วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      เดเร็ค อดัม กุนซือของ พลีมัธ ปวดตับเเน่นอน เพราะมีลิสต์ลูกทีมบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าว ไล่มาตั้งแต่ ลุค แม็คคอร์มิค (9 นัด), ไรอัน เทย์เลอร์ (1 นัด), เจมี่ เนส (10 นัด), นาเดอร์ ชิฟซี่ (6 นัด), อันโตนี่ ซาร์เซวิช (10 นัด) และ ออสการ์ เธรลเคลด์ (2 นัด) แถมยังต้องมาเสีย แกรี่ มิลเลอร์ (10 นัด) ไปกับโทษแบนอีก นั่นทำให้ อดัม ต้องคิดหนักในการจัดทีม

      โทนี่ โมว์เบรย์ เฮ้ดโค้ชของ แบล็คเบิร์น จะเหลือเพียงแค่ ดาร์ราจห์ เลนิฮาน (1 นัด) ห้องเครื่องชาวไอริชคนเดียวเท่านั้นที่เดี้ยงยาวอยู่ คาดว่าเกมนี้ โมว์เบรย์ จะทำการปรับหมากกันใหม่อีกครั้ง โดยชื่อของ พอล ดาวนิ่ง (3 นัด) และ คอร์รี่ อีแวนส์ (9 นัด) เตรียมกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ร่วมงานกับ โดมินิค ซามูเอล (11 นัด / 4 ประตู) ที่พร้อมลุยอยู่นานแล้ว

      พอล วอร์น เทรนเนอร์ของ ร็อตเธอร์แฮม จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ เบน เพอร์ริงตัน (4 นัด) กับ เจมี่ พร็อคเตอร์ (4 นัด) ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ ส่วนในรายของ ลี เฟร็คลิงตัน (12 นัด / 3 ประตู), จอน เทย์เลอร์ (8 นัด / 3 ประตู) และ ดาร์เรน พ็อตเตอร์ (11 นัด) สามกองกลางตัวเก่ง ต้องรอทดสอบความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้งหนึ่ง

      นีล อาร์ดลี่ย์ นายใหญ่ของ เอเอฟซี วิมเบิลดัน มีรายชื่อลูกทีมเจ็บอยู่ 3 ราย ได้แก่ โจนาธาน มีเดส, ดีน พาร์เร็ทท์ (11 นัด) และ เควซี่ อัปเปียห์ (9 นัด / 2 ประตู) นั่นทำให้ อาร์ดลี่ย์ ต้องปรับทีมกันอีกครั้ง แต่น่าจะยึดระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม เพราะทำผลงานได้ดีในเกมล่าสุด โดยจะมี ไลล์ เทย์เลอร์ (13 นัด) ยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้าให้กับทีม

      แซร์โจ้ คอนไซเซา กุนซือของ ปอร์โต้ จะขาดหายไปเพียงแค่ ติควินโญ่ (5 นัด / 1 ประตู) แนวรุกชาวบราซิลคนเดียวเท่านั้น ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างไปจากชุดปัจจุบันที่ลงเตะเกมลีกอยู่ โดยจะมี แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ (8 นัด / 6 ประตู) ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าเหมือนเดิม 

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ปอร์โต้ (4-2-3-1) : อิเกร์ กาซิยาส - ริคาร์โด้ เปไรร่า, เฟลิเป้, อีบัน มาร์กาโน่, อเล็กซ์ เตเยส - ดานิโล่, แซร์จิโอ้ โอลิเวียร่า - มุสซ่า มาเรก้า, เอ็คตอร์ เอร์เรเร่า, ยาซีน บราฮิมี่ - แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ไลป์ซิก ต้องรอเช็คความฟิตของ สเตฟาน อิลซานเคอร์ (6 นัด) ดาวเตะทีมชาติออสเตรีย ก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าพร้อมสู้ศึกหรือไม่ คาดว่าเเกมนี้ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล จะกลับมาใช้บริการทีมชุดใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ตัวหลักบางรายได้พักในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ โดยเฉพาะ ติโม แวร์เนอร์ (6 นัด / 5 ประตู) จะกลับมาทวงตัวจริงแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-2-2-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - ลูคัส คลอสเตอร์มันน์, อูปาเมกาโน่, วิลลี่ ออร์แบน, มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก - นาบี เกอิต้า, ดีเอโก้ เดม - มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ติโม แวร์เนอร์, ฌอง ออกุสติน

      เซนอล กูเนส นายใหญ่ของ เบซิคตัส ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน ออร์คาน ชินาร์ และ อัตนิค นูคาน ที่เดี้ยงยาวมาก่อนหน้านี้ แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทัพ เพราะทั้งคู่ไม่มีส่วนร่วมกับทีมนานแล้ว คาดว่า กูเนส เตรียมขน 11 ขุนพลชุดที่ดีที่สุดลงสนาม นำทีมมาโดย ศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง เซงค์ โตซุน (7 นัด / 3 ประตู) หัวหอกทีมชาติตุรกี

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบซิคตัส (4-2-3-1) : ฟาบรี้ - เนซิป อูซาล, เปเป้, ดุสก้า โทซิช, กาเนอร์ เอร์กิ้น - อติบา ฮัตชินสัน, โอกูซาน ออซยาคุป - ริคาร์โด้ กวาเรสม่า, อันแดร์สัน ตาลิสก้า, ไรอัน บาเบล - เซงค์ โตซุน

      เลโอนาร์โด้ ยาร์ดิม เทรนเนอร์ของ โมนาโก จะไร้เงาของ สเตฟาน โยเวติช (4 นัด / 1 ประตู) กับ ราชิด กีห์ซซาล (5 นัด / 1 ประตู) ที่มีอาการเจ็บรบกวน ทำให้ ยาร์ดิม ต้องปรับ 11 ตัวจริงกันอีกครั้ง เชื่อว่าชื่อของ เกอิต้า บัลเด้ (3 นัด) จะเป็นตัวตายตัวแทน โยเวติช ซึ่งจะลงมายืนเคียงคู่กับ ราดาเมล ฟัลเกา (8 นัด / 12 ประตู) ในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โมนาโก (4-4-2) : ดาเนียล ซูบาซิช - ฌิบริล ซิดิเบ้, คามิล กลิค, เชเมอร์สัน, ชอร์เก้ - โรนี่ โลเปซ, เจา มูตินโญ่, ฟาบินโญ่, โธมัส เลอมาร์ - ราดาเมล ฟัลเกา, เกอิต้า บัลเด้

