กาลู - เวดัด อิบิเซวิช

      คริสเตียน ติตซ์ เทรนเนอร์ของ ฮัมบูร์ก ยังงดใช้งาน แมร์กิม มาฟราย (17 นัด) กับ วาเลซ (18 นัด / 1 ประตู) เพราะสั่งตัดชื่อออก ส่วนในรายของ มาเธเนีย (24 นัด), นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) และ สเวน ชิพพล็อค (10 นัด) เดี้ยงอยู่ทั้งหมด แต่ที่วืดแน่ๆ อีกคน คือ คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส (25 นัด / 1 ประตู) เนื่องจากติดแบน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-1-4-1) : จูเลี่ยน โพลแลร์เบ็ค - โกโตคุ ซากาอิ, กีเดียน จุง, ฟาน ดรองกาเล่น, ดั๊กลาส - มัตตี้ สไตน์มันน์ - ทัตสึยะ อิโตะ, ลูอิส โฮลท์บี้, อารอน ฮันท์, ฟิลิป คอสติช - จานลูก้า วัลด์ชมิดท์

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ กุนซือของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยังไม่มีชื่อของ เดนนิส ไกเกอร์ (21 นัด / 2 ประตู) ที่เจ็บมาก่อนหน้านี้ ส่วนในรายของ มาร์ก อูธ (27 นัด / 12 ประตู) ดาวยิงตัวเก่งก็จะติดโทษห้ามแข่ง นั่นทำให้ นาเกิ้ลมันน์ เลือกที่จะปรับมาใช้ระบบ 3-5-2 โดยจะวาง อันเดร ครามาริช (29 นัด / 9 ประตู) ไว้ผลิตสกอร์ในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-5-2) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - เควิน อัคโปกูม่า, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ - พาเวล คาเดราเบค, ลูคัส รัปป์, ฟลอเรียน กริลลิช, เคเรม เดเมียร์บาย, นิโก้ ชูลซ์ - อันเดร ครามาริช, แซร์ก จีนาบรี้

      ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ กุนซือของ อินเตอร์ จะไร้เงาของ มาติอัส เวซิโน่ (25 นัด / 2 ประตู) กองกลางชาวอุรุกวัยที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ มาร์เซโล่ โบรโซวิค (25 นัด / 3 ประตู) ห้องเครื่องตัวเก่งก็ดันมาติดโทษห้ามแข่งพอดีอีก นั่นทำให้ปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขของ สปัลเล็ตติ คือ แดนกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อินเตอร์ (4-2-3-1) : ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช - เจา กานเชโล่, มิลาน สคริเนียร์, เจา มิรานด้า, ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ - โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, บอร์ฆา บาเลโร่ - อันโตนิโอ คานเดรว่า, ราฟินญ่า, อีวาน เพริซิช - เมาโร อิคาร์ดี้

      จานปิเอโร่ กัสเปรินี่ นายใหญ่ของ อตาลันต้า มีรายงานความเสียหายเรื่องลูกทีมเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า (18 นัด), มัตเตีย กัลดาร่า (18 นัด / 3 ประตู), โจซิป อิลิซิช (27 นัด / 10 ประตู) และ ลูก้า ริซโก้ (1 นัด) ส่วนในรายของ อันเดรีย เพตาญ่า (28 นัด / 4 ประตู) ก็ติดแบนอีก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อตาลันต้า (3-4-1-2) : เอทริต เบริช่า - ราฟาเอล โตลอย, โฮเซ่ ปาโลมิโน่, อันเดรีย มาซิเอลโล่ - โรบิน โกเซ่นส์, เรมี่ ฟรูแลร์, มาร์เท่น เดอ รูน, ฮันส์ ฮาเตบัวร์ - ไบรอัน คริสตานเต้, อเลฮานโดร โกเมซ - อันเดรียส คอร์เนลิอุส

      ปาสกาล กาสติยง นายใหญ่ของ แกลร์มงต์ ฟุต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มานูเอล เปเรซ (27 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องตัวสำคัญที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ ลอเรนโซ่ ราโฌต์ (6 นัด) แนวรุกดาวรุ่งวัย 20 ปี จะติดโทษแบน เพราะโดนไล่ออกมาจากเกมลีกนัดที่ผ่านมา ซึ่งเปิดบ้านเสมอ นิออร์ 2-2

      ปาโบล กอร์เรอา กุนซือของ โอแซร์ ยิ้มสบายใจได้ก่อนเกมเลย เมื่อสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ดี 100% นั่นหมายความว่า กอร์เรอา สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ได้ตามสะดวก โดยจะมี ฮัมซ่า ซาคีห์ (29 นัด / 4 ประตู) และ อิบราอิม ซ็องกาเร่ (17 นัด / 1 ประตู) พาเหรดกันลงสนาม

