วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ กุนซือของ ลา กอรุนญ่า ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน กีเยร์เม่ (23 นัด), เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ (19 นัด) และ เฟเด การ์ตาเบีย (19 นัด / 2 นัด) ที่กอดคอกันเดี้ยงแบบยกแผง ส่วนในรายของ มักซิม โกวัล (1 นัด) ผู้รักษาประตูชาวยูเครน จะติดโทษฉบนตามระเบียบ เพราะโดนไล่ออกอมาในเกมก่อน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลา กอรุนญ่า (4-3-3) : รูเบน มาร์ติเนซ - เอเนโก้ โบเบด้า, ซิดเน่, ราอูล อัลเบนโตซ่า, เฟร์นานโด นาบาร์โร่ - ซัลลี่ย์ มุนตารี่, เปโดร มอสเกร่า, เซลโซ่ บอร์เกส - ลูกัส เปเรซ, ฟลอริน อันโดเน่, อาเดรียน โลเปซ

      ปาโบล มาชิน เทรนเนอร์ของ กิโรน่า จะไม่มีชื่อของ กอร์ก้า อิไรซอซ (9 นัด) กับ การ์เลส ปลานาส (5 นัด) ที่มีอาการเจ็บรบกวน แต่คงไม่เป็นปัญหาอะไร เนื่องจาก ยาสซีน บูนู (19 นัด) พร้อมลงเฝ้าเสาแทนอยู่เเล้ว ส่วนในเเนวรุกจะมี คริสเตียน สตูอานี่ (22 นัด / 14 ประตู) เป็นตัวจบสกอร์อย่างเดิม

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
กิโรน่า (3-4-3) : ยาสซีน บูนู - เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, ฆวนเป้, รามาลโญ่ - ปาโบล มัฟเฟโอ, เปเร ปองส์, อเล็กซ์ กราเนลล์, อันเดรส โมฆิก้า - ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, อเล็กซ์ การ์เซีย

      แฟร้งค์ ชมิดท์ เฮ้ดโค้ชของ ไฮเด้นไฮม์ มีลิสต์ลูกทีมเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ ติโม เบียร์มันน์ (19 นัด / 1 ประตู), มาร์นอน บุช (8 นัด / 1 ประตู), โอลิเวอร์ สตอยเรอร์ และ เมาริซ มัลต์เฮาป์ นั่นทำให้ ชมิดท์ คงเรียกชุดเดิมมาใช้งานต่อ โดยจะมี จอห์น เวอร์ฮ็อค (19 นัด / 7 ประตู) เป็นตัวความหวัง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฮเด้นไฮม์ (4-2-2-2) : เควิน มุลเลอร์ - โรเบิร์ต สเตร๊าส์, เควิน เคร๊าส์, นอร์มัน ธอยเออร์เคาฟ์, อาร์เน่ ฟีค - เซบาสเตียน กรีสเบ็ค, มาร์เซล ติตช์-ริเวโร่ - มาร์ก ชนัตเตอเรอร์, มักซิมิเลี่ยน ธีล - จอห์น เวอร์ฮ็อค, นิโกล่า โดเวดาน

      อูเว่ นอยฮุส กุนซือของ ไดนาโม เดรสเดน ยังไม่มีชื่อของ โซเรน กอนเธอร์ (4 นัด) กับ มาร์โก ฮาร์ทมันน์ (13 นัด / 2 ประตู) ที่ยังสลัดอาการเดี้ยงกลับมาไม่ได้ คาดว่า นอยฮุส คงไม่คิดเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงแน่นอน แต่น่าจะปรับระบบจาก 4-2-3-1 มาเป็น 4-2-2-2 เพื่อให้เดินเกมได้สมดุลมากยิ่งขึ้น

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไดนาโม เดรสเดน (4-2-2-2) : มาร์คุส ชูเบิร์ต - นิคลาส คร๊อยเซอร์, ฟลอเรียน บัลลัส, มาร์เซล ฟรานเค่, ฟิลิป ไฮส์ - มานูเอล คอนราด, นิคลาส เฮาป์มันน์ - ซาสชา โฮร์วาธ, เอริช เบอร์โก้ - ลูคัส โรเซอร์, มุสซ่า โคเน่

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ เทรนเนอร์ของ ชาลเก้ จะไร้เงาของ อับดุล บาบา แนวรับวัย 23 ปี ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง น่าจะมี บรีล เอ็มโบโล่ (16 นัด / 2 ประตู), ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ (22 นัด / 3 ประตู) และ กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์ (23 นัด / 8 ประตู) ลงล่าตาข่าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-4-3) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - เบนจามิน สตัมบูลี่, นัลโด้, มาติย่า นาสตาซิช - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, มักซ์ เมเยอร์, นาบิล เบนตาเล็บ, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - บรีล เอ็มโบโล่, ฟรังโก้ ดิ ซานโต้, กีโด้ บวร์กสตัลเลอร์

      ซานโดร ชวาร์ซ เฮ้ดโค้ชของ ไมนซ์ ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน โรบิน เซนท์เนอร์ (15 นัด) กับ เอมิล เบิร์กกรีน (12 นัด / 4 ประตู) คู่เก่าคู่เดิมซึ่งเดี้ยงไม่หายสักที ส่วนในรายของ เลออน บาโลกัน (11 นัด) จะติดโทษห้ามแข่งในเกมนี้ ทำให้ต้องถอย ฌอง กีบาแมง (21 นัด) ลงเป็นกองหลัง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไมนซ์ (3-5-2) : ฟลอเรียน มุลเลอร์ - สเตฟาน เบล, ฌอง กีบาแมง, อับดู ดิยัลโล่ - จูลิโอ โดนาติ, ซูอัต เซอร์ดาร์, ไนเจล เดอ ยอง, แดนนี่ ลัตซ่า, เกอร์ริต โฮลท์มันน์ - แอนโธนี่ อูยาห์, โยชิโนริ มุโตะ