      เยนส์ เคลเลอร์ นายใหญ่ของ ยูนิโอน เบอร์ลิน ยังหมดสิทธิ์ใช้บริการของ มาร์ก ตอร์เรฆอน (4 นัด) แนวรับตัวเก๋าสัญชาติสเปน อยู่เหมือนเดิม เพราะยังเดี้ยงไม่หาย แต่ก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก เนื่องจาก เคลเลอร์ เตรียมจะก็อปปี้ 11 ตัวจริงจากนัดที่บุกชนะ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา 2-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด มาใช้งานกันต่อแบบยกเซ็ตอยู่แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยูนิโอน เบอร์ลิน (4-1-2-3) : ยาค็อบ บุสค์ เยนเซ่น - คริสโตเฟอร์ ทริมเมิ่ล, โทนี่ ไลส์เนอร์, ฟาเบียน โชนไฮม์, คริสเตียน พีเดอร์เซ่น - กริสชา โพรเมล - เฟลิกซ์ โครส, มาร์เซล ฮาร์เทล - สตีเว่น สเคอร์ซิบสกี้, เซบาสเตียน โพลเตอร์, ไซม่อน เฮดลุนด์

      อาคิม เบเยอร์ลอร์เซอร์ กุนซือของ ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก มีรายชื่อลูกทีมเจ็บในมือ 4 คน คือ โอลิเวอร์ ไฮน์, สเวน ค็อปป์, มาร์คุส พาลิโอนิส (1 นัด) และ ปาทริค ซาลโต้ ส่วนในรายของ อัสเกอร์ โซเรนเซ่น (9 นัด) แนวรับตัวสำคัญชาวเดนมาร์ก จะติดโทษห้ามแข่ง ทำให้ เบเยอร์ลอร์เซอร์ ต้องเรียกตัว เบเนดิคต์ กิมแบร์ (5 นัด) ลงเสียบแทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก (4-2-2-2) : ฟิลิปป์ เพนท์เก้ - เซบาสเตียน นัชไรเนอร์, เบเนดิคต์ กิมแบร์, มาร์วิน โนล, อเล็กซานเดอร์ นานด์ซิค - มาร์ก ไลส์, อันเดรียส ไกเพิ่ล - ยาน ยอร์ก, ซาร์กิส อดัมยาน - มาร์โก กรุตเนอร์, โยนาส ไนต์เฟลด์

      ฮานเนส ดรูว์ส นายใหญ่ของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา ยังเหลือเพียงแค่ นิคกี้ อาดเลอร์ กองกลางจอมเก๋าวัย 32 ปี รายเดียวเท่านั้น ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ นั่นหมายความว่า ดรูว์ส ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชุด 11 ขุนพลเซ็ตปัจจุบัน โดยจะมี ดิม่า นาซารอฟ (9 นัด / 2 ประตู) ดาวยิงทีมชาติอาเซอร์ไบจาน เป็นตัวความหวังของทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (5-2-3) : มาร์ติน มานเนิ่ล - คาโลเกโร่ ริซซูโต้, ฟาเบียน คาลิก, โดมินิค วีดร้า, นิโคไล แร็ปป์, ฟิลิปป์ รีเซ่ - คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, คลีเมนส์ ฟานดริช - ปาสกาล ค็อปเค่, ดิม่า นาซารอฟ, โซเรน เบิร์ทรัม

      ดามีร์ บูริช ผู้จัดการทีมของ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ จะไร้เงาของ นิค ออมลาดิช (4 นัด / 1 ประตู), เซอร์ชาน ซาราเรอร์ และ มาธิส บอลลี่ เนื่องจากโดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ คาดว่าเกมนี้ บูริช จะเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงหลายจุด โดยชื่อของ ซัสชา บูร์เชิร์ต, โรแบร์โต้ ฮิลเบิร์ต และ แซร์ดาร์ ดูร์ซัน (9 นัด / 2 ประตู) จะได้ออกสตาร์ทตั้งแต่ต้นเกม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ (4-1-4-1) : ซัสชา บูร์เชิร์ต - โรแบร์โต้ ฮิลเบิร์ต, มาร์โก กาลิกูรี่, ริชาร์ด มักยาร์, มักซิมิเลี่ยน วิตเท็ค - อดัม พินเตอร์ - คาเล็ด นาเรย์, เจอร์เก้น กาซูล่า, พาทริค ซอนไธเมอร์, จูเลี่ยน กรีน - แซร์ดาร์ ดูร์ซัน

      มาร์คุส อันแฟง ผู้จัดการทีมของ โฮลสไตน์ เคียล ยังเหลือเเข้งเดี้ยง "สามประสาน" ชุดเดิม คือ คริสโตเฟอร์ เลนซ์ (4 นัด), อาร์เน่ ซิคเกอร์ และ มานูเอล ยานเซอร์ (4 นัด / 1 ประตู) แต่คงไม่มีผลอะไรในการจัดทัพอีกต่อไป เพราะตอนนี้ อันแฟง เตรียมใช้ 11 ขุนพลชุดเดิมลงสู้ศึก เนื่องจากลูกทีมทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โฮลสไตน์ เคียล (4-1-4-1) : เคนเนธ ครอนโฮล์ม - พาทริค แฮร์มันน์, โดมินิค ชมิดท์, ราฟาเอล ซีโชส, โยฮันส์ ฟาน เดน เบิร์ก - โดมินิค ไพต์ซ - คิงส์ลี่ย์ ชินด์เลอร์, อเล็กซานเดอร์ มูห์ลิ่ง, โดมินิค เดร็กซ์เลอร์, แอนโธนี่ เลเวอเรนซ์ - มาร์วิน ดุ๊คช์

      แฟร้งค์ ชมิดท์ เฮ้ดโค้ชของ ไฮเด้นไฮม์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เควิน มุลเลอร์ (6 นัด) นายด่านหมายเลขหนึ่ง กับ อิบราฮิม ฮาจ์ติช แนวรับชาวบอสเนียฯ ที่มีอาการเจ็บรบกวน คาดว่าเกมนี้ ชมิดท์ จะปรับหมากมาใช้ระบบ 4-2-3-1 และจะปรับเปลี่ยนผู้เล่นในหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะศูนย์หน้าตัวเป้า ซึ่งจะมาใช้ จอห์น เวอร์ฮ็อค (6 นัด) ลงเป็นตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฮเด้นไฮม์ (4-2-3-1) : วิตุส ไอเชอร์ - มาร์นอน บุช, ติโม เบียร์มันน์, เควิน เคร๊าส์, อาร์เน่ ฟีค - เซบาสเตียน กรีสเบ็ค, โคลยา พุสช์ - มาร์ก ชนัตเตอเรอร์, นิโคล่า โดเวดาน, มาซี่ ธีล - จอห์น เวอร์ฮ็อค

