วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      จุ๊ป ไฮย์เกส เฮ้ดโค้ชของ บาเยิร์น ยังไม่มีชื่อของ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด), ดาวิด อลาบา (7 นัด / 1 ประตู), ราฟินญ่า (9 นัด), ฟร้องค์ ริเบรี่ (6 นัด) และ โธมัส มุลเลอร์ (9 นัด / 1 ประตู) ส่วนในรายของ คิงส์ลี่ย์ โกม็อง (10 นัด / 1 ประตู) ตัวปีกความเร็วสูง ต้องรอเช็คฟิตก่อนเกมจะเริ่มก่อน แต่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อุลไรช์ - โจชัว กิมมิช, นิคลาส ซูเล่, เฌอโรม บัวเต็ง, ฆวน เบร์นาต - โคร็องแต็ง โตลิสโซ่, เซบาสเตียน รูดี้ - อาร์เยน ร็อบเบน, ฮาเมส โรดริเกซ, คิงส์ลี่ย์ โกม็อง - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      เฮน ฟานแฮเซบรู้ค กุนซือของ อันเดอร์เลชท์ มีรายงานชื่อของลูกทีมเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ อีวาน โอบราโดวิช (12 นัด), นิโคเล สแตนซิอู (10 นัด / 1 ประตู), แอนดี้ นายาร์ (1 นัด) และ เอ็มมานูเอล โซวาห์ (1 นัด) ส่วนในรายของ คาร่า เอ็มบ็อดจ์ (10 นัด) ห้องเครื่องตัวแกร่ง ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อันเดอร์เลชท์ (4-5-1) : ฟร้องค์ โบเอ็คซ์ - เดนนิส อัปเปียห์, โจซัว ซา, เลอันแดร์ เดนดองเก้ร์, โอลิวิเย่ร์ เดส์ชัคท์ - โซฟิยาน ฮานนี่, อาเดรียน เตรอแบล, สเวน คุมส์, ปีเตอร์ แกร์เคนส์, เฮนรี่ ออนเยกูรู - ลูคัส ตีโอดอร์เซียค

      อเล็กซานเดร กาม่า เทรนเนอร์ของ เชียงรายฯ เตรียมขนผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม เพราะไม่มีปัญาใดในการจัดทัพ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะไม่ต่างไปจากชุดในปัจจุบัน นำทีมมาโดย เอเวอร์ตัน กอนซาเวส (30 นัด / 3 ประตู), ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (30 นัด / 5 ประตู) และ เฟลิเป้ อาเซเวโด้ (30 นัด / 18 ประตู)

      ธชตวัน ศรีปาน นายใหญ่ของ เมืองทองฯ ยังไร้เงาของ อดิศร พรหมรักษ์ (17 นัด) กับ ทริสตอง โด (27 นัด / 3 ประตู) เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ ส่วนในรายของ เซลิโอ (31 นัด / 1 ประตู) ก็ติดโทษแบน แต่ "อาวุธหนัก" ที่เหลือ พร้อมรบทุกคน โดยจะมี เลอันโดร อัสซัมเซา (16 นัด / 13 ประตู) เป็นตัวป่วนในแดนหน้า

      พอล เฮิร์สท์ เฮ้ดโค้ชของ ชรูว์สบิวรี่ จะไม่มีชื่อของ จูเนียร์ บราวน์ (15 นัด / 1 ประตู) กับ ไนออล เอนนิส (1 นัด) ที่โดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ ส่วนในรายของ อาบู โอโกโก้ (17 นัด) กองกลางตัวเก่ง จะติดโทษแบน แต่เชื่อว่า ขุนพลคนอื่นจากชุดที่บุกชนะ ร็อตเธอร์แฮม 2-1 ในเกมลีกนัดก่อน จะพาเหรดกันลงสนามทั้งหมด

      ไรอัน โลว์ เทรนเนอร์ของ บิวรี่ มีรายชื่อลูกทีมบาดเจ็บมากถึง 6 ราย ไล่มาตั้งแต่ นีล แดนส์ (5 นัด / 1 ประตู), โจ เมอร์ฟี่ย์ (11 นัด), โจ สคาร์ซ (2 นัด), เคร็ก โจนส์ (3 นัด), เจอร์มัน เบ็คฟอร์ด (15 นัด / 8 ประตู) และ สตีเฟน ดอว์สัน (1 นัด) นั่นทำให้ โลว์ ไม่มีทางเลือกอืนใด นอกจากจะใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมต่อไป

      คีธ ฮิลล์ ผู้จัดการทีมของ โรชเดล ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน คีธ คีน (1 นัด) กับ โจ ธอมป์สัน สองกองกลางของทีม ที่ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิม ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทุกคน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ จะมี สตีฟ เดวี่ส์ (16 นัด / 4 ประตู) หัวหอกวัย 29 ปี ยืนผลิตสกอร์อยู่ในแดนหน้าเหมือนกับนัดที่ผ่านๆ มา

      คาร์ล โรบินสัน เฮ้ดโค้ชของ ชาร์ลตัน มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงในมืออยู่ 4 คน คือ บิลลี่ คล้าร์ค (15 นัด / 1 ประตู), แฮรรี่ เลนน่อน, ลิวอิส เพจ และ เจสัน เพี๊ยซ (9 นัด) ส่วนในรายของ พาทริค บอยเออร์ (15 นัด / 2 ประตู) กับ ตาริค โฟซู (16 นัด / 7 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนเกมเริ่มกันอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการลงเล่น

      เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ เฮ้ดโค้ชของ สคันธอร์ป ยังไร้เงาของ แซม แมนตอม (8 นัด), โจนาธาน มาร์เก็ตต์ส และ ลุค วิลเลี่ยมส์ เพราะควงเเขนกันเป็นแข้งเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ ส่วนในรายของ ไซม่อน เชิร์ช (2 นัด) กับ จอช มอร์ริส (17 นัด / 5 ประตู) ต้องรอเช็คฟิตก่อนเริ่มเกมกันอีกครั้ง ว่ามีใครพร้อมลงสนามในเกมนี้ได้บ้าง

