วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      วลาดาน มิโลเยวิช นายใหญ่ของ เซอร์เวน่า ซเวซด้า มีรายงานลูกทีมเดี้ยงเข้ามา 4 ราย ได้แก่ ดามีร์ คาห์ริมัน (3 นัด), วูยาดิน ซาวิช (7 นัด), บรังโก้ โยวิซิช (3 นัด) และ ริคาร์ดินโญ่ (2 นัด / 1 ประตู) ส่วยในรายของ มิลาน บอร์ยาน (6 นัด) ผู้รักษาประตูชาวแคนาดา วัย 29 ปี ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะลงเล่นไหว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เซอร์เวน่า ซเวซด้า (4-3-3) : มิลาน บอร์ยาน - ฟิลิป สตอยโควิช, ดูซาน อันเดลโควิช, ดาเมี่ยน เลอ ตัลเล็ค, มิลาน โรดิช - เนน้าด คริสติซิช, มิทเชลล์ โดนัลด์, กูเอลอร์ คังก้า - สโลโวลยุบ เซอร์นิช, ริชมอนด์ โบอัคเย่, เนมันย่า ราดอนยิช

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ เทรนเนอร์ของ โคโลญจน์ จะไม่มีชื่อของ โยนาส เอ็คเตอร์ (3 นัด), มาร์เซล ริสเซ่ (4 นัด), อาตอมส์ รุดเนฟส์ และ นิโคลัส นาร์เตย์ ที่โดนโรคเดี้ยงเข้าครอบงำ ส่วนในรายของ ซิมอน โซลเลอร์ (4 นัด) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง แต่ 11 ตัวจริงชุดเดียวกับในเกมลีกนัดก่อนที่จะใช้งานในเกมนี้ไม่มีปัญหาสักคน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (3-5-2) : ติโม ฮอร์น - โดมินิค มาโรห์, เฟรเดริค โซเรนเซ่น, โดมินิค ไฮนซ์ - ลูคัส คลุนเตอร์, มัทธีอัส เลห์มันน์, ซาลิห์ ออซคาน, เลออน บิตเท่นคอร์ต, คอนสแตนติน รอยส์ - จอห์น กอร์โดบา, ยูยะ โอซาโกะ

      พาล ดาร์ได ผู้จัดการทีมของ แฮร์ธ่าฯ จะยังงดใช้งาน ดาวี เซลเก้ ที่เมีอาการเจ็บเท้าต่อไป แต่คงไม่มีผลอะไรในกับทีมมากนัก เพราะ ดาร์ได เตรียมขน 11 ขุนพลชุดที่ใช้งานในเกมลีกลงเล่นกันต่อ นำทีมมาโดย เซบาสเตียน ลังคัมป์ (5 นัด), ซาโลมง กาลู (5 นัด / 1 ประตู), แมทธิว เล็กกี้ (6 นัด / 4 ประตู) และ เวดัด อิบิเซวิช (6 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-2-3-1) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - มิตเชล ไวเซอร์, เซบาสเตียน ลังคัมป์, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพล็ตเท่นฮาร์ด - ฟาเบียน ลุสเตนเเบร์เกอร์, เพอร์ สเคลเบร็ด - แมทธิว เล็กกี้, ออนเดรย์ ดูด้า, ซาโลมง กาลู - เวดัด อิบิเซวิช

      เกรแฮม พ็อตเตอร์ นายใหญ่ของ ออสเตอร์ซุนด์ส ไม่มีปัญหาใดให้กังวลในการจัดทีม เนื่องจากสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ 100% คาดว่า พ็อตเตอร์ น่าจะยึด 11 ขุนพลชุดปัจจุบันลงบู๊อย่างต่อเนื่อง โดยจะมี โยฮัน เบอร์ทิลส์สัน (17 นัด / 5 ประตู) กับ เจมี่ ฮ็อปคัทท์ (18 นัด / 5 ประตู) คอยล่าตาข่ายคู่กันในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ออสเตอร์ซุนด์ส (4-4-2) : อันเดรียส อันเดอร์สสัน - โรนัลด์ มูคิบี้, ทิม บียอร์คสตรอม, ซามูเอล เมนซาห์, เดนนิส วิดเกร็น - เคอร์ติส เอ็ดเวิร์ดส์, ลุดวิก ฟริทซ์สัน, เบอร์วา นูรี่, ปาทริค คโปโซ - โยฮัน เบอร์ทิลส์สัน, เจมี่ ฮ็อปคัทท์

      เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของ เซลติก จะงดใช้บริการ คูยัสซี่ เอบูเอ้ และ เอริค สเวียตเชนโก้ เพราะโดนโรคเดี้ยงเล่นงาน ส่วนขุมกำลังที่เหลือฟิตเต็มสูบ พร้อมให้เรียกใช้งานได้ทั้งหมด คาดว่า "บีร็อดจ์" จะให้โอกาสกับ สก็อต ซินแคลร์ (6 นัด / 3 ประตู), ทอม โรกิช (6 นัด / 2 ประตู) และ เลจ กริฟฟิธส์ (6 นัด / 3 ประตู) ลงสนามช่วยกันทำเกมรุก

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เซลติก (4-2-3-1) : เคร็ก กอร์ดอน - มิคาเอล ลุสติก, โจโซ ซิมูโนวิช, เดดริค โบยาต้า, คีแรน เทียร์นี่ย์ - สก็อต บราวน์, สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง - แพทริค โรเบิร์ตส์, สก็อต ซินแคลร์, ทอม โรกิช - เลจ กริฟฟิธส์

      นิโกลัส ฟรูตอส เทรนเนอร์ของ อันเดอร์เลชท์ มีปัญหาเยอะพอตัวในการจัดทัพ เมื่อ แอนดี้ นายาร์ (1 นัด) มีอาการเจ็บ ส่วนในรายของ อีวาน โอบราโดวิช (7 นัด), ลูคัส ธีโอดอร์ซิค (7 นัด / 2 ประตู) และ เซริเย่ เอ็มบ็อดฌี่ (5 นัด) ต้องรอทดสอบความฟิตกันอีกครั้ง อีกรายที่ชวดแน่ๆ คือ สเวน คุมส์ (5 นัด) เพราะโดนใบแดงมาจากเกมล่าสุดที่เยอรมัน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อันเดอร์เลชท์ (4-3-3) : ฟร้องค์ โบเย็กซ์ - เดนนิส อัปเปียห์, อูโร สปายิช, โอลิวิเย่ร์ เดส์ชัคท์, เอ็มมานูเอล โซวาห์ - อาเดรียน เตรอแบล, เลอันแดร์ เดนดองเก้ร์, นิโคเล สตานคู - โซฟิยาน ฮานนี่, โรเบิร์ต เบริช, เฮนรี่ ออนเยกูรู