      ฟรังโก้ นาบาร์โร่ เทรนเนอร์ของ กาฆามาร์ก้า ไม่มีปัญหาในการจัดทัพอะไรเลย เพราะสภาพความพร้อมของทีมสมบูรณ์แบบ 100% เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างไปจากนัดที่เปิดบ้านชนะมาได้ก่อน 2-0 เมื่อเดือนก่อน นำทีมมาโดย เฆเฟร์สัน โกญาซอส (2 นัด) หัวหอกวัย 27 ปี

      รูเบน โลเปซ นายใหญ่ของ รัมปลา ฆูเนียร์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ดิเอโก้ เบนิเตซ (3 นัด) ตัวเก่งของทีม ซึ่งจะติดโทษห้ามแข่งในนัดนี้ เพราะโดนไล่ออกมาในเกมก่อน ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว โดยเฉพาะในรายของ ฆวน ปานซาริเอโญ่ (4 นัด / 1 ประตู) น่าจะได้ลงล่าตาข่ายต่อแน่นอน

      เซลโซ่ อายาล่า เทรนเนอร์ของ นาซิอองนาล ต้องรอลุ้นความฟิตของ ซานติอาโก้ โรฆาส (2 นัด) นายทวารดาวรุ่งประจำทีม ก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าพร้อมลุยหรือไม่ แต่คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เชื่อว่าเกมนี้ อายาล่า เอง ก็ไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก คงเลือกใช้ 11 ขุนพลชุดเดิมต่อ

      ฆวน โตลิซาโน่ กุนซือของ มิเนรอส ไม่มีความกังวลในการจัดทัพ เพราะไม่มีรายงานความเสียหายอะไรเข้ามา คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะก็อปปี้มาจากเกมนัดแรกที่บุกไปเสมอ 0-0 มาได้ก่อน นำทีมมาโดย อังเกล ฟาเรีย (5 นัด), ฟรานกิสโก้ ฟลอเรส (6 นัด) และ ปาโบล (4 นัด)

      พาเวล เวอร์บา เทรนเนอร์ของ วิคตอเรีย เพลเซ่น จะไร้เงาของ มาเรียน ชิซอฟสกี้ ปราการหลังตัวเก๋าประสบการณ์สูง เพราะต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เหมือนเก่า แต่กำลังรบคนอื่นๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่าเกมนี้จะมี ไมเคิล เคอร์เมนนิค (16 นัด / 11 ประตู) ดาวซัลโวของทีมเป็นตัวนำทัพ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
วิคตอเรีย เพลเซ่น (4-2-3-1) : อาเลส ฮรุสก้า - ราดิม เรซนิค, ลูคัส เฮจ์ด้า, โรมัน ฮุบนิค, ดาวิด ลิมเบอร์สกี้ - โตมาส โฮราว่า, พาทริค ฮโรซอฟสกี้ - มิลาน ปีเตอร์เซล่า, ดาเนี่ยล โคลาร์, ยาน โคปิช - ไมเคิล เคอร์เมนนิค

      ชอร์เก้ เชซุส เฮ้ดโค้ชของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยังไม่มีชื่อของ ดาเนี่ยล โพเดนซ์ (12 นัด) แนวรุกวัย 22 ปี ที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนในรายของ บาส โดสต์ (21 นัด / 20 ประตู), เซย์ดู ดุมเบีย (13 นัด) และ คริสเตียโน่ ปิคชินี่ (20 นัด) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง ว่ามีใครพร้อมช่วยทีมได้บ้าง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สปอร์ติ้ง ลิสบอน (4-2-3-1) : รุย ปาทริซิโอ้ - สเตฟาน ริสตอฟสกี้, เซบาสเตียน โคอาเตส, เฌเรมี่ มาธิเยอ, ฟาบิโอ โคเอนเทรา - วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, โรดริโก้ บัตตาญ่า - เกลสัน มาร์ตินส์, บรูโน่ แฟร์นานเดส, ไบรอัน รูอิซ - เฟรดี้ มอนเตโร่

      โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมของ เซนิตฯ จะไม่มีชื่อของ เลอันโดร ปาเรเดส (20 นัด / 3 ประตู) ห้องเครื่องตัวหลักชาวอาร์เจนไตน์ เนื่องจากจะติดโทษห้ามแข่ง ทำให้ มันชินี่ ต้องปรับหมากกันเล็กน้อย แต่สำหรับ อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (21 นัด / 10 ประตู) หัวหอกตัวความหวังพร้อมลงผลิตสกอร์ในนัดนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เซนิตฯ (4-3-3) : อังเดร ลูเนฟ - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, มิฮา เมฟย่า, เอมานูเอล มัมมาน่า, โดเมนิโก้ คริสซิโต้ - มาเตียส คราเนวิตเตอร์, ดาเลอร์ คุซยาเยฟ, ยูริ เซียร์คอฟ - เอมิเลียโน่ ริโกนี่, อเล็กซานเดอร์ โคโคริน, แอนตัน ซาโบล๊อตนี่

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล กุนซือของ ไลป์ซิก ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก (15 นัด / 2 ประตู) แนวรับวัย 26 ปี ที่มีอาการเจ็บเข่ารบกวนอยู่ แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานเเล้ว คาดว่าเกมนี้ นาบี เกอิต้า (18 นัด / 4 ประตู) มิดฟิลด์ตัวเทพของทีม จะได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-4-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - คอนราด ไลเมอร์, วิลลี่ ออร์แบน, อูปาเมกาโน่, ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ - มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เควิน คัมเพิ่ล, นาบี เกอิต้า, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ติโม แวร์เนอร์, ยุสซุฟ โพลเซ่น

      มาร์โก โรเซ่ เฮ้ดโค้ชของ ซัลซ์บวร์ก ขนนักเตะมาบุกดินแดนเยอรมันแบบฟูลทีม เพราะไม่มีรายงานอาการเจ็บหรือติดโทษห้ามแข่งเข้ามาเลย นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงจะนำทีมมาโดย วาลอน เบริช่า (22 นัด / 3 ประตู), เฟรดริค กุลบรานด์เซ่น (22 นัด / 6 ประตู) และ มูนาส ดับบูร์ (23 นัด / 16 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซัลซ์บวร์ก (4-4-2) : อเล็กซานเดอร์ วัลเค่ - สเตฟาน ไลเนอร์, อังเดร รามัลโญ่, ดูเย่ คาเลต้า-คาร์, อันเดรียส อุลแมร์ - ไรน์โฮล์ด ยาโบ, ซาเเวร์ ชลาเกอร์, ดิอาดี้ ซามาสเซคู, วาลอน เบริช่า - เฟรดริค กุลบรานด์เซ่น, มูนาส ดับบูร์

