วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      บาซิม กาซิม กุนซือของ อิรัก จะงดใช้บริการของ บีร์วา นูรี, โมฮัมเหม็ด ฮามีด, อัมย๊าด คาลัฟ และ ดูหร์กาห์ม อิสมาอิล ที่ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ ส่วนในรายของ เรบิน โซลากา ปราการหลังตัวสำคัญวัย 25 ปี จะติดโทษห้ามแข่ง แต่สำหรับนักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปอย่าง อาลี อัดนัน จากสโมสร อูดิเนเซ่ พร้อมลงสนามป่วน ไทย ทางกราบซ้ายแน่นอน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
อิรัก (4-4-2) : โมฮัมเหม็ด กาสซิด : วาลีด ซาลิม, อาเหม็ด อิบราฮิม คาห์ลาฟ, อัมย๊าด อัตต์วาน, อาลี อัดนัน - อัมย๊าด อัตต์วาน, บาชาร์ ราซาน บอนยาน, ซาอัด อับดุลลาเมียร์, มาห์ดี้ คามิล - อาลา อับดุล ซาห์ร่า, โมฮันนาด อับดุลราฮีม

      มิโลวาน ราเยวัช เฮ้ดโค้ชของไทย จะหมดสิทธิ์ใช้งาน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่โดนพิษไข้เดี้ยงเล่นงาน แต่ก็จะได้ตัว ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ทริสตอง โด กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง และมีเซอร์ไพรซ์ด้วยการเรียกนักเตะหน้าใหม่อย่าง สุภโชค สารชาติ และ มานูเอล ทอม เบียร์ห มาติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ไทย (4-2-3-1) : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล - ทริสตอง โด, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา - วัฒนา พลายนุ่ม, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ - มงคล ทศไกร, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน - ธีรศิลป์ แดงดา

      ซัมเวล บาบายาน กุนซือของ อุซเบกิสถาน ไม่ได้เรียกตัว สตานิสลาฟ อันเดรฟ, วาดิม อาโฟนิน และ โอดิล อัคห์เมดอฟ ที่ได้ลงสนามในเกมที่บุกแพ้ อิหร่าน 0-2 ในศึกคัดบอลโลกนัดก่อน มาติดทีมชุดนี้ แต่ตัวหลักคนอื่นไม่มีปัญหาในการใช้ ไม่ว่าจะเป็น ยาโลลิดดิน มาชาริปอฟ, เตมูร์คูห์ยา อับดุโคห์ลิคอฟ หรือแม้แต่ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
อุซเบกิสถาน (4-5-1) : อเล็กซานเดอร์ โลบานอฟ - ดาฟรอน คาห์ชิมอฟ, อันซูร์ อิสไมลอฟ, อัคมาล โชรัคห์เมดอฟ, เอกอร์ คริเม็ตส์ - เอลดอร์ โชมูโรดอฟ, อาซิซ ฮายดารอฟ, ซาร์ดอร์ ราชิดอฟ, ยาโลลิดดิน มาชาริปอฟ, เตมูร์คูห์ยา อับดุโคห์ลิคอฟ - อิกอร์ เซอร์เกเยฟ

      มาร์เชลโล่ ลิปปี้ นายใหญ่ของ จีน จะได้ตัว หลี่ เหล่ย กองกลางตัวเก่ง กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง หลังจากไม่มีปัญหาอาการเจ็บ ส่วนในรายของ จาง ยูหนิง ศูนย์หน้าดาวรุ่งที่ค้าแข้งอยู่กับ เบรเมน ในศึกบุนเดสลีก้า ก็มีชื่อติดทีมมาเช่นกัน สำหรับกำลังหลักคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครขาดหายไป ยังอยู่กันครบ ทั้ง เจง จี้, เกา หลิน และ หวู่ เล่ย

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
จีน (4-3-3) : เช็ง เซ็ง - จาง ลินเป็ง, หวัง เชงเฉา, เฟ็ง เสี่ยวติง, เจียง จีเป็ง - เหา จุนมิน, หลี่ เหล่ย, จาง ซี่เจ๊ - หวู่ เล่ย, เกา หลิน, หวัง ยงโป

      คาร์ลอส เควรอซ ผู้จัดการทีมของ อิหร่าน จะไร้เงาของ ฮอสเซอิน มาฮินี่, อันดรานิค เตย์มูเรี่ยน และ อาสห์คาน เดจากาห์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เหมือนเดิม คาดว่า เควรอซ น่าจะปรับ 11 ตัวจริงจากชุดที่เปิดบ้านชนะ อุซเบกิสถาน 2-0 ในบางตำแหน่ง โดย อาลิเรซา ฮากิห์กี้ห์ กับ คาริม อันซาริฟาร์ด จะได้รับโอกาสลงเล่นตั้งแต่เริ่มเกม

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
อิหร่าน (4-2-3-1) : อาลิเรซา ฮากิห์กี้ห์ - รามิน เรซาเอียน, จาลาล ฮอสเซนี่, มอร์เตซ่า ปูราลิกันยี่, มิลัด โมฮัมมาดี้ - อาลี คารีมี่, ซาอิด เอซาโตลาฮิ - อาลิเรซา จาฮันบัคห์, เมห์ดี้ ตาเรมี่, คาริม อันซาริฟาร์ด - ซาร์ดาร์ อัซมูน

      ชิน แท ยัง กุนซือป้ายแดงของ เกาหลีใต้ ระดมเรียกขุนศึกที่ออกค้าแข้งในต่างประเทศ ให้กลับมาช่วยชาติในครั้งนี้กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา โดยเฉพาะแกนสำคัญของทีมอย่าง คิม ยัง กวอน, คู จา โชล และ ซอน ฮวง มิน ส่วนในรายของ คี ซุง ยอง ห้องเครื่องตัวเทพ ก็สลัดคราบเดี้ยงที่หัวเข่า กลับมารับใช้ชาติได้ทันเวลาพอดีเช่นกัน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
เกาหลีใต้ (4-2-3-1) : คิม ซุง กยู - ชอย ชุล ซุน, คิม ยัง กวอน, จาง ฮยุน ซู, คิม จิน ซู - จุง วู ยัง, คู จา โชล - ซอน ฮวง มิน, นัม แต ฮี, ลี แจ ซุง - คิม ชิน วุ๊ค

      มิไฮโล เปโตรวิช เทรนเนอร์ของ อุราวะ เร้ด ไดมอนด์ส ก็ต้องจัดหนักจัดเต็มเช่นกัน หากหวังจะมีผลการแข่งขันที่ดีกลับออกมา คาดว่าเกมนี้ เปโตรวิช จะวางหมากมาในระบบ 3-5-2 เหมือนเก่าเหมือนเดิม โดยจะให้โอกาสกับ ชินโซ โกโรกิ (24 นัด / 15 ประตู) และ ยูกิ มูโตะ (22 นัด / 5 ประตู) ยืนจับคู่กันในแดนหน้า คอยผลิตสกอร์ให้กับทีม

