วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

      ดีเตอร์ เฮ็กคิงก์ เฮ้ดโค้ชของ กลัดบัค มีรายงานชื่อของลูกทีมเดี้ยงเข้ามายาวเป็นหางว่าว ไล่มาตั้งแต่ มามาดู ดูกูเร่, โทนี่ ยานช์เก้, ติโมธี โคล็อดเซี๊ยคซัค, รีซ อ๊อกซ์ฟอร์ด, โทเบียส สโตรเบิ้ล และ โจซิป เดอร์มิช นั่นทำให้ เฮ็กคิงก์ มีตัวเลือกในการจัดตัวค่อนข้างจำกัด แต่สำหรับ ธอร์แกน อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ตัวฉกาจ จะได้ลงเล่นแน่ๆ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กลัดบัค (4-2-2-2) : ยาน ซอมเมอร์ - นิโก้ เอลเวดี้, มัทธีอัส กินเตอร์, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ออสการ์ เวนด์ - คริสโตฟห์ เครเมอร์, เดนิส ซากาเรีย - อิบราฮิม่า ตราโอเร่, ธอร์แกน อาซาร์ - ลาร์ส สไตน์เดิ้ล, ราฟฟาเอล

      สเวน เดมันด์ ผู้จัดการทีมของ เอสเซ่น จะงดใช้งานนักเตะ 2 ราย ได่แก่ คามิล เบดนาร์สกี้ และ ดาเนี่ยล อังเกลเบร็ชท์ เพราะมีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ผู้เล่นคนอื่นๆ ฟิตเต็มสูบกันทั้งหมด นั่นหมายความว่า เดมันด์ จะสามารถจัดทีมชุดใหญ่ที่สุดลงสนามได้เลย โดยจะมี ดาวิด แยนเซ่น (2 นัด) หัวหอกวัย 29 ปี ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เอสเซ่น (4-2-3-1) : เฮลแลร์ - มาลูร่า, เออร์แบน, ซีเกอร์, กรุนด์ - เมเยอร์, บรอยเออร์ - พลัตเซค, บาเยอร์, โพรเกอร์ - แยนเซ่น

      ไฮโค แฮร์ลิช กุนซือของ เลเวอร์คูเซ่น จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ลาร์ส เบนเดอร์ และ ติน เชดวาย ที่ยังเจ็บไม่หาย แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว คาดว่า แฮร์ลิช จะจัดทัพแบบไม่ประมาท ส่งตัวหลักลงสนามกันครบครัน ไล่มาตั้งแต่ เควิน คัมเพิ่ล, คาริม เบลลาราบี, อั๊ดเมียร์ เมห์เมดี้, ไค ฮาแวร์ซ และ เควิน โฟลลันด์

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลเวอร์คูเซ่น (4-2-2-2) : แบร์นด์ เลโน่ - เบนจามิน เฮนริช, โจนาธาน ตาห์, สเวน เบนเดอร์, เวนเดล - โดมินิค คอห์ร, เควิน คัมเพิ่ล - คาริม เบลลาราบี, อั๊ดเมียร์ เมห์เมดี้ - ไค ฮาแวร์ซ, เควิน โฟลลันด์

      มาร์ค ไมส์เตอร์ เฮ้ดโค้ชของ คาร์ลสรูห์ จะไม่มีชื่อของ โดมินิค สโตรห์ แองเกิ้ล (4 นัด / 1 ประตู) หัวหอกวัย 31 ปี เนื่องจากโดนไข้เดี้ยงเล่นงาน ส่วนในรายของ ดาเนี่ยล กอร์ดอน (2 นัด) แนวรับชาวจาไมก้า จะติดโทษแบน อดบู๊เช่นกัน แต่สำหรับ แอนตอน ฟิงค์ (4 นัด / 3 ประตู) ดาวยิงฟอร์มฮ็อต พร้อมลงเล่นแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
คาร์ลสรูห์ (4-4-2) : เบนจามิน อุฟฮอฟ - บูรัค คาโมกลู, มาร์ติน สโตล, ดาวิด พิโซ่ต์, อเล็กซานเดอร์ ซีเบค - ฟลอเรนต์ มุสลิย่า, มาร์วิน วานิตเซค, ไค บูลอฟ, มาร์ก โลเรนซ์ - ออสการ์ ซาวาด้า, แอนตอน ฟิงค์

      อูเว่ นอยฮุส นายใหญ่ของ ไดนาโม เดรสเดน จะไร้เงาของ ฮาริส ดัลเยวิช, นิคลาส ฮอปต์มันน์, เลออน โลว์, เอโร่ มาร์คคาเน่น และ ปาสกาล เทสโทร้ต (1 นัด) ที่ยังมีนัดกับโรงพยาบาลอยู่ทุกคน เชื่อว่า นอยฮุส จะจัดแนวรุกลงสนามเเบบเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น พาทริค มอสเชิ่ล (2 นัด), ลูคัส โรเซอร์ (2 นัด / 2 ประตู) รวมทั้ง เอริช เบอร์โก้ (3 นัด)

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไดนาโม เดรสเดน (4-1-2-3) : มาร์วิน ชว้าบ - นิคลาส ครอยเซอร์, ยานนิค มุลเลอร์, โซเรน กอนเธอร์, ฟิลิป ไฮส์ - มานูเอล คอนราด - ริโก้ เบนาเตลลี่, มาร์โก ฮาร์ทมันน์ - พาทริค มอสเชิ่ล, ลูคัส โรเซอร์, เอริช เบอร์โก้