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ นายใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ จะไร้เงาของ ราฟาเอล เกร์เรโร่ (8 นัด / 1 ประตู), อันเดร ยาร์โมเลนโก้ (16 นัด / 3 ประตู) และ ชินจิ คากาวะ (18 นัด / 5 ประตู) ที่กอดคอกันเดี้ยงเเบบยกเซ็ต คาดว่า สโตเกอร์ ไม่น่าจะคิดเปลี่ยน 11 ขุนพลมากมาย คงจะมี มิชี่ บัตชัวยี่ (5 นัด / 3 ประตู) ลงเป็นตัวทีเด็ด

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-3-2-1) : โรมัน บูร์กี - ลูคัส พิสเซค, โซเครติส, โอเมอร์ โทพรัค, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - จูเลี่ยน ไวเกิ้ล, กอนซาโล่ คาสโตร - อันเดร ชูร์เล่, มาริโอ เกิทเซ่ , มาร์โก รอยส์ - มิชี่ บัตชัวยี่

      คิม โด ฮุน นายใหญ่ของ อุลซาน ฮุนได ยังคงไร้เงาของ ลี จอง โอ แนวรุกวัย 25 ปี ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงานอยู่เหมือนเก่า แต่ก็เป็นรายเดียวที่หายหน้าไป เนื่องจากกำลังรบคนอื่นๆ พร้อมจะลุยกันอยู่นานแล้ว คาดว่า โด ฮุน จะไว้วางใจในตัวของ มิสลาฟ ออร์ซิช (1 นัด) ในการลงผลิตสกอร์ให้กับทีม

      วิคเตอร์ เปไรร่า เทรนเนอร์ของ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี สบายใจเหลือเกินในการจัดทัพ เพราะลูกทีมทุกคนฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด เชื่อว่า เปไรร่า คงจัดทีมแบบไม่มีความประมาทใดๆ และน่าจะได้เห็น โอดิล อัห์คเมดอฟ (1 นัด), ออสการ์ (1 นัด / 3 ประตู), ฮัลค์ (1 นัด / 1 ประตู) รวมถึง เอลเคสัน ลงเล่นกันทั้งหมด

      เควิน มุสแคท กุนซือของ เมลเบิร์น วิคตอรี่ ยังไม่มีชื่อของ มิตช์ ออสติน (5 นัด / 1 ประตู) แนวรุกวัย 26 ปี ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้ในหัวเข่า เชื่อว่า มุสแคท เตรียมวางหมากมาในระบบ 4-2-3-1 เหมือนนัดก่อน โดยจะมี เจมส์ ทรอยซี่ (18 นัด / 3 ประตู) มิดฟิลด์ทีมชาติออสเตรเลีย เป็นจอมทัพ

      โทรุ โอนิกิ เทรนเนอร์ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน มานาบุ ไซโตะ ปีกตัวเก่งประจำทีม ที่ยังต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เหมือนเก่า เท่ากับว่า โอนิกิ สามารถก็อปปี้ 11 ตัวจริงในนัดก่อนๆ มาใช้งานได้ต่อแบบสบายๆ เพราะไม่มีรายงานเรื่องความเสียหายใดๆ เพิ่มเติมเข้ามาแม้แต่น้อย

      วู จินกุย กุนซือของ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว เตรียมขน 11 ขุนพลชุดใหญ่ลงบู๊ในศึกนี้ เพราะไม่มีรายงานความเสียหายใดเรื่องนักเตะเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามา คาดว่า จินกุย น่าจะให้ลูกทีมเล่นในระบบ 4-5-1 ตามเดิม ซึ่งจะมี เฟรดี้ กัวริน (1 นัด), โจวานนี่ โมเรโน่ (1 นัด) และ โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ พร้อมใจกันลงช่วยต้นสังกัด

      โซ จุง วอน นายใหญ่ของ ซูวอน บลูวิงส์ ไม่มีปัญหาใดในการวางหมากนัดนี้ เนื่องจากสภาพความพร้อมของทีมสมบูรณ์ดี 100% นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างไปจากเดิมมากนัก โดยจะมี เดยัน ดัมยาโนวิช (1 นัด) หัวหอกตัวเก๋าประสบการณ์สูงวัย 36 ปี ลงเป็นตัวความหวังเหมือนเก่า

      โก โออิวะ นายใหญ่ของ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส จะไร้เงาของ ยาซุชิ เอ็นโดะ (2 นัด) กับ ไดโกะ นิชิ ที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงาน ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว เชื่อว่า โออิวะ จะจัดหนักด้วยการส่ง "อาวุธหนัก" ลงเล่นแบบครบครัน โดยเฉพาะในรายของ มู คานาซากิ (2 นัด / 1 ประตู) จอมทัพของทีม

      เกรแฮม อาร์โนลด์ ผู้จัดการทีมของ ซิดนี่ย์ เอฟซี ไม่มีปัญหาใดๆ ในการเลือกตัวผู้เล่น เพราะนักเตะทุกคนฟิตสมบูรณ์กันดี คาดว่า อาร์โนลด์ จะวางหมากมาในระบบ 4-4-2 โดยจะมี อเล็กซ์ บรอสเก้ (21 นัด / 4 ประตู), โบโบ้ (22 นัด / 22 ประตู) รวมไปถึง มิลอส นินโควิช (19 นัด / 4 ประตู) พาเหรดกันลงสนาม

      แดนนี่ คาวลี่ย์ กุนซือของ ลินคอล์น ยังไม่มีชื่อของ ลี เฟร็กลิงตัน (5 นัด / 2 ประตู) มิดฟิลด์ตัวเก๋าวัย 32 ปี เพราะต้องพักรักษาตัวอยู่เหมือนเก่า เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ขุนพลในใจของ คาวลี่ย์ คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง น่าจะนำทีมมาโดย แมทธิว กรีน (33 นัด / 10 ประตู) กับ แมทธิว อาร์เฮ้ด (29 นัด / 7 ประตู) แน่นอน