      สจ๊วร์ต เเม็คคอลล์ นายใหญ่ของ แบร็ดฟอร์ด จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ อดัม ชิคเซ่น (10 นัด) กับ จาค็อบ ฮานเซ่น (1 นัด) สองกองหลังของทีม เนื่องจากอาการเจ็บยังไม่ทุเลา ส่วนในรายของ ติโมธี เดียง (6 นัด) แนวรับชาวฝรั่งเศส ต้องรอเช็คความฟิตกันอีกครั้ง แต่ในแดนหน้ายังมี ชาร์ลี ไวค์ (16 นัด / 8 ประตู) เหมือนเก่า

      สตีฟ โลเวลล์ เฮ้ดโค้ชของ จิลลิ่งแฮม จะไม่มีชื่อของ บิลลี่ บิงแฮม (9 นัด) และ อารอน มอร์ริส ที่โดนอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ อเล็กซ์ ลาซี่ย์ (9 นัด) กับ แบร็ดลี่ย์ การ์มสตัน (3 นัด) ต้องรอเช็คฟิตก่อนเริ่มเกมอีกครั้ง ว่าไหวหรือไม่ แต่ที่วืดแน่ๆ อีกคนคือ มักซิมิเลี่ยน เอห์เมอร์ (16 นัด) เพราะจะติดโทษห้ามแข่ง

      แกรี่ โบว์เยอร์ เทรนเนอร์ของ แบล็คพูล จะไร้เงาของ คลาร์ค โรเบิร์ตสัน (13 นัด), มาร์ค คัลเลน (3 นัด) และ จิม แม็คอัสลิสเตอร์ ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนในรายของ จิมมี่ ไรอัน (13 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ ไคล์ วาสเซลล์ (14 นัด / 7 ประตู) พร้อมลุยแน่นอน

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล ผู้จัดการทีมของ ไลป์ซิก ยังขาดเพียงแค่ สเตฟาน อิลซานเคอร์ (6 นัด) กองกลางชาวออสเตรียคนเดียวเหมือนเดิม ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว นั่นหมายความว่า ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เตรียมขนนักเตะชุดใหญ่ลงสู่สนามได้เลย นำทีมมาโดย ติโม แวร์เนอร์ (10 นัด / 7 ประตู) หัวหอกตัวเก่งประจำสโมสร

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-2-3-1) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, วิลลี่ ออร์แบน, ปาเมกาโน่, มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก - นาบี เกอิต้า, เควิน คัมเพิ่ล - เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, บรูม่า - ติโม แวร์เนอร์

      เลโอนาร์โด้ ยาร์ดิม เฮ้ดโค้ชของ โมนาโก มีรายงานลูกทีมเจ็บเข้ามา 6 ราย ได้แก่ ฌิบริล ซิดิเบ้ (7 นัด / 1 ประตู), โตมัส เลอมาร์ (10 นัด / 1 ประตู), บอสชิเลีย (3 นัด), อดาม่า ตราโอเร่ (3 นัด / 3 ประตู), ฆอร์ดี้ เอ็มบูล่า และ สเตฟาน โยเวติช (6 นัด / 2 ประตู) นั่นส่งผลให้ ยาร์ดิม แทบจะปรับเปลี่ยนอะไรไม่ได้ใน 11 ตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โมนาโก (4-4-2) : ดาเนียล ซูบาซิช - อันเดรีย ราจจี้, คามิล กลิค, เชเมอร์สัน, ชอร์เก้ - โรนี่ โลเปซ, เจา มูตินโญ่, ฟาบินโญ่, เกอิต้า บัลเด้ - ราดาเมล ฟัลเกา, กุยโด้ คาร์ริโญ่

      แซร์โจ้ คอนไซเซา นายใหญ่ของ ปอร์โต้ จะไม่มีชื่อของ โอตาวินโญ่ (5 นัด), มุสซ่า มาเรก้า (10 นัด / 8 ประตู) และ ไตควินโญ่ (5 นัด / 1 ประตู) ที่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ คาดว่า คอนไซเซา ต้องปรับหมากกันอีกครั้ง โดยคราวนี้น่าจะส่ง อังเดร อังเดร (7 นัด) ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ แว็งซองต์ อาบูบาการ์ (11 นัด / 9 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ปอร์โต้ (4-4-2) : โชเซ่ ซา - ริคาร์โด้ เปไรร่า, อิวาน มาร์กาโน่, เฟลิเป้, อเล็กซ์ เทลเลส - เฆซุส โคโรน่า, เอคตอร์ เอร์เรร่า, ดานิโล่ เปไรร่า, ยาซีน บราฮิมี่ - อังเดร อังเดร, แว็งซองต์ อาบูบาการ์

      เซนอล กูเนส กุนซือของ เบซิคตัส จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อิตินช์ นูคาน, โกคาห์น โตเร่, เดนนีส บอยโก้ และ เปเป้ (11 นัด / 1 ประตู) ที่โดนไข้เดี้ยงเล่นงานอยู่ ทำให้ กูเนส ต้องเรียกตัว แกรี่ เมเดล (6 นัด) ลงมาอุดรูรั่วในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง แต่ในแดนหน้ายังคงมี เซงค์ โตซุน (11 นัด / 5 ประตู) ลงเล่นอย่างแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบซิคตัส (4-2-3-1) : ฟาบรี้ - โกคาห์น โกนุล, แกรี่ เมเดล, ดุสก้า โทซิช, อาเดรียโน่ - อติบา ฮัตชินสัน, โตลกาย อาร์สลาน - ริคาร์โด้ กวาเรสม่า, โอกูซาน ออซยาคุป, ไรอัน บาเบล - เซงค์ โตซุน

      ฮานเนส ดรูว์ส เฮ้ดโค้ชของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา ยังไร้เงาของ นิคกี้ อาดเลอร์ เพราะร่างกายยังไม่พร้อม ส่วนในรายของ ดิม่า นาซารอฟ (11 นัด / 2 ประตู) ยังติดโทษห้ามแข่ง ทำให้ ปาสกาล ค็อปเค่ (13 นัด / 3 ประตู), มาริโอ คเวซิช (8 นัด / 2 ประตู), โซเรน เบิร์ทรัม (10 นัด / 4 ประตู) ต้องลงเป็น "สามประสาน" เหมือนเก่า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (3-4-3) : มาร์ติน มานเนิ่ล - ฟาเบียน คาลิก, โดมินิค วีดร้า, นิโคไล แร็ปป์ - คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, คาโลเกโร่ ริซซูโต้, เดนนิส เคมเป้, ฟิลิปป์ รีเซ่ - ปาสกาล ค็อปเค่, มาริโอ คเวซิช, โซเรน เบิร์ทรัม