      ทาคาฟุมิ โฮริ ผู้จัดการทีมของ อุราวะ เร้ด ไดมอนด์ส ต้องรอเช็คความฟิตของ ทาดานาริ ลี (20 นัด / 3 ประตู) และ ราฟาเอล ซิลวา (20 นัด / 9 ประตู) สองตัวรุกคนสำคัญในนาทีสุดท้ายอีกครั้ง ว่าพร้อมช่วยลงรับใช้ต้นสังกัดได้หรือไม่ ส่วนในรายของ ยูกิ มูโตะ (25 นัด / 6 ประตู) กองหน้าตัวเก่งวัย 28 ปี กลับมาสู่ทีมได้แล้ว หลังจากชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อย

      อังเดร วิญาส-โบอาส กุนซือของ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี มีรายงานอาการเจ็บของลูกทีมเข้ามา 3 ราย ได้แก่ หวัง เชงเฉา (25 นัด / 1 ประตู), หยาน จุนหลิง (26 นัด) และ หวัง เจียเจ้ (1 นัด) ทำให้ วิญาส-โบอาส ต้องปรับหมากเป็นการด่วน แต่พอจะมีข่าวดีอยู่บ้างที่ ออสการ์ (18 นัด / 2 ประตู), ฮัลค์ (24 นัด / 13 ประตู) และ เอลเคสัน (16 นัด / 10 ประตู) ยังอยู่กันครบ

      จเด็จ มีลาภ กุนซือใหม่หน้าเก่าของ การท่าเรือ เตรียมขน 11 ขุนพลชุดที่บุกอัด พัทยาฯ 5-2 เมื่อสามวันก่อน ลงเล่นกันต่อเพราะทุกคนทำหน้าที่กันได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว โดยจะมี เอเลียส ดอเลาะ (28 นัด), ศิวกร จักขุประสาท (27 นัด / 3 ประตู), ธนา ชนะบุตร (25 นัด / 2 ประตู) และ โชซิมาร์ โรดริเกวซ (23 นัด / 11 ประตู) พาเหรดกันลงสนาม

      มาโน่ โพลกิ้ง เทรนเนอร์ของ แบงค็อกฯ น่าจะกลับมาใช้บริการนักเตะชุดที่ดีที่สุดอีกครั้ง หลังจากที่มีการโรเตชั่นตัวหลักเก็บไว้ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยรายชื่ออย่าง โยฮัน ตาบาเรส (23 นัด / 1 ประตู), มาริโอ ยูรอฟสกี้ (23 นัด / 15 ประตู) และ ดราแกน บอสโควิช (28 นัด / 31 ประตู) จะลงเล่นเป็นตัวยืนเป็นแกนของทีมเหมือนเก่า

      คาร์โล อันเชล็อตติ เฮ้ดโค้ชของ บาเยิร์น จะเหลือเพียงแค่ ฆวน เบร์นาต กับ มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด) เท่านั้น ที่ยังมีอาการเจ็บรบกวน นั่นทำให้ "อันเช่" ไม่ต้องคิดเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริง สามารถยกเซ็ตปัจจุบันมาใช้ต่อได้เลย นำทีมมาโดย อาร์เยน ร็อบเบน (5 นัด / 2 ประตู), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (6 นัด / 7 ประตู) และ ฟร้องค์ ริเบรี่ (5 นัด)

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อุลไรช์ - โจชัว กิมมิค, เฌอโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิ่ล, ราฟินญ่า - อาร์ตูโร่ วิดัล, ธิอาโก้ อัลกานตาร่า - อาร์เยน ร็อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      อูไน เอเมรี่ กุนซือของ เปแอสเช จะไร้เงาของ ฮาเบียร์ ปาสตอเร่ (4 นัด / 2 ประตู) จอมทัพชาวอาร์เจนไตน์ เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไมได้ แต่ "อาวุธหนัก" คนอื่นๆ พร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว คาดว่า เอเมรี่ จะส่งลงเล่นกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เนย์มาร์ (5 นัด / 4 ประตู), เอดินสัน คาวานี่ (7 นัด / 7 ประตู) รวมไปถึง คีเลียน เอ็มบัปเป้ (3 นัด / 1 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เปแอสเช (4-3-3) : อัลโฟนเซ อเรโอลา - ดานี่ อัลเวส, ธิอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอส, เลย์แว็ง คูร์ซาว่า - อาเดรียน ราบิโอต์, มาร์โก แวร์รัตติ, ติอาโก้ มอตตา - เนย์มาร์, เอดินสัน คาวานี่, คีเลียน เอ็มบัปเป้

      ไมค์ มัลวี่ย์ นายใหญ่ของ โปลิซ เทโร ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลในการจัดทัพ เพราะสภาพตัวหลักที่ใช้งานอยู่สมบูรณ์กันดีทุกคน เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในใจของ มัลวี่ย์ ไม่น่าจะต่างไปจากชุดเดิมๆ นั่นหมายความว่า มาริโอ อาบรานเต้ (22 นัด / 1 ประตู) และ คาลิฟา ซิสเซ่ (26 นัด / 2 ประตู) น่าจะได้ออกสตาร์ทตั้งแต่ต้นเกม

      อเล็กซานเดร กาม่า เฮ้ดโค้ชของ เชียงรายฯ เตรียมขนผู้เล่นชุดที่เปิดบ้านชนะ สุโขทัย 6-0 ในเกมลีกนัดก่อนลงสนามกันต่อ เพราะลูกทีมทุกคนทำหน้าที่กันได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว นำทีมมาโดย ชินภัทร ลีเอาะ (18 นัด / 1 ประตู), ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (26 นัด / 4 ประตู) และ แจนด์สัน (7 นัด / 3 ประตู) ที่ระเบิดแฮตทริคในเกมดังกล่าว