      เดวิด ฟลิทครอฟท์ นายใหญ่ของ แมนส์ฟิลด์ ไม่มีปัญหาใดให้กังวลในการวางหมาก เพราะตัวหลักๆ ที่ใช้งานในปัจจุบันยังอยู่กันครบครัน นั่นหมายความว่า ฟลิทครอฟท์ จะจัดทัพในระบบ 4-4-2 ตามถนัด โดยจะมี แดนนี่ โรส (30 นัด / 14 ประตู) กับ เคน เฮมมิ่งส์ (25 นัด / 9 ประตู) พาเหรดกันลงสนาม

      จิม เบนท์ลี่ย์ ผู้จัดการทีมของ มอร์แคมบ์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน แม็กซ์ มูลเลอร์ (20 นัด) แนวรับชาวเยอรมันที่ต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานเเล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะนำทีมมาโดย เควิน เอลิสสัน (29 นัด / 9 ประตู) กองกลางประสบการณ์สูงวัย 39 ปี

      จอห์น โคลแมน กุนซือของ แอคคริงตันฯ ได้รับข่าวดีก่อนเริ่มเกมเลย เมื่อ ชอห์น แมคคอนวิลล์ (31 นัด / 10 ประตู) แนวรุกตัวสำคัญฟิตเต็มสูบ กลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง ทำให้สภาพความพร้อมของ แอคคริงตันฯ สมบูรณ์ 100% แถมยังมี เคย์เดน แจ็คสัน (32 นัด / 13 ประตู) ลงล่าตาข่ายได้อีกต่างหาก

      โช ซุง ฮวาน นายใหญ่ของ เจจู ยูไนเต็ด น่าจะยังยึด 11 ตัวจริงจากเกมที่บุกชนะ บุรีรัมย์ฯ 2-0 ในนัดก่อนมาใช้งานต่อเนื่อง เพราะลูกทีมทำหน้าที่กันได้ดีอยู่เเล้ว โดยเฉพาะในแดนหน้า ซึ่งน่าจะมี มักโน่ ครูซ (1 นัด), จิน ซัง วุ๊ค (1 นัด) รวมไปถึง ริว ซุง วู (1 นัด) ลงป่วนคู่เเข่งขันเพื่อช่วยกันผลิตสกอร์

      ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ผู้จัดการทีมของ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เหลียว ลี่เฉิง ห้องเครื่องวัย 24 ปี เนื่องจากติดโทษแบน นั่นหมายความว่า "สองแซมบ้าพระกาฬ" อย่าง ริคาร์โด้ กูลาร์ท (1 นัด / 1 ประตู) กับ อลัน (1 นัด / 3 ประตู) จะได้ลงสร้างความอันตรายในเกมรุกให้กับทีมเหมือนเก่า

      ยูน จุง ฮวาน ผู้จัดการทีมของ เซเรโซ โอซาก้า ยกทัพมาไทยแบบสุดแปลก เพราะไม่หนีบนักเตะตัวหลักมาเลย ไม่ว่าจะเป็น โฮตารุ ยามากูจิ (2 นัด), โยอิชิโร คาคิตานิ (2 นัด / 2 ประตู) หรือแม้เเต่ เคนยู ซูกิโมโตะ (2 นัด / 1 ประตู) เล่นขนดาวรุ่งมามากมายหลายคน ต้องมาดูกันว่าการจัดทัพจะเป็นเเนวไหน

      โบซิดาร์ บันโดวิช กุนซือของ บุรีรัมย์ฯ จะไม่มีชื่อของ ชิติพัทธ์ แทนกลาง กับ สุเชาว์ นุชนุ่ม (2 นัด) ที่มีอาการเจ็บรบกวนอยู่ ส่วนในรายของ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (4 นัด / 5 ประตู) ดาวยิงตัวเก่งจะอดบู๊แน่นอน เนื่องจากติดโทษแบน ทำให้ภารกิจล่าประตูในนัดนี้ จะตกเป็นของ เอ็ดการ์ บรูโน่ ดา ซิลวา (4 นัด)

      ชู ฉี หว่อง เทรนเนอร์ของ คิตฉี เตรียมขนชุดที่ดีที่สุดลงลุยแบบต่อเนื่อง เพราะไม่มีปัญหาอะไรให้กังวลแม้เเต่น้อย คาดว่าเกมนี้ ชู ฉี หว่อง จะวางหมากมาในระบบ 3-5-2 เหมือนที่ทีมถนัด โดยจะฝากความหวังการทำประตูไว้ที่ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (5 นัด / 5 ประตู) และ แฟร์นานโด (14 นัด / 4 ประตู)

      ทาคาฮิโระ ชิโมตาอิระ นายใหญ่ของ คาชิว่า เรย์โซล ยังไร้เงาของ โคเฮ เทซึกะ กองกลางดาวรุ่งของทีมที่มีปัญหาเจ็บเอ็นไขว้ในหัวเข่า แต่คงไม่ส่งผลในการจัดทัพแน่ๆ เนื่องจาก ชิโมตาอิระ จะก็อปปี้ 11 ตัวจริงชุดเดิมมาใช้งานต่อ นำทีมมาโดย คริสเตียโน่ (2 นัด) ดาวยิงตัวเก่งเจ้าเก่าเจ้าเดิม

      เปาโล ซูซ่า เฮ้ดโค้ชของ เทียนจิน ควานเจี้ยน เตรียมขน 11 ขุนพลชุดที่ดีที่สุดลงบู๊แน่นอน เพราะไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ เข้ามา เชื่อว่า ซูซ่า น่าจะเรียกใช้บริการของ อเล็กซานเดร ปาโต้ มาลงเล่นเป็นตัวจริง หลังจากที่ลงสนามเป็นสำรองแล้วทำได้ดีในนัดที่บุกเสมอ คาชิว่า เรย์โซล 1-1