      อิเลีย กรูเยฟ เทรนเนอร์ของ ดุ๊ยส์บวร์ก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อันเดรียส ไวเกิ้ล (6 นัด) กับ ซลัตโก้ ยานยิช ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงกลับมาไม่ได้ แต่เชื่อว่า กรูเยฟ เตรียมก็อปปี้ชุดที่บุกชนะ ซานด์เฮาเซ่น 1-0 มาใช้บริการต่อ โดยจะมี บอริช ทาชชี่ (12 นัด / 4 ประตู) และ สตานิสลาฟ ยุทเชนโก้ (11 นัด / 1 ประตู) ยืนเป็นคู่หัวหอกล่าประตู

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุ๊ยส์บวร์ก (4-2-2-2) : มาร์ค เฟล็คเก้น - เอนิส ฮายรี่, ดัสติน บอมฮอยเออร์, เกอร์ริต นูแบร์, เควิน โวลซ์ - ลูคัส โฟรเด้, ฟาเบียน ชเนลฮาร์ด - โอลิเวียร่า ซูซ่า, มอริตซ์ สต๊อปเพิ่ลคัมป์ - บอริช ทาชชี่, สตานิสลาฟ ยุทเชนโก้

      อาคิม เบเยอร์ลอร์เซอร์ เทรนเนอร์ของ ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก จะไม่มีชื่อของ โอลิเวอร์ ไฮน์ กับ โจชัว มีส (9 นัด / 2 ประตู) ที่้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ แต่ขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทุกคน คาดว่า โฉมหน้า 11 ตัวจริงจะนำทีมมาโดย ซาร์กิส อดัมยาน (13 นัด / 2 ประตู) และ มาร์โก กรุตเนอร์ (13 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก (4-2-2-2) : ฟิลิปป์ เพนท์เก้ - เบเนดิคท์ ซอลเลอร์, เซบาสเตียน นัชไรเนอร์, มาร์วิน โนล, อเล็กซานเดอร์ นานด์ซิค - มาร์ก ไลส์, อันเดรียส ไกเพิ่ล - ยาน ยอร์ก, เซยาสเตียน สโตลเซ่ - ซาร์กิส อดัมยาน, มาร์โก กรุตเนอร์

      โอลาฟ ยานส์เซ่น กุนซือของ ซังต์ เพาลี เหลือตัวบาดเจ็บไม่หายอีก 3 คน คือ มาร์ค ฮอร์นชูห์ (6 นัด), ฟิลิปป์ ซีไรส์ และ เรียว มิยาอิชิ แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทีมในนัดนี้ เนื่องจากทั้งสามรายไม่มีส่วนร่วมมาพักใหญ่เเล้ว เชื่อว่า ยานส์เซ่น จะให้โอกาสกับ อาซิซ บูฮัดดูซ (8 นัด) ยืนเป็นกองหน้าเดี่ยวตัวจริงดูบ้าง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซังต์ เพาลี (4-2-3-1) : โรบิน ฮิมเมิ่ลมันน์ - ลูก้า ซานเดอร์, ลาส โซบีช, คริสโตเฟอร์ อาวีเวอร์, ดาเนี่ยล บูบัลล่า - แบร์นด์ เนห์ริก, คริสโตเฟอร์ บุชมันน์ - เชงค์ ซาฮิน, โมลเลอร์ แดห์ลี่, วัลเดมาร์ โซโบต้า - อาซิซ บูฮัดดูซ

      ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ดุสเซลดอร์ฟ ยังไร้เงาของ มิเชล เรนซิ่ง (3 นัด) กับ โอลิเวอร์ ฟิงค์ (8 นัด) ที่ยังเจ็บอยู่เหมือนเดิม ส่วนในรายของ คาน อายฮาน (13 นัด) และ ฟลอเรียน นอยฮุส (12 นัด / 4 ประตู) สองกำลังสำคัญของทีม ต้องติดโทษห้ามแข่ง แต่สำหรับ รูเวน เฮนนิ่งส์ (13 นัด / 5 ประตู) พร้อมลุยแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุสเซลดอร์ฟ (4-1-3-2) : ราฟาเอล โวล์ฟ - ฌอน ซิมเมอร์, โรบิน บอร์มุธ, อังเดร ฮอฟฟ์มันน์, นิโก้ กีเซลมันน์ - อดัม บ็อดเซ็ค - เบนิโต้ รามาน, มาร์เซล โซบ็อตก้า, ลูคัส ชมิตซ์ - ฮาร์วาร์ด นีลเซ่น, รูเวน เฮนนิ่งส์

      สเตฟาน ไลเทิ่ล นายใหญ่ของ อินกอลสตัดท์ มีเพียงแค่ ฟาบิยาน บันทิช นายด่านวัย 20 ปีเท่านั้น ที่เป็นเเข้งเดี้ยงค้างสต็อค นั่นหมายความว่า ไลเทิ่ล ไม่ต้องกังวลอะไรมากมายในการจัดทัพนัดนี้ เพียงแค่ส่ง 11 ขุนพลชุดเดิมลงสู้ศึกต่อก็พอ โดยจะมี สเตฟาน คุชเก้ (12 นัด / 4 ประตู) ลงล่าตาข่ายในแดนหน้าเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อินกอลสตัดท์ (4-3-3) : ออร์ยาน นีลันด์ - โทเบียส เลเวิ่ลส์, มาร์วิน มาทิป, เฮาเก้ วอห์ล, มาร์เซล เก๊าส์ - อัลม็อก โคเฮน, คริสเตียน แทรช, อัลเฟรโด้ โมราเลส - โธมัส เพลเดิ้ล, สเตฟาน คุชเก้, ซอนนี่ คิตเทิ่ล

      อลัน อาร์ชิบัลด์ เทรนเนอร์ของ พาร์ทิค ธิสเทิ่ล จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ คริสตี้ แอลเลียต (7 นัด), สจ๊วต บานนิกัน (6 นัด), คัลลั่ม บูธ (3 นัด), มุสตาฟา ดุมบูย่า และ แกรี่ เฟรเซอร์ (1 นัด) เพราะยังต้องพักรักษาตัวอยู่ ส่วนในรายของ คอเนอร์ แซมมอน (10 นัด) ลงเล่นไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากติดกฎยืมตัว ห้ามเจอทีมแม่