      ยุน จุง ฮวาน กุนซือของ เซเรโซ โอซาก้า เตรียมจัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนามอีกครั้ง เมื่อต้องทำศึกใหญ่ในรายการเจ ลีก คัพ นี้ เพราะคู่ต่อสู้ในวันนี้เป็นทีมใหญ่จึงไม่อาจโรเตชั่นนักเตะได้ นั่นหมายความว่า มาเตย์ ยอนยิช (24 นัด / 4 ประตู), ซูซ่า (23 นัด / 4 ประตู) และ เคนยู ซูกิโมโตะ (24 นัด / 14 ประตู) จะพาเหรดกันลงเล่นแน่นอน

      โยชิยูกิ ชิโนดะ ผู้จัดการทีมของ เอฟซี โตเกียว น่าจะเน้นเป็นพิเศษในบอลรายการนี้ เนื่องจากไม่มีลุ้นที่คว้าความสำเร็จใดๆ อีก จึงน่าจะจัด 11 ตัวจริงชุดใหญ่ลงบู๊ นำทีมมาโดย จาง ฮยุน ซู (4 นัด) และ โยจิโร่ ทาคาฮากิ (21 นัด) ส่วนในรายของ จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ นักเตะดาวรุ่งของไทย อาจจะมีลุ้นประเดิมเช่นกัน

      โทรุ โอนิกิ เทรนเนอร์ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ คงต้องคิดถึงการโรเตชั่นนักเตะแล้วในเกมนี้ เพราะลูกทีมลงเล่นกันหลายแมตช์เหลือเกินในช่วงหลัง ทั้งในเจ ลีก ทั้งในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เชื่อว่าเกมนี้ จะเป็นโอกาสอันดีของ ทาคายูกิ โมริโมโตะ (7 นัด / 2 ประตู) อดีตกองหน้าดาวดัง ที่จะลงพิสูจน์ตัวเอง

      โก โออิวะ กุนซือของ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ก็น่าจะมีการปรับ 11 ขุนพลเช่นกัน เพราะบรรดาตัวหลักกรำศึกมาค่อนข้างหนักในลีก จึงน่าจะให้โอกาสกับพวกตัวสำรองลงโชว์ของบ้าง แต่ก็ต้องลงนักเตะสำคัญๆ ลงประคองอยู่ดี เชื่อว่า ในแนวรุกของทีมน่าจะยังมีชื่อของ เลอันโดร (14 นัด / 6 ประตู) ดาวเตะชาวบราซิล

      ซึซึมุ วาตานาเบ้ เฮ้ดโค้ชของ เวกัลตะ เซนได เตรียมปรับพวกตัวจริงไปพักบ้าง หลังจากที่เพิ่งบุกไปแพ้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร 0-1 ในเกมลีกเมื่อสี่วันก่อน โดยในนัดนี้ วาตานาเบ้ คงต้องยึดแกนหลักไว้บางส่วนเพื่อสมดุลของเกม คาดว่า ดาเนี่ยล ชมิดท์ (18 นัด) ผู้รักษาประตูลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน น่าจะได้ลงเฝ้าเสาต่อ

      พอล คุ๊ก กุนซือของ วีแกน ไม่มีปัญหาใดในการจัดตัวเช่นกัน เนื่องจากลูกทีมทุกคนฟิตกันเต็มสูบทั้งหมด แต่เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย โดยเฉพาะในรายของ วิลล์ กริกก์ (4 นัด) น่าจะได้รับโอกาสออกสตาร์ทตั้งแต่เริ่มเกม หลังจากที่ลงเป็นเพียงแค่ตัวสำรองในเกมลีกนัดล่าสุด

      แกรี่ โบว์เยอร์ เฮ้ดโค้ชของ แบล็คพูล ไม่มีรายงานความเสียหายเรื่องสภาพทีมเข้ามา นั่นทำให้ โบว์เยอร์ สามารถใช้งาน 11 ตัวจริงชุดเดิมที่ฟอร์มกำลังแจ่มต่อไปได้เลย คาดว่า โอลิเวอร์ เทอร์ทัน (4 นัด / 1 ประตู), คัลลัม คุ๊ก (3 นัด / 1 ประตู) และ ฌอน ลองสตาฟฟ์ (3 นัด / 3 ประตู) จะมีรายชื่อลงเล่นอย่างแน่นอน

      ไมเคิ่ล บราวน์ ผู้จัดการทีมของ พอร์ทเวล ไม่มีปัญหาใดในการจัดทัพเช่นกัน เพราะลูกทีมที่ใช้งานอยู่เซ็ตปัจจุบัน พร้อมลงรับใช้ต้นสังกัดได้ทั้งหมด คาดว่า บราวน์ เอง ก็น่าจะยึด 11 ตัวจริงจากที่ลงเตะในเกมลีกช่วงสุดสัปดาห์ มาใช้บริการต่อเนื่อง นำทีมมาโดย นาธาน สมิธ (4 นัด), มาร์คัส ฮาร์เนสส์ (4 นัด) และ ทอม โป๊ป (4 นัด)

      จอห์น เชอริดาน กุนซือของ โอลด์แฮม เตรียมขน 11 ขุนพลจากนัดที่บุกเเพ้ แบล็คพูล 1-2 ในเกมลีก เมื่อสามวันก่อน ลงสนามแก้ตัวกันอีกครั้ง หลังจากไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ เข้ามา นั่นหมายความว่า ปีเตอร์ คล้าค (4 นัด), โอลิเวอร์ แบงค์ส (4 นัด), อารอน อามาดี้-ฮอลโลเวย์ (4 นัด / 1 ประตู) จะพาเหรดกันลงเล่นเหมือนเดิม

      เบิร์ต ฟาน มาร์ไวย์ค นายใหญ่ของ ซาอุดิอาระเบีย ต้องรอลุ้นความฟิตของ นาวาฟ อัล อาเบด ห้องเครื่องตัวสำคัญก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าไหวหรือไม่ ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมรับใช้ชาติกันทั้งหมด คาดว่าเกมนี้ ฟาน มาร์ไวย์ค น่าจะมีการปรับ 11 ตัวจริงในบางจุด ด้วยการส่ง มานซูร์ อัล ฮาร์บิ และ ซัลมาน อัล โมอาเชอร์ กลับมาออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกอีกครั้ง

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ซาอุดิอาระเบีย (4-2-3-1) : ยาสเซอร์ อัล โมไซเล็ม - โมฮัมเหม็ด อัล บูรัคย์, โอซามา ฮาวซาวี่, โอมาร์ ฮาวซาวี่, มานซูร์ อัล ฮาร์บิ - ซัลมาน อัล ฟาราจ์, อับดุลมาเล็ค อัล คาห์อิบรี - เยห์ย่า อัล เชห์รี, ไทซีร์ อัล ยาสซิม, ซัลมาน อัล โมอาเชอร์ - โมฮัมเหม็ด อัล ซาห์ลาวี่