      โบซิดาร์ บันโดวิช เฮ้ดโค้ชของ บุรีรัมย์ฯ จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ "ป็อกบาเมืองไทย" อย่าง ศศลักษณ์ ไหประโคน (8 นัด) เนื่องจากยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ คาดว่า บันโดวิช จะจัดหนักจัดเต็มด้วยการส่ง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (26 นัด), จักรพันธ์ แก้วพรม (26 นัด / 4 ประตู) และ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต (24 นัด / 19 ประตู) ลงเล่น

      สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ เทรนเนอร์ของ บางกอกกล๊าส จะไร้เงาของ ดาเนียล การ์เซีย โตติ (20 นัด / 8 ประตู) จอมทัพชาวสเปน เพราะโดนอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ขุมกำลังคนอื่นที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว นำทีมมาโดย แมตต์ สมิธ (25 นัด), อาเรี่ยล โรดริเกซ (17 นัด / 5 ประตู) และ "อีซ้ายทะลวงไส้" ยาสมานี่ คัมโปส (27 นัด / 10 ประตู)

      คีธ ฮิลล์ ผู้จัดการทีมของ รอชเดล จะไร้เงาของ คีธ คีน (1 นัด) กับ โจ ธอมป์สัน สองกองกลางของทีม เพราะมีอาการเจ็บรบกวน ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยได้ทั้งหมด คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างจากชุดที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยจะมี สตีฟ เดวี่ส์ (9 นัด / 4 ประตู) ดาวยิงฟอร์มแรง วัย 29 ปี ยืนผลิตสกอร์อยู่ในแดนหน้า

      แกรี่ โบว์เยอร์ เฮ้ดโค้ชของ แบล็คพูล จะไม่มีชื่อของ อาร์ม็องด์ จีน็องดูอิลเล่ต์ (3 นัด) และ จิม แม็คอัสลิสเตอร์ ที่โดนพิษไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ มาร์ค คัลเลน (3 นัด) หัวหอกวัย 25 ปี ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ คือ โอลิเวอร์ เทอร์ทัน (9 นัด / 1 ประตู) และ คัลลัม คุ๊ก (8 นัด / 2 ประตู) ลงตัวจริงแน่นอน

      อูเว่ รอสเลอร์ นายใหญ่ของ ฟลีทวู้ด มีปัญหาในการจัดทัพสองจุด คือ คอเนอร์ แม็กเอเลนีย์ (3 นัด / 2 ประตู) ดาวยิงตัวหลักกำลังเดี้ยงอยู่ และในรายของ ไอเดน โอนีลล์ (8 นัด) ห้องเครื่องจากแดนจิงโจ้ จะติดโทษห้ามแข่ง เพราะโดนไล่ออกมาในเกมลีกนัดล่าสุด แต่พอจะมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อ โรเบิร์ต แกร้นท์ (6 นัด) ฟิตเต็มสูบ พร้อมลงคุมเกม

      สจ๊วร์ต แม็คคอลล์ เทรนเนอร์ของ แบร็ดฟอร์ด จะงดใช้งาน ติโมธี เดียง (3 นัด) ปราการหลังชาวฝรั่งเศส ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน เพียงรายเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่า แม็คคอลล์ สามารถยกทีมชุดที่บุกชนะ นอร์ธแฮมป์ตัน 1-0 ในเกมลีกนัดล่าสุดมาใช้งานต่อได้เลย โดยจะมี โดมินิค โปเลอน (9 นัด / 3 ประตู) ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวความหวัง

      โฆเซป กลอเล็ต รูอิซ เฮ้ดโค้ชของ อ็อกซ์ฟอร์ด มีรายงานลูกทีมเดี้ยงเข้ามายาวเหยียดไม่แพ้กัน ได้แก่ ดไวท์ เทียนดาลลี่ (1 นัด), แซม ลอง, ชาลี เรแกลน, จอช แอส์ชบี้, อิโว เปกาลสกี้, จอน โอบิก้า (7 นัด), เวส โธมัส (6 นัด / 3 ประตู) และ เอกอน เมห์เมติ จึงตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันเปี๊ยบ จำต้องใช้ 11 ขุนพลชุดเก่าลุยศึกต่อ

      ลี คล้าร์ค กุนซือของ บิวรี่ มีรายชื่อลูกทีมบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าว ไล่มาตั้งแต่ อีโอแกน โอคอนเนลล์, แอนดรูว์ ทัตต์, เจมส์ โอเช (1 นัด), เคร็ก โจนส์ (3 นัด), แดนนี เมยอร์, สตีเฟน ดอว์สัน (1 นัด) และ ทอม เฮิร์ดแมน นั่นทำให้ คล้าร์ค ไม่มีทรัพยากรในการตกแต่ง 11 ตัวจริงเลย จึงต้องใช้ตัวผู้เล่นชุดเดิมๆ ลงสนามต่อไปอีกนัด

      พอล วอร์น เทรนเนอร์ของ ร็อตเธอร์แฮม จะหมดสิทธิ์ใช้งาน คิฟเฟอร์ มัว (9 นัด / 8 ประตู) มิดฟิลด์ตัวเก่งที่กำลังฟอร์มดี เนื่องจากพิษไข้เดี้ยงเข้าครอบงำ แต่จะมีข่าวดีตรงที่ โจ แมตต็อค (6 นัด) กลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง หลังชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อย ส่วนในรายของ ฌอน คัมมิงส์ (2 นัด) และ จอร์ช เอ็มมานูเอล (4 นัด) ก็มีลุ้นสอดแทรกเป็นตัวจริงเช่นกัน

      โทนี่ โมว์เบรย์ เฮ้ดโค้ชของ แบล็คเบิร์น จะไม่มีชื่อของ เบน แกล๊ดวิน (3 นัด), เรคีม ฮาร์เปอร์ (1 นัด), เคร็ก คอนเวย์ (4 นัด), สก็อตต์ วาร์ตัน และ ดาร์ราจห์ เลนิฮาน (1 นัด) ที่โดนอาการเดี้ยงเล่นงานอยู่ทั้งหมด ส่วนในรายของ ไรอัน นีอัมเบ้ (2 นัด) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ โดมินิค ซามูเอล (8 นัด / 3 ประตู) พร้อมลุยอยู่นานแล้ว