      เคร็ก เลเวน นายใหญ่ของ ฮาร์ทส์ จะไม่มีชื่อของ จอห์น เซาท์ทาร์ (12 นัด), เจมมี่ วอลเกอร์ (10 นัด / 1 ประตู), แอชลีย์ สมิธ-บราวน์ (2 นัด) และ มาโลรี่ มาร์แต็ง (1 นัด) ที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงาน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างไปจากเดิม โดยจะมี ไคล์ ลาฟเฟอร์ตี้ (12 นัด / 5 ประตู) ยืนค้ำในแนวรุก

      อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ เฮ้ดโค้ชของ ฮันโนเวอร์ มีลิสต์ลูกทีมเจ็บในมือยาวเป็นหางว่าว ไล่มาตั้งแต่ จูเลี่ยน คอร์บ (11 นัด), แอนตัน (11 นัด), เฟลิเป้ (4 นัด), โอลิเวอร์ ซอร์ก (2 นัด), มีโก อัลบอร์นอซ, อุฟเฟ่ เบ็ค, เอ็ดการ์ พริบ และ อิห์ลัส เบบู (9 นัด / 3 ประตู) นั่นบังคับให้ ไบรเท่นไรเตอร์ ต้องใช้งานนักเตะชุดเดิมต่อไป

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮันโนเวอร์ (3-4-3) : มิชาเอล เอสแซร์ - ฟลอเรียน ฮุบเนอร์, ซาลิฟ ซาเน่, เพอร์มิน ชเว็กเลอร์ - อิเวอร์ ฟอสซั่ม, มานูเอล ชไมเดบัค, มาร์วิน บาคาลอร์ซ, มัทธีอัส ออสเตอร์โซเลค - เคนาน คารามัน, โจนาธาส, เฟลิกซ์ เคล๊าส์

      ฟลอเรียน โคห์เฟลด์ เฮ้ดโค้ชรักษาการณ์ของ เบรเมน สบายใจได้เปราะนึงก่อนเริ่มเกม เนื่องจากสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ 100% สามารถเลือกจัดทีมได้ตามสะดวกเลย คาดว่า โคห์เฟลด์ จะวางหมากมาในระบบ 4-3-3 โดยจะมี ฟิน บาร์เทิ่ลส์ (10 นัด / 1 ประตู) เป็นตัวความหวังในการผลิตสกอร์ให้กับทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบรเมน (4-3-3) : ยีรี พาฟเลนก้า - เกเบร เซลาสซี่, นิโคลัส มอยซานเดอร์, มิลอส เวลโกวิช, ลุดวิก ออกุสตินส์สัน - มักซิมิเลี่ยน เอ็กเก้สไตน์, ฟิลิปป์ บาร์กเฟรเด้, โธมัส เดอลานี่ย์ - ฟิน บาร์เทิ่ลส์, มักซ์ ครูเซ่, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช

      มาร์คุส กิสดอล นายใหญ่ของ ฮัมบูร์ก มีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงอยู่ 2 ราย ได้แก่ อัลบิน เอคดัล (8 นัด) และ นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) ส่วนในรายของ บ๊อบบี้ วู้ด (9 นัด / 1 ประตู) กองหน้าตัวเก่ง ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง ข่าวดีที่เข้ามาอีกอย่างคือ กีเดียน จุง (9 นัด) ชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อยแล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-2-3-1) : มาเธเนีย - เดนนิส เดี๊ยคเมเยอร์, คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส, แมร์กิม มาฟราย, ดั๊กลาส ซานโต๊ส - กีเดียน จุง, โกโตคุ ซากาอิ - ทัตสึยะ อิโตะ, อารอน ฮันท์, ฟิลิป คอสติช - ยาน อาร์ป

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ กุนซือของ ชาลเก้ จะไร้เงาของ ปาโบล อินซัว, เลออน โกเร็ตซ์ก้า (9 นัด / 4 ประตู) และ นาบิล เบนตาเลบ (6 นัด / 3 ประตู) ที่ควงเเขนกันเจ็บทั้งหมด แต่เชื่อว่าไม่น่าจะใช่ปัญหาอะรในเวลานี้ เพราะ เทเดสโก้ เตรียมใช้งาน 11 ขุนพลชุดปัจจุบันต่อ เนื่องจากลูกทีมทุกคนทำหน้าที่กันได้ดีอยู่แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-4-2-1) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - ธีโล่ เคห์เรอร์, นัลโด้, เบนจามิน สตอมบูลี่ - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, มักซ์ เมเยอร์, เวสตัน แม็คเคนนี่, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - อามีน ฮาริต, อเล็กซานเดอร์ ช็อป - กีโด บวร์กสตัลเลอร์

      ดีเตอร์ เฮ็กคิงก์ เทรนเนอร์ของ กลัดบัค ยังมีปัญหาที่แดนกลาง เมื่อมีมิดฟิลด์โดนอาการเจ็บรบกวนถึง 4 คน คือ โยนาส ฮอฟมันน์ (7 นัด), อิบราฮิม่า ตราโอเร่ (3 นัด), ลาซโล่ เบนส์ (1 นัด) และ โทเบียส สโตรเบิ้ล ทำให้ เฮ็กคิงก์ ต้องถอย ธอร์แกน อาซาร์ (11 นัด / 3 ประตู) กลับมาทำเกมในแดนกลางให้กับทีมเหมือนเก่าอีกครั้ง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กลัดบัค (4-4-2) : ยาน ซอมเมอร์ - นิโก้ เอลเวดี้, มัทธีอัส กินเตอร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ออสการ์ เวนด์ - เดนิส ซากาเรีย, คริสโตฟห์ เครเมอร์ - ธอร์แกน อาซาร์, วินเชนโซ่ กริโฟ่ - ลาร์ส สไตน์เดิ้ล, ราฟฟาเอล

      พาล ดาร์ได กุนซือของ แฮร์ธ่าฯ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน นิคลาส สตาร์ค (9 นัด / 1 ประตู), วลาดิเมียร์ ดาริด้า (7 นัด), วาเลนติน สต๊อคเกอร์ (3 นัด) และ จูเลี่ยน ชีเบอร์ ที่โดนโรคเดี้ยงครอบงำอยู่ ส่วนในรายของ มิตเชล ไวเซอร์ (11 นัด) กับ คาริม เรกิ๊ก (11 นัด / 2 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนเริ่มเกมกันอีกครั้ง แต่น่าจะลงเล่นไหว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-2-3-1) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - มิตเชล ไวเซอร์, เซบาสเตียน ลังคัมป์, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพล็ตเท่นฮาร์ด - ฟาเบียน ลุสเตนแบร์เกอร์, เพอร์ สเคลเบร็ด - แมทธิว เล็กกี้, วาเลนติโน่ ลาซาโร่, ซาโลมง กาลู - เวดัด อิบิเซวิช

