วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนทีมเยือน โรเซนบอร์ก ไม่เหลือโอกาสลุ้นผ่านเข้ารอบเช่นกันซึ่งคาดว่าเกมนี้กุนซือ คาเร่ อิงเกบริกต์เซ่น อาจจะพัก นิกคลาส เบนด์เนอร์ ออกจาก 11 ผู้เล่นตัวจริงค่อนข้างแน่พร้อมกับวาง ซามูเอล อเด็กเบนโร่,ยานน์ เด ลานเลย์ และ ไมค์ เยนเซ่น เป็นตัวชูโรงในผังแนวรุก ส่วนตัวเจ็บไม่ถือว่าเสียหายมากนักเพราะ แม็กนัส สตัมเนสโตร แข้งแดนกลางเป็นเพียงแข้งกำลังเสริมของกุนซือ อิงเกบริกต์เซ่น เท่านั้น

เจ้าบ้าน วาร์ดาร์ ตัวแทนจาก มาซิโดเนีย ลงเล่นทิ้งทวนในเกมนี้เพื่อหวังเก็บแต้มให้ได้บ้างหลังแพ้รวดมา 5 เกมติดในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งความพร้อมในเกมนี้ยังดีที่พวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บหรือติดโทษแบนให้กังวลใจ แต่ก็เป็นคำถามว่า เชโดเมียร์ ยาเนฟสกี้ กุนซือใหญ่จะทำการโรเตชั่นเพื่อให้โอกาสดาวรุ่งมากน้อยขนาดไหน ซึ่งคาดว่าแดนหน้าน่าจะใช้ ติแกรน บาร์เซกียาน คอยปักหลักในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้าโดยมี จัมบูล จิกาอูรี่, ฮวน เฟลิเป้ อัลเวส และ เดยาน บลาเซฟสกี้ เป็นสาประสานแนวรุก

เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ของเทรนเนอร์ โรแบร์โต้ มันชินี่ สามารถเก็บแต้มได้เป้ามาโดยตลอดจนรั้งอันดับ 1 ของตารางหลังผ่านไป 5 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนความพร้อมในเกมนี้แน่นอนว่าจะไม่มีแนวรับตัวเก๋าประจำทีมอย่าง อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ ที่เดี้ยงยาวมาต่อเนื่อง ทว่ายังดีที่แกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงช่วยทีมโดยมีแนวรุกสำคัญอย่าง เลอันโดร ปาเรเดส คอยคุมเกมแผงมิดฟิลด์ร่วมกับ มาติอัส คราเนวิตเตอร์ และ ดาเลอร์ คูซยาเยฟ โดยมี อาร์เต็ม ดีซูบ้า เป็นตัวชูโรงในแดนหน้า

เซนิตฯ (4-3-3) : ยูริ โลดีจิน - เดนิส เทเรนท์เยฟ, เอ็มมานูเอล มัมมาน่า, มิฮา เมฟล์ย่า, โดเมนิโก้ คริสซิโต้ - เลอันโดร ปาเรเดส, มาติอัส คราเนวิตเตอร์, ดาเลอร์ คูซยาเยฟ - เอมิเลียโน ริโกนี่, ดมิทรี โปลอซ, อาร์เต็ม ดีซูบ้า

ด้าน เรอัล โซเซียดัด ของเทรนเนอร์ ยูเซบิโอ ซากริสตาน มีคิวเปิดรังเจอ เซนิต ที่ลุ้นเบียดแย่งแชมป์กลุ่มโดยตรง ซึ่งเกมนี้โชคไม่ดีนักที่ อัดนาน ยานาซาย อดีตปีกค่าย "ผีแดง" อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์และจะเป็น เซร์จิโอ้ กานาเลส ที่ลงมาเสียบตำแหน่งโดยมี วิลเลี่ยน โชเซ่ และ มิเกล โอยาร์ซาบัล เป็นสามประสานตามคาด ส่วนผังแดนกลางแน่นอนว่าจะได้เห็น อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ เป็นตัวชูงโรงพร้อมกับส่ง ดาบิด ซูรูตูซ่า มาเป็นกำลังเสริมร่วมกับ ชาบี ปรีเอโต้ ส่วนการขาดหายไปของ อีมานอล อาคีร์เร็ตเช่ กองหน้าไม่ส่งผลอะไรต่อทีมนักเพราะถือเป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆอยู่แล้ว

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ - อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ อีลูสตอนโด้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เด ลา เบญ่า - ชาบี ปรีเอโต้, ดาบิด ซูรูตูซ่า, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ - เซร์จิโอ้ กานาเลส, วิลเลี่ยน โชเซ่, มิเกล โอยาร์ซาบัล

ส่วนทีมเยือน ลิงบี้ ดูจะมีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่นที่น่าเป็นห่วงหลังแพ้รวดมา 3 เกมติดและเสียประตูร่วม 10 เม็ดเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ดีคาดว่าเกมนี้จะได้เห็นโซนแนวรุกหน้าประจำอย่าง มาร์ติน โอลันสคอฟ ,มิคเกล ไรการ์ด และ เมย์รอน จอร์จ ลงเป็นทีเด็ด ส่วนตัวสำรองที่ลงมาทำประตูในเกมที่แล้วอย่าง คิม โอโจ้ จะได้โอกาสสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำหน่งศูนย์หน้าอีกครั้ง

เจ้าบ้าน ซิลเคบอร์ก เพิ่งเอาชนะ แรนเดอร์ส 3-2 ในเกมลีกในบ้านมาหมาดๆ และหวังใช้แมตช์นี้เรียกศรัทธาอีกครั้งโดยเฉพาะการเป็นเจ้าบ้านเจอทีมอย่าง ลิงบี้ ส่วนสภาพความพร้อมเกมนี้คาดว่าจะได้เห็นแข้งฟอร์มแรงโดยเฉพาะ โรเบิร์ต สคอฟ ที่เหมาคนเดียว 2 เม็ดเกมที่แล้วลงล่าตาข่ายโดยมี แซมมี่ สไกยต์ และ กุสต๊าฟ นิลส์สัน เป็นตัวประสานงานร่วมกัน