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ไลป์ซิก ต้องรอเช็คความฟิตของสามตัวหลักอย่าง เควิน คัมเพิ่ล, นาบี เกอิต้า และ ฌอง ออกุสติน ก่อนเกมเริ่มอีกครั้ง ว่าฟิตทันหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้จะเป็นชุดใหญ่เต็มสูบ นำทีมมาโดย ติโม แวร์เนอร์ (6 นัด / 5 ประตู) และ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (5 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-2-2-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - ลูคัส คลอสเตอร์มันน์, อูปาเมกาโน่, วิลลี่ ออร์แบน, มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก - เควิน คัมเพิ่ล, ดีเอโก้ เดม - นาบี เกอิต้า, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ติโม แวร์เนอร์, ฌอง ออกุสติน

      เซนอล กูเนส นายใหญ่ของ เบซิคตัส จะไร้เงาของ โกคาห์น โกนุล กับ อัตนิค นูคาน สองแนวรับของทีม ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนในรายของ อาเดรียโน่ (2 นัด) ฟูลแบ็คชาวบราซิล ต้องรอเช็คฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง เซงค์ โตซุน (5 นัด / 2 ประตู) พร้อมลงผลิตสกอร์ให้กับทีมได้เหมือนเก่า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบซิคตัส (4-2-3-1) : ฟาบรี้ - เนซิป อูซาล, เปเป้, ดุสก้า โทซิช, กาเนอร์ เอร์กิ้น - อติบา ฮัตชินสัน, โอกูซาน ออซยาคุป - ริคาร์โด้ กวาเรสม่า, อันแดร์สัน ตาลิสก้า, ไรอัน บาเบล - เซงค์ โตซุน

      แซร์โจ้ คอนไซเซา กุนซือของ ปอร์โต้ จะขาดหายไปเพียงแค่ อังเดร อังเดร ห้องเครื่องวัย 28 ปี คนเดียวเท่านั้น ที่ยังเดี้ยงไม่หาย แต่จะได้ตัว มักซี่ เปไรร่า (2 นัด) และ แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ (7 นัด / 6 ประตู) กลับมาช่วยทีมได้แล้ว หลังชดใช้โทษแบนเรียบร้อย โดยรายแรกอาจจะต้องรอโอกาสไปก่อน แต่รายหลังคงได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในทันที

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ปอร์โต้ (4-4-2) : อิเกร์ กาซิยาส - ริคาร์โด้ เปไรร่า, เฟลิเป้, อีบัน มาร์กาโน่, อเล็กซ์ เตเยส - เฆซุส โกโรน่า, โอลิเวอร์ ตอร์เรส, ดานิโล่, ยาซีน บราฮิมี่ - มูสซ่า เมเรก้า, แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์

      เลโอนาร์โด้ ยาร์ดิม เทรนเนอร์ของ โมนาโก มีรายงานความเสียหายเรื่องนักเตะเจ็บเข้ามา 4 ราย ได้แก่ ดาเนียล ซูบาซิช (5 นัด), โลอิค บาเดียไชล์, เทเรนซ์ คองโกโล่ และ เควิน เอ็นโดรัม นั่นบังคับให้ ยาร์ดิม ต้องเรียกใช้บริการของ ดีเอโก้ เบนาโญ่ (2 นัด) ลงเฝ้าเสาต่อ ส่วน "อาวุธหนัก" อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา (7 นัด / 11 ประตู) ไม่พลาดลงสนามแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โมนาโก (4-4-2) : ดีเอโก้ เบนาโญ่ - ฌิบริล ซิดิเบ้, คามิล กลิค, เชเมอร์สัน, ชอร์เก้ - โรนี่ โลเปซ, เจา มูตินโญ่, ฟาบินโญ่, ราชิด กีห์ซซาล - ราดาเมล ฟัลเกา, สเตฟาน โยเวติช

      สตีเฟ่น แบร็ดลี่ย์ กุนซือของ แชมร็อค โรเวอร์ส จะไร้เงาของ ลุค ไบร์เน่ (15 นัด) ปราการหลังวัย 24 ปี ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า แบร็ดลี่ย์ น่าจะก็อปปี้ 11 ขุนพลจากเกมก่อนที่เปิดบ้านชนะ ฟินน์ ฮาร์ปส์ 4-1 มาใช้งานต่อ โดยจะมี แกรี่ ชอว์ (24 นัด / 9 ประตู) ยืนผลิตสกอร์ในแดนหน้า

      เลียม บั๊คลี่ย์ นายใหญ่ของ เซนต์ พาทริคส์ จะไม่มีชื่อของ ดาร์เรน เดนเนฮี (2 นัด) กับ แบร์รี่ เมอร์ฟี่ย์ (7 นัด) สองคนที่เดี้ยงยาวเหมือนเดิม ส่วนในรายของ เอียน เบอร์มิงแฮม (26 นัด / 2 ประตู) จะกลับมาเป็นตัวเลือกได้อีกครั้ง หลังชดใช้โทษแบนเรียบร้อย แต่ก็จะเสีย เกวิน เพียร์ส (18 นัด) สวนกลับไปแทน เพราะโดนใบแดงมาในเกมล่าสุด

      สตีเฟ่น เคนนี่ นายใหญ่ของ ดันดอล์ค ต้องรอเช็คฟิตของ ทอมมี่ สจ๊วร์ต (20 นัด / 2 ประตู) แนวรุกวัย 30 ปี อีกครั้ง ว่าพร้อมลงช่วยทีมทันหรือไม่ ส่วนในรายของ จอห์น เม้าท์นี่ย์ (16 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องประจำทีม ยังไม่หายเจ็บ แต่สำหรับ เดวิด แม็คมิลลาน (25 นัด / 16 ประตู) ที่ซัดประตูได้ในเกมก่อน พร้อมลงล่าตาข่ายเหมือนเดิม