      เอ็ดการ์โด้ บาอูซา เทรนเนอร์ของ ยูเออี เตรียมขนผู้เล่นชุดเดียวกับที่บุกเสมอ ไทย 1-1 ลงเล่นต่อเนื่องอีกนัด เนื่องจากสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนที่เรียกมาติดธงสมบูรณ์ดี 100% นั่นหมายความว่า "อาวุธหนัก" ในแนวรุก จะได้รับโอกาสเป็น 11 ตัวจริงกันอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โอมาร์ อับดุลราห์มาน, อาห์เหม็ด คาห์ลิล และ อาลี อาห์เหม็ด มับคูห์

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
ยูเออี (4-4-2) : มาย๊าด นาเซอร์ - อับดุลลาซิซ ซานกูร์, ฮัมดาน อัล คามาลี, โมฮานัด ซาเล็ม, มาห์มูด คาห์มิส - โอมาร์ อับดุลราห์มาน, คาห์มิส อีสมาอิล, ทาริก อาห์เหม็ด, อิสมาอีล อัล ฮามาดี้ - อาลี อาห์เหม็ด มับคูห์, อาห์เหม็ด คาห์ลิล

      โดเมนิโก้ เทเดสโก้ เฮ้ดโค้ชของ ชาลเก้ จะไร้เงาของ อเลสซานโดร ช็อป กองกลางชาวออสเตรีย ที่ยังเจ็บเหมือนเก่า ส่วนในรายของ บ็องฌาแม็ง สตัมบูรี่ กองกลางแดนน้ำหอม จะติดโทษแบนต่อ แต่เชื่อว่า เทเดสโก้ คงไม่กังวลใจสักเท่าไหร่ เพราะ 11 ตัวจริงที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน กำลังทำผลงานกันได้ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะ เลออน โกเร็ตส์ก้า (1 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ชาลเก้ (3-4-2-1) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - ธีโล่ เคห์เรอร์, นัลโด้, มาติยา นาสตาซิช - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, เลออน โกเร็ตส์ก้า, นาบิล เบนตาเลบ, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - อามีน ฮาริต, เยฟเกนี่ โคโนพิลยานก้า - ฟรังโก้ ดิ ซานโต้

      อันเดร ไบรเท่นไรเตอร์ ผู้จัดการทีมของ ฮันโนเวอร์ จะไม่มีชื่อของ มีโก อัลบอร์นอซ, อุฟเฟ่ เบ็ค, เอ็ดการ์ พริบ และ ซาเรนเซ่น บาเซ่ ที่ยังสลัดคราบเดี้ยงกันไม่ได้ ส่วนในรายของ ซาลิฟ ซาเน่ แนวรับทีมชาติเซเนกัล กลับมาช่วยทีมได้แล้ว หลังจากชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อย และน่าจะได้โอกาสลงตัวจริงทันทีในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮันโนเวอร์ (4-4-2) : ฟิลิปป์ ชอเนอร์ - มัทธีอัส ออสเตอร์โซเลค, เฟลิเป้, ซาลิฟ ซาเน่, จูเลี่ยน คอร์บ - เคนัน คารามัน, เพอร์มิน ชเว็กเลอร์, แอนตัน, เฟลิกซ์ เคล๊าส์ - มาร์ติน ฮาร์นิค, นิคลาส ฟัลครู้ก

      คริสเตียน สไตรช์ ผู้จัดการทีมของ ไฟร์บวร์ก ยังหมดสิทธิ์ใช้บริการของ มานูเอล กัลด์, ยอร์ก นีแดร์เมเยอร์, โยนาส เมฟแฟร์ต และ คาริม กูเอเด้ ที่พิษไข้เดี้ยงยังไม่จางหายเหมือนเก่า จึงเชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะไม่ต่างจากนัดที่ผ่านๆ มา นำทีมมาโดย ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์ (1 นัด) กับ ยานิค ฮาเบเรอร์ (1 นัด) ลงล่าตาข่ายคู่กัน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฟร์บวร์ก (3-5-2) : อเล็กซานเดอร์ ชโวลอฟ - มาร์ก เคมพ์, จูเลียน ชุสเตอร์, ฟิลิปป์ ลีนฮาร์ท - คริสเตียน กุนเตอร์, นิโกลัส ฮอฟเลอร์, ไมค์ ฟร๊านซ์, อาเมียร์ อับราชี่, ปาสกาล สเตนเซิ่ล - ฟลอเรียน นีแดร์เลชเนอร์, ยานิค ฮาเบเรอร์

      ราล์ฟ ฮาเซ่นฮุตเทิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ไลป์ซิก เตรียมปรับโฉม 11 ตัวจริงอีกครั้ง ด้วยการให้โอกาสกับ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก (1 นัด) ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง หลังจากได้ลงเล่นเป็นเพียงแค่ตัวสำรองในเกมก่อน แต่ในรายอื่นๆ คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร นั่นหมายความว่า ติโม แวร์เนอร์ (1 นัด) และ ยุสซุฟ โพลเซ่น (1 นัด) จะจองสัมปทานในการลงเล่นเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไลป์ซิก (4-4-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก, มาร์วิน คอมป์เปอร์, วิลลี่ ออร์แบน, ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ - เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, สเตฟาน อิลซังเคอร์, นาบี เกอิต้า, มาร์เซล ซาบิตเซอร์ - ติโม แวร์เนอร์, ยุสซุฟ โพลเซ่น

      อูเว่ นอยฮุส นายใหญ่ของ ไดนาโม เดรสเดน จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โซเรน กอนเธอร์ (3 นัด), เลออน เลิฟ และ ปาสคาล เทสทรอท (1 นัด) ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ คาดว่า นอยฮุส จะแก้ปัญหาในแดนหลังด้วยการส่ง ยานนิค มุลเลอร์ (3 นัด) ลงเล่นแทน กอนเธอร์ เท่านั้น แต่ในตำแหน่งอื่นๆ ไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไดนาโม เดรสเดน (4-1-2-3) : มาร์วิน ชว้าบ - นิคลาส ครอยเซอร์, ยานนิค มุลเลอร์, ฟลอเรียน บัลลัส, ฟิลิป ไฮส์ - มานูเอล คอนราด - ริโก้ เบนาเตลลี่, มาร์โก้ ฮาร์ทมันน์ - พาทริค มอสเชิ่ล, ลูคัส โรเซอร์, เอริช เบอร์โก้