ส่วนผู้มาเยือนอย่าง เฮลซิงกอร์ ทีมอันดับบ๊วยของตาราง พวกเขาจะไม่มี มาร์ติน ฟิช, โอซามา อักฮาร์ราซ และ โยฮันเนส ริตเตอร์ ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนตัวชูโรงที่เหลือน่าจะถูกส่งลงสนามกันถ้วนหน้านำโดย นิโกลาส มอร์เท่นเซ่น (17 นัด/3 ประตู)ที่ถูกวางเป็นตัวจบสกอร์พร้อมกับใช้ แอนเดอร์ส โฮล์ส (16 นัด/2 ประตู) กับ มิคเกล บาสเซ่ (18 นัด/1 ประตู) ผนึกกำลังในแดนกลางตามคาด

เจ้าบ้าน อัลบอร์ก ทีมอันดับ 7 ของตารางมีคิวลงสนามในศึก เดนิช คัพ กลางสัปดาห์นี้กับทีมโซนบ๋วยอย่าง เฮลซิงกอร์ ซึ่งความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะไม่มีชื่อแน่ๆก็คือ ไมเคิล แลนซิง ผู้รักษาประตูชาวสหรัฐอเมริกาที่ยังบาดเจ็บรวมไปถึง แม็กนุส คริสเตนเซ่น, มาร์โก้ รามคิลเด้ และ ยาคุบ ซิลเวสเตอร์ ทำให้ภาระหน้าที่จะตกไปอยู่โซนแนวรุกอย่าง เอดิสัน ฟลอเรส (16 นัด / 1 ประตู)ที่จำเป็นตกจบสกอร์ให้ได้ นอกจากนี้กุนซือใหญ่อย่าง มอร์เท่น เวียร์ฮอสท์ ยังไว้ใจให้ ยาค็อบ บล็อบแย (17 นัด / 3 ประตู), ฟิลิป เลสเนียค (17 นัด) และ แคสเปอร์ ริสการ์ด (13 นัด / 1 ประตู)เป็นทีเด็ดในการปั้นเกมรุกร่วมกันอีกครั้ง

ส่วนทีมเยือน เซบีญ่า ยังมีโจทย์สำคัญให้ต้องทำคือการเก็บ 3 แต้มในเกมนี้เพื่อการันตีการผ่านเข้ารอบ 100% และแน่นอนว่าเกมนี้กุนซือใหญ่ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ เตรียมขนผู้เล่นที่ดีที่สุดลงบู๊ครบเซ็ตยกเว้นในรายของ ไซม่อน ชาร์ ปราการหลังทีมชาติเดนมาร์กที่ยังไม่สมบูรณ์และจะเป็น โยฮานเนส กีส ลงเสียบตำแหน่ง ส่วนในรายของ ดาเนี่ยล การ์ริโก้ และ นิโก้ ปาเรฆ่า ยังคงมีปัญหาอาการบาดเจ็บและอีกหนึ่งจุดที่จะไม่มีชื่อก็คือ สเตเว่น เอนซ็องซี่ ที่ตกเป็นข่าวหนาหูว่าจะไม่ขยายสัญญาต้นสังกัดเพื่อเตรียมย้ายออกในตลาดฤดูหนาว

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, โนาธาน กีส, แกลร์กมงต์ ล็องเล่ต์, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ ; เอแวร์ บาเนก้า, กีโด ปิซาร์โร่, ฟรานโก้ บาซเกซ ; ปาโบล ซาราเบีย, วิสซัม เบน เยดเดอร์, โนลิโต้

ทีมดังจาก สโลวีเนีย ไม่เหลืออะไรให้ลุ้นแล้วทั้งพื้นที่ ชปล. หรือตั๋ว ยูโรป้า ลีกรอบน็อคเอาท์ แต่ด้วยที่เกมนี้ได้ทิ้งทวนในบ้านก็หวังโชว์ผลงานตอบแทนแฟนบอลจึงไม่แปลกที่แข้งแกนหลักจากชุดเจ๊า สปาร์ตัก มอสโก จะถูกส่งลงสนามกันถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็น วาลอน อาห์เมดี้ ที่จะยืนปั้มเกมร่วมกับ บลาซ เวอร์โฮเวช โดยมี มาร์คอส ตาวาเรส ลงค้ำแดนหน้า ส่วนแข้งที่ยังต้องใช้เวลาเรียกสภาพความพร้อมอย่าง อเล็กซานเดอร์ ไรเชวิช, ลูก้า ซาโฮวิช, ยัสมิน เมซาโนวิช และ เดนิส เซอเม่ ยังคงไร้ชื่อต่อไป

มาริบอร์ (4-2-3-1) : ยาสมิน ฮันดาโนวิซ ; มาร์ติน มิเลก, ฌอง-โคล้ด บิยง, มาร์โก้ ชูเลอร์, มิตย่า วิเลอร์ ; มารูวาน คาบ้า, บลาซ เวอร์โฮเวช ; เกรกอร์ บายเด, วาลอน อาห์เมดี้, ดามยาน โบฮาร์ ; มาร์คอส ตาวาเรส