      จอห์น คอลฟิลด์ นายใหญ่ของ คอร์ก ซิตี้ ยังไม่มีชื่อของ จอห์นนี่ ดันเลวี่ย์ (12 นัด / 2 ประตู) กองกลางวัย 26 ปี ที่เดี้ยงยาวมาก่อนหน้า ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างจากชุดใหญ่ชุดเดิมที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยจะมี ไรอัน เดลานี่ย์ (26 นัด / 5 ประตู) เดินนำทีมลงสู่สนาม

      มันเฟร็ด พาอูลา นายใหญ่คนใหม่ของ ไกเซอร์ฯ เหลือเพียงแค่ แม็ดส์ อัลบัค (4 นัด) และ แค็กเปอร์ เพอร์ซีบิลโก้ เท่านั้น ที่ยังเดี้ยงอยู่ เชื่อว่า พาอูลา น่าจะยึด 11 ขุนพลชุดที่ลงสนามในปัจจุบันใช้งานไปก่อน โดยจะมี สติเป้ วูร์คูร์ (7 นัด), คริสโตฟห์ มอริตซ์ (5 นัด) และ เซบาสเตียน แอนเดอร์สสัน (3 นัด / 1 ประตู) พาเหรดกันลงเล่น

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไกเซอร์ฯ (4-1-4-1) : มาริอุส มุลเลอร์ - เบนจามิน เคสเซล, สติเป้ วูร์คูร์, มาร์เซล คอร์ไรอา, เลออง กูวาร่า - พาทริค ซีกเลอร์ - นิคลาส ชิปโนสกี้, คริสโตฟห์ มอริตซ์, บาริส อาทิค, มันเฟร็ด โอเซ-ควัดวู - เซบาสเตียน แอนเดอร์สสัน

      เยนส์ เคลเลอร์ เฮ้ดโค้ชของ ยูนิโอน เบอร์ลิน จะไร้เงาของ มาร์ก ตอร์เรฆอน (4 นัด) กับ เคนนี่ เรดอนโด้ (2 นัด) ที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ แต่ขุมกำลังพร้อมลุยกันทุกคน เชื่อว่าเกมนี้ เคลเลอร์ น่าจะมีการปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริง ด้วยการส่ง เซบาสเตียน โพลเตอร์ (7 นัด / 1 ประตู) ออกสตาร์ทเป็นกองหน้าตัวเป้า แทนที่ ฟิลิปป์ โฮซิเนอร์ (5 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยูนิโอน เบอร์ลิน (4-2-3-1) : ยาค็อบ บุสค์ เยนเซ่น - อาซึโตะ อุชิดะ, คริสตอฟ ชอสส์เวนด์เตอร์, ฟาเบียน โชนไฮม์, คริสเตียน พีเดอร์เซ่น - สเตฟาน เฟิร์สเนอร์, ดาเมียร์ ไครลัค - สตีเว่น สเคอร์ซิบสกี้, มาร์เซล ฮาร์เทล, อาคาคิ กอก้า - เซบาสเตียน โพลเตอร์

      ฟาบริซิโอ้ ปิคคาเรต้า เทรนเนอร์ของ อินเตอร์ ตูร์คู จะหมดสิทธิ์ใช้งานสองกองกลาง อย่าง คัลเล่ คาอุปปี (11 นัด) กับ นิโค มาร์คคูล่า (9 นัด / 1 ประตู) เนื่องจากมีอาการเจ็บ ส่วนในรายของ มิคา มาดิตาโล (23 นัด / 2 ประตู) และ เปตรอส คานาคูดิส (17 นัด / 1 ประตู) สองกำลังสำคัญของทีม ออดบู๊เช่นกัน เพราะจะติดโทษแบนห้ามลงสนาม

      ยูฮา ปาโซย่า เฮ้ดโค้ชของ เจเจเค จีวาสคีล่า ไม่มีรายงานความเสียหายของสภาพทีมเข้ามาก่อนเกมนัดนี้ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในใจของ ปาโซย่า ไม่น่าจะต่างจากเกมที่บุกเสมอ เอชไอเอฟเค 1-1 ในเกมลีกนัดที่ผ่านมา นำทีมมาโดย เฟลิกซ์ กุสตาฟส์สัน (18 นัด), โตมี่ เปเตรสคู (19 นัด / 4 ประตู) และ กาเอล เอต็อค (25 นัด / 8 ประตู)

      มาร์คุส อันแฟง ผู้จัดการทีมของ โฮลสไตน์ เคียล มีรายงานลูกทีมเดี้ยงเข้ามา 3 คนเท่าเดิม ได้แก่ คริสโตเฟอร์ เลนซ์ (4 นัด), อาร์เน่ ซิคเกอร์ และ มานูเอล ยานเซอร์ (4 นัด / 1 ประตู) แต่ที่เพิ่มเติมคือ พาทริค เฮอร์มันน์ (7 นัด) ปราการหลังคนสำคัญ จะติดโทษแบน นั่นทำให้ อันแฟง ต้องจัดระเบียบในเกมรับกันใหม่ ด้วยการใช้งาน โยฮันส์ ฟาน เดน เบิร์ก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โฮลสไตน์ เคียล (4-1-4-1) : เคนเนธ ครอนโฮล์ม - เซบาสเตียน ไฮดิงเกอร์, โดมินิค ชมิดท์, ราฟาเอล ซีโชส, โยฮันส์ ฟาน เดน เบิร์ก - ดาวิด คินซอมบี้ - คิงส์ลี่ย์ ชินด์เลอร์, อเล็กซานเดอร์ มูห์ลิ่ง, โดมินิค เดร็กซ์เลอร์, แอนโธนี่ เลเวอเรนซ์ - มาร์วิน ดุ๊คช์