      อิสมาอิล อตาลัน เฮ้ดโค้ชของ โบคุ่ม มีลิสต์รายชื่อลูกทีมเดี้ยงเข้ามาถึง 6 ราย ไล่มาตั้งแต่ สเตฟาโน่ โคลอซซี่ (2 นัด), พาทริค ฟาเบียน (1 นัด), ติโม เพอร์เธิ่ล, นิโก้ รีเบิ้ล, อีวานเกลอส พาฟลิดิส และ ดิมิทริออส เดียมานตากอส (1 นัด) นั่นทำให้ อตาลัน ไม่สามารถปรับแก้ไขทีมอะไรได้ จึงต้องยึด 11 ขุนพลชุดเดิมสู้ศึกต่อไป

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โบคุ่ม (4-1-2-3) : มานูเอล รีมันน์ - ดานิโล่ ซัวเรส, ทิม ฮู้กลันด์, เฟลิกซ์ บาสเตียนส์, มักซิม ลิตช์ - อองโตนี่ โรซิลล่า - เควิน สโตเกอร์, กอร์เคม ซักลัม - ร็อบบี้ ครูซ, ลูคัส ฮินเตอร์เซียร์, โยฮันเนส วูร์ตซ์

      เจฟ ไซบีน ผู้จัดการทีมของ บีเลเฟลด์ จะไม่มีชื่อของ จูเลี่ยน บอร์เนอร์ (3 นัด), คริสโตเฟอร์ นอธ และ นิลส์ ควอชเนอร์ (1 นัด) เพราะโดนอาการเจ็บเล่นงาน นั่นทำให้ ไซบีน ต้องปรับ 11 ตัวจริง 1 จุดด้วยการส่ง สเตฟาน ซัลเกอร์ (2 นัด) มาอุดรูรั่วในแนวรับแทน บอร์เนอร์ ส่วนอีก 10 ตำแหน่งที่เหลือ น่าจะเป็นชุดเดียวจากเกมที่ชนะ โบคุ่ม 2-0

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บีเลเฟลด์ (4-2-2-2) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ฟลอเรียน ดิ๊ค, ไบรอัน เบห์เรนด์, สเตฟาน ซัลเกอร์, ฟลอเรียน ฮาร์แธร์ซ - มานูเอล เพรเทิ่ล, คอนสแตนติน เคิร์ชบอยเมอร์ - พาทริค ไวห์เร๊าช์, คีนู สเต๊าด์ - ฟาเบียน โคลส, อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์

      เยนส์ เคลเลอร์ เฮ้ดโค้ชของ ยูนิโอน เบอร์ลิน จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เดนนิส เดาเบ้, กริสชา โพรเมล (1 นัด) และ เคนนี่ เรดอนโด้ (2 นัด) ที่มียังเดี้ยงไม่หาย แต่คงไม่ส่งผลอะไรต่อการจัดทัพ เนื่องจาก เคลเลอร์ เตรียมขน 11 ตัวจริงที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยจะมี สเตฟาน เฟิร์สท์เนอร์ (3 นัด) ลงเล่นเป็นตัวคุมจังหวะเกม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยูนิโอน เบอร์ลิน (4-1-2-3) : ยาค็อบ บุสค์ เยนเซ่น - คริสโตเฟอร์ ทริมเมิ่ล, โทนี่ ไลส์เนอร์, มาร์ก ตอร์เรฆอน, คริสเตียน พีเดอร์เซ่น - สเตฟาน เฟิร์สท์เนอร์ - ดาเมียร์ ไครลัค, เฟลิกซ์ โครส - สตีเฟ่น สเคอร์ซิบสกี้, เซบาสเตียน โพลเตอร์, ไซม่อน เฮดลุนด์

      เปโดร ไคซินญ่า เฮ้ดโค้ชของ เรนเจอร์ส จะเหลือเพียง จอช วินดาสส์ (3 นัด) มิดฟิลด์ชาวอังกฤษเท่านั้น ที่ยังเดี้ยงอยู่ ส่วนในรายของ เอดูอาร์โด้ เอร์เรร่า (2 นัด) แนวรุกทีมชาติเม็กซิโก ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ เกรแฮม ดอร์แรนส์ (3 นัด / 2 ประตู) กองกลางที่ฟอร์มกำลังแรง พร้อมลงสนามปั้นเกมให้กับทีมแน่นอน

      จิม แม็คอินไตร์ เทรนเนอร์ของ รอสส์ เคาน์ตี้ ต้องรอเช็คความฟิตของ แอนดรูว์ เดวี่ส์ (3 นัด) กับ จิม โอไบรเอน (2 นัด) สองตัวสำคัญประจำทีม ก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าไหวหรือไม่ ส่วนในรายของ เคนนี่ ฟาน เดอร์ เว็ก (3 นัด) ปราการหลังแดนกังหันลม จะติดโทษแบน แต่ยังมีข่าวดีตรงที่ อเล็กซ์ ชอล์ค (3 นัด) ฟิตเต็มสูบ ไม่มีปัญหาในการลงเล่น

      นีล เลนน่อน กุนซือของ ฮิเบอร์เนี่ยน จะหมดสิทธิ์ใช้งาน แบรนดอน บาร์เกอร์ (1 นัด) ห้องเครื่องวัย 20 ปี เนื่องจากเจ็บเอ็นร้อยหวาย ส่วนในรายของ มาร์ติน บอยล์ (1 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง คาดว่า เลนน่อน จะฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่ แอนโธนี่ สโต๊คส์ (3 นัด / 1 ประตู) อดีตดาวยิงทีมชาติไอร์แลนด์

      นีล แม็คคานน์ นายใหญ่ของ ดันดี จะไร้เงาของ เคร็ก ไวจ์ตัน กับ เจมส์ แมคเพค ที่โดนอาการเจ็บเล่นงานทั้งคู่ ส่วนในรายของ รานดี้ โวลเทอร์ส (2 นัด) และ ฟายส์ซาล เอล บัคห์ตาอุย (3 นัด) สองกำลังหลักของทีม ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ โซฟีน มุสซ่า (1 นัด) หัวหอกสัญชาติตูนีเซีย พร้อมยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้า

      พาล ดาร์ได ผู้จัดการทีมของ แฮร์ธ่าฯ จะเหลือ "สี่เดี้ยง" ชุดเก่าเช่นกันที่จะงดใช้งาน คือ โจนาธาน คลิ้นส์มันน์, มักซิมิเลี่ยน มิตเทิ่ลสตัดท์, จูเลี่ยน ชีเบอร์ และ ดาวี เซลเก้ จึงเป็นไปได้สูงว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ จะเป็นชุดเดียวกับที่เปิดรังชนะ สตุ๊ตการ์ต 2-0 เมื่อวีคก่อน โดยจะมี เวดัด อิบิเซวิช (1 นัด) ลงเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าคอยล่าตาข่าย