มัสซิโม่ คาร์เรร่า ผู้จัดการทีม สปาร์ตัก มอสโก จะหมดสิทธิ์ใช้งานแน่ๆก็คือ จอร์จี้ ทิกิเยฟ, อาร์เตม ติโมเฟเยฟ และ ยาโน อนานิดเซ่ ที่เดี้ยงเข้ามาก่อนหน้านี้ทว่ายังพอมีข่าวดีเมื่อ อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ ปีกขวาวัย 33 ปี และ จอร์จี้ จิเคีย แนวรับฝั่งซ้ายที่ติดโทษแบนมาก่อนหน้านี้จะพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีม ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมออกสตาร์ทกันยกชุดนำโดย หลุยซ์ อาเดรียโน่ หัวหอกบราซิลเลี่ยนโดยมี กินซี่ โพรเมส ตัวริมเส้นฝั่งซ้ายตัวทำเกม อิเวลิน โปปอฟ และ อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ ปีกตัวเก๋าที่จะเบียด ลอเรนโซ่ เมลกาเรโฆ่ แข้งทีมชาติปารากวัยลงสนาม

สปาร์ตัก มอสโก (4-2-3-1) : อเล็กซานเดอร์ เซลิคอฟ ; อังเดร เยสเชนโก้, เซอร์ดาร์ ทาสชี่, อิลยา กูเตปอฟ, จอร์จี้ จิเคีย ; แฟร์นานโด, เดนิส กลูชาคอฟ, เฟร์นานโด, อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ,อิเวลิน โปปอฟ, กินซี่ โพรเมส ; หลุยซ์ อาเดรียโน่

ทัพ "หงส์แดง" ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ทำการโรเตชั่นหลายจุดจากเกมที่แล้วโดยเฉพาะในรายของ ซาดิโอ มาเน่ ที่ด้พักมาเต็มๆจึงไม่แปลกที่เกมนี้จะได้เห็นชุดฟูลทีมในแนวรุกไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ ลงประสานงานร่วมกับ มาเน่ อีกครั้ง ส่วนผังแดนกลางเตรียมดัน เอ็มเร่ ชาน ที่ขัดตาทัพในแผงหลังขึ้นมาประสานงานร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ส่วนแข้งตัวเจ็บอย่าง โจเอล มาติป เป็นที่แน่นอนว่าเจ้าตัวจะไร้ชื่อในทีมอย่างน้อยหนึ่งเดือนจากปัญหาอาหารบาดเจ็บเช่นเดียวกับ อดัม ลัลลานา ที่ไม่น่าพร้อมสำหรับเกมนี้

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ลอริส คาริอุส - โจ โกเมซ, แร๊กนาร์ คลาวาน, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ - เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

ส่วนทีมเยือน ปอร์ติโมเนนเซ่ ทีมอันดับ 10 ของตาราง กลับมาคว้าชัยได้อีกครั้งหลังเอาชนะ ทอนเดล่า 2-0 ในบ้านของตัวเอง ส่วนความพร้อมก่อนบุกเยือนคู่แข่งจะหมดสิทธิใช้งาน เปโดร ซา มิดฟิลด์ตัวเก่งของทีมเนื่องจากติดโทษแบน และจะเป็นโอกาสของ เอเวอร์ตัน ที่ได้ลงสนามทดแทน นอกจากนี้ยังจะไม่มี ริคาร์โด้ เปสโซน่า ที่ยังไม่หายจากอาการเดี้ยง

เจ้าบ้าน เอสโตริล ทีมบ๋วยประจำลีกเริ่มเก็บแต้มได้บ้างแล้วหลังบุกไปเสมอ มาริติโม่ 0-0 แต่มองโดยภาพรวมยังคงมีอาการน่าเป็นห่วงเพราะย้อนรอยในลีก 7 นัดย้อนหลัง พวกเขาพ่ายเรียบอาวุธ ซึ่งในเกมนี้ยังมีปัญหาให้ต้องกังวลเนื่องจาก มาโน่ ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ทำให้ เฟอร์นันโด้ ฟอนเซก้า ยังต้องปักหลักแบ็คขวาต่อไป ส่วน 2 ตัวเจ็บอย่าง ลูเกา และ แบรนเดา ยังคงเดี้ยงและยังใช้ มอนเตโร่ และ ฮัลลิเช่ คุมผังแนวรับต่อเนื่อง

ส่วนทีมเยือน ไอน์ทรัค บราวน์ชไวก์ ทำผลงานนอกบ้านได้น่าผิดหวังซึ่งเกมล่าสุดทั้งที่เล่นในบ้านยังพ่ายต่อ เนิร์นแบร์ก 2-3 ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะขาดกองหน้าคนสำคัญอย่าง โดมี่ คุมเบล่า(6นัด/1ประตู) รวมถึง เมียร์โก โบแลนด์(8นัด/2ประตู) และ โจเซฟ บาฟโฟ(11นัด/3ประตู) แนวรับที่มีปัญหาที่หัวเข่า

เจ้าบ้าน อิงโกลสตัดท์ อยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มสูบเนื่องจากไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนเข้ามาในยามนี้ แถมเกมล่าสุดแม้จะหลุดเสมอแต่การบุกไปเจ๊าจ่าฝูง โฮลสไตน์ คีล 0-0 ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แถมตลอด 5 นัดหลังพวกเขายังไร้พ่าย(ชนะ3เสมอ2) ซึ่งเกมนี้คาดว่าพวกเขายังคงยึดแผนเก่ง 4-3-3 ตามคาดโดยมี เลซกาโน่(14นัด/3ประตู), ซอนนี่ คิดเทล(15นัด/7ประตู) และ สเตฟาน คุ๊ดแช็ค(14นัด/4ประตู)