      ชอย คัง ฮี เทรนเนอร์ของ ชุนบุค ฮุนได จะหมดสิทธิ์ใช้งาน จอง โฮ ฮอง (1 นัด) แนวรับตัวแกร่งวัย 28 ปี เพราะจะติดโทษแบน เนื่องจากสะสมใบเหลืองครบโควต้าเเล้ว ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมลุยกันทุกคน คาดว่าจะนำทีมมาโดย อาเดรียโน่ (1 นัด) ผู้ระเบิดเเฮตทริคได้ในนัดก่อนที่ ฮ่องกง

      มาร์คุส เคาซินสกี้ ผู้จัดการทีมของ ซังต์ เพาลี มีรายชื่อลูกทีมเจ็บในมือ 4 ราย ได้แก่ มาร์ค ฮอร์นชูห์ (6 นัด), เกลเมนส์ ช็อปเปนฮอยเออร์ (2 นัด), คริสโตเฟอร์ บุชท์มันน์ (12 นัด / 4 ประตู) และ เรียว มิยาอิชิ ส่วนในรายของ แบรนด์ เนห์ริก (21 นัด) กองกลางตัวสำคัญของทีม จะติดโทษห้ามแข่งในนัดนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซังต์ เพาลี (4-2-2-2) : โรบิน ฮิมเมิ่ลมันน์ - ปาร์ค ยี ยัง, ลาส โซบีช, คริสโตเฟอร์ อาวีเวอร์, ดาเนี่ยล บูบัลล่า - โยฮานเนส ฟลุม, เยเรมี่ ดู๊ดเซี๊ยค - วัลเดมาร์ โซโบต้า, ริชาร์ด นอยเด็คเกอร์ - ซามี่ อัลลากุย, อาซิซ บูฮัดดูซ

      ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิ่ล นายใหญ่ของ ดุสเซลดอร์ฟ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มิคาเอล เรนซิ่ง (3 นัด) กับ โกคาห์น กัล ที่ยังคงเป็นเเข้งเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ แต่กำลังรบคนอื่นๆ พร้อมลุยกันอยู่นานเเล้ว คาดว่า ฟุงเคิ่ล น่าจะไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก โดยจะมี รูเวน เฮนนิ่งส์ (23 นัด / 8 ประตู) ยืนเป็นหน้าเป้าเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุสเซลดอร์ฟ (4-2-3-1) : ราฟาเอล โวล์ฟ - ฌอน ซิมเมอร์, คาน อายฮาน, อังเดร ฮอฟฟ์มันน์, นิโก้ กีเซลมันน์ - มาร์เซล โซบ็อตต์ก้า, ฟลอเรียน นอยฮุส - เบนิโต้ รามาน, โอลิเวอร์ ฟิงค์, ทาคาชิ อูซามิ - รูเวน เฮนนิ่งส์

      เจฟ ไซบีน เฮ้ดโค้ชของ บีเลเฟลด์ ขาดหายไปเพียงเเค่ นิลส์ ควอชเนอร์ (4 นัด) แนวรับวัย 23 ปี คนเดียวเหมือนเดิม เพราะยังต้องพักรักษาตัวอยู่ คาดว่า ไซบีน น่าจะยังมั่นใจใน 11 ขุนพลชุดเก่า โดยจะมี อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์ (24 นัด / 9 ประตู) กับ เลอันโดร ปูตาโร่ (13 นัด / 2 ประตู) ลงผลิตสกอร์คู่กัน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บีเลเฟลด์ (4-2-2-2) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ฟลอเรียน ดิ๊ค, ไบรอัน เบห์เรนด์, จูเลี่ยน บอร์เนอร์, ฟลอเรียน ฮาร์แธร์ซ - ทอม ชู๊ทซ์, มานูเอล เพรเทิ่ล - พาทริค ไวห์เร๊าช์, คอนสแตนติน เคิร์ชเบาเมอร์ - อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์, เลอันโดร ปูตาโร่

      แฟร้งค์ ชมิดท์ เทรนเนอร์ของ ไฮเด้นไฮม์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเรื่องลูกทีมเจ็บเลย เพราะมี 3 ตัวเท่าเก่า คือ ติโม เบียร์มันน์ (19 นัด / 1 ประตู), มาร์นอน บุช (8 นัด / 1 ประตู) และ เมาริซ มัลต์เฮาป์ นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างไปจากชุดปัจจุบันที่ใช้งานอยู่แน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฮเด้นไฮม์ (4-2-2-2) : เควิน มุลเลอร์ - โรเบิร์ต สเตร๊าส์, เควิน เคร๊าส์, มาเธียส วิทเท็ค, อาร์เน่ ฟีค - เซบาสเตียน กรีสเบ็ค, มาร์เซล ติตช์-ริเวโร่ - มาร์ก ชนัตเตอเรอร์, มักซิมิเลี่ยน ธีล - จอห์น เวอร์ฮ็อค, นิโกล่า โดเวดาน

      อาคิม เบเยอร์ลอร์เซอร์ เทรนเนอร์ของ ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก จะไม่มีชื่อของ เควิน ฮอฟฟ์มันน์ ที่มีอาการเจ็บเล่นงาน ส่วนในรายของ ฟิลิปป์ เพนท์เก้ (23 นัด) นายทวารหมายเลขหนึ่งมีปัญหาส่วนตัว คงลงเล่นเกมนี้ไม่ได้ เดือดร้อนถึง เบเยอร์ลอร์เซอร์ ต้องเรียกตัว อังเดร ไวส์ (1 นัด) นายด่านมือสอง มาลงประจำการแทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก (4-2-2-2) : อังเดร ไวส์ - เบเนดิคท์ ซอลเลอร์, เซบาสเตียน นัชไรเนอร์, มาร์วิน โนล, อเล็กซานเดอร์ นานด์ซิค - อันเดรียส ไกเพิ่ล, มาร์ค ไลส์ - เซบาสเตียน สตอลเซ่, ซาร์กิส อดัมยาน - มาร์โก กรุตเนอร์, โยนาส เนต์เฟลด์