      คริสเตียน สไตรช์ นายใหญ่ของ ไฟร์บวร์ก มีรายงานความเสียหายเรื่องสภาพทีมเข้ามา 5 ราย ได้แก่ ฟิลิปป์ ไลน์ฮาร์ท (9 นัด), มานูเอล กัลด์, ยอร์ก นีแดร์เมเยอร์, ไมค์ ฟร๊านซ์ (11 นัด) และ ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์ (10 นัด / 2 ประตู) ทำให้ สไตรช์ ต้องปรับทีมใหม่อีกครั้ง โดยจะฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่ นีล พีเตอร์เซ่น (9 นัด / 1 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฟร์บวร์ก (3-4-3) : อเล็กซานเดอร์ ชโวลอฟ - โรบิน ค็อก, จูเลี่ยน ชุสเตอร์, มาร์ก เคมพ์ - ปาสกาล สเตนเซิ่ล, อาเมียร์ อับราชี่, นิโคลัส ฮอฟเลอร์, คริสเตียน กุนเตอร์ - ยานิค ฮาเบเรอร์, นีล พีเตอร์เซ่น, มาร์โก แตร์รัซซิโน่

      มาร์ติน ชมิดท์ เฮ้ดโค้ชของ โวล์ฟสบวร์ก จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ เซบาสเตียน จุง, อิ๊กนาซิโอ กามาโช่ (9 นัด) เเละ ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ (7 นัด / 1 ประตู) ที่ยังควงเเขนกันเจ็บอยู่ เชื่อว่า ชมิดท์ น่าจะยังวางใจใน 11 ตัวจริงเซ็ตเดิม โดยจะมอบหมายให้ มาริโอ โกเมซ (6 นัด / 1 ประตู) หัวหอกทีมชาติเยอรมัน ยืนค้ำเป็นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โวล์ฟสบวร์ก (4-2-3-1) : โกเยนส์ กัสตีลส์ - พอล เวอร์ฮาจ, จอห์น บรู้คส์, เฟลิกซ์ อูดูโอไค, มาร์เซล ทิสเซอรันด์ - โจฌัว กีลาโว้ก, มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ - ดิว๊อค โอริกี, ดาเนี่ยล ดิดาวี, ยูนุส มัลลี่ - มาริโอ โกเมซ

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ ผู้จัดการทีมของ โคโลญจน์ มีรายงานลูกทีมเดี้ยงเข้ามาถึง 6 คน ไล่มาตั้งแต่ โดมินิค ไฮนซ์ (11 นัด / 1 ประตู), โยนาส เอคเตอร์ (3 นัด), เลออน บิตเท่นคอร์ต (11 นัด), มาร์โก โฮเกอร์ (5 นัด), มาร์เซล ริสเซ่ (4 นัด) และ คริสเตียน เกลเมนส์ (1 นัด) นั่นบังคับ สโตเกอร์ ไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก นอกจากจะยึด 11 ขุนพลชุดเดิมต่อไป

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (4-3-3) : ติโม ฮอร์น - ลูคัส คลุนเตอร์, เฟรเดริค โซเรนเซ่น, โดมินิค มาโรห์, คอนสแตนติน เร๊าส์ - มิลอส โยยิช, มัทธีอัส เลห์มันน์, ซาลีห์ ออซคาน - ยูยะ โอซาโกะ, เซห์รู กีรัสซี่, ไซม่อน โซลเลอร์

      ซานโดร ชวาร์ซ นายใหญ่ของ ไมนซ์ จะไม่มีชื่อของ เรเน่ อ๊าดเลอร์ (9 นัด), นิโก้ บุนแกร์ต, กาเอต็อง บุสม็อง, คาริม โอนิซิโว่ (2 นัด) และ เอมิล เบิร์กกรีน ที่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะประกอบไปด้วย สเตฟาน เบล (11 นัด / 1 ประตู), แดนนี่ ลัตซ่า (10 นัด / 2 ประตู) และ โยชิโนริ มุโตะ (10 นัด / 3 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไมนซ์ (4-2-3-1) : โรบิน เซนต์เนอร์ - จูลิโอ โดนาติ, อับดู ดิยัลโล่, สเตฟาน เบล, ดาเนี่ยล โบรซินสกี้ - ฌอง กีบาแมง, แดนนี่ ลัตซ่า - เลวีน ออซตูนาลี่, อเล็กซานดรู มักซิม, ปาโบล เดอ บลาซิส - โยชิโนริ มุโตะ

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล นายใหญ่ของ ไลป์ซิก จะเหลือเพียงแค่ สเตฟาน อิลซานเคอร์ (6 นัด) ห้องเครื่องชาวออสเตรีย ที่ยังไม่พร้อมใช้งาน เนื่องจากอยู่ในช่วงรีดฟิต นั่นหมายความว่า ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล มี "อาวุธหนัก" ให้เลือกสรรหลายรายเลย ทั้ง เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (9 นัด), ยุสซุฟ โพลเซ่น (10 นัด / 3 ประตู) และ ติโม แวร์เนอร์ (9 นัด / 6 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-4-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - ลูคัส โคลสเตอร์มันน์, วิลลี่ ออร์แบน, ปาเมกาโน่, มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก - มาร์เซล ซาบิตเซอร์, นาบี เกอิต้า, เควิน คัมเพิ่ล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ยุสซุฟ โพลเซ่น, ติโม แวร์เนอร์

      ไฮโค แฮร์ลิช กุนซือของ เลเวอร์คูเซ่น จะขาดหายไปเพียงแค่ สเวน เบนเดอร์ (11 นัด / 2 ประตู) ที่เจ็บมาจากเกมบุกเสมอ เอ๊าก์สบวร์ก 1-1 ทำให้ แฮร์ลิช ต้องเรียกตัว พานาจิโอติส เรตซอส (7 นัด) มาอุดรูรั่วแทน ส่วนอีก 10 ตำแหน่งที่เหลือ ไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไร โดยจะมี เควิน โฟลลันด์ (11 นัด / 6 ประตู) ลงยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่ - ลาร์ส เบนเดอร์, โจนาธาน ตาห์, พานาจิโอติส เรตซอส, เวนเดล - ชาร์ล อรานกุซ, จูเลี่ยน บอย์มการ์ตลิงเกอร์ - เลออน ไบลี่ย์, ไค ฮาแวร์ซ, จูเลี่ยน บรันด์ - เควิน โฟลลันด์