      ซินิซ่า มิไฮจ์โลวิช เฮ้ดโค้ชของ โตริโน่ มีลิสต์ลูกทีมบาดเจ็บอยู่ 3 ราย ได้แก่ ไลอันโก้ (3 นัด), อัฟรียี่ อัคควาห์ (4 นัด) และ โจเอล โอบี (3 นัด / 1 ประตู) นั่นทำให้ มิไฮจ์โลวิช ต้องปรับทัพกันอีกครั้ง โดยเกมนี้ ซาดิ๊ก อูมาร์ น่าจะได้ลงเป็นตัวจริงแทนที่ อันเดรีย เบล็อตติ ในตำแหน่งศูนย์หน้า เพราะ เบล็อตติ มีอาการล้ามาจากเกมทีมชาติ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โตริโน่ (4-2-3-1) : ซัลวาตอเร่ ซิริกู - ลอเรนโซ่ เด ซิเวสสตรี้, นิโกลัส เอ็นกูลู, เอ็มมิเลียโน่ โมเร็ตติ, คริสเตียน อันซัลดี้ - โทมัส รินคอน, ดานิเอเล่ บาเซลลี่ - เอ็มบาย เนียง, ยาโก้ ฟัลเก้, อาเดม ลายิช - ซาดิ๊ก อูมาร์

      ดาวิเด้ นิโคล่า นายใหญ่ของ โครโตเน่ จะไม่สามารถใช้บริการของ มาร์โก้ ตุมมิเนลโล่ (4 นัด / 1 ประตู) และ อเล็กซานดร้า โตเนฟ (2 นัด) สองแนวรุกประจำทีมได้ เนื่องจากโดนไข้เดี้ยงเล่นงาน แต่กำลังรบคนอื่นๆพร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะนำทีมมาโดย อังเต้ บูดิมีร์ (5 นัด) ศูนย์หน้าร่างโย่งสัญชาติโครเอเชีย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โครโตเน่ (4-4-2) : อเล็กซ์ คอร์ดาซ - มาริโอ ซัมปิริซี่, เฟเดริโก้ เจคเครินี่, อาร์ลินด์ อเยติ, บรูโน่ มาร์เตลล่า - มาร์คัส โรห์เด้น, อันเดรีย บาร์เบริส, โรรานโด้ มันดราโกร่า, อาเดรียน สโตยาน - มาร์เซโล่ ทร็อตต้า, อังเต้ บูดิมีร์

      ดีเตอร์ เฮ็กคิงก์ เฮ้ดโค้ชของ กลัดบัค จะไร้เงาของ ลาซโล่ บีนส์ (1 นัด), โทเบียส สโตรเบิ้ล และ โจซิป เดอร์มิช ที่ยังคงเป็นแข้งเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะ เฮ็กคิงก์ น่าจะยังยึด 11 ตัวจริงจากเกมที่เปิดบ้านชนะ ฮันโนเวอร์ 2-1 มาใช้งานต่อ นำทีมมาโดย ธอร์แกน อาซาร์ (7 นัด / 2 ประตู) แนวรุกทีมชาติเบลเยี่ยม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กลัดบัค (4-2-2-2) : ยาน ซอมเมอร์ - นิโก้ เอลเวดี้, มัทธีอัส กินเตอร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ออสการ์ เวนด์ - มิกกาแอล กุสซ็อง, คริสโตฟห์ เครเมอร์ - ฟาเบียน จอห์นสัน, ธอร์แกน อาซาร์ - ราฟฟาเอล, ลาร์ส สไตน์เดิ้ล

      อเล็กซานเดอร์ นูรี เทรนเนอร์ของ เบรเมน จะเหลือเพียงแค่ มักซ์ ครูเซ่ (4 นัด) หัวหอกวัย 29 ปีที่มีอาการเจ็บติดตัวอยู่เท่านั้น ส่วนขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด คาดว่า นูรี น่าจะปรับ 11 ขุนพลอีกเล็กน้อย เพราะลูกทีมเล่นกันได้โอเคอยู่แล้ว โดยจะมี ฟิน บาร์เทิ่ลส์ (7 นัด / 1 ประตู) กับ อิชัค เบลโฟดิล (5 นัด) ยืนคู่กันเป็นหัวหอกในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบรเมน (3-5-2) : ยีรี พาฟเลนก้า - นิโคลัส มอยซานเดอร์, ลูโดวิช ซาเน่, มิลอส เวลโกวิช - เกเบร เซลาสซี่, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช, โธมัส เดอลานี่ย์, ฟลอเรียน ไคลนซ์, ลุดวิก ออกุสตินส์สัน - ฟิน บาร์เทิ่ลส์, อิชัค เบลโฟดิล

      มาร์ติน ชมิดท์ นายใหญ่ของ โวล์ฟสบวร์ก ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน เซบาสเตียน จุง, จอห์น บรู้คส์, เจฟฟรี่ บรูม่า และ มาริโอ โกเมซ (3 นัด) ที่ยังสลัดอาการเจ็บไม่ได้ ส่วนในรายของ ปอล เอ็นแทป (3 นัด) ห้องเครื่องชาวฝรั่งเศส จะติดโทษแบน อดบู๊เช่นกัน แต่สำหรับ ดิว๊อค โอริกี (5 นัด / 1 ประตู) น่าจะได้รับโอกาสยืนเป็นหน้าเป้าต่อ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โวล์ฟสบวร์ก (4-3-2-1) : โกเยนส์ กัสตีลส์ - พอล เวอร์ฮาจ, มาร์เซล ทิสเซอรันด์, เฟลิกซ์ อูดูโอไค, จานลูก้า อิทเทอร์ - โจฌัว กีลาโว้ก, อิ๊กนาซิโอ กามาโช่, มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ - ดาเนี่ยล ดิดาวี, ยูนุส มัลลี่ - ดิว๊อค โอริกี

      ไฮโค แฮร์ลิช เทรนเนอร์ของ เลเวอร์คูเซ่น จะไม่มีชื่อของ ติน เชดวาย กับ ชาร์ลส์ อรานกุซ (7 นัด / 1 ประตู) ที่โดนไข้เดี้ยงเล่นงาน คาดว่าเกมนี้ แฮร์ลิช น่าจะปรับทัพกันอีกครั้ง แต่ตัวสำคัญอย่าง พานาจิโอติส เรตซอส (3 นัด), โดมินิค คอห์ร (7 นัด / 1 ประตู) และ จูเลี่ยน บรันด์ (7 นัด / 2 ประตู) น่าจะได้ออกสตาร์ทกันเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (4-3-3) : แบร์นด์ เลโน่ - พานาจิโอติส เรตซอส, โจนาธาน ตาห์, สเวน เบนเดอร์, เวนเดล - ลาร์ส เบนเดอร์, เควิน โฟลลันด์, โดมินิค คอห์ร - เลออน ไบลี่ย์, ลูกัส เอลาริโอ, จูเลี่ยน บรันด์