      อิเลีย กรูเยฟ นายใหญ่ของ ดุ๊ยส์บวร์ก เสีย ฟาเบียน ชเนลฮาร์ด (6 นัด) ไปกับอาการเจ็บอีกคน ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ทิม อัลบูแทต และ ซลัตโก้ ยานยิช ก็เดี้ยงอยู่ก่อนแล้ว แต่ชั่วโมงนี้น่าจะไม่มีปัญหา เพราะ กรูเยฟ เตรียมก็อปปี้ 11 ขุนพลจากเกมก่อนมาลุยกันต่อ โดยจะมี บอริช ทาชชี่ (7 นัด / 4 ประตู) และ สตานิสลาฟ อิลยุตเชนโก้ (5 นัด) จับคู่กันเป็นกองหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุ๊ยส์บวร์ก (4-2-2-2) : มาร์ค เฟล็คเก้น - นิโก้ โคลตซ์, ดัสติน บอมฮอยเออร์, เกอร์ริต นูแบร์, เควิน โวลซ์ - ลูคัส โฟรเด้, เอนิส ฮายรี่ - มอริตซ์ สต๊อปเพิ่ลคัมป์, โอลิเวียร่า ซูซ่า - บอริช ทาชชี่, สตานิสลาฟ อิลยุตเชนโก้

      พีท มาห์น เฮ้ดโค้ชของ ดร็อกเฮด้า จะไร้เงาของ ฌอน รัสเซลล์ (5 นัด / 1 ประตู) และ คอนอร์ เคน (17 นัด) ที่ยังเจ็บอยู่ ส่วนในรายของ เเจ็ค เบย์ลี่ย์ (4 นัด), สตีเฟ่น ดันน์ (17 นัด / 1 ประตู) และ คอล์ม เดซี่ย์ (18 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คฟิตก่อนเริ่มเกมอีกครั้ง แต่ที่วืดแน่ๆ คือ เจค ไฮเเลนด์ (21 นัด / 1 ประตู)และ คริส มัลฮอลล์ (4 นัด / 1 ประตู) เพราะจะติดโทษแบน

      สตีเฟ่น เคนนี่ นายใหญ่ของ ดันดอล์ค ต้องรอเช็คความฟิตของ ทอมมี่ สจ๊วร์ต (20 นัด / 2 ประตู) แนวรุกวัย 30 ปี ก่อนลงสนามอีกครั้งว่าไหวหรือเปล่า ส่วนในรายของ จอห์น เม้าท์นี่ย์ (16 นัด / 1 ประตู) ห้องเครื่องประจำทีม อดบู๊แน่นอน เพราะยังเดี้ยงไม่หาย แต่สำหรับ เดวิด แม็คมิลลาน (24 นัด / 15 ประตู) ดาวยิงตัวความหวังสูงสุด กระสันลงล่าตาข่ายซะเหลือเกิน

      เลียม บั๊คลี่ย์ กุนซือของ เซนต์ พาทริคส์ จะไม่มีชื่อของ ดาร์เรน เดนเนฮี (2 นัด) กับ แบร์รี่ เมอร์ฟี่ย์ (7 นัด) ที่เจ็บยาวอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนในรายของ เอียน เบอร์มิงแฮม (26 นัด / 2 ประตู) ปราการหลังตัวหลัก จะติดโทษห้ามแข่ง นั่นทำให้ บั๊คลี่ย์ ต้องปรับทีมกันอีกครั้ง แต่สำหรับ คริส ฟาแกน (22 นัด / 6 ประตู) จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแน่นอน

      คีธ ลอง เฮ้ดโค้ชของ โบฮีเมี่ยนส์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ออสการ์ เบรนเเนน ห้องเครื่องตัวสำคัญ เพราะติดโทษแบน เนื่องจากโดนไล่ออกมาจากนัดที่บุกชนะ ดร็อกเฮด้า 4-1 ในเกมลีกนัดที่่ผ่านมา ทำให้ต้องมีการแก้ไขตรงจุดนี้ แต่ในแดนหน้ายังคงมี ดาเนี่ยล คอร์โคแรน (20 นัด / 13 ประตู) ดาวยิงฟอร์มฮ็อต ยืนปักหลักผลิตสกอร์อยู่เหมือนเก่า

      เคนาน โคซัค เทรนเนอร์ของ ซานด์เฮาเซ่น มีรายงานนักเตะบาดเจ็บเพิ่มขึ้น 7 คนแล้ว ได้แก่ เอโรล เซนัลลาฮู (4 นัด), ริค วุลเล่, มีร์โก บอร์น, โรเบิร์ต เฮอร์มันน์, คอร์บิเนี่ยน โฟลมันน์ (2 นัด), แอนดรูว์ วูเท่น (1 นัด / 1 ประตู) และ สเตฟาน คูโลวิตส์ (3 นัด) นั่นบังคับให้ โคซัค คิดเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้นัก นอกจากจะยึด 11 ขุนพลชุดเก่าต่อไป

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ซานด์เฮาเซ่น (3-4-1-2) : มาร์เซล ชูเฮน - ทิม คิสเตอร์, มาร์คุส คาร์ล, ทิม นิปปิ้ง - เลยาร์ต ปาการาด้า, เดนิส ลินส์เมเยอร์, มักซิมิเลี่ยน แยนเซ่น, ฟิลิปป์ คลิ้งมันน์ - เนย์เมดดิน ดั๊กห์ฟุส - ลูกัส โฮเลอร์, ริชาร์ด ซูกูต้า ปาซู

      ฮานเนส ดรูว์ส นายใหญ่ของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา จะไม่มีชื่อของ เซบิโอ ซูคู (2 นัด / 1 ประตู), มิชาเอล มาเรีย (1 นัด) และ นิคกี้ อาดเลอร์ ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน แต่คงไม่ทำให้ ดรูว์ส หนักใจ เนื่องจากเขาเตรียมขน 11 ตัวจริงชุดเดิมลงเล่นอยู่แล้ว เพราะลูกทีมกำลังทำผลงานกันได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ โซเรน เบอร์ตรัม (5 นัด / 3 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (5-4-1) : มาร์ติน มานเนิ่ล - คาโลเกโร่ ริซซูโต้, ฟาเบียน คาลิก, เซบาสเตียน แอร์ตเนอร์, นิโคไล รัปป์, โดมินิค วีดร้า - ปาสกาล ค็อปเค่, คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, คลีเมนส์ ฟานดริช, โซเรน เบอร์ตรัม - ดิม่า นาซารอฟ