      นิโก้ โควัค เทรนเนอร์ของ แฟร้งค์เฟิร์ต มีลิสต์ลูกทีมบาดเจ็บเยอะเหมือนเดิม ไล่มาตั้งแต่ ทิโมธี แชนด์เลอร์ (9 นัด), มาร์โก รุส (6 นัด), แดนนี่ ดา คอสต้า (2 นัด), โจนาธาน เดอ กุซมัน (8 นัด), มาสกาเรล, มาร์โก ฟาเบียน และ อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ แต่เชื่อว่า โฉมหน้า 11 ตัวจริงไม่น่าจะเปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากผลงานดีต่อเนื่องนั่นเอง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (3-5-2) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ไซม่อน ฟาแลต - มาริอุส โวล์ฟ, เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง, มาร์ก สเตนเดร่า, มิยัต กาซิโนวิช, เจโทร วิลเลมส์ - เซบาสเตียน ฮัลเลอร์, อันเต เรบิช

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ นายใหญ่ของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยังไม่มีชื่อของ เบนจามิน ฮุบเนอร์ (9 นัด / 1 ประตู), พาเวล คาเดราเบค (8 นัด), แซร์ก จีนาบรี (2 นัด), อดัม ซาลาย (1 นัด) และ โรเบิร์ต ซูล์จ ที่ยังเดี้ยงกันไม่หาย แต่คงไม่ส่งผลอะไรเท่าไหร่ เพราะ นาเกิ้ลมันน์ เตรียมส่ง 11 ขุนพลจากนัดที่บุกชนะ โคโลญจน์ 3-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด ลงเล่น

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-5-2) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - เควิน อัคโปกูม่า, เควิน โฟ้กท์, ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต - นาเดียม อามิรี่, เคเรม เดเมียร์เบย์, ฟลอเรียน กริลลิช, เดนนิส ไกเกอร์, นิโก้ ชูลซ์ - มาร์ก อูธ, ว้ากเนอร์

      มานูเอล บอย์ม กุนซือของ เอ๊าก์สบวร์ก จะไร้เงาของ มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์ (8 นัด) กับ เซร์กิโอ กอร์โดบา (7 นัด / 1 ประตู) ที่มีอาการเจ็บรบกวน แต่พอจะมีข่าวดีเข้ามาบ้าง เมื่อ อัลเฟร็ด ฟินโบกาสัน (10 นัด / 5 ประตู) ดาวยิงตัวเก่งชาวไอซ์แลนด์ สลัดคราบเดี้ยงกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา และน่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันทีในเกมนัดนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอ๊าก์สบวร์ก (3-4-3) : มาร์วิน ฮิตซ์ - แยน คอลเซ่น บรัคเกอร์, รานี เคดิร่า, เจฟฟรี่ กูเวลูว์ - ดาเนี่ยล โอปาเร่, คู จา ชอล, ดาเนี่ยล เบเยอร์, ฟิลิปป์ มักซ์ - มาร์เซล เฮลเลอร์, อัลเฟร็ด ฟินโบกาสัน, คูบี้

      จุ๊ป ไฮย์เกส เฮ้ดโค้ชของ บาเยิร์น มีรายงานลูกทีมเดี้ยงเข้ามาถึง 6 ราย ได้แก่ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด), ดาวิด อลาบา (7 นัด / 1 ประตู), เจอโรม บัวเต็ง (5 นัด), ธิอาโก้ อัลกานตาร่า (9 นัด / 1 ประตู), ฟร้องค์ ริเบรี่ (6 นัด) และ โธมัส มุลเลอร์ (9 นัด / 1 ประตู) ทำให้ ไฮย์เกส ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตรงตำแหน่งแบ็คซ้ายและกองกลาง

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-3-3) : สเวน อุลไรช์ - โจฌัว กิมมิค, นิคลาส ซูเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เบร์นาต - ฆาบี มาร์ติเนซ, ฮาเมส โรดริเกวซ, เซบาสเตียน รูดี้ - อาร์เยน ร็อบเบน, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, คิงส์ลี่ย์ โกม็อง

      ทอร์สเท่น ลีเบิร์คเน็ชท์ ผู้จัดการทีมของ บราวน์ชไวก์ มีลูกทีมเดี้ยงค้างสต็อคถึง 6 ราย ได้แก่ โยเซฟ บัฟโฟ่ (11 นัด / 3 ประตู), จูเลียส ไบด้า (6 นัด), เมียร์โก โบลันด์ (8 นัด / 2 ประตู), ไคริน โมล (7 นัด), คริสตอฟเฟอร์ นีมัน (9 นัด / 3 ประตู) และ โดมินิค คุมเบล่า (6 นัด / 1 ประตู) ส่งผลให้ไม่มีทางเลือกไหนมากในการจัดทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บราวน์ชไวก์ (4-1-4-1) : ยัสมิน เฟย์ซิช - มักซิมิเลี่ยน ซอยเออร์, กุสตัฟ วัลสวิค, สตีฟ เบรทคร๊อยซ์, เคน ไรเชิ่ล - หลุยส์ แซมซั่น - ซาลิม เคลิฟี่, ออซคาน ยิลดิริม, พาทริค ชอนเฟลด์, โอเนล เฮอร์นานเดซ - ซูเลมาน อับดุลลาไฮ

      เจฟ ไซบีน นายใหญ่ของ บีเลเฟลด์ จะไม่มีชื่อของ คริสโตเฟอร์ นอธ, นิลส์ ควอชเนอร์ (4 นัด) และ อันดรา สปอราร์ (9 นัด / 2 ประตู) ที่ยังมีปัญหาอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ ไบรอัน เบห์เรนด์ (7 นัด) กับ จูเลี่ยน บอร์เนอร์ (12 นัด / 2 ประตู) จะติดโทษห้ามแข่ง ทำให้ ไซบีน ต้องปรับทัพกันวุ่นวายพอดูเลยในเกมนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บีเลเฟลด์ (4-4-2) : สเตฟาน ออร์เตก้า - พาทริค ไวห์เร๊าช์, เฮนรี่ ไวเกลท์, สเตฟาน ซัลเกอร์, ฟลอเรียน ฮาร์แธร์ซ - คริสตอฟ เฮมไลน์, ทอม ชู๊ทซ์, มานูเอล เพรเทิ่ล, คีนู สเต๊าด์ - อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์, ฟาเบียน โคลส