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฮร์ธ่าฯ (4-2-3-1) : รูเน่ ยาร์สไตน์ - มิตเชล ไวเซอร์, เซบาสเตียน ลังก์คัมป์, คาริม เรกิ๊ก, มาร์วิน แพล็ตเท่นฮาร์ด - นิคลาส สตาร์ค, เพอร์ สเคลเบร็ด - แมทธิว เล็กกี้, วลาดิเมียร์ ดาริด้า, อเล็กซานเดอร์ เอสไวน์ - เวดัด อิบิเซวิช

      ปีเตอร์ บอสซ์ นายใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ มีลิสต์ลูกทีมเจ็บชุดเดิมเหมือนเก่า เพราะยังไม่ใครกลับมาได้สักคน ไล่มาตั้งแต่ เอริค ดวร์ม, ราฟาเอล เกร์เรโร่, มาร์โก้ รอยส์, จูเลี่ยน ไวเกิ้ล, อันเดร ชูร์เล่ และ เซบาสเตียน โร้ด นั่นทำให้ บอสซ์ คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงอะไรมากมาย นอกจากจะคืนตำแหน่งให้ มาร์เซล ชเมลเซอร์ คนเดียวเท่านั้น

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดอร์ทมุนด์ (4-1-2-3) : โรมัน บูร์กี - ลูคัส พิสเซ็ค, โซเครติส, มาร์ก บาธรา, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - กอนซาโล่ กาสโตร, นูรี ซาฮิน, มาริโอ เกิทเซ่ - คริสเตียน พูลิซิช, ปิแอร์ ออบาเมย็อง, มักซิมิเลี่ยน ฟิลิปป์

      ซานโดร ชวาร์ซ กุนซือของ ไมนซ์ มีรายงานนักเตะเจ็บเข้ามา 4 คน คือ ยานนิค ฮูธ, อเล็กซานเดอร์ ฮัค, กาเอต็อง บุสมันน์ และ ฌอน กีบาแมง แต่คงไม่ต้องกังวลสักเท่าไหร่ เพราะ ชวาร์ซ จะยึด 11 ขุนพลจากเกมที่เปิดบ้านแพ้ ฮันโนเวอร์ 0-1 ต่อไปอีกนัด โดยจะมี โยชิโนริ มุโตะ (1 นัด) ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าในระบบ 4-2-3-1

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไมนซ์ (4-2-3-1) : เรเน่ อ๊าดเลอร์ - จูลิโอ โดนาติ, สเตฟาน เบล, อับดู ดิยัลโล่, ดาเนี่ยล โบรซินสกี้ - ฟาเบียน ฟราย, แดนนี่ ลัตซ่า - เลวิน ออซตูนาลี่, อเล็กซานดรู มักซิม, วิคเตอร์ ฟิสเชอร์ - โยชิโนริ มุโตะ

      ฮันเนส โวล์ฟ เทรนเนอร์ของ สตุ๊ตการ์ต จะยังไร้เงาของ "สามเดี้ยง" เซ็ตเก่า ได้แก่ เอมิเลียโน่ อินซัว, การ์ลอส มาเน่ และ ดาเนี่ยล กินเซค นั่นหมายความว่า โวล์ฟ ก็ต้องใช้นักเตะชุดเดิมต่อไป แต่อาจจะมีการปรับ 11 ตัวจริงในบางตำแหน่ง โดยชื่อของ เดนนิส อาโอโก้ (1 นัด) จะได้รับโอกาสนั้น หลังจากที่ลงมาเป็นตัวสำรองในเกมนัดก่อน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
สตุ๊ตการ์ต (4-2-3-1) : รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ - เบนจามิน ปาวาร์, ติโม บอย์มการ์ตเทิ่ล, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เดนนิส อาโอโก้ - คริสเตียน เกนท์เนอร์, โอเรล ม็องกาล่า - ทาคุมิ อาซาโนะ, ชาดรัค อาโกโล่, โจซิป เบรคาโล่ - ไซม่อน เทร็อดด์

      ดีเตอร์ เฮ็กคิงก์ เทรนเนอร์ของ กลัดบัค จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มามาดู ดูกูเร่, วินเชนโซ่ กริโฟ่, โทเบียส สโตรเบิ้ล และ โจซิป เดอร์มิช ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทัพ เนื่องจาก เฮ็กคิงก์ เตรียมก็อปปี้ 11 ตัวจริงจากเกมก่อนมาใช้งานต่อ โดยจะมี ลาร์ส สไตน์เดิ้ล (1 นัด) กับ ราฟฟาเอล (1 นัด) คอยล่าตาข่ายในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กลัดบัค (4-2-2-2) : ยาน ซอมเมอร์ - นิโก้ เอลเวดี้, มัทธีอัส กินเตอร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ออสการ์ เวนด์ - คริสโตฟห์ เครเมอร์, เดนิส ซากาเรีย - อิบราฮิม่า ตราโอเร่, ธอร์แกน อาซาร์ - ลาร์ส สไตน์เดิ้ล, ราฟฟาเอล

      มานูเอล บอย์ม เทรนเนอร์ของ เอ๊าก์สบวร์ก จะงดใช้งาน ไคอูบี้ มิดฟิลด์ชาวบราซิล ต่อไปเหมือนเก่า เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ ส่วนขุมกำลังรายอื่นๆ พร้อมลุยอยู่ตั้งนานแล้ว คาดว่า บอย์ม น่าจะจัดหนักจัดเต็มด้วยการส่ง มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์ (1 นัด), มาร์เซล เฮลเลอร์ และ อัลเฟร็ดห์ ฟินน์โบกาสัน (1 นัด) ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอ๊าก์สบวร์ก (4-2-3-1) : มาร์วิน ฮิตซ์ - ราฟาเอล ฟรัมแบร์เกอร์, เจฟฟรี่ กูเวลูว์, มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์, ฟิลิปป์ มักซ์ - คู จา ชอล, ดาเนี่ยล เบเยอร์ - โจนาต็อง ชมิด, มิชาเอล เกรกอริตช์, มาร์เซล เฮลเลอร์ - อัลเฟร็ด ฟินโบกาสัน

      จูเลี่ยน นาเกิ้ลมันน์ เฮ้ดโค้ชของ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ไม่มีปัญหาใดให้กังวลอะไรในการจัดทีม เพราะสภาพความพร้อมของลูกทีมทุกคนสมบูรณ์ 100% นั่นหมายความว่า นาเกิ้ลมันน์ จะสามารถจัด 11 ตัวจริงชุดที่ดีที่สุดลงสู่สนามได้ นำทีมมาโดย เควิน โฟ้กท์ (1 นัด), พาเวล คาเดราเบค, มาร์ก อูธ (1 นัด) รวมไปถึง อดัม ซาลาย (1 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-4-1-2) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ - พาเวล คาเดราเบค, เดนนิส ไกเกอร์, นาเดียม อามิรี่, สเตวาน ซูเบอร์ - เคเรม เดเมียร์บาย - มาร์ก อูธ, อดัม ซาลาย