      เพทริค ซานเดอร์ เทรนเนอร์ของ โคเบลนซ์ จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ มาร์โก ค็อก แนวรุกดาวรุ่ง ที่มีอาการเจ็บมาจากซีซั่นก่อน แต่กำลังรบรายอื่นๆ พร้อมลุยกันอยู่นานแล้ว คาดว่า ซานเดอร์ จะวางหมากมาในระบบ 4-2-3-1 โดยจะมี มาร์โก มุลเลอร์ (3 นัด), มิชาเอล สตาห์ล (3 นัด) และ เดยัน โบซิช (3 นัด) ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โคเบลนซ์ (4-2-3-1) : คีลมันน์ - อันโตนาชี่, มาร์กซ์, ฟอน เดอร์ บรัคเก้, มาร์โก มุลเลอร์ - สตาห์ล, บายริช - ลาห์น, กล็อคเนอร์, โปโปวิตส์ - โบซิช

      เอริค เทน ฮัก เฮ้ดโค้ชของ อูเทร็ชท์ จะไม่มีชื่อของ ริโก้ สไทรเดอร์ และ พาทริค ยูสเท่น เพราะยังเจ็บไม่หาย ส่วนในรายของ คริส ดาวิด กับ ไซมอน มาคีน็อค ที่เป็นแข้งป้ายแดง ยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะประกอบไปด้วย มาร์ค ฟาน เดอร์ มาเรล, อูร์บี้ เอ็มมานูเอลสัน และ ไกราโน่ เคิร์ค

      อัลฟองส์ โกรเนนไดจ์ค กุนซือของ เดน ฮาก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน นิค ไคลเพอร์ส แนวรับหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เนื่องจากติดโทษห้ามแข่งมาจากซีซั่นก่อน แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทัพ เพราะ โกรเนนไดจ์ค เตรียมขนตัวหลักจากฤดูกาลที่แล้วลงบู๊แน่นอน นำทีมมาโดย เอดูอาร์ ดูปล็อง หัวหอกจอมเก๋า

      ทอร์สเท่น ลีเบิร์คเน็ชท์ กุนซือของ บราวน์ชไวก์ จะไร้เงาของ ซาลิม เคห์ลิฟี่ (2 นัด), พาทริค ชอนเฟลด์ และ โดมินิค คุมเบล่า (1 นัด) เนื่องจากมีอาการเจ็บรบกวน แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยกันทั้งหมด คาดว่า ลีเบิร์คเน็ชท์ จะปรับใช้ระบบ 3-4-3 โดยจะมี คริสตอฟเฟอร์ นีมัน (2 นัด / 1 ประตู) เป็นตัวความหวังในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บราวน์ชไวก์ (3-4-3) : ยัสมิน เฟย์ซิช - โยเซฟ บัฟโฟ่, กุสตัฟ วัลสวิค, สตีฟ เบรียตครอยซ์ - แยน ฮ็อคไชด์, เมียร์โก โบลันด์, ลูอิส แซมซัน, เคน ไรเชิ่ล - เฮนดริค ซุค, คริสตอฟเฟอร์ นีมัน, โอเนล เฮอร์นันเดซ

      มาร์คุส อันแฟง ผู้จัดการทีมของ โฮลสไตน์ คีล เหลือรายชื่อลูกทีมเดี้ยงอีกแค่ 2 คนเท่านั้น คือ อาร์เน่ ซิคเกอร์ กับ ลูก้า ดูร์โฮลต์ซ แต่คงไม่ส่งผลอะไรในการจัดทัพ เพราะ อันแฟง เตรียมขน 11 ขุนพลชุดเดิมที่ลงบู๊ในลีก มาเล่นในบอลถ้วยด้วย นำทีมมาโดย มาร์วิน ดุ๊คช์ (2 นัด / 1 ประตู) ที่จะยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าเหมือนเก่า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
โฮลสไตน์ คีล (4-1-4-1) : เคนเน็ธ ครอนโฮล์ม - พาทริค เฮอร์มันน์, โดมินิค ชมิดต์, ราฟาเอล ไซชอส, คริสโตเฟอร์ เลนซ์ - โดมินิค เพ็ตซ์ - คิงส์ลี่ย์ ชินด์เลอร์, อเล็กซานเดอร์ มูห์ลิ่ง, โดมินิค เดร็กซ์เลอร์, สตีเฟ่น เลเวเรนซ์ - มาร์วิน ดุ๊คช์

      เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ของ เซลติก ยังไร้เงาของ เดเร็ค โบยาต้า, เอริค สเวียตเชนโก้ และ มุสซ่า เดมเบเล่ ที่ต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ต่อไป ส่วนในรายของ คริสเตียน แกมบัว แนวรับทีมชาติคอสตาริก้า ต้องรอทดสอบความฟิตอีกครั้ง คาดว่า เลจ์ กริฟฟิธส์ (1 นัด / 2 ประตู) จะลงเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าเหมือนเดิม

      อลัน อาร์ชิบัลด์ เฮ้ดโค้ชของ พาร์ทิค ธิสเทิ่ล จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มุสตาฟา ดุมบูย่า และ แกรี่ เฟรเซอร์ เพราะยังเดี้ยงไม่หาย ส่วนในรายของ คริส ดูแลน (1 นัด), คริส สพิททัล และ แดนนี่ เดไวน์ (1 นัด) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามกันอีกครั้ง สำหรับนักเตะรายอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรอีก พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันได้ทั้งหมด

      ฟาเบียโน่ โซอาเรส นายใหญ่ของ แอต.พาราเนนเซ่ ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลในการจัดทีมนัดนี้ เพราะไม่มีรายงานอาการเดี้ยงหรือติดโทษแบนของลูกทีมเข้ามา นั่นทำให้ โซอาเรส สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ได้เลย คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง จะนำทีมมาโดยศูนย์หน้าตัวเป้าอย่าง เอเเดร์สัน (10 นัด / 1 ประตู) หัวหอกวัย 28 ปี