      นิโก้ โควัค กุนซือของ แฟร้งค์เฟิร์ต จะไร้เงาของ เกลสัน แฟร์น็องเดส (5 นัด), อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์, มาร์โก ฟาเบียน, อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ และ โอมาร์ มาสกาเรล ที่นัดกันเดี้ยงอยู่ทั้งหมด ส่วนในรายของ ไซม่อน ฟาแลต (7 นัด) ปราการหลังชาวฝรั่งเศส จะติดโทษห้ามแข่ง ทำให้ โควัค ต้องถอย มาโกโตะ ฮาเซเบะ (5 นัด) ลงไปเป็นกองหลัง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (4-3-3) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ทิโมธี แชนด์เลอร์, ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ทาเลบ ทาวาธา - โจนาธาน เดอ กุซมัน, เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง, มาร์ก สเตนเดร่า - มิยัต กาซิโนวิช, เซบาสเตียง ฮัลแลร์, อันเต เรบิช

      อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ เทรนเนอร์ของ ฮันโนเวอร์ ยังไม่มีชื่อของ เฟลิเป้ (4 นัด), อุฟเฟ่ เบ็ค และ เอ็ดการ์ พริบ ที่ต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนในรายของ ฟลอเรียน ฮุบเนอร์ (4 นัด) แนวรับตัวเก่ง ต้องรอทดสอบความฟิตกันอีกครั้ง แต่คู่กองหน้าอย่าง มาร์ติน ฮาร์นิค ( 7 นัด / 5 ประตู) กับ โจนาธาส (2 นัด / 1 ประตู) ลงเล่นได้แบบไร้ปัญหา

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮันโนเวอร์ (4-4-2) : ฟิลิปป์ ชอเนอร์ - จูเลี่ยน คอร์บ, ซาลิฟ ซาเน่, แอนตัน, มัทธีอัส ออสเตอร์โซเลค - อิห์ลัส เบบู, เพอร์มิน ชเว็กเลอร์, มาร์วิน บาคาลอร์ซ, เฟลิกซ์ เคล๊าซ์ - มาร์ติน ฮาร์นิค, โจนาธาส

      มาร์คุส กิสดอล นายใหญ่ของ ฮัมบูร์ก จะยังไม่มีชื่อของ นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) กองกลางตัวสำคัญของทีม เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ ส่วนในรายของ คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส (7 นัด) ปราการหลังตัวแกร่ง จะอดบู๊เช่นกัน เนื่องจากติดโทษแบน นั่นทำให้ กีเดียน จุง (7 นัด) ต้องมารับสัมปทานต่อในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-4-1-1) : มาเธเนีย - เดนนิส เดี๊ยคเมเยอร์, กีเดียน จุง, แมร์กิม มาฟราย, โกโตคุ ซากาอิ - อารอน ฮันท์, อัลบิน เอคดัล, วาซิลิเย่ ยานยิซิช, ทัตสึยะ อิโตะ - อันเดร ฮาห์น - บ๊อบบี้ วู้ด

      ซานโดร ชวาร์ซ กุนซือของ ไมนซ์ ก็ยังมีแค่ นิโค บุนเเกร์ต และ กาเอต็อง บุสมันน์ ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ ส่วนในรายของ แดนนี่ ลัตซ่า (7 นัด / 1 ประตู) กับ เลวิน ออซตูนาลี (7 นัด) สองมิดฟิลด์ตัวหลัก ต้องรอเช็คฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง แต่สำหรับ โยชิโนริ มุโตะ (7 นัด / 3 ประตู) เครื่องฟิตเต็มสูบ พร้อมลงล่าตาข่ายอย่างแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไมนซ์ (3-4-2-1) : เรเน่ อ๊าดเลอร์ - เลออน บาโลกัน, อับดู ดิยัลโล่, สเตฟาน เบล - จูลิโอ โดนาติ, ฌอง กีบาแมง, ฟาเบียน ฟราย, ดาเนี่ยล โบรซินสกี้ - ปาโบล เดอ บลาซิส, คาริม โอนิซิโว่ - โยชิโนริ มุโตะ

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ นายใหญ่ของ ชาลเก้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เวสตัน แม็คเคนนี่ (5 นัด) และ ปาโบล อินซัว ที่เป็นแข้งเดี้ยงค้างสต็อก นั่นบังคับให้ เทเดสโก้ ต้องปรับเปลี่ยน 11 ขุนพลอีกครั้ง แต่ตัวหลักอย่าง บาสเตียน อ๊อกซิปก้า (6 นัด), เลออน โกเร็ตส์ก้า (7 นัด / 2 ประตู) และ บรีล เอ็มโบโล่ (4 นัด) คงได้ลงวาดลวดลายแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-4-3) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - ธีโล่ เคห์เรอร์, นัลโด้, มาติยา นาสตาซิช - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, เลออน โกเร็ตส์ก้า, นาบิล เบนตาเลบ, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - เยฟเกนี่ โคโนพิลยานก้า, บรีล เอ็มโบโล่, อามีน ฮาริต

      พาล ดาร์ได กุนซือของ แฮร์ธ่าฯ มีเรื่องหนักใจแค่จุดเดียว คือ ไม่สามารถใช้บริการของ เวดัด อิบิเซวิช (6 นัด) กองหน้าตัวเก่งได้ เพราะจะติดโทษแบนต่อ แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างจากชุดที่เปิดบ้านเสมอ บาเยิร์น 2-2 ในเกมลีกนัดก่อน เนื่องจากทุกทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-2-3-1) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - มิตเชล ไวเซอร์, นิคลาส สตาร์ค, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพล็ตเท่นฮาร์ด - วลาดิเมียร์ ดาริด้า, เพอร์ สเคลเบร็ด - แมทธิว เล็กกี้, อองเดร ดูด้า, เกงกิ ฮารากูชิ - ซาโลมง กาลู

      มานูเอล บอย์ม เทรนเนอร์ของ เอ๊าก์สบวร์ก ต้องรอลุ้นความฟิตของ รานี เคดิร่า (6 นัด) นักเตะสารพัดประโยชน์ประจำทีมอีกครั้ง ว่าพร้อมสู้ศึกหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนนักเตะที่เหลืออยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา คาดว่า อัลเฟร็ด ฟินโบกาสัน (7 นัด / 4 ประตู) ดาวยิงชาวไอซ์แลนด์ที่กำลังท็อปฟอร์ม จะได้ยืนเป็นหน้าเป้าเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอ๊าก์สบวร์ก (4-2-3-1) : มาร์วิน ฮิตซ์ - ดาเนี่ยล โอปาเร่, เจฟฟรี่ กูเวลูว์, มาร์ติน ฮินเตอเร็กเกอร์, ฟิลิปป์ มักซ์ - รานี่ เคดิร่า, ดาเนี่ยล เบเยอร์ - มาร์เซล เฮลเลอร์, มิเชล เกรกอริช, คูบี้ - อัลเฟร็ด ฟินโบกาสัน