      เคนาน โคซัค เทรนเนอร์ของ ซานด์เฮาเซ่น มีรายงานความเสียหายเรื่องลูกทีมเจ็บเข้ามาถึง 6 คน ไล่มาตั้งแต่ ริค วัลเล่, ดาเมี่ยน โรสบัค (1 นัด), เอโรล เซย์นัลลาฮู (5 นัด), คอร์บิเนี่ยน โฟลมันน์ (2 นัด), โรเบิร์ต เฮอร์มันน์ (1 นัด) และ แอนดรูว์ วูเท่น (1 นัด / 1 ประตู) ทำให้ โคซัค ไม่สามารถปรับเปลี่ยน 11 ขุนพลได้มากนัก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซานด์เฮาเซ่น (4-2-2-2) : มาร์เซล ชูเฮน - ฟิลิปป์ คลิ้งมันน์, ทิม คิสเตอร์, ทิม คิปปิ้ง, เลยาร์ต ปาการาด้า - เดนิส ลินส์เมเยอร์, สเตฟาน คูโลวิตส์ - เนย์เมดดิน ดั๊กห์ฟุส, มานูเอล สตีฟเลอร์ - ลูกัส โฮเลอร์, ริชาร์ด ซูกูต้า ปาซู

      ทอร์สเท่น ฟริ๊งส์ ผู้จัดการทีมของ ดาร์มสตัดท์ จะไม่มีชื่อของ ดาเนี่ยล ฮอยเออร์ (9 นัด), โทเบียส เคมพ์ (10 นัด / 3 ประตู), ปีเตอร์ นีเมเยอร์ (1 นัด) และ เฟลิกซ์ พลัตเต (6 นัด / 2 ประตู) ที่ควงเเขนกันเดี้ยงอยู่ทั้งหมด นั่นบังคับให้ ฟริ๊งส์ ต้องให้ โยเอล มอล (4 นัด) ผู้รักษาประตูมือสองชาวสวิสส์ ลงเฝ้าเสาต่อไปอีกหนึ่งนัด

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดาร์มสตัดท์ (4-2-3-1) : โยเอล มอล - เควิน โกร๊สครอยซ์, อายทัก ซูลู, พาทริค แบงการ์ด, ฟาเบียน ฮอลลันด์ - วิลสัน คามาวูอาก้า, ฮามิต อัลตินท็อป - ซานโดร ซิริกู, แยน โรเซนธาล, มาร์วิน เมห์เลม - อาร์เทอร์ โซบีช

      โอคาน บุรุค ผู้จัดการทีมของ อัคฮีซาร์ เบเลดิเยสปอร์ มีเพียงแค่ ฮาซาน อาดิกูเซล ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงกลับมาไม่ได้ ส่วนในรายของ โอลชาน อาดิน (7 นัด) กองกลางตัวเก่ง ต้องรอเช็คความฟิตก่อนเริ่มเกมอีกครั้ง แต่ที่อดบู๊ในนัดนี้อีกคนคือ โอเมอร์ บายรัม (11 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องตัวสำคัญ เนื่องจากติดโทษห้ามแข่ง

      เซนอล กูเนส เฮ้ดโค้ชของ เบซิคตัส ยังไม่มีชื่อของ ชาเนอร์ เออร์คิน (9 นัด), อาตินช์ นูคาน และ โกคาห์น ตอเร่ ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่เหมือนเดิม ส่วนในรายของ เปเป้ (11 นัด / 1 ประตู) แนวรับตัวเก๋าประจำทีม ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่ในแนวรุกจะมี เซงค์ โตซุน (10 นัด / 5 ประตู) ลงผลิตสกอร์แน่นอน

      คอสเตล เอนาเช่ เทรนเนอร์ของ สเตอัว บูคาเรสต์ ก็จะขาดไปเพียงแค่ โรมาริโอ้ เบนซาร์ (6 นัด / 1 ประตู) มิดฟิลด์วัย 25 ปี คนเดียวเช่นกัน ที่ต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนในรายของ มิไฮ บาลาซ่า (14 นัด) ปราการหลังตัวสำคัญ ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คงจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงได้

      ฟลาเวียส สตอยคาน กุนซือของ ยาซี่ จะหมดสิทธิ์คุมทีมข้างสนาม เนื่องจากติดโทษแบน ส่วนเรื่องสภาพความพร้อมของลูกทีมจะตกหล่นไปเพียงแค่ ลูวักก้า คิซิโต้ (13 นัด / 2 ประตู) หัวหอกทีมชาติอูกันด้า คนเดียวเท่านั้น ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน นั่นหมายความว่า เปโดร เมนเดส (16 นัด / 3 ประตู) ต้องรับหน้าที่ล่าตาข่ายต่อไปอีกนัด

      คอสเตล เอนาเช่ นายใหญ่ของ โบโตซานี่ ยังคงงดใช้บริการของ โลนาร์ด ฟูล็อป (5 นัด / 3 ประตู) ดาวยิงวัย 20 ปี ที่มีอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้ในหัวเข่า แต่คงไม่ส่งผลอะไรมากนักในการจัดทัพ เนื่องจาก เอนาเช่ เตรียมก็อปปี้ 11 ขุนพล จากเกมที่เปิดบ้านชนะ โวลุนตารี่ 1-0 มาใช้งานต่อ โดยจะมี โอลิมปิอู โมรูตาน (16 นัด / 2 ประตู) ลงปั้นเกม

      โยนู โปป้า เฮ้ดโค้ชของ ติมิซัวร่า จะไร้เงาของ อเล็กซานดรู ติกานาซู (13 นัด) แบ็คซ้ายตัวหลักของทีม ที่เข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าไปแล้ว แต่ขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างจากเซ็ตปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ เพราะลูกทีมเล่นกันได้ดีอยู่แล้ว นำทีมมาโดย กามัลดิน อาบรอว์ (3 นัด / 1 ประตู)