      ทอร์สเท่น ลีเบิร์คเน็ชท์ กุนซือของ บราวน์ชไวก์ จะไร้เงาของ โยเซฟ บัฟโฟ่ (11 นัด / 3 ประตู), สตีฟ เบรทคร๊อยซ์ (15 นัด) และ จูเลียส ไบอาด้า (7 นัด) ที่โดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ นั่นทำให้ ลีเบิร์คเน็ชท์ ต้องปรับทีมกันอีกครั้ง แต่สำหรับ ซูเลมาน อับดุลลาไฮ (20 นัด / 6 ประตู) น่าจะไม่หนีไปจาก 11 ตัวจริงแน่ๆ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บราวน์ชไวก์ (4-2-2-2) : ยัสมิน เฟย์ซิช - มักซิมิเลี่ยน ซอยเออร์, เฟรเดริค ตินกาเกอร์, กุสตัฟ วัลสวิค, เคน ไรเชิ่ล - เกริน โมลล์, มีร์โก โบลันด์ - จอร์จ ไตเกิ้ล, ยาน ฮอชไชด์ - ซูเลมาน อับดุลลาไฮ, โดมินิค คุมบาล่า

      ฟาบิโอ เป็คเคีย เฮ้ดโค้ชของ เวโรน่า จะไร้เงาของ มัตเตีย วาลอติ (19 นัด / 2 ประตู) กับ อเลสซิโอ แซร์ชี่ (14 นัด / 2 ประตู) เพราะยังเจ็บไม่หาย ส่วนในรายของ โรมูโล่ (26 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องตัวสำคัญจะติดโทษแบน แต่ยังมีข่าวดีตรงที่ มอยเซ่ คีน (19 นัด / 4 ประตู) พร้อมลงล่าตาข่าย 

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เวโรน่า (4-4-2) : นิโคลัส - อเล็กซ์ แฟร์รารี่, อันโตนิโอ คารัชโชโล่, ยากอส วูโควิช, โมฮัมเหม็ด ฟาเรส - ริเดอร์ มาโต๊ส, ซิโมเน่ คัลวาโน่, มาร์โก ฟอสซาติ, ดานิเอเล่ แวร์เด้ - บรูโน่ เพตโกวิช, มอยเซ่ คีน

      โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ผู้จัดการทีมของ เบเนเวนโต้ จะไม่มีชื่อของ ลูก้า อันเต (8 นัด), มาร์โก ดิ อเลสซานโดร (15 นัด / 1 ประตู) และ ซานโดร (5 นัด / 1 ประตู) ที่มีปัญหาโรคเดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ นิโคลัส วิโอล่า (16 นัด / 1 ประตู) กับ ฟาบิโอ ลูซิโอนี่ (8 นัด) จะติดโทษห้ามแข่งในนัดนี้พอดี

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบเนเวนโต้ (4-2-3-1) : คริสเตียน ปุยโยนี่ - บาการี่ ซาญ่า, เบรัต ฌิมซิติ, อาลิน ตอสก้า, กาเอตาโน่ เลติเซีย - เลเดียน เมมูชาย, ดานิโล่ กาตัลดี้ - กีเยร์เม่, เอ็นริโก้ บริโญล่า, ฟิลิป ฌูริซิช - มัสซิโม่ โคด้า

      ตายฟุน คอร์คุต ผู้จีดการทีมของ สตุ๊ตการ์ต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ชาดรัก อาโคโล่ (17 นัด / 4 ประตู), มัทธิอัส ซิมเมอร์มันน์ (2 นัด) และ การ์ลอส มาเน่ ที่ควงเเขนกันเข้าโรงพยาบาลอยู่ทั้งหมด แต่เชื่อว่าชั่วโมงนี้ คอร์คุต คงไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงแต่อย่างใด เพราะลูกทีมกำลังโชว์ฟอร์มได้ไฉไลกันแบบสุดๆ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สตุ๊ตการ์ต (4-3-3) : รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ - อันเดรียส เบ็ค, ติโม บอย์มการ์ตเทิ่ล, เบนจามิน ปาวาร์, เอมิเลียโน่ อินซัว - โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, ซานติอาโก้ อัสกากิบาร์, คริสเตียน เกนท์เนอร์ - อีริค ธอมมี่, มาริโอ โกเมซ, ดาเนี่ยล กินเซค

      สเตฟาน รูเธนเบค กุนซือของ โคโลญจน์ จะไม่มีชื่อของ ยาน ฮอร์น (9 นัด) กับ คริสโตฟห์ เกลเมนส์ (9 นัด / 1 ประตู) ที่มีอาการเจ็บรบกวน แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยเพื่อต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงไม่น่าจะต่างไปจากนัดที่บุกชนะ ไลป์ซิก 2-1 นำทีมมาโดย เลออน บิตเท่นคอร์ต (13 นัด / 1 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (3-4-2-1) : ติโม ฮอร์น - เฟรเดริค โซเรนเซ่น, ฆอร์เก้ เมเร่, โดมินิค ไฮนซ์ - มาร์เซล ริสเซ่, มาร์โก โฮเกอร์, แว็งซ็องต์ โกซิเอลโล่, โยนาส เอคเตอร์ - ยูยะ โอซาโกะ, เลออน บิตเท่นคอร์ต - ไซม่อน เทร็อด

      จุ๊ป ไฮย์เกส เทรนเนอร์ของ บาเยิร์น มีลิสต์ตัวเจ็บในมืออยู่ 3 คน คือ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด), คิงส์ลี่ย์ โกม็อง (21 นัด / 3 ประตู) และ ฮาเมส โรดริเกวซ (16 นัด/4 ประตู) แล้วต้องมาเสีย ฟร้องค์ ริเบรี่ (15 นัด / 2 ประตู) ไปกับอาหารเป็นพิษอีก ทำให้ต้องแก้ปัญหาในตำแหน่งกองกลางตัวรุกเป็นการด่วน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อูลไรช์ - โจฌัว กิมมิค, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, นิคลาส ซูเล่, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ, อาร์ตูโร่ วิดัล - โธมัส มุลเลอร์, ธิอาโก้ อัลกานตาร่า, อาร์เยน ร๊อบเบน - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      คริสเตียน สไตรช์ นายใหญ่ของ ไฟร์บวร์ก ยังไร้เงาของ ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์ (10 นัด / 2 ประตู) ที่ยังเดี้ยงอยู่เหมือนเก่า แต่คงไม่มีปัญหาอะไรในการจัดทัพเกมนี้ โดย สไตรช์ เตรียมปรับหมากมาใช้ระบบ 3-5-2 เพราะต้องการเน้นเเดนกลางให้เเน่นขึ้น ซึ่งจะมี โรบิน ค็อก (16 นัด / 2 ประตู) เป็นตัวปั้นเกม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฟร์บวร์ก (4-4-2) : อเล็กซานเดอร์ ชโวลอฟ - ปาสกาล สเตนเซิ่ล, มานูเอล กัลด์, คักลาร์ โซยุนกู - คริสเตียน กุนเตอร์, อาเมียร์ อับราชี่, โรบิน ค็อก, มาร์โก แตร์รัซซิโน่ - ยานิค ฮาเบเรอร์, นีล พีเตอร์เซ่น