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ เฮ้ดโค้ชของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ จะไม่มีชื่อของ โรเบิร์ต ซูล์จ, เออร์มิน บิซัคซิช (2 นัด), ลูคัส รัปป์ (4 นัด / 1 ประตู) และ โรบิน ฮัค (1 นัด / 1 ประตู) ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ ยังอยู่กันครบ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะนำทีมมาโดย อังเดร ครามาริช (7 นัด / 2 ประตู), มาร์ก อูธ (6 นัด / 4 ประตู) และ ซานโดร ว้ากเนอร์ (5 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-4-2-1) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ - พาเวล คาเดราเบค, เดนนิส ไกเกอร์, ฟลอเรียน กริลลิช, สตีเว่น ซูเบอร์ - อังเดร ครามาริช, มาร์ก อูธ - ว้ากเนอร์

      คริสเตียน สไตรช์ เฮ้ดโค้ชของ ไฟร์บวร์ก เหลือลูกทีมบาดเจ็บอยู่อีก 4 คน คือ อามีร์ อาบราชี่ (2 นัด), มานูเอล กัลด์, มาร์ก เคมพ์ (2 นัด) และ ยอร์ก นีแดร์เมเยอร์ แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทัพ เพราะ สไตรช์ เตรียมยึด 11 ตัวจริงจากเกมที่เปิดบ้านชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 3-2 มาลงเล่นกันต่อ นำทีมมาโดย ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์ (7 นัด / 2 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฟร์บวร์ก (3-4-3) : อเล็กซานเดอร์ ชโวลอฟ - ฟิลิปป์ ไลน์ฮาร์ท, จูเลี่ยน ชุสเตอร์, คักลาร์ โซยุนกู - ปาสกาล สเตนเซิ่ล, คริสเตียน กุนเตอร์, ไมค์ ฟร๊านซ์, นิโคลัส ฮอฟเลอร์ - ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์, มาร์โก แตร์รัซซิโน่, ยานิค ฮาเบเรอร์

      จุ๊ป เฮย์เกส นายใหญ่คนใหม่ของ บาเยิร์น จะไร้เงาของ ฆวน เบร์นาต, มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด), ฟร้องค์ ริเบรี่ (6 นัด) และ ธิอาโก้ อัลกานตาร่า (5 นัด) ที่โดนไข้เดี้ยงพรากตัวไปทั้งหมด นั่นทำให้ เฮย์เกส ต้องปรับหมากแก้ปัญหาด้วยการส่ง ฮาเมส โรดริเกวซ (3 นัด / 1 ประตู) และ ฆาบี มาร์ติเนซ (3 นัด) ลงมาเสียบในตำแหน่งของกองกลางที่ว่างอยู่

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อุลไรช์ - โจชัว กิมมิค, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, เจอโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา - ฆาบี มาร์ติเนซ, อาร์ตูโร่ วิดัล - อาร์เยน ร็อบเบน, ฮาเมส โรดริเกวซ, โธมัส มุลเลอร์ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ไลป์ซิก ยิ้มสบายใจได้ก่อนเกมเลย เพราะสภาพทีมในวันนี้สมบูรณ์ 100% เนื่องจากได้ตัว นาบี เกอิต้า (4 นัด / 1 ประตู) กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง หลังชดใช้โทษแบนเรียบร้อย คาดว่า ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล จะเลือก ฌอง อูชุสแต็ง (5 นัด / 2 ประตู) กับ ยุสซุฟ โพลเซ่น (6 นัด / 1 ประตู) ลงเล่นเป็นคู่หน้าตัวจริงก่อน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-2-2-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - ลูคัส คลอสเตอร์มันน์, อูปาเมกาโน่, วิลลี่ ออร์แบน, มาร์เซล ฮัลส์เตนเเบร์ก - นาบี เกอิต้า, ดีเอโก้ เดม - มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ฌอง อูชุสแต็ง, ยุสซุฟ โพลเซ่น

      ปีเตอร์ บอสซ์ นายใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ ยังมีรายชื่อแก๊งเดี้ยงเซ็ตเดิม ได้แก่ มาร์เซล ชเมลเซอร์ (1 นัด), เอริค ดวร์ม, ราฟาเอล เกร์เรโร่, มาร์โก้ รอยส์, อันเดร ชูร์เล่ และ เซบาสเตียน โร้ด แล้วเพิ่งมาเสีย ลูคัส พิสเซ็ค (7 นัด) ไปเป็นรายล่าสุดอีก ทำให้ บอสซ์ ต้องแก้ปัญหาด้วยการส่ง เฌเรมี่ โตลยาน (2 นัด) ยืนในตำแหน่งแบ็คขวาแทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-3-3) : โรมัน บูร์กี - เฌเรมี่ โตลยาน, โซเครติส, มาร์ก บาร์ตรา, ด็อง ซากาดู - ชินจิ คากาวะ, นูรี ซาฮิน, มาริโอ เกิทเซ่ - อังเดรย์ ยาร์โมเลนโก้, ปิแอร์ ออบาเมย็อง, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์

      อาร์เซน เวนเกอร์ เฮ้ดโค้ชของ อาร์เซน่อล จะไม่มีชื่อของ โชดราน มุสตาฟี่ (5 นัด), คาลัม แชมเบอร์ส, ฟร็องซิส โกเกอแล็ง (2 นัด) และ ซานติ กาซอร์ล่า ที่ยังเดี้ยงไม่หาย ส่วนในรายของ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ (4 นัด), เซยาด โคลาซินัก (6 นัด) และ อเล็กซิส ซานเชซ (5 นัด) ต้องรอเช็คความฟิตกันอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : ปีเตอร์ เช็ก - โลร็องต์ กอสเซียลนี่, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, นาโช่ มอนเรอัล - เอ็คตอร์ เบเญริน, อารอน แรมซี่ย์, กรานิต ชาก้า, เซยาด โคลาซินัก - อเล็กซิส ซานเชซ, เมซุต โอซิล - อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์

      มาร์โก้ ซิลวา เทรนเนอร์ของ วัตฟอร์ด จะไร้เงาของ อิซัค ซัคเซสส์ กับ ยูเนส กาบูล (2 นัด) สองแข้งผิวสีที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ อังเดร การ์ริโญ่ (5 นัด) และ เซบาสเตียน โพรเดิ้ล (2 นัด) ต้องรอประเมินความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง แต่สำหรับ ริชาร์ลิสัน (7 นัด / 3 ประตู) ที่ฟอร์มกำลังฮ็อต พร้อมลงช่วยทีมได้อย่างแน่นอน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
วัตฟอร์ด (4-2-3-1) : อูเรลโญ่ โกเมส - กิโก้ เฟเมนิอา, อาเดรี่ยน มาริอัปป้า, คริสติย็อง คาบาเซเล่, โชเซ่ โฮเลบาส - อับดูลาย ดูกูเร่, เอเตียนน์ กาปู - โรเบร์โต้ เปเรย์ร่า, ทอม เคลเวอร์ลี่ย์, ริชาร์ลิสัน - ทรอย ดีนี่ย์