      เลวีร์ คุลปิ เทรนเนอร์ของ ซานโต๊ส จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ กุสตาโว่ เฮนริเก้ แนวรับวัย 24 ปี ที่มีอาการเจ็บเอ็นไขว้ในหัวเข่ามาก่อนหน้านี้ แต่ก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ขาดหายไป เพราะกำลังรบที่เหลือยังอยู่กันครบ ไม่ว่าจะเป็น ดาวิด บราซ (16 นัด / 2 ประตู), ลูคัส ลิม่า (12 นัด) รวมไปถึง เคย์เค่ (16 นัด / 3 ประตู)

      อัลเฟรโด้ อาริอาส เทรนเนอร์ของ เอเมเล็ค จะขาดหายไปเพียงแค่ ไบรอัน อังกูโล่ (19 นัด / 3 ประตู) มิดฟิลด์ตัวหลักของทีมรายเดียวเท่านั้น ที่โดนโรคเดี้ยงพรากตัวไป ส่วนในรายของ ฆวน ปาเรเดส จะอดลงเล่น เพราะลงทะเบียนนักเตะใหม่ไม่ทัน โดย อาริอาส จะฝากความหวังในการพังประตูไว้ที่ บรูโน่ วิเดส (21 นัด / 9 ประตู) ตัวเทพของทีม

      ดิเอโก้ อากูอิร์เร่ นายใหญ่ของ ซาน ลอเรนโซ่ จะไร้เงาของ ฟาบริซิโอ้ โคลอชชินี่ (12 นัด) ปราการหลังจอมเก๋าประสบการณ์สูง และ รูเบน บ็อตต้า ห้องเครื่องวัย 27 ปี เพราะมีอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ มิเกล เบร์โตชี่ ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทัพ ส่งรายชื่อลงทะเบียนไม่ทัน แต่สำหรับ นิโกลัส บลันดี้ ดาวยิงตัวเก่ง ไม่มีปัญหาในการลงสนาม

      มาร์ติน ลาซาร์เต้ กุนซือของ นาซิอองนาล จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์ติน ลิกัวร่า (21 นัด / 3 ประตู) กองกลางตัวสำคัญ เนื่องจากพิษไข้เดี้ยง ส่วนในรายของ กอนซาโล่ บูเอโน่ และ มาเตียส ซูนิโน่ อดบู๊เช่นกัน เพราะลงทะเบียนไม่ทัน เนื่องจากเพิ่งย้ายมาร่วมทีม แต่กำลังหลักในแนวรุกอย่าง อูโก้ ซิลเบร่า (20 นัด / 5 ประตู) พร้อมลุยแน่นอน

      ไจร์ เวนตูร่า ผู้จัดการทีมของ โบตาโฟโก้ มีลิสต์รายชื่อลูกทีมบาดเจ็บในมืออยู่ 5 ราย ได้แก่ อาร์นัลโด้ (13 นัด), แอร์ตัน (3 นัด), กุสตาโว โบเชช่า, โฮนาส และ มาร์ซินโญ่ โดยเกมนี้ เวนตูร่า จะกลับมาใช้ 11 ขุนพลชุดหลักอีกครั้ง หลังจากพักไว้ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ นำทีมมาโดย โรดริโก้ ปิมเปา (17 นัด / 2 ประตู) แนวรุกตัวเก่ง

      ปีเตอร์ ลุนด์เบิร์ก เฮ้ดโค้ชของ ไอเอฟเค มาเรียฮามน์ เหลือเพียงแค่ ฟิลิป สปาร์ดัล-มานติญ่า (15 นัด) ปราการหลังชาวสวีเดนเท่านั้น ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ คาดว่า ลุนด์เบิร์ก น่าจะยึด 11 ขุนพลจากนัดที่เปิดบ้านเสมอ เอสเจเค ไซนาโจเอน 0-0 มาใช้บริการอีกครั้ง ซึ่งจะมี อัลบิน กรันลุนด์ (8 นัด) ลงเล่นในแนวรับ

      ยูฮา มาลิเน่น นายใหญ่ของ โรพีเอส จะไม่มีชื่อของ อาโป เฮียกคิล่า กับ เซ็ม เฟเล็ค (11 นัด) ที่ยังสลัดโรคเดี้ยงไม่ได้ แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันทั้งหมด เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในวันนี้ ไม่น่าจะต่างจากชุดที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน โดยจะมี เอเมก้า เอเซ่ (18 นัด / 5 ประตู) ลงเล่นเป็นกองหน้าคอยล่าตาข่ายให้กับต้นสังกัด

      ยูฮา ปาโซย่า เทรนเนอร์ของ เจเจเค จีวาสคีล่า ก็ไม่มีรายงานความเสียหายของสภาพทีมเข้ามาเช่นกัน จึงเลือกใช้นักเตะชุดที่ดีที่สุดลงสนามได้สบาย คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ คงเป็ยตัวหลักเดิมๆ อย่าง ซาคู เลปปาเน่น (11 นัด), โฮนาร์ อับดี้ (10 นัด), ตอมมี่ คารี่ (20 นัด / 1 ประตู) และ กาเอล เอต็อค (19 นัด / 6 ประตู)

     ยานี่ ฮอนคาวาร่า เฮ้ดโค้ชของ คูพีเอส ไม่มีเรื่องใดให้ต้องกังวลใจในการจัดทีม เนื่องจากลูกทีมทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมรบ 100% นั่นหมายความว่า ฮอนคาวาร่า สามารถก็อปปี้ทีมชุดที่เพิ่งเปิดบ้านชนะ โรพีเอส 3-0 มาใช้งานต่อได้เลย โดยจะมี แอทส์ พูร์เย่ (19 นัด / 5 ประตู) ดาวเตะทีมชาติเอสโตเนีย ลงเป็นจอมทัพเหมือนเก่าเหมือนเดิม