โจวานนี่ เดอ เบียซี่ กุนซือ อลาเบส ยังคงนำทีมทำผลงานได้ย่ำแย่แพ้ในลีกไปถึง 4 จาก 5 เกมหลัง ส่วนความพร้อมยังมีปัญหาอยู่หลายจุดเมื่อเกมนี้จะไร้ชื่อ 3 แข้งที่พาเหรดกันติดโทษแบนไม่ว่าจะเป็น โรดริโก้ อีลี่(กองหลัง), มานู การ์เซีย(กองกลาง) และ กริสเตียน ซานโต๊ส(กองหน้า) และยังค้างแข้งเดี้ยงอยู่ในทีมนับ 4 ราย จึงไม่แปลกที่เกมนี้จะได้เห็นแข้งสำรองลงแก้สถานณ์หลายตำแหน่ง

อลาเบส (4-4-2) : เฟร์นานโด ปาเชโก้ ; อเล็กซิส รูอาโน่, อาเดรียน, กีเยร์โม่ มาริปาน, อัลฟอนโซ่ เปดราซ่า ; อิไบ โกเมซ, ดานิเอล ตอร์เรส, อัลบาโร่ เมดราน, บูร์กูอิ ; มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้, บอร์ยาน

ปาโบล มาชิน กุนซือ กิโรน่า ไม่มีแผนปรับทัพจากเกมล่าสุดหลังยังไม่แพ้ใครมา 5 เกมติด ซึ่งเกมนี้ยังมีข่าวดีเมื่อ เปเร่ ปอนส์ ยังสลัดเดี้ยงกลับมาคุมแผงหลังร่วมกับ อเล็กซ์ กราเนลล์ อีกครั้งโดยมี เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า ที่ผ่านความฟิตตบเท้าประจำตำแหน่งครบเซ็ต ส่วนทีเด็ดแนวรุกแน่นอนว่าจะได้เห็น กริสเตียน ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่ และ บอร์ฆา การ์เซีย ยืนเป็นสามประสานในเกมนี้ตามคาด

กิโรน่า (3-4-3) : โบโน่ ; ฆวนเป้, มาร์ก มูนีซ่า, เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า ; ปาโบล มาฟเฟโอ, เปเร่ ปอนส์, อเล็กซ์ การ์เนลล์, อาดาย เบนิเตซ ; กริสเตียน ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, บอร์ฆา การ์เซีย

ส่วนทีมเยือน โอเดนเซ่ เริ่มลืมตาอ้าปากได้ก็จริงหลังชนะ โฮโบร 3-0 แต่โชคไม่ดีนักที่ต้องออกนอกบ้านเจอทีมแกร่งอย่าง มิดทิลแลนด์ อย่างไรก็ดีพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บเพิ่มเติมเข้ามายกเว้นในรายของ มิคเกล เดสเลอร์(13นัด)จอมทัพที่ยังเดี้ยง ส่วนตัวชูโรงอย่าง อังเดร์ส ยาค็อบเซ่น(15นัด/7ประตู)จะถูกส่งลงสนามร่วมกับ ราสมุส เฟรสเตอร์เซ่น(12นัด/3ประตู)

เจ้าบ้าน มิดทิลแลนด์ ยังคงทำผลงานได้ร้อนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะฟอร์มเกมล่าสุดเปิดรังถล่ม อาร์ฮุส 4-0 เก็บสถิติชนะ 4 จาก 5 เกมหลุดเสมอนัดเดียวเท่านั้น ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนามในนัดนี้แน่นอนว่ายังคงไร้เงา อังเดร โรเมอร์(5นัด), อเล็กซานเดอร์ มุนค์สการ์ด(2นัด) และ ราสมุส นิโคไลเซ่น(-) 3 แนวรับที่ยังเดี้ยง ทว่ายังดีที่ โซลท์ คอร์ชมาร์ แนวรับสัญชาติบัลแกเรียพร้อมลงเป็นตัวยืนในแผงหลังโดวยมี สตาร์ดังประจำทีมอย่าง อเล็กซานเดอร์ ซอร์ลอธ และ พอล โอนูอาชู ที่ยิงรวมกัน 17 เม็ดจับคู่แดนหน้า

ส่วนจ่าฝูง วูล์ฟแฮมป์ตัน ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องหลังชนะติดต่อกันมา 5 เกมติด ซึ่งเกมนี้สภาพความพร้อมของทีมจัดว่าฟูลออฟชั่นเพราะไร้ปัญหาตัวเจ็บตัวแบน และจะได้เห็นกุนซือเลือดฝอยทอง นูโน เอสปิริโต ซานโต ส่งคีย์แมนอย่าง เลโอ โบนาตินี่ แข้งบราซิเลี่ยนที่ซัดไปแล้ว 11 ประตูลงเป็นตัวจบสกอร์ โดยมี อีวาน คาวาเลโร(18นัด/6ประตู)หัวหอกโปรตุเกสเป็นตัวสนับสนุนอีกแรง

สตีฟ ค็อตเตอริลล์ เจ้านายใหญ่ของ เบอร์มิ่งแฮม จำเป็นต้องนำทีมกลับเข้าฝั่งโดยด่วนหลังเก็บชัยได้เพียงเกมเดียวจาก 5 นัดหลังเท่านั้น ซึ่งเกมนี้เปิดศึกหนักเพราะเจอทีมจ่าฝูงแต่ก็ยังพอมีข่าวดีที่ เดวิด สต็อคเดล นายด่านชาวอังกฤษกลับมาแสตนบาย แต่ก็ยังไม่มีชื่อของ 3 ตัวเจ็บอย่าง คาร์ล เจนกินสัน, มักซิม โคลิน และ ไอแซก วาสเซลล์ ที่เดี้ยงอยู่ก่อนหน้านี้ ส่วนตัวทีเด็ดแน่นอนว่าจะเป็น ลูคัส ยุตคีวิซ(16นัด/1ประตู) หัวหอกหมายเลข 10 เป็นตัวชูโรงโดยมี เฌเรมี่ โบก้า(10นัด/1ประตู)ดาวรุ่ง 20 กระรัตเป็นตัวสนับสนุน