      ทอร์สเท่น ลีเบิร์คเน็ชท์ กุนซือของ บราวน์ชไวก์ มีรายงานเรื่องอาการเจ็บของนักเตะเข้ามาถึง 5 ราย ไล่มาตั้งแต่ มักซิมิเลี่ยน ซอยเออร์ (2 นัด), เมียร์โก โบลันด์ (8 นัด / 2 ประตู), ซาลิม เคลิฟี่ (8 นัด / 1 ประตู), คริสตอฟเฟอร์ นีมัน (7 นัด / 3 ประตู) และ โดมินิค คุมเบล่า (6 นัด / 1 ประตู) นั่นทำให้โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงเป็นแบบแก้ขัดไปก่อนแน่ๆ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บราวน์ชไวก์ (4-4-2) : ยัสมิน เฟย์ซิช - โรบิน เบ็คเกอร์, กุสตัฟ วัลสวิค, โยเซฟ บัฟโฟ่, เคน ไรเชิ่ล - แยน ฮ็อกไชด์, ไคริน โมล, หลุยส์ แซมซั่น, โอเนล เฮอร์นานเดซ - ออซคาน ยิลดิริม, ซูเลมาน อับดุลลาไฮ

      อิเลีย กรูเยฟ นายใหญ่ของ ดุ๊ยส์บวร์ก จะไม่มีชื่อของ นิโก้ คล็อตซ์ (4 นัด), บรานิเมียร์ บายิช (1 นัด), ทิม อัลบูแทต และ ซลัตโก้ ยานยิช ที่เป็นแข้งเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ คาดว่าเกมนี้ กรูเยฟ จะปรับ 11 ตัวจริงในบางจุด แต่สำหรับ บอริช ทาชชี่ (8 นัด / 4 ประตู) กับ สตานิสลาฟ อิลยุตเชนโก้ (7 นัด) น่าจะได้จับคู่กันในแนวรุกเหมือนเก่าเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุ๊ยส์บวร์ก (4-2-2-2) : มาร์ค เฟล็คเก้น - เอนิส ฮายรี่, ดัสติน บอมฮอยเออร์, เกอร์ริต นูแบร์, เควิน โวลซ์ - ลูคัส โฟรเด้, ฟาเบียน ชเนลฮาร์ด - มอริตซ์ สต๊อปเพิ่ลคัมป์, โอลิเวียร่า ซูซ่า - บอริช ทาชชี่, สตานิสลาฟ อิลยุตเชนโก้

      เจฟ สตราสเซอร์ นายใหญ่ของ ไกเซอร์ฯ จะไม่มีชื่อของ ดาเนี่ยล ฮัลฟาร์ (7 นัด / 1 ประตู), แม็ดส์ อัลบัค (4 นัด) และ แค็กเปอร์ เพอร์ซีบิลโก้ (1 นัด) ที่โดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ แต่คาดว่าไม่น่าจะส่งผลอะไรในการจัดทัพ เพราะ สตราสเซอร์ น่าจะก็อปปี้ 11 ขุนพลจากนัดที่เปิดบ้านชนะ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ 3-0 มาใช้งานแบบต่อเนื่อง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไกเซอร์ฯ (3-4-2-1) : มาริอุส มุลเลอร์ - เบนจามิน เคสเซิ่ล, สติเป วูกูร์, จูเลียโน่ โมดิก้า - ฟิลิปป์ เวเน่, จีโน่ เฟชเนอร์, คริสโตฟห์ มอริตซ์, เลออน กูวาร่า - โอเซ่ ควัดโว่, เกอร์วาเน่ คาสตาเนียร์ - เซบาสเตียน อันเดอร์สสัน

      โอลาฟ ยานส์เซ่น กุนซือของ ซังต์ เพาลี เหลือลูกทีมบาดเจ็บอยู่อีก 4 คน คือ มาร์ค ฮอร์นชูห์ (6 นัด), ฟิลิปป์ ซีไรส์, อาซิซ บูฮัดดูซ (7 นัด) และ เรียว มิยาอิชิ ส่วนในรายของ คริสโตเฟอร์ บุชมันน์ (5 นัด / 4 ประตู) กองกลางที่ฟอร์มกำลังฮ็อต น่าจะได้คืนผัง 11 ตัวจริงสักที หลังจากที่เรียกความฟิตกลับมาเต็มสูบได้อีกครั้งเเล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซังต์ เพาลี (4-2-3-1) : โรบิน ฮิมเมิ่ลมันน์ - ลูก้า ซานเดอร์, ลาส โซบีช, คริสโตเฟอร์ อาวีเวอร์, ดาเนี่ยล บูบัลล่า - แบร์นด์ เนห์ริก, คริสโตเฟอร์ บุชมันน์ - วัลเดมาร์ โซโบต้า, เชงค์ ซาฮิน, เยเรมี ดั๊ดเซียค - ซามี อัลลากี

      เปโดร ไคซินญ่า เฮ้ดโค้ชของ เรนเจอร์ส มีเรื่องน่ายินดีก่อนเกมเลย เนื่องจาก แดนนี่ วิลสัน (2 นัด) และ บรูโน่ อัลเวส (6 นัด) สองกองหลังตัวสำคัญ กลับมาเป้นตัวเลือกให้กับทีมได้แล้ว ทำให้สภาพทีมในวันนี้พร้อมรบแบบสุดๆ โดยเฉพาะในเเดนหน้าที่ อัลเฟรโด้ โมเรลอส (8 นัด / 6 ประตู) ดาวซัลโวของทีม เตรียมลงผลิตสกอร์เหมือนกับนัดที่ผ่านๆ มา

      ทอมมี่ ไรท์ เทรนเนอร์ของ เซนต์ จอห์นสโตน จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ มิคาเอล โอ'ฮัลโลแรน (6 นัด / 5 ประตู) ดาวยิงตัวเก่งของทีม เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ ส่วนในรายของ ริชาร์ด ฟอสเตอร์ (7 นัด) แนวรับจอมเก๋าก็ติดโทษแบน แต่ยังพอมีข่าวให้ชื่นใจบ้าง เมื่อ สตีเฟ่น แม็คลีน (7 นัด / 3 ประตู) หัวหอกตัวความหวังอีกคนฟิตสมบูรณ์ดี

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ เทรนเนอร์ของ โคโลญจน์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โยนาส เอ็คเตอร์ (3 นัด), มาร์เซล ริสเซ่ (4 นัด), คริสเตียน เกลเมนส์ (1 นัด) และ จอห์น กอร์โดบา (7 นัด) ที่กอดคอกันเดี้ยงทั้งแผง นั่นบังคับ สโตเกอร์ ต้องเรียกใช้บริการของ เคลาดิโอ ปิซาร์โร่ (1 นัด) กองหน้าประสบการณ์สูงที่เพิ่งดึงมาร่วมทัพ แบบต่อเนื่องในฐานะตัวเป้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (4-2-3-1) : ติโม ฮอร์น - ลูคัส คลุนเตอร์, เฟรเดอริก โซเรนเซ่น, โดมินิค ไฮนซ์, คอนสแตนติน รอยส์ - มาร์โก โฮเกอร์, มัทธีอัส เลห์มันน์ - มิลอส โยยิช, ยูยะ โอซาโกะ, เลออน บิตเท่นคอร์ต - เคลาดิโอ ปิซาร์โร่