      เกราร์ด ลิทเทิ่ล เทรนเนอร์ของ สลิโก้ โรเวอร์ส จะไร้เงาของ เคร็ก ร็อดแดน (22 นัด) กองกลางตัวสำคัญวัย 24 ปี เพราะจะติดโทษแบนในเกมนี้ แต่ก็จะเป็นเพียงคนเดียวที่ขาดหายไป ส่วนกำลังรบตัวหลักคนอื่นๆ ยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น แกรี่ บอยลัน (24 นัด), คริส เคนนี่ (17 นัด / 1 ประตู) หรือแม้แต่ ราฟาเอล เครตาโร่ (24 นัด / 2 ประตู)

      เชน คีแกน เฮ้ดโค้ชของ กัลเวย์ ยูไนเต็ด ไม่มีปัญหาใดในการจัดทัพ เนื่องจากลูกทีมทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่โดนอาการเจ็บหรือโทษห้ามแข่งพรากตัวไป นั่นหมายความว่า คีแกน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง 11 ขุนพล จากเกมก่อนที่เปิดบ้านชนะ เดอร์รี่ ซิตี้ 2-1 โดยจะมี พาดราอิค คันนิ่งแฮม (21 นัด / 4 ประตู) ยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้า

      มาร์ติน ชมิดท์ นายใหญ่คนใหม่ของ โวล์ฟสบวร์ก ยังไม่มีชื่อของ จอห์น บรู้คส์, เจฟฟรี่ บรูม่า และ มาริโอ โกเมซ (3 นัด) ที่อยู่ในช่วงพักรักษาอาการเจ็บ เชื่อว่า ชมิดท์ น่าจะใช้ 11 ขุนพลจากเกมลีกนัดล่าสุดแบบต่อเนื่อง นำทีมมาโดย โรบิน น็อกเก้ (5 นัด), มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ (5 นัด), ดาเนี่ยล ดิดาวี (5 นัด / 2 ประตู) และ ดิว๊อค โอริกี (3 นัด / 1 ประตู)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โวล์ฟสบวร์ก (4-2-3-1) : โกเยนส์ กัสตีลส์ - พอล เวอร์ฮาจ, โรบิน น็อกเก้, เฟลิกซ์ อูดูโอไคห์, ยานนิค แกร์ฮาร์ด - อิ๊กนาซิโอ กามาโช่, มักซิมิเลี่ยน อาร์โนลด์ - ยูนุส มัลลี่, ดาเนี่ยล ดิดาวี, ปอล เอ็นเตป - ดิว๊อค โอริกี

      คาร์โล อันเชล็อตติ เฮ้ดโค้ชของ บาเยิร์น จะหมดสิทธิ์ใช้งาน "สี่เดี้ยง" เซ็ตเก่า ได้แก่ ฆวน เบร์นาต, ดาวิด อลาบา (2 นัด), มานูเอล นอยเออร์ (3 นัด) และ อาร์เยน ร็อบเบน (4 นัด / 1 ประตู) คาดว่าเกมนี้ "อันเช่" จะโรเตชั่นนักเตะกันอีกครั้ง ด้วยการส่ง เฌอโรม บัวเต็ง (1 นัด), มัทส์ ฮุมเมิ่ล (5 นัด), อาร์ตูโร่ วิดัล (4 นัด / 1 ประตู) และ ฟร้องค์ ริเบรี่ (4 นัด) ลงเป็นตัวจริง

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : สเวน อุลไรช์ - โจชัว กิมมิค, เฌอโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิ่ล, ราฟินญ่า - อาร์ตูโร่ วิดัล, ธิอาโก้ อัลกานตาร่า - ฮาเมส โรดริเกซ, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      เคนท์ นีลเซ่น เฮ้ดโค้ชของ โอเดนเซ่ จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ เฟรเดริค ติงกาเกอร์ (8 นัด), มิคเคล เดสเลอร์ (8 นัด) และ ราสมุส ยอนส์สัน (6 นัด) ที่มีอาการเจ็บอยู่ นั่นบังคับให้ นีลเซ่น ต้องปรับทัพเป็นการด่วน แต่ยังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อ นิคลาส เฮเลนิอุส (8 นัด) กับ อันเดอร์ส ยาค็อบเซ่น สามารถลงสนามจับคู่กันล่าตาข่ายได้เหมือนเดิม (9 นัด / 4 ประตู)

      ยอห์น เยนเซ่น เทรนเนอร์ของ เฟรมาด อามาเกอร์ เตรียมขนผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามในเกมนี้ เนื่องจากสภาพความพร้อมของทีมสมบูรณ์แบบ ไม่มีผู้เล่นติดโทษแบนหรือบาดเจ็บเลย คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างไปจากชุดปัจจุบันที่ลงเล่นในลีก โดยจะมี มอร์เตน นอร์ดสตรานด์ (9 นัด / 4 ประตู) ศูนย์หน้าจอมเก๋า ลงเล่นเป็นตัวความหวังสูงสุด

      อาร์เน่ เออร์ลันด์เซ่น นายใหญ่ของ ลีลล์สตรอม จะไร้เงาของ โมเซส เอบิเย่ (3 นัด) กับ ชาร์ลส์ เอเซห์ (5 นัด) สองห้องเครื่องชาวไนจีเรีย ที่ติดพิษไข้เดี้ยง แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมให้เรียกใช้บริการได้ทั้งหมด คาดว่า เออร์ลันด์เซ่น จะจัดชุดใหญ่เต็มสูบลงบู๊แบบไม่มีกั๊ก โดยจะมี มาร์โก ทักบาจูมี่ (4 นัด) อดีตแข้งของ "สวาทแคท" ลงเป็นตัวจักรสำคัญในเกมรุก

      โอเล่ กุนนาร์ โซลส์ชาร์ เฮ้ดโค้ชของ โมลด์ จะไม่มีชื่อของ เวการ์ด ฟอร์เรน (4 นัด), มาเธียส นอร์แมน (2 นัด) และ มัสเตียส โมสตรอม ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ แต่ไม่น่าส่งผลกระทบอะไรอีกแล้ว เพราะ 11 ขุนพลชุดปัจจุบันกำลังเล่นกันได้ดี เชื่อว่า โซลส์ชาร์ คงไม่คิดเปลี่ยนแปลงแน่ๆ นำทีมมาโดย บียอร์น ซิกูร์ดฮาร์สัน (22 นัด / 12 ประตู)