ส่วนทีมเยือน เรอัล ซาราโกซ่า เตรียมขนชุดตัวหลักกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังใช้ชุดสำรองบุกพ่าย บาเลนเซีย 1-4 ใน โกปา เดลเรย์ มาหมาดๆ ซึ่งเกมนี้จะได้เห็น ชื่อของ อังเกล, เบร์ดาสโก้, ซาปาเตร์, เฟบาส, บอร์ฆา และ โตเกโร่ ในเกมนี้อีกครั้ง ส่วนตัวเจ็บอย่าง มิเกล กอนซาเลซ(12นัด/1ประตู)แนวรับและ บัฟฟ์(14นัด/1ประตู)กองกลางยังคงต้องรอการคัมแบ็คต่อไป

ปาโก้ เฮร์เรร่า นายใหญ่ สปอร์ติ้ง กิฆอน มีปัญหาให้หนักใจอยู่ไม่น้อยเมื่อนักเตะขาประจำอย่าง กาเนลล่า(12นัด)แนวรับตัวหลัก และ เซร์จิโอ้ อัลบาเรซ(13นัด/2ประตู)กองกลางดันมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ทำให้ความหวังในเกมนี้จะตกไปอยู่ที่ มาเชล ซานโตส(15นัด/6ประตู)ศูนย์หน้าเลือดอุรุกวัยและ รูเบน การ์เซีย(16 นัด/2ประตู)แนวรุกชาวสปนไปโดยปริยาย

โฆเซ่ มาร์ติ กุนซือทีมเยือนอยู่ในช่วงสวนขาลงหลังนำลูกทีมพ่ายไปถึง 2จาก 3 เกมหลังสุดและยังไม่ชนะใคร ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะไม่มี 3 ผู้เล่นอย่าง มอนตาเญส(7นัด), ซูโซ่ ซานตาน่า(9นัด/1ประตู) และ ฆวน บิญาร์(10นัด/1ประตู)ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นแข้งโซนแดนกลางที่ยังเดี้ยงอยู่

ลูคัส อัลการาซ เทรนเนอร์ประจำทีมจำเป็นต้องแก้สถานการณ์ของทีมโดยด่วนแม้จะเก็บแต้มได้ 2 นัดติดแต่ก็ยังสลัดโซนตกชั้นไม่ได้ ซึ่เกมนี้พวกเขาโชคไม่ดีนักที่ต้องไร้เงา คอสต้า (7นัด/2ประตู)จอมทัพคนสำคัญที่ติดโทษแบน เช่นเดียวกับแข้งกำลังหลักในแต่ละโซนไม่ว่าจะเป็น เวร์ซ่า(8นัด/2ประตู)กองกลางและหัวหอกอย่าง คาบัลเลโร่(13นัด/1ประตู)

กีเก้ ซาเตียน กุนซือ เรอัล เบติส ยังคงหมดสิทธิ์ใช้บริการ ซูแฮร์ เฟดดาล ปราการหลังโมร็อกโกที่ยังเดี้ยง ทว่ายังมีข่าวดีเมื่อ อิสซ่า ม็องดี้ ปราการหลังอีกรายพ้นโทษแบนกลับมาลงสนามร่วมกับ ฆอร์ดี้ อามัต ส่วนโซนแนวรุกจะได้ตัว อันโตนิโอ ซานาเบรีย ผ่านความฟิตกลับมาเป็นตัวเลือกพร้อมกับส่ง เซร์คิโอ เลออน ออกสตาร์ท

เรอัล เบติส (4-3-3) : อันโตนิโอ อาดาน ; อันโตนิโอ บาร์รากัน, ฆอร์ดี้ อามัต, อิสซ่า ม็องดี้, ริซ่า ดูร์มิซี่ ; บิคตอร์ กามารซ่า, ฆาบี การ์เซีย, อันเดรส กวาร์ดาโด้ ; คริสเตียน เตโย่, เซร์คิโอ เลออน, ฆัวกิน ซานเชซ

หลังจากแพ้มาต่อเนื่องในที่สุด ปาโก้ อาเยสเตราน ก็ถูกเด้งพ้นตำแหน่งทันทีหลังยังนำจนอยู่โซนท้ายตารางเวลานี้ทำให้เกมนี้จะใช้ผู้ช่วยรับหน้าที่ขัดตาทัพไปก่อน ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามมีตัวเจ็บเพิ่มเติมเข้ามาก็คือ บิโตโล่ กองกลางตัวหลักที่เดี้ยงยาวถึงปีใหม่ ส่วนตัวเจ็บหน้าเดิมอย่าง อเลน ฮาลิโลวิช ก็ไม่มีชื่อในเกมนี้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดียังพอมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่อ อุสมาน ทานนาเน่ ผ่านความฟิตพร้อมออกสตาร์ทริมเส้นอีกครั้ง

ลาส พัลมาส (4-3-3) : ราอูล ไลโซอิน ; มิเชล มาเกโด้, เมาริซิโอ เลมอส, เปโดร บิกัส, ดานี่ กาสเตยาโน่ ; โฆนาธาน บีเอร่า, ฆาบี กัสเตยาโน่, อัลแบร์โต้ อคิลานี่ ; ทาน่า, โลอิก เรมี่, อุสซามา ทานนาเน่

กีเก้ ฟลอเรส ซานเชซ ผู้จัดการทีมมีนักเตะเจ็บเพียงรายเดียวก็คือ เลโอ บาปติสเตา กองหน้าตัวหลัก แต่ก็ยังต้องลุ้นเช็คความฟิตของ ฆาบี ฟวยโก้ แบ็คขวาที่น่าจะเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ บิคตอร์ ซานเชซ ในเกมนี้ ส่วนตำแหน่งโซนแนวรุกจะใช้ เคราร์ด โมเรโน่ ล่าตาข่ายกับ เซร์คิโอ การ์เซีย ตามคาด