      ฟาบริซิโอ้ ปิคคาเรต้า นายใหญ่ของ อินเตอร์ ตูร์คู มีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงอยู่ 3 ราย ได้แก่ นาจ์ซี่ คูกี้ (18 นัด / 7 ประตู), นิโก้ มาร์คคูล่า (9 นัด / 1 ประตู) และ เควิน มอมบิโล่ (5 นัด) นั่นทำให้ ปิคคาเรต้า ไม่น่าจะมีอะไหล่ไปเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงได้ จึงน่าจะยังยึดชุดเดิมที่เปิดบ้านชนะ เอชไอเอฟเค 3-0 ต่อไปอีกนัด

      โทนี่ คอร์เคียคุนนาส ผู้จัดการทีมของ ลาห์ติ ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน ดริลอน ชาล่า (10 นัด) และ พาเวล โอซิปอฟ ที่มีอาการเจ็บเข่ารบกวนอยู่ ส่วนในรายของ คัลเล่ ไตมี่ (14 นัด) กับ เฮนรี่ อานิเยร์ (4 นัด / 3 ประตู) ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ สเตนิโอ (19 นัด / 6 ประตู) พร้อมลงเล่นได้แน่นอน

      โธมัส เล็ตช์ กุนซือของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ นิคกี้ อ๊าดเลอร์ แนวรุกตัวเก๋าประจำทีม เนื่องจากยังสลัดอาการเจ็บไม่ได้ คาดว่า เล็ตช์ น่าจะยังวางใจใน 11 ขุนพลชุดเดิม นำทีมมาโดย ดิม่า นาซารอฟ (1 นัด), มาริโอ เคซิช (1 นัด) และ ปาสกาล ค็อปเค่ (1 นัด) ซึ่งเป็น "สามประสาน" ในเกมรุก

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (3-4-3) : มาร์ติน มานเนิ่ล - ฟาเบียน คาลิก, นิโคไล รัป, เดนนิส เคมพ์ - คาโลเกโร่ ริซซูโต้, คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, คลีเมนส์ ฟานดริช, เซบาสเตียน แอร์ตเนอร์ - ดิม่า นาซารอฟ, มาริโอ เคซิช, ปาสกาล ค็อปเค่

      แฟร้งค์ ชมิดท์ เฮ้ดโค้ชของ ไฮเด้นไฮม์ ยังไม่มีชื่อของ เดนิส โธมัลล่า และ โดมินิค ไวเดมันน์ สองแนวรุกของทีมเหมือนเดิม เพราะกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไร เชื่อว่าเกมนี้ ชมิดท์ จะปรับหมากมาใช้ระบบ 4-1-4-1 โดยจะมี โรเบิร์ต กลัตเซิ่ล (1 นัด) ยืนเป็นตัวความหวังในแดนหน้า

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ไฮเด้นไฮม์ (4-1-4-1) : เควิน มุลเลอร์ - โรเบิร์ต สเตร๊าส์, มาธิส วิตเท็ค, ติโม เบียร์มันน์, อาร์เน่ ฟีค - เซบาสเตียน กรีสเบ็ค - ทิม สการ์เก้, โคลยา พุช, ติช ริเวโร่, มาร์ก ชนัตเตอเรอร์ - โรเบิร์ต กลัตเซิ่ล

      เรย์ แม็คคินนอน เทรนเนอร์ของ ดันดี ยูไนเต็ด เตรียมขน 11 ขุนพลจากนัดที่บุกชนะ อินเวอร์เนสส์ 1-0 ในศึกแชมเปี้ยนชิพ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลงสนามกันต่อเนื่อง เพราะลูกทีมทุกคนเล่นกันได้ตามแท็คติกที่วางไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะมี พอล แม็คมุลลัน (1 นัด / 1 ประตู) ผู้ซัดประตูโทนในเกมนั้น ลงป่วนทางริมเส้นฝั่งซ้าย

      นีล แม็คคานน์ กุนซือของ ดันดี จะไร้เงาของ ฆูเลน เอ็ตซาเบกูเรน ปราการหลังชาวสเปน เนื่องจากมีปัญหาเจ็บเอ็นร้อยหวาย แต่นักเตะคนอื่นๆ ฟิตเต็มถังกันทั้งหมด คาดว่า แม็คคานน์ จะวางหมากมาในระบบ 4-2-3-1 โดยจะมี โซฟีน มุสซ่า (1 นัด) หัวหอกสัญชาติตูนีเซีย ยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้า คอยพักบอลให้เพื่อนร่วมทีม

      เดเร็ค แม็คอินเนส นายใหญ่ของ อเบอร์ดีน ไม่มีเรื่องให้กังวลในอะไรในการจัดทัพ เพราะไม่มีรายงานความเสียหายเรื่องสภาพทีมเข้ามา นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ จะเป็นชุดเดียวกับที่เปิดบ้านชนะ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะมี นิคกี้ เมย์นาร์ด (1 นัด) ลงสนามในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้า

      มาร์ติน แคนนิ่ง เทรนเนอร์ของ ฮามิลตัน จะไม่มีชื่อของ มิคาเอล เดฟลิน แนวรับวัย 23 ปี ที่พิษไข้เดี้ยงยังไม่ดีขึ้นเหมือนเก่า ส่วนในรายของ ซาวิเยร์ โตมาส (1 นัด) แนวรับชาวฝรั่งเศส จะติดโทษห้ามแข่ง นั่นทำให้ แคนนิ่ง ต้องปรับเปลี่ยน 11 ตัวจริงในบางตำแหน่ง แต่สำหรับ สตีเว่น บอยด์ (1 นัด) น่าจะได้รับโอกาสล่าตาข่ายต่อไป