      ปีเตอร์ บอสซ์ กุนซือของ ดอร์ทมุนด์ เหลือลูกทีมเจ็บค้างสต็อกอยู่ 4 ราย ได้แก่ ลูคัส พิสเซ็ค (7 นัด), เอริค ดวร์ม, เซบาสเตียน โรด และ มาร์โก้ รอยส์ ส่วนในรายของ ปิแอร์ ออบาเมย็อง (11 นัด / 10 ประตู) โดนตัดออกจากทีม เนื่องจากสโมสรมีบทลงโทษทางวินัย ทำให้ บอสซ์ ต้องปรับแดนหน้ากันด้วยการวาง อันเดร ยาร์โมเลนโก้ (7 นัด / 2 ประตู) ยืนเป็นหน้าเป้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : โรมัน บูร์กี - มาร์ก บาร์ตรา, โซเครติส, ด็อง ซากาดู, ราฟาเอล เกร์เรโร่ - จูเลี่ยน ไวเกิ้ล, มาริโอ เกิทเซ่ - คริสเตียน พูลิซิช, ชินจิ คากาวะ, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์ - อันเดร ยาร์โมเลนโก้

      ฮันเนส โวล์ฟ เทรนเนอร์ของ สตุ๊ตการ์ต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์ซิน กามินสกี้ (8 นัด), อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์, มัทธิอัส ซิมเมอร์มันน์ (2 นัด), คาร์ลอส มาเน่ และ อนาสตาซิออส โดนิส (7 นัด / 1 ประตู) ที่ยังเดี้ยงอยู่ ส่วนในรายของ เซนิส เบอร์นิช (4 นัด) ห้องเครื่องดาวรุ่งของทีม จะติดโทษห้ามแข่ง แต่สำหรับ ชากรัค อาโกโล่ (9 นัด / 3 ประตู) พร้อมลุยอยู่นานแล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สตุ๊ตการ์ต (3-4-3) : รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ - เบนจามิน ปาวาร์, ติโม บอย์มการ์ตเทิ่ล,โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ - อันเดรียส เบ็ค, คริสเตียน เกนท์เนอร์, ซานติอาโก้ อัสกากิบาร์, เอมิเลียโน่ อินซัว - ทาคุมะ อาซาโนะ, ดาเนี่ยล กินเซค, ชากรัค อาโกโล่

      เรนัลโด้ รูเอด้า ผู้จัดการทีมของ ฟลาเมงโก้ ยังไม่มีชื่อของ โรดอลโฟ่, เอแดร์สัน และ ออร์ลันโด้ เบร์ริโอ เนื่องจากเดี้ยงยาวค้างสต็อกอยู่ ส่วนในรายของ เปาโล เกร์เรโร่ ดาวยิงทีมชาติเปรู จะติดโทษแบน เพราะตรวจสารกระตุ้นไม่ผ่าน ทำให้ รูเอด้า ยังต้องฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่ เฟลิเป้ วิเซอู หัวหอกดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่จะยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

      มาร์เชโล่ โอลิเวียร่า เฮ้ดโค้ชของ คอริติบา จะหมดสิทธิ์ใช้บริการนักเตะเจ็บ 5 ราย ได้แก่ วาลิสสัน (11 นัด), อเล็กซานเดอร์ บอย์มโยฮันน์ (2 นัด), เจา เปาโล (4 นัด), เนโต้ เบโรล่า (15 นัด / 1 ประตู) และ อเล็กซานโดร (15 นัด / 1 ประตู) แต่ยังโชคดีที่ตัวหลักอย่าง ริลโด้ (31 นัด / 6 ประตู) กับ เอ็นริเก้ อัลเมด้า (29 นัด / 7 ประตู) พร้อมลงช่วยทีมได้

      ดาริโอ ฟรังโก้ กุนซือป้ายแดงของ อินสติตูโต้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เกร์มัน เลสมัน (4 นัด), อิ๊กนาซิโอ้ บาอิโลเน่ (6 นัด) และ เซบาสเตียน เอร์นานเดซ (1 นัด) เพราะโดนโรคเดี้ยงเล่นงาน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะยังเป็นชุดเดิมไปก่อน เนื่องจาก ฟรังโก้ น่าจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีมทีละน้อยๆ นำทีมมาโดย มาติอัส นิซโซ่ (4 นัด)

      วอลเตอร์ อ็อตต้า เทรนเนอร์ของ เดปอร์ติโว่ โมรอน มีรายงานลูกทีมบาดเจ็บอยู่ 4 คน คือ คริสเตียน บร็อกกี้ (4 นัด), เกราร์โด้ มาร์ติเนซ (6 นัด / 1 ประตู), เลอันโดร กุซมัน (6 นัด) และ ฆวน เฟร์ไรร่า นั่นบังคับให้ อ็อตต้า ต้องปรับทัพกันอีกครั้ง แต่สำหรับ ฆาเวียร์ รอสซี่ (6 นัด / 5 ประตู) ดาวยิงจอมเก๋าวัย 35 ปี น่าจะได้รับความไว้ใจให้ลงเล่นต่อ

      มาร์โก คุร์ซ นายใหญ่ของ อาเดไลด์ มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงในมือถึง 5 ราย ได้แก่ เทย์เลอร์ เรแกน (1 นัด), วินซ์ เลีย (2 นัด / 2 ประตู), โยฮัน แอ็บซาลอนเซ่น (3 นัด / 2 ประตู), ทาเร็ค เอลริช และ จอร์แดน โอโดเฮอร์ตี้ (1 นัด) แต่ยังพอจะมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อ เออร์ซาน กูลัม (3 นัด) ปราการหลังชาวตุรกี กลับมาช่วยทีมได้ทัน หลังจากหายเจ็บพอดี

      พอล โอคอน กุนซือของ เซ็นทรัล โคสต์ จะไร้เงาของ ทอม โกลเวอร์ (4 นัด) นายด่านวัย 19 ปี ที่มีอาการเจ็บ ส่วนในรายของ อลัน บาโร (6 นัด) แนวรับชาวสเปน จะติดโทษห้ามแข่ง อีกคนที่วืดแน่นอน คือ สตรอม รูซ์ (3 นัด) กองหลังประจำทีม เนื่องจากติดภารกิจรับใช้ทีมชาติออสเตรเลีย ทำให้ โอคอน ต้องปรับ 11 ตัวจริงก่อนลงสู้ศึก