เอสปันญ่อล (4-4-2) : เปา โลเปซ ; บิคตอร์ ซานเชซ, ดาบิด โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, อารอน มาร์ติน ; ฆูราโด้, เซร์จี้ ดาเดร์, ฆาบี ฟูเอโก้, ปาโบล ปิอัตติ ; เคราร์ด โมเรโน่, เซร์คิโอ การ์เซีย

โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ นายใหญ่เออิบาร์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ชาร์เลส กองหน้าตัวหลัก ที่จะติดโทษแบน 2 นัดทำให้เกมนี้จะใช้ กิเก้ การ์เซีย ลงล่าตาข่ายร่วมกับ เซร์จี้ เอ็นริช ขัดตาทัพไปก่อน ส่วนแดนกลางยังพอมีข่าวดีเมื่อ กอนซาโล่ เอสกาลันเต้ ฟิตสมบูรณ์กลับมาเป็นทางเลือกแต่คงต้องหลีกทาง โฆอัน ฆอร์แดน ที่กำลังเข้าฝักไปก่อน

เออิบาร์ (4-4-2) : มาร์โก ดมิโตรวิช ; อันเดร์ กาป้า, อานาอิตซ์ อาร์บิญ่า, ดาบิด ลอมบาน, ดาบิด ฆวนก้า ; อิบัน อเลโฆ่, โฆอัน ฆอร์แดน, ดานี่ การ์เซีย, ทาคาชิ อินูอิ ; เซร์จี้ เอ็นริช, กีเก้ การ์เซีย

มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์บาเลนเซียจะขาด 3 ตัวหลักอย่าง เอเซเกว การาย, กอนกาโล่ กูเอเดส และ เฆซอน มูริโญ่ แต่ยังดีที่ จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย กองกลางฟอร์มแรงจะกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังพ้นโทษแบนมาจากเกม โกปา เดล เรย์ กลางสัปดาห์ ส่วนแนวรุก ซิโมเน่ ซาซ่า ดาวยิงตัวเก่งเตรียมลงนำร่วมกับ โรดริโก้ โมเรโน่ คู่หูในแดนหน้า

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, รูเบน เบโซ่, โฆเซ่ กาย่า ; การ์ลอส โซเลร์, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, อันเดรียส เปไรร่า ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซิโมเน่ ซาซ่า

โฆเซ่ บอร์ดาลาส กุนซือ เกตาเฟ่ ยังคงไร้เงา กาคุ ชิบาซากิ มิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่นที่เจ็บแถม 2 ปราการหลังอย่าง อันตูเนส และ ฆวน กาล่า ยังติดโทษแบนในเวลานี้ จึงต้องฝากความหวังไว้ที่ ฟรานซิสโก้ โมลิเนโร่ กับ ฆอน โกโรซิโต้ ที่จะลงปักหลักแทน ส่วนแนวรุก อังเคล โรดริเกซ จะขยับขึ้นสูงไปยืนล่าตาข่ายร่วมกับ ฆอร์เก้ โมลิน่า ได้ไม่มีปัญหา

เกตาเฟ่ (4-4-2) : บิเซนเต้ กูยาต้า ; ดาเมี่ยน ซัวเรซ, เฌเน่ ดาโกนัม, ฆอน โกโรซิโต้, ฟรานซิสโก้ โมลิเนโร่ ; ฟรานซิสโก้ ปอร์ติโญ่, เมาโร อารัมบาร์รี่, มาร์เกล เบร์การ่า, อามาธ เอ็นเดียเย่ ; อังเคล โรดริเกซ, ฆอร์เก้ โมลิน่า

บียาร์เรอัล (4-3-1-2) : มาเรียโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, ดานิเอเล่ โบเนร่า, อาเดรียน มาริน ; มานู ตริกูเอรอส, โรดรี, โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ; ปาโบล ฟอร์นัลส์ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

เลกาเนส (4-3-3) : อีวาน กูเอร์ย่า ; โฆเซบา ซัลดูอา, อูไน บูตินซ่า, เอเซเกว มูนอซ, ดีเอโก้ ริโก้ ; เอราโซ่, รูเบน เปเรซ, กาเบรียล ปีเรส ; นอร์ดิน อัมราบัต, เคลาดิโอ บัววิว, อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้

กาอิซก้า การิตาโน่ ผู้จัดการทีม ลา กอรุนญ่า จะกลับมาใช้งาน ลูซินโญ่ และ กีเยร์เม่ ซึ่งกอดคอพ้นโทษแบนด้วยกันทั้งคู่ ส่วนโซนแผงหลังจะส่ง ราอูล อัลเบนโตซ่า ลงปักหลักแทน ซิดเน่ ที่ยังต้องใช้เวลาเรียกความฟิต ส่วนโซนแนวรุกจะใช้ เฟเด การ์ตาเบีย, ลูกัส เปเรซ และ อาเดรียน โลเปซ เป็นสามประสาน

ลา กอรุนญ่า (4-3-3) : รูเบน มาร์ติเนซ ; ฆวนฟราน, ราอูล อัลเบนโตซ่า, ฟาเบียน ชาร์, เฟร์นานโด นาบาร์โร่ ; เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, กีเยร์เม่, เซลโซ่ บอร์เกส ; เฟเด การ์ตาเบีย, ลูกัส เปเรซ, อาเดรียน โลเปซ

ซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ นายใหญ่ประจำทีมแม้จะยังหมดสิทธิ์ใช้งาน ดาเนี่ยล การ์ริโก้ (3 นัด)กับ นิโก้ ปาเรฆ่า (2 นัด)สองแนวรับ แต่มีข่าวดีเมื่อ ไซม่อน ชาร์ ปราการหลังทีมชาติเดนมาร์กส่อแววสลัดเดี้ยงมีชื่อในเกมนี้แต่น่าจะมีชื่อเป็นตัวสำรองไปก่อน ส่วนทีเด็ดโซนแนวรุกเตรียมกลับมาใช้ ลุยส์ มูเรียล ประสานงานกับ ฆัวกิน กอร์เรอา และ ปาโบล ซาราเบีย

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์คิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, โยฮานเนส กีส, แกลร์กมงต์ ล็องเล่ต์, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ ; เอแวร์ บาเนก้า, กีโด ปิซซาโร่, ฟรานโก้ บาซเกซ : ปาโบล ซาราเบีย, ลุยส์ มูเรียล, ฆัวกิน กอร์เรอา

เอวเซบิโอ ซากริสตาน กุนซือ เรอัล โซเซียดัด จะไม่มี ดีเอโก้ ยอเรนเต้ กองหลังตัวหลักที่ติดโทษแบน แต่ยังดีที่ อาริตซ์ เอลัสตอนโด้ พร้อมลงเสียบตำแหน่ง ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงสนามโดยมี อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ เป็นตัวชูโรงแดนกลางส่วนแนวรุกสามประสานจะใช้ อัดนาน ยานาซาย, มิเกล โอยาซาบัล และ วิลเลี่ยน โฆเซ่ ลงบู๊

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เคโรนีโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ เอลัสตอนโด้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เกบิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; มิเกล โอยาซาบัล, วิลเลี่ยน โฆเซ่, อัดนาน ยานาซาย

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ ''ตราหมี'' แอตฯมาดริด ยังคงไม่มีชื่อของ ฆวนฟราน และ ซีม เวอร์ซัลจ์โก้ สองฟูลแบ็คที่มีปัญหาบาดเจ็บทำให้ โธมัส ปาร์เตย์ จะลงอุดตำแหน่งพร้อมกับโยก อังเคล กอร์เรอา ยืนริมเส้น ส่วนแดนหน้าจะวาง อองตวน กรีซมันน์ และ เกอแว็ง กาไมโร่ ลงล่าตาข่าย

แอตฯมาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค ; โธมัส ปาร์เตย์, ดีเอโก้ โกดิน, สเตฟาน ซาวิช, ฟิลิเป้ หลุยส์ ; อังเคล กอร์เรอา, กาบี, ซาอูล ญีเกซ, โกเก้ ; อองตวน กรีซมันน์, เกอแว็ง กาไมโร่

ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ "ราชันชุดขาว" ยังจะพลาดใช้งาน แกเร็ธ เบล (5 นัด 2 ประตู)อีกครั้งหลังเดี้ยงซ้ำสองทั้งที่เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บกลับมา ซึ่งเกมนี้แน่นอนว่าแข้งตัวหลักเจรียมตบเท้าออกสตาร์ทหลังได้พักจากเกมกลางสัปดาห์โดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซม่า ลงเป็นหน้าคู่พร้อมกับวาง ลูก้า โมดริช, กาเซมิโร่, โทนี่ โครส และ อีสโก้ ประจำตำแหน่ง

เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : เกย์เลอร์ นาวาส ; ดาเนี่ยล การ์บาฆัล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ ; ลูก้า โมดริช, กาเซมิโร่, โทนี่ โครส ; อีสโก้ ; คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า

โฆเซ่ อังเคล ซิกานด้า กุนซือ บิลเบา จะไร้เงา อายเมริค ลาปอร์เต้ กองหลังตัวหลักที่ติโทษแบนและ ออสการ์ เดอ มาร์กอส แข้งสารพัดประโยชน์ที่ยังบาดเจ็บเช่นเดียวกับ อิเกร์ มูเนียอิน (6 นัด 1 ประตู)และ เบนญัติ (6 นัด) ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามยังคงวาง อาริตซ์ อาดูริตซ์, อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ และ ราอูล การ์เซีย พร้อมลงปักหลักรวใไปถึง ราอูล การ์เซีย ที่จะได้ออกสตาร์ทเช่นกัน

แอธฯบิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; เอเนโก้ โบเบด้า, ชาเบียร์ เอ็ทเชียต้า, อูไน นูนเญซ, มิเกล บาเลนเซียก้า ; มิเกล ริโก้ โฆเซ่, อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, มาร์เกล ซูซาเอต้า ; อาริตซ์ อาดูริตซ์

ฆวน อุนซูเอ เทรนเนอร์ เซลต้า บีโก้ เตรียมกับมาใช้แข้งแกนหลักอีกครั้งเช่นกันไม่ว่าจะเป็น โก้ อัสปาส, มอย โกเมซ, ดาเนี่ยล วาสส์, มักซี่ โกเมซ และ ปิโอเน่ ซิสโต้ ที่ล้วนถูกใส่ชื่อในเกมนี้ยกเว้น จอนนี่ ฟูลแบ็คซ้ายคนสำคัญซึ่งติดโทษแบนก่อนลงสนามและจะเป็น ฟากันโด รอนกาย่า ที่ลงมาเสียบตำแหน่ง

เซลต้า บีโก้ (4-4-2) : รูเบน บลังโก้ ; อูโก้ มาโย่, กุสบาโบ กาบราล, อันดรู ฟอนตาส, ฟากันโด รอนกาย่า ; ดาเนี่ยล วาส, สตานิสลาฟ ลาบ็อตก้า, โฆซาเบด เอร์นานเดซ, ปิโอเน่ ซิสโต้ ; ยาโก้ อัสปาส, มอย โกเมซ