      อเล็กซานเดร กาม่า เทรนเนอร์ของ เชียงรายฯ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ฉัตรชัย บุตรพรหม (3 นัด) นายด่านหมายเลขหนึ่งของทีม ทำให้เป็นโอกาสของ สรานนท์ อนุอินทร์ (1 นัด) ได้ลงเฝ้าเสาต่อ ส่วนตัวหลักที่เหลือยังอยู่กันครบครัย ทั้ง วิคเตอร์ การ์โดโซ (3 นัด / 1 ประตู), ปิยพล ผานิชกุล (3 นัด) และ เคลตัน ซิลวา (3 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เชียงรายฯ (3-5-1-1) : สรานนท์ อนุอินทร์ - วิคเตอร์ คาร์โดโซ, อาทิตย์ ดาวสว่าง, ธนะศักดิ์ ศรีใส - ปิยพล ผานิชกุล, ชินภัทร ลีเอาะ, อี ยอง แร, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, สุริยา สิงห์มุ้ย - เนบีฮี บายรัม, เคลตัน ซิลวา

      ธชตวัน ศรีปาน นายใหญ่ของ เมืองทองฯ ปวดหัวไม่น้อยในการจัดทีม เนื่องจากมีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเป็น อดิศร พรหมรักษ์ (3 นัด), ชาริล ชัปปุยส์ (3 นัด), อดิศักดิ์ ไกรษร, วัฒนา พลายนุ่ม (1 นัด), เจนรบ สำเภาดี (2 นัด / 3 ประตู) และ เซลิโอ ซานโตส ทำให้ "โค้ชแบน" ต้องทำใจใช้งานนักเตะเท่าที่มี

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เมืองทองฯ (4-3-3) : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล - ทริสตอง โด, นุกูลกิจ ครุฑใหญ่, นาโออากิ อาโอยามะ, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา - สารัช อยู่เย็น, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, รัชพล นาวันโน - สิโรจน์ ฉัตรทอง, ชาช่า โคเอลโญ่, เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ ผู้จัดการทีมของ ดอร์ทมุนด์ มีลิสต์แก๊งเดี้ยงเซ็ตเก่า ไม่ว่าจะเป็น เอริค ดอร์ม, จาดอน ซานโช่ (6 นัด), อันเดร ยาร์โมเลนโก้ (16 นัด / 3 ประตู) และ มาซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์ (11 นัด / 6 ประตู) นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในใจของ สโตเกอร์ ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนัดก่อนๆ มากนัก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-3-3) : โรมัน บูร์กี - ลูคัส พิสเซค, โซเครติส, โอเมอร์ โทพรัค, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - จูเลี่ยน ไวเกิ้ล, ชินจิ คากาวะ, มาริโอ เกิทเซ่ - มาร์โก รอยส์, มิชี่ บัตชัวยี่, อันเดร ชูร์เล่

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ไลป์ซิก ยังไร้เงาของ มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก (15 นัด / 2 ประตู) เพราะต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนในรายของ นาบี เกอิต้า (18 นัด / 4 ประตู) ห้องเครื่องตัวเก่งประจำทีม กลับมาเป็นทางเลือกได้เเล้ว แต่น่าจะออกสตาร์ทในม้านั่งสำรองไปก่อน เนื่องจาก ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล คงไม่อยากเสี่ยง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-4-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - แบร์นาร์โด้, วิลลี่ ออร์แบน, อูปาเมกาโน่, ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ - มาร์เซล ซาบิตเซอร์, ดีเอโก้ เดมม์, เควิน คัมเพิ่ล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ติโม แวร์เนอร์, ยุสซุฟ โพลเซ่น

      ไฮโค แฮร์ลิช ผู้จัดการทีมของ เลเวอร์คูเซ่น ยังไม่มีชื่อของ ลาร์ส เบนเดอร์ (15 นัด / 2 ประตู) กองกลางตัวเก่งที่เจ็บอยู่เหมือนเก่า ส่วนในรายของ พานาจิโอติส เพตซอส (17 นัด) กับ โดมินิค คอห์ร (21 นัด / 1 ประตู) สองตัวหลักสำคัญของทีมต้องติดโทษห้ามแข่งในเกมนี้ นี่คือปัญหาที่ แฮร์ลิช ต้องแก้ไขเป็นการด่วน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (3-4-3) : แบร์นด์ เลโน่ - ติน เชดวาย, สเวน เบนเดอร์, โจนาธาน ตาห์ - ไค ฮาแวร์ซ, จูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์, ชาร์ลส์ อรานกุซ, เวนเดล - จูเลี่ยน บรันด์, เควิน โฟลลันด์, เลออน ไบญี่

      บรูโน่ ลาบบาเดีย นายใหญ่ของ โวล์ฟสบวร์ก เหลือนักเตะเจ็บในมืออีก 6 ราย ได้แก่ ยานนิค แกร์ฮาร์ด (16 นัด / 1 ประตู), มาร์เซล ทิสเซอรันด์ (14 นัด), จอห์น บรู้คส์ (7 นัด), เซบาสเตียน จุง (2 นัด), อิ๊กนาซิโอ กามาโช่ (9 นัด) และ ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ (7 นัด / 1 ประตู) ทำให้ต้องปวดตับในการจัดทัพเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โวล์ฟสบวร์ก (4-2-3-1) : โกเยนส์ กัสตีลส์ - พอล เวอร์ฮาจ, บรูม่า, โรบิน น็อคเก้, วิลเลี่ยม - โจฌัว กีลาโว้ก, มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ - โจซิป เบรคาโล่, ยูนุส มัลลี่, ดาเนี่ยล ดิดาวี่ - ดิว๊อค โอริกี