      อัลลัน จอห์นสัน กุนซือของ ดันเฟิร์มลิน สบายใจได้ก่อนเกมในเรื่องสภาพความพร้อมของทีม เพราะนักเตะทุกคนฟิตกันเต็มสูบทั้งหมด ไม่มีรายงานการติดโทษแบนด้วย เชื่อว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในนัดนี้ คงเป็นชุดที่ดีที่สุดของทีม โดยจะมี เฟรเซอร์ แอร์ด (1 นัด) และ คัลลัม สมิธ (1 นัด) ยืนเป็นคู่หัวหอก คอยผลิตสกอร์ให้กับทีม

      เปโดร ไคซินญ่า เฮ้ดโค้ชของ เรนเจอร์ส จะเหลือเพียง นิโก้ ครานชาร์ มิดฟิลด์ชาวโครแอตเท่านั้น ที่ยังเดี้ยงอยู่ ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่า ไคซินญ่า น่าจะอ้างอิง 11 ขุนพลจากเกมลีกนัดก่อนที่บุกชนะ มาเธอร์เวลล์ 2-1 นำทีมามาโดย เกรแฮม ดอร์แรนส์ (1 นัด / 2 ประตู) ที่กดคนเดียว 2 ตุงในเกมนั้น

      สตีเฟ่น โรบินสัน กุนซือของ มาเธอร์เวลล์ ยังไม่มีชื่อของ สตีเว่น ฮัมเมลล์ แบ็คซ้ายตัวเก๋า เพราะอาการเจ็บยังไม่ทุเลา แต่กำลังรบที่เหลือพร้อมลุยกันทั้งหมด เชื่อว่า โรบินสัน น่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลง 11 ขุนพลชุดปัจจุบัน โดยจะส่ง เบน เฮเนกัน (1 นัด / 1 ประตู) กับ ลูอิส โมลท์ (1 นัด) ลงสนามตามล่าความสำเร็จ

      จิม แม็คอินไตร์ เทรนเนอร์ของ รอสส์ เคาน์ตี้ ไม่มีปัญหาใดๆ ในการจัดทีม เพราะลูกทีมทุกคนอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดขีด สามารถเลือกใช้งานได้ตามสะดวก คาดว่า แม็คอินไตร์ น่าจะยึด 11 ตัวจริงชุดที่บุกชนะ ดันดี 2-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด ลงเล่นกันต่อ โดยจะมี อเล็กซ์ ชอล์ค (1 นัด) ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าให้กับทีม

      อัคถภรณ์ ชลิตาภรณ์ เฮ้ดโค้ชของ ไทย ฮอนด้า มีข่าวดีตรงที่ ภคิณ ไก่แก้ว (20 นัด / 2 ประตู) พร้อมรับใช้ต้นสังกัดอีกครั้ง หลังจากชดใช้โทษห้ามแข่งเรียบร้อย คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง น่าจะประกอบไปด้วย ณัฐชานนท์ ใจถาวร (13 นัด), ถวิล บุตรสมบัติ (15 นัด / 3 ประตู) และ ราฟาเอล ลิมา (20 นัด / 2 ประตู)

      เทิดศักดิ์ ใจมั่น นายใหญ่ของ ชลบุรี จะไร้เงาของ นพนนท์ คชาพลายุกต์ (21 นัด), สุทธินันท์ พุกหอม และ ภานุพงษ์ พลซา (3 นัด) ที่มีอาการเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ ติอาโก้ คุนญา (4 นัด / 2 ประตู) ดาวยิงชาวบราซิล จะติดโทษห้ามแข่ง แต่สำหรับ เรนาน มาร์เกวส (24 นัด / 20 ประตู) พร้อมลุยตั้งแต่เริ่มเกมอย่างแน่นอน

      ดาเนี่ยล การ์เนโร่ นายใหญ่ของ กัวรานี่ จะไม่มีชื่อของ มาร์เซโล่ คาเนเต้ ห้องเครื่องชาวอาร์เจนไตน์ ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนในรายของ เอร์นาน โนวิค กองกลางชาวอุรุกวัย ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่สำหรับ เอปิฟานิโอ การ์เซีย ศูนย์หน้าตัวสำคัญ พร้อมลงสนามได้อย่างเเน่นอนในเกมนี้

      มาร์เซโล กาญาร์โด้ กุนซือของ ริเวอร์ เพลต จะไร้เงาของ มาร์เซโล่ ลาร์รอนโด้ หัวหอกทีมชาติชิลี ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ก็จะเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ห่างหายไป เชื่อว่า กาญาร์โด้ คงเตรียมขน 11 ขุนพลที่บุกไปชนะมาได้ก่อนในเกมแรก 2-0 ลงสนามกันเต็มสูบเหมือนเดิม นำทีมมาโดย ลูคัส อาลาริโอ้ ดาวยิงตัวเก่ง

      เซซาร์ ฟาริอาส นายใหญ่ของ เดอะ สตรองเกสต์ ไม่มีปัญหาใดๆ ในการลุยศึกนัดนี้ เพราะไม่มีรายงานนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษห้ามแข่งเข้ามา คาดว่า ฟาริอาส คงยก 11 ขุนพลจากเกมเลกแรกมาใช้งานทั้งหมด โดยจะมี มาเตียส อลองโซ่ กับ ปาโบล เอสโกบาร์ ยืนเป็นคู่กองหน้าคอยผลิตสกอร์ ในระบบ 4-4-2 ที่ทีมถนัด