      ดิดิเยร์ โธโลต์ กุนซือของ น็องซี่ มีรายงานลูกทีมเจ็บเข้ามาถึง 5 คน ไล่มาตั้งแต่ เซอร์เกย์ เชอร์นิก (9 นัด), ชูเลียง เซต์อูต์ (15 นัด), อองโตเน่ โรบิช (23 นัด / 1 ประตู), อเล็กซิส บูแซ็ง (15 นัด / 1 ประตู) และ แว็งซ็องต์ มาร์เค็ตติ (10 นัด) นั่นทำให้ โธโลต์ ต้องคิดหนักไม่น้อยในการจัดทัพนัดนี้

      โอลิวิเย่ร์ ป็องตาโลนี่ เฮ้ดโค้ชของ อฌักซิโอ้ จะไม่มีชื่อของ กาซิม ลาซี่ (18 นัด / 2 ประตู) กับ โยฮัน คาวัลลี่ (26 นัด / 5 ประตู) สองกองกลางของทีมที่โดนพิษไข้เดี้ยง ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานเเล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะนำทีมมาโดย ริยาด นูรี่ (27 นัด / 12 ประตู)  

      มิคาเอล ฟรอนท์เซ็ค นายใหญ่ของ ไกเซอร์ฯ มีลิสต์ตัวเจ็บในมือ 6 ราย ได้แก่ เลออน กูวาร่า (22 นัด), ยูเลียโน่ โมดิก้า (5 นัด), แม็ดส์ อัลบัค (4 นัด), ดาเนี่ยล ฮาลฟาร์ (9 นัด / 1 ประตู), คริสตอฟ โมริตซ์ (26 นัด / 4 ประตู), แค็กเปอร์ เพอร์ซีบิลโก้ (1 นัด) และ ลูคัส สปาลวิส (20 นัด / 5 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไกเซอร์ฯ (4-2-2-2) : มาริอุส มุลเลอร์ - เบนจามิน เคสเซล, มาร์เซล คอร์เรอา, สติเป วูกูร์, ฟิลิปป์ เวเน่ - กิโน่ เฟชเนอร์, นิลส์ ซูแฟร์ต - แบรนดอน บอร์เรลโล่, รูเบน เยนส์เซ่น - เซบาสเตียน อันเดอร์สสัน, โอซายาเมน โอซาเว่

      โรบิน ดุตต์ เฮ้ดโค้ชของ โบคุ่ม จะหมดสิทธิ์ใช้งาน สเตฟาโน่ เชลอซซี่ (25 นัด), มักซิม ลิตช์ (10 นัด) และ ติโม เพอร์เธิ่ล ที่โดนไข้เดี้ยงเขาครอบงำ ส่วนในรายของ ดานิโล (26 นัด) กับ โธมัส ไอส์เฟลด์ (14 นัด / 1 ประตู) จะติดโทษห้ามแข่งทั้งคู่ เดือดร้อน ดุตต์ ที่ต้องปรับหมากแก้เกมกันอีกครั้ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โบคุ่ม (4-2-3-1) : มานูเอล ไรมันน์ - ยาน กียาเมราห์, พาทริค ฟาเบียน, ทิม ฮู้กลันด์, ยานนิค บันโดว์สกี้ - โรเบิร์ต เทสเช, อองโตนี่ โลซิญ่า - ซิดนี่ย์ แซม, เควิน สโตเกอร์, ร็อบบี้ ครูส - ลูคัส ฮินเตอร์เซียร์

      กีเก้ เซเตียน ผู้จัดการทีมของ เรอัล เบติส ยังไม่มีชื่อของ อันโตนิโอ อาดาน (30 นัด) กับ ซูแฮร์ เฟดดัล (15 นัด / 3 ประตู) ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนในรายของ ฆอร์ดี้ อามัต (19 นัด) กองหลังตัวเก่งดันติดโทษแบนอีก แต่ยังดีที่ในแนวรุกยังอยู่กันครบ โดยจะมี เซร์คิโอ เลออน (28 นัด / 11 ประตู) เป็นตัวทีเด็ด

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล เบติส (4-3-3) : ดานี่ ฆิมิเนซ - อันโตโอ บาร์รากัน, มาร์ก บาร์ทรา, อิสซ่า มองดี้, จูเนียร์ ฟิร์โป - ฆาบี การ์เซีย, ฟาเบียน รุยซ์, อันเดรส กวาร์ดาโด้ - ริย๊าด บูเดบูอัซ, เซร์คิโอ เลออน, ฆัวกิน ซานเชซ

      ปาโบล มาชิน กุนซือของ กิโรน่า จะเหลือเพียงแค่ การ์เลส ปลานาส (5 นัด) ที่เป็นเเข้งเดี้ยงค้างสต็อกอยู่เท่านั้น คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากเกมก่อนๆ มากนัก เพราะเป็นชุดที่ดีที่สุดอยู่เเล้ว นำทีมมาโดย คริสเตียน สตูอานี่ (26 นัด / 17 ประตู) หัวหอกตัวความหวังสูงสุดของทีมชาวอุรุกวัย

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
กิโรน่า (3-4-3) : ยาสซีน บูนู - เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, ฆวนเป้, รามาลโญ่ - ปาโบล มัฟเฟโอ, เปเร ปองส์, อเล็กซ์ กราเนลล์, อันเดรส โมฆิก้า - ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, บอร์ฆา การ์เซีย