      เอดูอาร์ด ยอร์ดาเนสคู นายใหญ่ของ อาสตร้า ไม่มีรายงานความเสียหายเรื่องนักเตะเจ็บหรือติดโทษแบนเข้ามา ทำให้สามารถขน "อาวุธหนัก" ลงสนามได้ครบครัน นำทีมมาโดย ฟลอริน เบยาน (10 นัด), อเล็กซานดรู แดนเดีย (7 นัด), อเล็กซานดรู โยนิต้า (8 นัด / 3 ประตู) และ อองโตนี่ เลอ ตัลเล็ค (8 นัด / 1 ประตู) อดีตดาวดังของ ลิเวอร์พูล

      คริสเตียน ปูสไต กุนซือของ กาซ เมตาน จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อเล็กซานดรู เกรียบ (7 นัด) ผู้รักษาประตูหมายเลขหนึ่ง กับ ยูเลี่ยน คริสเตีย แนวรับวัย 23 ปี ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน คาดว่า ปูสไต จำเป็นต้องส่ง 11 ตัวจริงชุดเดิมลงสู้ศึกต่อ เพราะเป็นชุดที่ดีที่สุดแล้ว โดยจะฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่ โบยาน โกลูโบวิช (8 นัด / 1 ประตู)

      อิสมาอิล อตาลัน เทนเนอร์ของ โบคุ่ม มีลิสต์นักเตะเจ็บ 5 รายเท่าเดิมในมือ คือ มานูเอล ไรมันน์ (4 นัด), ยานนิค บานดอว์สกี้ (2 นัด / 1 ประตู), ติโม เพอร์เธิ่ล, นิโก้ รีเบิ้ล และ ลุค เฮมเมริช คาดว่าเกมนี้ อตาลัน จะปรับทัพเล็กน้อย ด้วยการส่ง ยาน จียาเมราห์ (2 นัด) ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ลงป่วนทางริมเส้นฝั่งขวา แทนที่ ซิดนี่ย์ แซม (2 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โบคุ่ม (4-4-2) : เฟลิกซ์ ดอร์นบุช - สเตฟาโน่ โคลอซซี่, ทิม ฮู้กลันด์, เฟลิกซ์ บาสเตียนส์, ดานิโล่ ซัวเรส - ยาน จียาเมราห์, อองโตนี่ โรซิลล่า, เควิน สโตเกอร์, ร็อบบี้ ครูซ - ลูคัส ฮินเตอร์เซียร์, โยฮันเนส วูร์ทซ์

      มิชาเอล โคลเนอร์ กุนซือของ เนิร์นแบร์ก มีรายงานลูกทีมเดี้ยง 5 ราย ได้แก่ พาทริค คัมเมอร์บอยเออร์ (4 นัด), เดนนิส ลิพแพร์ต, เควิน โมห์วัลด์ (5 นัด / 3 ประตู), เซบาสเตียน แคร์ก (3 นัด) และ อดัม ซเร็ค (2 นัด) แต่คงไม่น่ากังวลอะไรมากมาย เพราะ โคลเนอร์ เตรียมส่ง 11 ขุนพลชุดที่บุกชนะ ดุ๊ยส์บวร์ก 6-1 ลงบู๊ในเกมนี้ต่ออยู่แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เนิร์นแบร์ก (3-4-3) : ธอร์สเท่น เคิร์ชบอม - ลูคัส มูห์ล, เอดูอาร์ด โลเว่น, เอเวอร์ตัน - เอ็นริโก้ วาเลนตินี่, ฮันโน่ เบห์เรนส์, พาทริค เเอร์ราส, ทิม ไลโบลด์ - ลูคัส ฮูฟนาเกล, มิคาเอล อิชัค, โทเบียส แวร์เนอร์

      วิโอเรล ตานาเซ่ ผู้จัดการทีมของ เอฟซีเอสบี ต้องรอเช็คความฟิตของ ฟิลิเป้ เตเซร่า (7 นัด) กองกลางตัวเก๋าชาวโปรตุเกส ก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าพร้อมลงช่วยทีมได้หรือเปล่า แต่กำลังสำคัญคนอื่นๆ ยังอยู่กันครบเซ็ต ไม่ว่าจะเป็น โยนุต ลารี่ (8 นัด), ฟลอริน ตานาเซ่ (8 นัด / 3 ประตู) รวมไปถึง อาร์เล็ม จีโนเฮเร่ (9 นัด / 4 ประตู)

      แดน เปเตรสคู นายใหญ่ของ ซีเอฟอาร์ คลูจ ไม่มีปัญหาใดๆ ในการจัดทัพ เนื่องจากสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ 100% สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามได้สบาย คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ จะเป็นตัวเดิมๆ ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เพราะทุกคนทำหน้าที่กันได้ดีอยู่เเล้ว นำทีมมาโดย อูร์โก้ เบร่า (8 นัด / 3 ประตู)

      มาริน บาร์บู กุนซือรักษาการณ์ของ ยูเวนตุส บูคาเรสต์ จะขาดหายไปเพียงแค่ มาดาลิน มิฮาเอสคู (9 นัด) กองกลางตัวหลักประจำทีมเท่านั้น ที่ติดโทษห้ามแข่ง เนื่องจากสะสมใบเหลืองครบโควต้าแล้ว นั่นหมายความว่า วาเลซ (9 นัด), วาเลนติน บาร์บูเลสคู (4 นัด) และ ซิมอน มาซาราเช่ (10 นัด / 2 ประตู) จะได้ลงเล่นต่อไปเหมือนเดิม

      จอร์จี้ ฮาจี้ เฮ้ดโค้ชของ วิโตรุล จะยังไร้เงาของ คาร์โล คาซัป (1 นัด), โซริน ราดอย (1 นัด) เเละ อาร์ปัด ตอร์ได (1 นัด) ที่มีอาการเจ็บรบกวนอยู่ ส่วนในรายของ โรเบิร์ต โฮโดโรเกีย (2 นัด) แนวรับดาวรุ่ง ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ คริสเตียน กาเนีย (9 นัด / 1 ประตู) แนวรุกตัวเก่ง พร้อมลงสนามได้อย่างเเน่นอน