      ฮันเนส โวล์ฟ เฮ้ดโค้ชของ สตุ๊ตการ์ต มีรายชื่อลูกทีมบาดเจ็บอยู่ 4 ราย ได้แก่ เอมิเลียโน่ อินซัว, คริสเตียน เกนท์เนอร์ (4 นัด), การ์ลอส มาเน่ และ มัทเธียส ซิมเมอร์มันน์ (2 นัด) ส่วนในรายของ โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ (4 นัด / 1 ประตู) ปราการหลังทีมชาติเยอรมัน ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าพร้อมช่วยทีมในเกมนี้หรือไม่

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สตุ๊ตการ์ต (4-2-2-2) : รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ - อันเดรียส เบ็ค, มาร์ซิน กามินสกี้, ติโม บอย์มการ์ตเทิ่ล, เดนนิส อาโอโก้ - ซานติอาโก้ อัสกากิบาร์, เบนจามิน ปาวาร์ - ชากรัค อาโกโล่, อนาสตาซิออส โดนิส - ดาเนี่ยล กินเซค, ไซม่อน เทร็อดด์

      ฆวน รามอน มูนญิซ เฮ้ดโค้ชของ เลบันเต้ มีลิสต์รายชื่อลูกทีมเดี้ยงอยู่ 4 ราย ได้แก่ อีบัน โลเปซ (3 นัด), ซามู การ์เซีย (5 นัด), โรเกร์ มาร์ตี้ และ เฆซอน (5 นัด) แต่พอจะมีข่าวดีอยู่บ้างตรงที่ เจฟเฟอร์สัน เลร์ม่า (4 นัด) ห้องเครื่องชาวโคลอมเบียหายเจ็บกลับมาแล้ว และจะออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง คู่กับ โฆเซ่ กัมปานญ่า (7 นัด) ช่วยกันคุมเกมแดนกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลบันเต้ (4-2-3-1) : ราอูล เฟร์นานเดซ - เปโดร โลเปซ, เซร์คิโอ ปอสตีโก้, เชม่า โรดริเกซ, โตนโญ่ การ์เซีย - เจฟเฟอร์ซอน เลร์มา, โฆเซ่ กัมปานญ่า - อีบี โลเปซ, เอนิส บาร์ดี, โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส - อเล็กซ์ อาเลเกรีย

      กีเก้ ฟลอเรส เทรนเนอร์ของ เอสปันญ่อล จะไร้เงาของ ไฆโร โมรียาส, อาเดรียน โลเปซ, มาร์ค นาบาร์โร่ (2 นัด) และ ฆาบี โลเปซ (2 นัด) เพราะยังเจ็บไม่หาย ส่วนในรายของ บิคตอร์ ซานเชซ (4 นัด) กัปตันทีมตัวแกร่ง ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง คาดว่า เซร์กิโอ ซานเชซ (1 นัด) จะต้องลงเล่นในตำแหน่งเเบ็คขวาที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เอสปันญ่อล (4-2-3-1) : ปาอู โลเปซ - เซร์กิโอ ซานเชซ, ดาบิด โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, อารอน มาร์ติน - เซร์จี้ ดาเดร์, ฆาบี ฟูเอโก้ - เลโอ บาปติสเตา, โฆเซ่ มานูเอล ฆูราโด้, ปาโบล ปิอัตติ - เกราร์ด โมเรโน่

      จอห์น คอลฟิลด์ นายใหญ่ของ คอร์ก ซิตี้ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน จอห์นนี่ ดันเลวี่ย์ (12 นัด / 2 ประตู) กับ อเล็ค ไบรน์ ที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนในรายของ คอนอร์ แม็คคอร์แม็ค (26 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่ที่ชวดแน่ๆ อีกคน คือ สตีเว่น บีตตี้ (21 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องตัวหลัก เพราะโดนโทษแบน

      คีธ ลอง เฮ้ดโค้ชของ โบฮีเมี่ยนส์ จะไม่มีชื่อของ ไอออน วีเรน, วอร์เรน โอฮาร่า (10 นัด) และ ลอร์แคน ฟิตซ์เกรัลด์ (24 นัด / 1 ประตู) ที่โดนไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ คีธ วอร์ด (25 นัด / 5 ประตู) มิดฟิลด์ตัวสำคัญ จะติดโทษห้ามแข่ง แต่ยังดีที่ ดาเนี่ยล คอร์โคแรน (22 นัด / 15 ประตู) ดาวยิงตัวเก่ง พร้อมล่าตาข่ายให้กับทีม

      มิก้า เลห์โคซูโอ กุนซือของ เอชเจเค เฮลซิงกิ จะไร้เงาของ วิลเล่ จาลาสโต้ (20 นัด / 2 ประตู) กับ มอชแต็กห์ ยากูห์บิ (15 นัด / 2 ประตู) ที่ยังเดี้ยงอยู่เหมือนเก่า แต่คงไม่ส่งผลอะไร เพราะเชื่อว่า เลห์โคซูโอ จะยึด 11 ขุนพลชุดเดิมในการลงสู้ศึก เนื่องจากลูกทีมทุกคนทำผลงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว โดยเฉพาะ อัคเซลี่ เปลวาส (27 นัด / 12 ประตู)

      ไบรอัน เพจ นายใหญ่ของ เอสเจเค ไซนาโจเอน ยังหมดสิทธิ์ใช้บริการของ มาเตจ์ ฮราเด็คกี้ ห้องเครื่องดาวรุ่งประจำทีมที่เจ็บเอ็นไขว้ในหัวเข่า อยู่ในระหว่างการรักษา ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า เพจ น่าจะมีการปรับทัพกันนิดหน่อย แต่สำหรับ บิลลี่ ออนส์ (26 นัด / 9 ประตู) ศูนย์หน้าแดนผู้ดี จะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงต่อไป

      ปีเตอร์ ลุนด์เบิร์ก เฮ้ดโค้ชของ ไอเอฟเค มาเรียฮามน์ เหลือเพียงแค่ ร็อบบิน เซลลิน (24 นัด / 5 ประตู) กองกลางชาวสวีเดนเท่านั้น ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ไม่น่าจะต่างจากนัดที่เปิดบ้านชนะ เอสเจเค ไซนาโจเอน 2-1 โดยจะมี อเล็คเซ คานกาสโคล์คก้า (26 นัด / 15 ประตู) ลงล่าประตู