      ฮอร์เก้ อัลมิร่อน เฮ้ดโค้ชของ ลานุส ยังไม่สามารถใช้งาน อิ๊กนาซิโอ้ คานูโต้ กับ กาเบรียล รามิเรซ สองนักเตะหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมได้ เนื่องจากลงทะเบียนในรายการนี้ไม่ทัน ทำให้ อัลมิร่อน คงไม่คิดเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงจากเกมก่อนที่บุกเสมอ 1-1 เป็นเเน่ นั่นหมายความว่า โฆเซ่ ซานด์ จะลงล่าตาข่ายต่อไป

      อลัน อาร์ชิบัลด์ เฮ้ดโค้ชของ พาร์ทิค ธิสเทิ่ล จะไม่มี คริส ดูแลน (1 นัด), มุสตาฟา ดุมบูย่า และ แกรี่ เฟรเซอร์ ซึ่งยังบาดเจ็บอยู่ ส่วนในรายของ แบลร์ สพิททัล, ไนออล คีโอน (1 นัด) และ คริส เออร์สคิน (1 นัด / 1 ประตู) ต้องรอเช็คฟิตกันอีกครั้ง แต่สำหรับ ไรอัน เอ็ดเวิร์ดส์ กลับมาช่วยทีมได้แล้ว หลังจากชดใช้โทษแบน

      ทอมมี่ ไรท์ เทรนเนอร์ของ เซนต์ จอห์นสโตน จะหมดสิทธิ์ใช้บริการของ พอล พาตัน (1 นัด) มิดฟิลด์ตัวหลักของทีม เนื่องจากจะติดโทษห้ามแข่ง แต่จะมีข่าวดีตรงที่ สตีเฟ่น แม็คลีน ดาวซัลโวคนสำคัญ สลัดอาการเดี้ยงได้แล้ว พร้อมลงสนามในเกมนี้ ส่วนอีก 10 ตำแหน่งที่เหลือ ไม่น่าจะต่างจากเกมที่บุกชนะ คิลมาร์น็อค 2-1

      ลี แม็คคัลล็อช นายใหญ่ของ คิลมาร์น็อค จะไร้เงาของ สตีฟ สมิธ, แกรี่ ดิ๊คเกอร์ และ เกร็ก คิลตี้ ที่ต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ทั้งหมด แต่คงไม่มีปัญหาอะไรมากมาย คาดว่าเกมนี้ แม็คคัลล็อช น่าจะยังไว้ใจใน 11 ขุนพลชุดปัจจุบัน โดยจะมี คริส บอยด์ (1 นัด / 1 ประตู) ดาวยิงประสบการณ์สูง ลงเล่นเป็นตัวทีเด็ด

      เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เทรนเนอร์ของ เซลติก จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เดเร็ค โบยาต้า, เอริค สเวียตเชนโก้ และ มุสซ่า เดมเบเล่ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน ส่วนในรายของ สก๊อต บราวน์ (1 นัด) กองกลางกัปตันทีม ก็ยังคงติดโทษห้ามแข่ง แต่สำหรับ สก็อต ซินแคลร์ (1 นัด / 1 ประตู) น่าจะออกสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกเหมือนเดิม

      เดวิด ฮ็อปกิ้น กุนซือของ ลิฟวิงสตัน ไม่มีปัญหาใดในการจัดทัพ เพราะสภาพความพร้อมของลูกทีมสมบูรณ์ 100% นั่นหมายความว่า ฮ็อปกิ้น สามารถก็อปปี้ทีมชุดที่เปิดบ้านเสมอ ดันเฟิร์มลิน 1-1 ในบอลลีก มาใช้งานต่อได้ นำทีมมาโดย สก็อตต์ พิตต์แมน (1 นัด / 1 ประตู) ผู้ซัดประตูแรกของฤดูกาลในศึกแชมเปี้ยนชิพ

      ปีเตอร์ ฮุสตัน เฮ้ดโค้ชของ ฟัลเคิร์ก จะไม่มีชื่อของ อารอน มุยร์เฮ้ด (1 นัด) แบ็คขวาตัวหลัก เพราะจะติดโทษห้ามแข่ง แต่ก็จะเป็นเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ขาดหายไป คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะประกอบไปด้วย ปีเตอร์ แกรนท์ (1 นัด), มาร์ค เคอร์ (1 นัด) และ นาธาน ออสติน (1 นัด / 1 ประตู)

      เอียน แม็คคอลล์ เทรนเนอร์ของ อายร์ ยูไนเต็ด จะขาดหายไปแค่ เจมี่ อดัมส์ (1 นัด) ห้องเครื่องตัวสำคัญของทีม คนเดียวเท่านั้น ที่โดนพิษไข้เดี้ยงเล่นงาน แต่เชื่อว่า แม็คคอลล์ เอง ก็น่าจะยังเรียกใช้บริการ 11 ขุนพลชุดหลักชุดเดิมต่อไปเช่นกัน เพราะลูกทีมทุกคนกำลังทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจอยู่แล้ว

      นีล เลนน่อน กุนซือของ ฮิเบอร์เนี่ยน ต้องรอเช็คความฟิตของ มาร์วิน บาร์ทลี่ย์ (1 นัด) กองกลางชาวอังกฤษ วัย 31 ปี ก่อนลงสนามอีกครั้ง ว่าไหวหรือเปล่า ส่วนกำลังรบที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว คาดว่า เลนน่อน น่าจะยึด 11 ตัวจริงจากเกมที่เปิดบ้านชนะ พาทริค ธิสเทิ่ล 3-1 ในนัดเปิดซีซั่นใหม่ ต่อไปอีกนัด

      อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมของ เชลซี หมดสิทธิ์ใช้บริการของ เอแดน อาซาร์ และ ตีมูเอ้ บากาโยโก้ สองกองกลางตัวสำคัญ เพราะพิษไข้เดี้ยงยังไม่ทุเลา ส่วนในรายของ อัลบาโร่ โมราต้า ศูนย์หน้าสุดหล่อป้ายแดง น่าจะนั่งสำรองดูเพื่อนเล่นก่อน คาดว่า คอนเต้ จะจัดทัพในระบบ 3-4-2-1 โดยจะมี วิลเลี่ยน, เปโดร โรดริเกวซ และ มิชี่ บัตชัวยี่ ช่วยกันทำเกมรุกและผลิตสกอร์ให้กับทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เชลซี (3-4-2-1) : ธิโบต์ กูร์กตัวส์ - เซซ่าร์ อัซปิลิกูเอต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์ - วิกเตอร์ โมเซส, เชส ฟาเบรกาส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ - วิลเลี่ยน, เปโดร โรดริเกวซ - มิชี่ บัตชัวยี่

      อาร์เซน เวนเกอร์ เฮ้ดโค้ชของ อาร์เซน่อล จะไม่มีชื่อของ อารอน แรมซี่ย์, เมซุต โอซิล, ฟร็องซิส โกเกอแล็ง และ กาเบรียล เปาลิสต้า ที่มีอาการเจ็บรบกวนกันทั้งหมด ส่วนในรายของ อเล็กซิส ซานเชซ กับ โชดราน มุสตาฟี่ อาจจะต้องนั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนามไปก่อน เพราะเพิ่กลับมาซ้อมได้เต็มที่กับทีม แต่สำหรับ "ดาวดวงใหม่" อย่าง อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์ พร้อมลุยแน่นอน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : ปีเตอร์ เช็ก - โลร็องต์ กอสเซียลนี่, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, นาโช่ มอนเรอัล - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, กรานิต ชาก้า, เซยาด โคลาซินัก - แดนนี่ เวลเบ็ค, อเล็กซ์ อิโวบี้ - อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์

      ฟรีดเฮล์ม ฟุงเคิ่ล เฮ้ดโค้ชของ ดุสเซลดอร์ฟ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โอลิเวอร์ ฟิงค์ (1 นัด) ห้องเครื่องวัย 35 ปี เพราะได้รับบาดเจ็บมาจากเกมนัดเปิดสนามที่เปิดบ้านเสมอ บราวน์ชไวก์ 2-2 เมื่อสัปดาห์ก่อน คาดว่าจะเป็น ฟลอเรียน นอยเฮาส์ (1 นัด / 1 ประตู) มิดฟิลด์ดาวพุ่งแรง ที่จะมาทำหน้าที่คุมเกมกลางสนามแทน

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ดุสเซลดอร์ฟ (3-1-4-2) : มิชาเอล เรนซิ่ง - คาน อายฮาน, อันเดร ฮอฟมันน์, นิโก้ กีเซลมันน์ - อดัม บ็อดเซค - จูเลี่ยน คีเซเว็ตเตอร์, มาร์เซล โซบ็อตต์ก้า, ฟลอเรียน นอยเฮาส์, ลูคัส ชมิตซ์ - รูเวน เฮนนิ่งส์, อิห์ลาส เบบู

      โธมัส เล็ตช์ กุนซือของ เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา จะไร้เงาของ นิคกี้ อ๊าดเลอร์ แนวรุกตัวเก่า เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพักรักษาตัว แต่ขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมรับใช้ต้นสังกัดกันทั้งหมด คาดว่าเล็ตช์ จะวางหมากมาในระบบ 3-4-3 โดยจะมี ดิม่า นาซารอฟ, มาริโอ เคซิช และ ปาสกาล ค็อปเค่ เป็น "สามประสาน" ในเกมบุกให้กับทีม

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เออร์ซเกเบียร์เก้ เอา (3-4-3) : มาร์ติน มานเนิ่ล - ฟาเบียน คาลิก, นิโคไล รัป, เดนนิส เคมพ์ - คาโลเกโร่ ริซซูโต้, คริสเตียน ทิฟเฟิร์ต, คลีเมนส์ ฟานดริช, เซบาสเตียน แอร์ตเนอร์ - ดิม่า นาซารอฟ, มาริโอ เคซิช, ปาสกาล ค็อปเค่

      เจฟ ไซบีน ผู้จัดการทีมของ บีเลเฟลด์ จะยังไม่มีชื่อของ คริสโตเฟอร์ นอธ ที่เจ็บยังไม่หาย ส่วนในรายของ นิลส์ เตเซร่า (1 นัด) แบ็คขวาประจำทีม จะติดโทษแบน เนื่องจากโดนไล่ออกมาจากเกมที่เปิดบ้านชนะ ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก 2-1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่า ไซบีน จะเรียกใช้บริการของ ฟลอเรียน ดิ๊ค แนวรับประสบการณ์สูง ในตำแหน่งดังกล่าว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
บีเลเฟลด์ (4-4-2) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ฟลอเรียน ดิ๊ค, จูเลี่ยน บอร์เนอร์, สเตฟาน ซัลเกอร์, ฟลอเรียน ฮาร์แธร์ซ - คริสโตฟห์ เฮมไลน์, มานูเอล เพรเทิ่ล, คอนสแตนติน เคิร์ชบอยเมอร์, คีนู สเต๊าด์ - ฟาเบียน โคลส, อันเดรียส โฟเกิ้ลซามเมอร์

      ยานอส ราโดกี้ นายใหญ่ของ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ ยังมีรายชื่อลูกทีมเดี้ยงอยู่ 5 รายเหมือนเก่า คือ ริชาร์ด แม็กยาร์, มาริโอ มาโลก้า, เซอร์ชาน ซาราเรอร์, มาธิส บอลลี่ และ ฟิลิปป์ ฮอฟมันน์ นั่นหมายความว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยเฉพาะในแดนหน้าซึ่ง แซร์ดาร์ ดูร์ซาน (1 นัด) คอยสแตนด์บายอยู่แล้ว