      ไฮโค แฮร์ลิช กุนซือของ เลเวอร์คูเซ่น จะไร้เงาของ ติน เชดวาย แนวรับดาวรุ่งชาวโครแอต ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลต่อ แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมสแตนด์บายกันทุกคน คาดว่า แฮร์ลิช จะวางหมากมาในระบบ 4-2-2-2 โดยจะฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่ "สองหัวหอก" อย่าง เควิน โฟลลันด์ (1 นัด) และ ไค ฮาแวร์ซ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (4-2-2-2) : แบร์นด์ เลโน่ - เบนจามิน เฮนริช, โจนาธาน ตาห์, สเวน เบนเดอร์, เวนเดล - โดมินิค คอห์ร, ชาร์ล อรานกุซ - คาริม เบลลาราบี, อั๊ดเมียร์ เมห์เมดี้ - เควิน โฟลลันด์, ไค ฮาแวร์ซ

      อันดรีส ยองเคอร์ เฮ้ดโค้ชของ โวล์ฟสบวร์ก มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงอยู่ในมือ 5 ราย คือ เซบาสเตียน จุง, จอห์น บรู้คส์, คริสเตียน แทรช, เจฟฟรี่ บรูม่า และ วิเอรินญ่า คาดว่า ยองเคอร์ จะเรียกใช้งาน 11 ขุนพลชุดเดียวกับที่แพ้ ดอร์ทมุนด์ คารัง 0-3 เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยจะมี มาริโอ โกเมซ (1 นัด) หัวหอกตัวเก๋า ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าให้กับทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โวล์ฟสบวร์ก (4-2-3-1) : โกเยนส์ กัสตีลส์ - พอล เวอร์ฮาจ, โรบิน น็อกเก้, เฟลิกซ์ อูดูโอไค, ยานนิค แกร์ฮาร์ด - รีเชดลี่ บาซัวร์, อิ๊กนาซิโอ กามาโช่ - ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้, ดาเนี่ยล ดิดาวี, เคย์เลน ฮินด์ - มาริโอ โกเมซ

      นิโก้ โควัค กุนซือของ แฟร้งค์เฟิร์ต เสีย การ์ลอส ซัลเซโด้ เป็นตัวเจ็บรายล่าสุด เข้าไปรวมกับพวกค้างสต็อกเก่าอย่าง มาร์โก ฟาเบียน, มาสกาเรล, สโลโบดาน เมโดเยวิช, อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ และ แดนนี่ บลุม นั่นทำให้ โควัค ปวดขมับขึ้นมาทันที แต่จะมีข่าวดีอยู่หน่อยตรงที่ เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง จอมทัพคนใหม่ พร้อมลงประเดิมสนามได้ในนัดนี้

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แฟร้งค์เฟิร์ต (3-5-2) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ไซม่อน ฟาล็อตเต้ - เจโทร วิลเลมส์, มิยัต กาซิโนวิช, โจนาธาน เดอ กุซมัน, ทิโมธี แชนด์เลอร์ - เซบาสเตียง ฮัลแลร์, เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง

      คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ของ บาเยิร์น เริ่มยิ้มได้บ้าง หลังจากลูกทีมทยอยกลับมาให้เรียกใช้บริการได้เยอะขึ้น จะขาดหายอยู่ก็แค่ เจอโรม บัวเต็ง, ฆวน เบร์นาต และ ฮาเมส โรดริเกวซ เท่านั้น โดยเกมนี้ มานูเอล นอยเออร์ นายด่านหมายเลขหนึ่ง จะกลับมาออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนในตำแหน่งอื่นๆ คงเป็นตัวเดิมจากนัดที่แล้ว

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
บาเยิร์น (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ - โจชัว กิมมิค, นิคลาส ซูเล่, มัทส์ ฮุมเมิ่ล, ดาวิด อลาบา - เซบาสเตียน รูดี้, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ - อาร์เยน ร๊อบเบน, โธมัส มุลเลอร์, ฟร้องค์ ริเบรี่ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

      อเล็กซานเดอร์ นูรี เฮ้ดโค้ชของ เบรเมน เหลือเพียงแค่ นิโคลัส มอยซานเดอร์ และ ซลัตโก้ ยูนูโซวิช เท่านั้น ที่ยังเดี้ยงไม่หาย นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิม จะมีทั้ง เกเบร เซลาสซี่ (1 นัด), มักซ์ ครูเซ่ (1 นัด) และ ฟิน บาร์เทิ่ลส์ (1 นัด) พาเหรดลงสู่สนามเหมือนเก่า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบรเมน (3-5-2) : ยีรี พาฟเลนก้า - มิลอส เวลโกวิช, ลูโดวิช ซาเน่, โรเบิร์ต บอยเออร์ - ลุดวิก ออกุสตินส์สัน, เจอโรม กอนดอร์ฟ, มักซิมิเลี่ยน เอ็กเก้สไตน์, โธมัส เดอลานี่ย์, เกเบร เซลาสซี่ - มักซ์ ครูเซ่, ฟิน บาร์เทิ่ลส์

      ทอร์สเท่น ฟริ๊งส์ เฮ้ดโค้ชของ ดาร์มสตัดท์ จะไร้เงาของ นิคลาส แคร์น และ ปีเตอร์ นีเมเยอร์ (1 นัด) ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดทุกคน คาดว่า ฟริ๊งส์ น่าจะก็อปปี้ 11 ขุนพลมาจากเกมที่เปิดบ้านชนะ ซังต์ เพาลี 3-0 โดยจะมีทีเด็ดอยู่ที่ เควิน โกร๊สครอยซ์ (3 นัด / 1 ประตู) กองกลางวัย 29 ปี

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดาร์มสตัดท์ (4-2-3-1) : ฮอยเออร์ แฟร์นันเดส - ซานโดร ซิริกู, อายทัก ซูลู, อิมมานูเอล ฮอห์น, ฟาเบียน ฮอลลันด์ - ฮามิต อัลตินท็อป, วิลสัน คามาวูอาก้า - โทเบียส เคมพ์, มาร์วิน เมห์เลม, เควิน โกร๊สครอยซ์ - อาร์เทอร์ โซบีช

      อิเลีย กรูเยฟ นายใหญ่ของ ดุ๊ยส์บวร์ก มีรายงานลูกทีมบาดเจ็บอยู่ 4 คน คือ มาเอล คอร์บอซ, บาริส ออซเบ็ค, ทิม อัลบูแทต และ ซลัตโก้ ยานยิช แต่คงไม่มีปัญหาอะไรในการจัดทีม เพราะ กรูเยฟ เตรียมลุยด้วยนักเตะชุดปัจจุบันที่กำลังทำผลงานกันได้ดี นำทีมมาโดย บอริช ทาชชี่ (3 นัด / 2 ประตู) และ ไซม่อน แบรนด์สเต็ตเตอร์ (3 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุ๊ยส์บวร์ก (4-2-2-2) : เฟล็คเก้น - ตูกรูล เอรัต, ดัสติน บอมฮอยเออร์, เกอร์ริต นูแบร์, เควิน โวลซ์ - ลูคัส โฟรเด้, ฟาเบียน ชเนลฮาร์ด - มอริตซ์ สต๊อปเพิ่ลคัมป์, โอลิเวียร่า ซูซ่า - บอริช ทาชชี่, ไซม่อน แบรนด์สเต็ตเตอร์