      ซานโดร ชวาร์ซ เทรนเนอร์ของ ไมนซ์ จะไร้เงาของ โรบิน เซนท์เนอร์ (15 นัด) กับ เอมิล เบิร์กกรีน (12 นัด / 4 ประตู) ที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงานอยู่ ทำให้ เรเน่ อ๊าดเลอร์ (9 นัด) ต้องรับผิดชอบหน้าที่เฝ้าเสา ส่วนในแนวรุกน่าจะเป็น โยชิโนริ มุโตะ (20 นัด / 7 ประตู) ที่ลงล่าตาข่ายคู่กับ โรบิน ไควสัน (16 นัด / 4 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไมนซ์ (3-5-2) : เรเน่ อ๊าดเลอร์ - เลออน บาโลกัน, สเตฟาน เบล, อับดู ดิยัลโล่ - จูลิโอ โดนาติ, ฌอง กีบาแมง, ไนเจล เดอ ยอง, แดนนี่ ลัตซ่า, เกอร์ริต โฮลท์มันน์ - โรบิน ไคสัน, โยชิโนริ มุโตะ

      แบร์นด์ โฮลแลร์บัค กุนซือของ ฮัมบูร์ก มีรายงานความเสียหายเรื่องลูกทีมเจ็บเข้ามา 3 คน คือ จูเลี่ยน โพลแลร์เบค (2 นัด), อัลบิน เอคดัล (13 นัด) และ นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) คาดว่าเกมนี้ โฮลแลร์บัค จะเรียกตัว ลูอิส โฮลท์บี้ (8 นัด / 1 ประตู) มาช่วยเกมในแดนกลาง แทนที่ กีเดียน จุง (21 นัด / 1 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-2-3-1) : มาเธเนีย - โกโตคุ ซากาอิ, แมร์กิม มาฟราย, คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส, ริค ฟาน ดรองเกเล่น - ลูอิส โฮลท์บี้, วาเลซ - อันเดร ฮาห์น, อารอน ฮันท์, ฟิลิป คอสติช - ยาน อาร์ป

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ เฮ้ดโค้ชของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ต้องรอเช็คความฟิตของ สเตฟาน พอช (9 นัด) และ เคเรม เดเมียร์เบย์ (15 นัด / 2 ประตู) ก่อนอีกครั้ง เพราะเพิ่งจะหายเจ็บกลับมา แต่กำลังรบคนอื่นๆ พร้อมลุยเพื่อต้นสังกัดได้ทั้งหมด คาดว่าเกมนี้ จะได้เห็น มาร์ก อูธ (22 นัด / 10 ประตู) ลงเป็นตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-4-2-1) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - เควิน อัคโปกูม่า, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ - พาเวล คาเดราเบค, ลูคัส รัปป์, เดนนิส ไกเกอร์, นิโก้ ชูลซ์ - แซร์ก จีนาบรี้, อันเดร ครามาริช - มาร์ก อูธ

      มานูเอล บอย์ม นายใหญ่ของ เอ๊าก์สบวร์ก จะไม่มีชื่อของ เจฟฟรี่ โกเวลูว์ (20 นัด) กับ ราฟาเอล ฟรัมแบร์เกอร์ (9 นัด) สองกองหลังที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ คูบี้ (24 นัด / 5 ประตู) ห้องเครื่องชาวบราซิลจะติดโทษแบน นั่นบังคับให้ บอย์ม ต้องคิดปรับแท็กติกกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอ๊าก์สบวร์ก (3-4-2-1) : มาร์วิน ฮิตซ์ - เควิน ดานโซ่, รานี่ เคดิร่า, มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์ - มาร์เซล เฮลเลอร์, ดาเนี่ยล เบเยอร์, กอจโก้ คาชาร์, ฟิลิปป์ มักซ์ - โจนาต็อง ชมิด, คู จา ชอล - มิเชล เกรกอริช

      อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ นายใหญ่ของ ฮันโนเวอร์ จะไม่มีชื่อของ เอ็ดการ์ พริบ ที่ยังเจ็บไม่หาย ส่วนในรายของ ซาลิฟ ซาเน่ (23 นัด / 1 ประตู) ปราการหลังตัวสำคัญ จะติดโทษแบนในนัดนี้ ทำให้ ไบรเท่นไรเตอร์ ต้องจัดระเบียบเเนวรับกันใหม่ ด้วยการส่ง เฟลิเป้ (4 นัด) ลงรับสัมปทานแทนในตำแหน่งที่ว่างอยู่

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮันโนเวอร์ (3-4-3) : ฟิลิปป์ ชอเนอร์ - วัลเดเมียร์ แอนตัน, เฟลิเป้, โจซิป อีเลซ - จูเลี่ยน คอร์บ, เพอร์มิน ชเว็กเลอร์, อิเวอร์ ฟอสซัม, มัทธีอัส ออสเตอร์โซเลค - เฟลิกซ์ เคล๊าส์, นิคลาส ฟัลครู้ก, อิห์ลัส เบบู

      นิโก้ โควัค เทรนเนอร์ของ แฟร้งค์เฟิร์ต ยังไร้เงาของ อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ ที่ยังต้องพักรักษาตัวต่อไป ส่วนในรายของ เจโทร วิลเล่มส์ (16 นัด) มีปัญหาส่วนตัวอยู่ อดบู๊เกมนี้เช่นกัน แต่ข่าวดีที่มีเข้ามาคือ เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง (23 นัด / 5 ประตู) กลับมาจากโทษห้ามแข่งแล้ว เตรียมลงสนามเป็น 11 ตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (3-4-1-2) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ไซม่อน ฟาแลต - แดนนี่ ดา คอสต้า, มาร์โก ฟาเบียน, เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง, ทิโมธี แชนด์เลอร์ - มาริอุส โวล์ฟ - เซบาสเตียง ฮัลแลร์, อันเต เรบิช