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ (4-4-1-1) : บาลาส เม็กเยรี่ - มาร์โก กาลิกูรี่, อดัม ปินเตอร์, ลูคัส กักกานิก, มักซิมิเลี่ยน วิตเท็ค - นิค ออมลาดิช, พาทริค ซอนไธเมอร์, เจอร์เก้น กาซูล่า, คาเล็ด นาเรย์ - เซบาสเตียน เอิร์นส์ - แซร์ดาร์ ดูร์ซัน

      มิชาเอล โคลเนอร์ กุนซือของ เนิร์นแบร์ก มีรายงานโรคเดี้ยงแบบ "อ้ายมา 4 คน" ได้แก่ เอแวร์ตัน, เดนนิส ลิปแพร์ต, ลูคัส มูห์ล และ พาทริค แอร์ราส แต่เชื่อว่า โคลเนอร์ คงไม่เปลี่ยนอะไรในแผงตัวหลัก เพราะลูกทีมโชว์เทพให้เห็นด้วยการเปิดบ้านชนะ ไกเซอร์ฯ 3-0 ในเกมลีกนัดเปิดสนาม โดยเฉพาะ เควิน โมห์วัลด์ (1 นัด / 1 ประตู) ที่เล่นได้เยี่ยมจริงๆ

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เนิร์นแบร์ก (4-1-4-1) : ธอร์สเท่น เคิร์ชบอม - เอ็นริโก้ วาเลนตินี่, ยอร์ก มาร์เกร็ตเตอร์, เอดูอาร์ด โลเว่น, ทิม ไลโบลด์ - พาทริค คามแมร์บอยเออร์ - เซบาสเตียน แคร์ก, เควิน โมห์วัลด์, ฮันโน่ เบห์เรนส์, รูริค กิสลาสัน - มิคาเอล อิชัค

      อาคิม เบเยอร์ลอร์เซอร์ เทรนเนอร์ของ ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก เหลือรายชื่อลูกทีมเจ็บอีก 2 คน คือ โอลิเวอร์ ไฮน์ และ จอห์น สไตน์เกิ้ล นั่นทำให้โฉมหน้าของ 11 ตัวจริง ไม่น่าจะต่างอะไรกับทีมที่ลงเตะนัดก่อน จะเปลี่ยนก็แค่ แอสเกอร์ โซเรนเซ่น (1 นัด) จะลงมายืนกองหลังตัวกลาง และถ่าง เซบาสเตียน นัชไรเนอร์ (1 นัด) ไปเป็นแบ็คขวาเท่านั้น

ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ยาห์น เรเก้นส์บวร์ก (4-4-2) : ฟิลิปป์ เพนท์เก้ - เซบาสเตียน นัชไรเนอร์, แอสเกอร์ โซเรนเซ่น, มาร์วิน โนลล์, อเล็กซานเดอร์ นานด์ซิค - แยนน์ จอร์จ, มาร์ก ไลส์, อันเดรียส ไกเพิ่ล, โจชัว มีส์ - ซาร์กิส อดัมยาน, มาร์โก กรุตเนอร์

      มาร์ติน แคนนิ่ง เทรนเนอร์ของ ฮามิลตัน จะขาดหายไปแค่ มิคาเอล เดฟลิน แนวรับวัย 23 ปี คนเดียวเท่านั้น ที่ยังต้องใช้บริการของโรงพยาบาลอยู่ ส่วนขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยอยู่นานแล้ว เชื่อว่า แคนนิ่ง น่าจะยึดทีมที่เปิดบ้านชนะ สเตนเฮาส์มูร์ 3-0 ในรายการสกอตติช ลีก คัพ งสนามกันต่อเนื่องไปอีกนัด

      เดเร็ค แม็คอินเนส นายใหญ่ของ อเบอร์ดีน ไม่มีปัญหาใดๆ ในการจัดทัพ เพราะสภาพความพร้อมของลูกทีมสมบูรณ์ 100% สามารถเรียกใช้งานได้ทุกคน คาดว่า โฉมหน้าของ 11 ตัวจริงในเกมนี้ น่าจะใกล้เคียงกับทีมชุดที่ลงเตะในศึกยูโรป้า ลีก นำทีมมาโดย เชลุม โลแกน, ไรอัน คริสตี้ และ เกร็ก สจ๊วร์ต

      เปโดร ไคซินญ่า เฮ้ดโค้ชของ เรนเจอร์ส จะไร้เงาของ เจมส์ ทาเวอเนียร์ และ นิโก้ ครานชาร์ ที่มีอาการเจ็บรบกวน แต่ขุมกำลังที่เหลือพร้อมลุยกันทุกคน คาดว่า ไคซินญ่า น่าจะส่งแข้งหน้าใหม่อย่าง บรูโน่ อัลเวส กับ เกรแฮม ดอร์แรนส์ ลงสนามประเดิมทันทีในนัดนี้ เพราะต้องการฟาด 3 คะแนนเอาฤกษ์เอาชัย

      สตีเฟ่น โรบินสัน กุนซือของ มาเธอร์เวลล์ จะไม่มีชื่อของ สตีเว่น ฮัมเมลล์ แบ็คซ้ายตัวเก๋า เนื่องจากติดพิษไข้เดี้ยง ส่วนในรายของ เบน เฮเนกัน กองกลางวัย 23 ปี ต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ คือ ลูอิส โมลท์ เพชรฆาตตัวหลักของทีม พร้อมลงเล่นในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้าอย่างแน่นอน