      สเตฟาน ไลเทิ่ล กุนซือของ อินกอลสตัดท์ จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ ฟิล นอยมันน์ (1 นัด) และ มอริตซ์ ฮาร์ทมันน์ ที่อาการเดี้ยงยังเล่นงานอยู่ เชื่อว่า ไลเทิ่ล คงปรับผัง 11 ตัวจริงในหลายตำแหน่งเพื่อแก้สถานการณ์ที่ไม่ดีในช่วงนี้ โดยชื่อของ ทาคาฮิโร่ เซกิเนะ (1 นัด) กับ มาร์เซล เก๊าส์ (2 นัด) จะถูกเลือกมาออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อินกอลสตัดท์ (4-2-3-1) : มาร์ติน แฮนเซ่น - ทาคาฮิโร่ เซกิเนะ, มาร์วิน มาทิป, โรแมง เบรเกอรี่, เปาโล โอตาวิโอ - อัลม็อก โคเฮน, อัลเฟรโด้ โมราเลส - สเตฟาน เล็กซ์, ซอนนี่ คิตเทิ่ล, มาร์เซล เก๊าส์ - ดาริโอ เลซกาโน่

      ยานอส ราโดกี้ นายใหญ่ของ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ มีลิสต์ลูกทีมเดี้ยงเซ็ตเดิม คือ ริชาร์ด แม็กยาร์, เซอร์ชาน ซาราเรอร์ และ มาธิส บอลลี่ คาดว่านัดนี้ ราโดกี้ จะปรับระบบมาเป็น 4-2-3-1 เพื่อเเก้เกมบ้าง หลังจากผลงานไม่ดีเลย โดยจะมี นิค ออมลาดิช (3 นัด / 1 ประตู), เวตอน เบริช่า (3 นัด) และ แซร์ดาร์ ดูร์ซัน (3 นัด) ช่วยกันทำเกมรุก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ (4-2-3-1) : บาลาส เม็กเยรี่ - โดมินิค ชาด, มาริโอ มาโลก้า, มาร์โก กาลิกูรี่, มักซิมิเลี่ยน วิตเท็ค - อดัม พินเตอร์, พาทริค ซอนไธเมอร์ - คาเล็ด นาเรย์, นิค ออมลาดิช, เวตอน เบริช่า - แซร์ดาร์ ดูร์ซัน

      อเล็กซ์ พาสตูร์ เฮ้ดโค้ชของ สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ยานเน่ ซัคเซล่า และ พาโก้ ฟาน มูร์เซล สองแนวรับของทีม เพราะยังสลัดคราบเดี้ยงไม่ได้ ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ จะนำทีมมาโดย โรเบิร์ต มูห์เรน (1 นัด / 1 ประตู) จอมทัพเจ้าของเสื้อหมายเลข 10 ของทีม

      สไตจ์น เฟรเฟ่น กุนซือของ เอ็นเอซี เบรด้า มีรายชื่อลูกทีมบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าวเลย ไล่มาตั้งแต่ ชิโร เอ็นโตโก, บาร์ท ไมเจอร์ส, ร็อบบี้ เฮมฮูทส์, บอดี้ บรุสเซเลอร์ส และ โธมัส มาริจนิสเซ่น นั่นทำให้ เฟรเฟ่น ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมต่อไปอีกนัด โดยจะมี เธียร์รี่ อัมโบรส (2 นัด / 2 ประตู) เป็นตัวทีเด็ดในแนวรุก

      ฆวน การ์ลอส อุนซูเอ เทรนเนอร์ของ เซลต้า บีโก้ ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน จอห์น กุยเด็ตติ หัวหอกทีมชาติสวีเดน ที่กระดูกไหปลาร้าหัก น่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการกลับมา แต่คงไม่ส่งผลในการจัดทัพแล้ว เพราะ อุนเซอู เตรียมขน 11 ขุนพลชุดเดิมที่ลงเล่นในนัดเปิดฤดูกาลลงบู๊ต่อ นำทีมมาโดย ยาโก้ อัสปาส (1 นัด) ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เซลต้า บีโก้ (4-3-3) : เซร์คิโอ อัลบาเรซ - อูโก้ มาโย่, อันดรู ฟอนตาส, กุสฟาโว่ กาบรัล, จอนนี่ - โฆซาเบด, เนมานย่า ราโดย่า, ดาเนี่ยล วาสส์ - พิโอเน่ ซิสโต้, มักซิมิเลียโน่ โกเมซ, ยาโก้ อัสปาส

      กีเก้ เซเตียน กุนซือของ เรอัล เบติส จะขาดหายไปแค่ ริย๊าด บูเดบูซ กองกลางทีมชาติแอลจีเรีย เพียงรายเดียวเท่านั้น ที่พักรักษาตัวอยู่ ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมรับใช้สโมสรกันทั้งหมด คาดว่า เซเตียน คงไม่ปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงอะไรมากนัก โดยจะมี ฆัวกิน (1 นัด), เซร์คิโอ เลออน (1 นัด) และ นาอูเอล เลว่า (1 นัด) ลงเป็นสามตัวบนเหมือนเดิม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล เบติส (4-3-3) : อันโตนิโอ อัดญัณ - อันโตนิโอ บาร์รากัน, ซูแฮร์ เฟดดัล, อิสซ่า ม็องดี้, ริซ่า ดูร์มิซี่ - บิคตอร์ กามาราซ่า, ฆาบี การ์เซีย อันเดรส กัวร์ดาโด้ - ฆัวกิน, เซร์คิโอ เลออน, นาอูเอล เลว่า

      ฟราน เอสกริบา เฮ้ดโค้ชของ บียาร์เรอัล มีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงค้างสต็อกอยู่ 4 ราย ได้แก่ เซร์คิโอ อาเซนโฆ, อาเดรียน มาริน, บรูโน่ โซเรียโน่ และ โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ส่วนในรายของ เดนิส ชีรีเชฟ มิดฟิลด์ชาวรัสเซีย ต้องรอเช็คฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่จะมีข่าวดีตรงที่ เซเดริก บากัมบู กับ ซามู กัสตีเยโฆ่ กลับมาช่วยทีมได้แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บียาร์เรอัล (4-4-2) : อันเดรส เฟร์นานเดซ - มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า - ปาโบล ฟอร์นัลส์, มานู ตริกูเอรอส, โรดรี้, ซามู กัสติเญโฆ่ - เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