      โทนี่ คอร์เคียคุนนาส ผู้จัดการทีมของ ลาห์ติ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อเล็กซานเดอร์ วาสยูติน (23 นัด), ดริลอน ชาล่า (10 นัด) และ พาเวล โอซิปอฟ ที่มีอาการเดี้ยงรบกวนอยู่ทั้งหมด นั่นบังคับให้ คอร์เคียคุนนาส ต้องใช้บริการของ มิคก้า มูจูเน่น (6 นัด) นายทวารดาวรุ่ง ลงแทนที่ วาสยูติน ต่อไป แต่สำหรับ สเตนิโอ (26 นัด / 9 ประตู) พร้อมลงเล่นชัวร์

      ยาร์คโก้ วิสส์ เทรนเนอร์ของ อิลเวส ต้องรอเช็คความฟิตของ เอไมล์ เตนเด็ง (20 นัด / 1 ประตู) และ อันติ ฮูนูเน่น (19 นัด / 1 ประตู) สองกำลังสำคัญของทีมก่อนเกมเริ่มอีกครั้ง แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนในรายของ อาริเอล เอ็นกูอูคัม (29 นัด / 15 ประตู) ดาวยิงชาวแคเมอรูน ฟิตเต็มถัง พร้อมลงล่าตาข่ายได้เหมือนเก่า

      ยูฮา ปาโซย่า กุนซือของ เจเจเค จีวาสคีล่า ไม่มีรายงานความเสียหายของสภาพทีมเข้ามาเลย นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในใจของ ปาโซย่า ไม่น่าจะต่างไปจากชุดปัจจุบันมากนัก นำทีมมาโดย เฟลิกซ์ กุสตาฟส์สัน (20 นัด), โตมี่ เปเตรสคู (21 นัด / 4 ประตู) และ กาเอล เอต็อค (27 นัด / 8 ประตู) หาเหรดกันลงสู่สนาม

      ยูฮา มาลิเน่น นายใหญ่ของ โรพีเอส ยังไม่มีชื่อของ อาโป เฮียคคิล่า กองกลางวัย 23 ปี ที่เจ็บยาวมานานแล้ว ส่วนในรายของ อีวาน ตาโตมิโรวิช (27 นัด / 2 ประตู) แนวรับตัวสำคัญจะติดโทษแบน แต่ตัวหลักคนอื่นอย่าง อันเซลมี่ นูร์เมล่า (25 นัด / 1 ประตู) กับ ติโม สตาวิตสกี้ (28 นัด / 3 ประตู) พร้อมลงสนามช่วยทีมล่าแต้มในเกมนี้อย่างแน่นอน

      ยานี่ ฮอนคาวาร่า เทรนเนอร์ของ คูพีเอส จะขาดหายไปเพียงแค่ เซบาสเตียน ซอร์ซ่า (23 นัด / 1 ประตู) ปราการหลังประสบการณ์สูงเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ นั่นเป็นปัญหาที่ ฮอนคาวาร่า ต้องแก้ไข แต่สำหรับแนวรุกยังอยู่กันครบ โดยเฉพาะ แอทส์ พูร์เย่ (28 นัด / 7 ประตู) ดาวเตะทีมชาติเอสโตเนีย ที่ฟอร์มกำลังแจ่มเหลือเกิน

      ฟาบริซิโอ ปิคคาเรต้า นายใหญ่ของ อินเตอร์ ตูร์คู ยังหมดสิทธิ์ใช้บริการของ เจเร่ โคโปเน่น (7 นัด) กับ นิโค มาร์คคูล่า (9 นัด / 1 ประตู) ที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการวางหมาก เพราะ ปิคคาเรต้า เตรียมใช้งาน 11 ขุนพลชุดปัจจุบันอยู่แล้ว โดยจะมี เบนจามิน คาลล์มัน (27 นัด / 8 ประตู) คอยผลิตสกอร์ในแดนหน้า

      เปตริ วูโอริเน่น เฮ้ดโค้ชของ วีพีเอส จะไม่มีชื่อของ ติมี่ ลาห์ติ (20 นัด) และ จูนาส วาห์เตร่า (26 นัด / 6 ประตู) สองแนวรับของทีมที่โดนไข้เดี้ยงเล่นงาน แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า วูโอริเน่น คงมีการจัดทัพกันใหม่อีกครั้ง แต่ในรายของ สตีเฟ่น มอร์ริสเซย์ (28 นัด / 5 ประตู) น่าจะได้ลงล่าตาข่ายต่อไป

      ยานี่ อาห์มัน ผู้จัดการทีมของ พีเอส เคมี่ มีปัญหาแน่นอนในแนวรับ เมื่อ อับดูลี่ มานซัลลี่ (27 นัด / 5 ประตู) กับ ลาสซี่ นูร์มอส (19 นัด) สองกองหลังตัวเก่ง จะติดโทษห้ามแข่งด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ต้องมีการปรับ 11 ขุนพลเป็นการด่วน แต่สำหรับในแนวรุกยังคงมี สเนย์เดร์ มูญอซ (28 นัด) ยืนค้ำเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าได้เหมือนเดิม

      อันติ มูริเน่น นายใหญ่ของ เอชไอเอฟเค จะไร้เงาของ นิโคลัส ไซร่า (8 นัด), คิม ไรมี่ (15 นัด) และ เปาลี คูซิยาร์วี่ (6 นัด / 1 ประตู) เนื่องจากมีอาการเจ็บรบกวนอยู่ทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ไม่น่าจะต่างจากชุดที่บุกชนะ วีพีเอส 2-1 นำทีมมาโดย เป็คก้า ซิห์โวล่า (25 นัด / 8 ประตู) ดาวยิงตัวเก๋าประจำทีม

      ปีเตอร์ เวอร์เมส เทรนเนอร์ของ สปอร์ติ้ง แคนซัส จะไร้เงาของ คาเมรอน พอร์เตอร์ (1 นัด) ที่เจ็บข้อเท้า ส่วนในรายของ ทิม เมเลีย (31 นัด) ต้องรอทดสอบความฟิตกันอีกครั้ง แต่ที่วืดแน่ๆ อีก 3 คน คือ แม็ตต์ เบสเลอร์ (24 นัด), เกรแฮม ซูซี่ (22 นัด) และ เบนนี่ เฟลฮาเบอร์ (28 นัด / 5 ประตู) เนื่องจากติดภารกิจในการรับใช้ทีมชาติ

      วิลเมร์ กาเบรร่า นายใหญ่ของ ฮุสตัน ไดนาโม จะหมดสิทธิ์ใช้งาน จอร์จ มัลกิ กับ เมโม โรดริเกวซ เนื่องจากยังเดี้ยงไม่หาย ส่วนในรายของ โบเนียค การ์เซีย (20 นัด) ห้องเครื่องตัวเก๋าคนสำคัญ ต้องรอเช็คความฟิตอีกครั้ง แต่สำหรับกองหน้าตัวความหวังอย่าง เมาโร มาโนตาส (30 นัด / 9 ประตู) พร้อมลงเล่นเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าแน่นอน