      ยูเซบิโอ ซากริสตัน นายใหญ่ของ เรอัล โซเซียดัด เหลือเพียงแค่ การ์ลอส มาร์ติเนซ แนวรับตัวเก๋าคนเดียวเท่านั้น ที่ยังเดี้ยงค้างสต็อก ส่วนในรายของ อัดนาน ยานาไซ แข้งใหม่ป้ายแดง ต้องรอโอกาสข้างสนามต่อไปก่อน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะต่างจากเกมที่บุกชนะ เซลต้า บีโก้ 3-2 ในนัดเปิดสนาม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ - อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, ราอูล นาบาส, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เควิน โรดริเกซ - ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า - คาร์ลอส เวล่า, วิลเลี่ยน โชเซ่, มิเกล โอยาร์ซาบัล

      มาร์คุส กิสดอล ผู้จัดการทีมของ ฮัมบูร์ก จะไม่มีชื่อของ นิโคไล มุลเลอร์ (1 นัด / 1 ประตู) และ บียาร์เน่ โธเอลเก้ ที่ติดพิษไข้เดี้ยง แต่ขุมกำลังที่เหลือฟิตสมบูรณ์ดี คาดว่านัดนี้ กิสดอล จะมีการปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริง 2 จุด ด้วยการส่ง แมร์กิม มาฟราย ลงยืนในแนวรับ และ อารอน ฮันท์ จะออกสตาร์ทในตำแหน่งของ มุลเลอร์ ในแนวรุกของทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฮัมบูร์ก (4-2-3-1) : มาเธเนีย - เดนนิส เดี๊ยคไมเออร์, คิเรียกอส ปาปาโดปูลอส, แมร์กิม มาฟราย, ริค ฟาน ดรอนเกเลน - อัลบิน เอคดัล, วาเลซ - อังเดร ฮาห์น, อารอน ฮันท์, ฟิลิป คอสติช - บ๊อบบี้ วู้ด

      ปีเตอร์ สโตเกอร์ เฮ้ดโค้ชของ โคโลญจน์ จะไร้เงาของ คอนสแตนติน ร๊อยช์ (1 นัด) กับ โธมัส เคสเลอร์ ที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน ทำให้เกมนี้ สโตเกอร์ ต้องส่ง ยานเนส ฮอร์น (1 นัด) ลงเสียบแทนในตำแหน่งของ ร๊อยช์ อีกจุดที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคือ การลงเล่นเป็นตัวจริงของ ยูยะ โอซาโกะ หลังจากที่สลัดคราบเดี้ยงได้เรียบร้อยแล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคโลญจน์ (4-4-1-1) : ติโม ฮอร์น - ลูคัส คลุนเตอร์, เฟรเดอริก โซเรนเซ่น, โดมินิค ไฮนซ์, ยานเนส ฮอร์น - มาร์เซล ริสเซ่, โยนาส เอคเตอร์, มัทธีอัส เลห์มันน์, เลออน บิตเท่นคอร์ต - ยูยะ โอซาโกะ - จอห์น กอร์โดบา

      ไซม่อน รอซมัน นายใหญ่ของ ดอมซาเล่ ขาดหายไปแค่ กาเบอร์ โดโบรโวลยิช (2 นัด) ปราการหลังวัย 24 ปี คนเดียวเท่านั้น ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ แต่ขุมกำลังที่เหลือไม่มีปัญหาใดในการใช้งาน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างจากเกมเลกแรกมากนัก โดยจะมี อีวาน ไฟเรอร์ (5 นัด) ลงเป็นศูนย์หน้าคอยล่าตาข่าย

      รูดี้ การ์เซีย ผู้จัดการทีมของ มาร์กเซย จะอดใช้บริการของ คลินตัน เอ็นชิเย่ (3 นัด / 3 ประตู) ดาวยิงทีมชาติแคเมอรูนที่กำลังฟอร์มแรง หลังจากที่โดนอาการเจ็บเล่นงาน แต่ "อาวุธหนัก" คนอื่นๆ พร้อมลงเล่นกันทั้งหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ฮิโรกิ ซากาอิ (2 นัด), ลูกัส โอกัมโปส (2 นัด / 1 ประตู), ดิมิทรี ปาเยด (1 นัด) และ วาเลอรี่ แชร์กแมง (3 นัด)

      โกเซ่ เซ็ดโลสกี้ กุนซือของ วาร์ดาร์ ยังคงงดใช้งาน เปตาร์ เพ็ตคอฟสกี้ เพราะต้องพักรักษาตัวต่อไป ส่วนในรายของ โบบัน กอนชารอฟ (1 นัด) ปราการหลังตัวเก๋า จะติดโทษห้ามแข่ง เพราะโดนไล่ออกมาจากนัดแรกที่เปิดบ้านเอาชนะ 2-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่สำหรับ อัลเวส (2 นัด / 1 ประตู) หัวหอกชาวบราซิล พร้อมลุยอยู่ตั้งนานแล้ว

      อายคุต โคชามัน เทรนเนอร์ของ เฟเนร์บาห์เช่ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ยีกีตาน กูเวลี่ กับ อูกาย เซย์เบ็ค สองห้องเครื่องที่เดี้ยงยังไม่หาย ส่วนในรายของ ซูซ่า (2 นัด) มิดฟิลด์ชาวแซมบ้า จะติดโทษแบน หลังจากรับใบแดงมาในเกมนัดแรก แต่ข่าวดีก็คือ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (2 นัด) เพชรฆาตประสบการณ์สูงชาวดัตช์ พร้อมเป็นตัวเลือกให้กับทีม

      เอริค เทน ฮัก เทรนเนอร์ของ อูเทร็ชท์ มีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงในมือ 5 รายเหมือนเดิม คือ อานูอาร์ คาลี (1 นัด), ริโก้ สไทรเดอร์, พาทริค ยูสเท่น, คริส ดาวิด และ ไซม่อน มาคีน็อค จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ คงเป็นชุดเดียวกับนัดแรกอย่างแน่นอน นำทีมมาโดย ซากาเรีย แลบยัด (2 นัด / 1 ประตู) ผู้ซัดประตูชัยในเกมนั้น

      โรแบร์โต้ มันชินี่ เฮ้ดโค้ชของ เซนิตฯ จะไร้เงาของ ยูริ เซียร์คอฟ (4 นัด / 1 ประตู), อเล็กซานเดอร์ แอนยูคอฟ (1 นัด) และ วิคตอร์ ฟายซูลิน ที่มีปัญหาโรคเดี้ยงครอบงำ นั่นทำให้ "มันโช่" ต้องปรับ 11 ตัวจริงเป็นการด่วน แต่สำหรับในเกมรุกน่าจะยังมีชื่อของ อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (7 นัด / 6 ประตู) ลงเป็นกองหน้าคอยผลิตสกอร์ให้กับทีม