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ บาร์เซโลน่า เตรียมขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงบู๊ครบเซ็ตหลังพักให้เหล่าดาวรุ่งได้โชว์ไปแล้วในเกม โกปา เดล เรย์ กลางสัปดาห์ ซึ่งเกมนี้แน่นอนว่าจะได้เห็น หลุยส์ ซัวเรซ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ปักหลักเป็นหน้าคู่ตามคาดตามด้วย เปาลินโญ่, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรส อิเนียสต้า ยืนผังมิดฟิลด์ ส่วน เคราร์ด ปีเก้ ที่ได้เคาะสนิมมาจากกลางสัปดาห์เตรียมลงคุมแผงหลังอีกครั้ง

บาร์เซโลน่า (4-4-2) : มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น ; เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; เปาลินโญ่, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า ; หลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี่

จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ บอสใหญ่จะไม่มีชื่อของ มาร์เท่น เดอ รูน กองกลางชาวดัตช์ที่ได้รับอาการบาดเจ็บจากเกมล่าสุดทำให้ เรโม ฟรูเลอร์ (12 นัด/2 ประตู) จะถูกส่งลงเล่นแทนพร้อมกับวาง อันเดรีย เพตาญ่า ศูนย์วัยรุ่นลงจับคู่กับ อเลฮานโดร โกเมซ โดยมี ยาสมิน เคอร์ติซ คอยปั้นเกม

อตาลันต้า (3-4-1-2) : เอทริต เบริช่า - ราฟาเอล โตลอย, มัตเตีย กัลดาร่า, อันเดรีย มาซิเอลโล่ - ฮันส์ ฮาเตบัวร์, เรโม ฟรูเลอร์, ไบรอัน คริสตานเต้, เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า - ยาสมิน เคอร์ติซ, อันเดรีย เพตาญ่า, อเลฮานโดร โกเมซ

ซินิซ่า มิไฮโลวิช บอสใหญ่ไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาจากเกม โคปา อิตาเลีย กลางสัปดาห์และจะได้เห็นแข้งตัวหลักตบเท้าลงสนามไม่ว่าจะเป็น ยาโก้ ฟัลเก้, อาเดม ลายิช และ อันเดรีย เบล็อตติ ที่จะกลับมายืนสามประสานแดนหน้าโดยมี โทมัส รินคอน กับ ดานิเอเล่ บาเซลลี่ เป็นจอมทัพแดนกลางเพื่อเปิดพื้นที่อิสระให้ โจเอล โอบี คอยเชื่อมเกมกับแดนหน้า

โตริโน่ (4-3-3) : ซัลวาตอเร่ ซิริกู - ลอเรนโซ่ เด ซิลเวสตรี้, นิโกลัส เอ็นกูลู, นิโกลาส บูร์ดิสโซ่, คริสเตียน อันซัลดี้ - โทมัส รินคอน, ดานิเอเล่ บาเซลลี่, โจเอล โอบี - ยาโก้ ฟัลเก้, อาเดม ลายิช, อันเดรีย เบล็อตติ

กุนซือ พอล คลีเม้นท์ ยังต้องดินรนพาทีมหนีโซนตกชั้นหลังไม่ชนะใครมา 7 เกมรวด ซึ่งเกมนี้แน่นอนว่ายังไร้ชื่อ ไคล์ บาร์ตลี่ย์ (2 นัด)ที่ยังเดี้ยงและ เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ (12 นัด)ที่ติดภาระกิจส่วนตัว ทำให้เกมนี้มีแนวโน้มว่าจะทำการปรับทัพเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อวาง แทมมี่ อับราฮัม กลับมาลงบู๊เป็นกองหน้าคู่กับ วิลฟรีด โบนี่ อีกครั้ง

สวอนซี ซิตี้ (4-3-1-2) : ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - ไคล์ นอฟตัน, ไมค์ ฟาน เดอร์ ฮูร์น, แอลฟี่ มอว์สัน, มาร์ติน โอลส์สัน - คี ซุง ยอง, โรเก้ เมซ่า, ทอม แคร์โรลล์ - เรนาโต้ ซานเชส - แทมมี่ อับราฮัม, วิลฟรีด โบนี่

กุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนในกังวลใจนอกจากแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง แจ็ค บัตแลนด์ (11 นัด),เจฟฟ์ คาเมร่อน (7 นัด)และ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ (-)ที่จ้องรอการคมแบ็ค ส่วนแข้งที่ได้ออกสตาร์ทเจอ ลิเวอร์พูลอย่าง ปีเตอร์ เคร้าช์ ต้องหลุดไปเป็นสำรองเพื่อเปิดทางให้ เฆเซ่ โรดริเกวซ ลงมาจับคู่กับ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง ในโซนแดนหน้า

สโต๊ค ซิตี้ (3-5-2) : ลี แกรนท์ - เคิร์ต ซูม่า, ไรอัน ชอว์ครอสส์, บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ - มาเม่ บิราม ดิยุฟ, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, โจ อัลเลน, เซอร์ดาน ชากิรี่, เอริค ปีเตอร์ส - เฆเซ่ โรดริเกวซ, เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

นัตโซ่ กอนซาเลซ ผู้จัดการทีม เรอัล ซาราโกซ่า ยังคงขนแข้งสำรองลงบู๊อีกครั้งในเลกที่สองหลังพ่ายคารังมาก่อน 0-2 ซึ่งเกมนี้จะได้เห็น วินิซิอุส อาเราโฆ กองหน้ากับ ไร นาสชิเมนโต้ แข้งแนวรุกได้รับโอกาสลงสนาม โดยมี ฆาบี รอส และ ฆอร์เก้ ปอมโบ รับหน้าที่เป็นจอมทัพ ส่วนแข้งแกนหลักอย่าง อังเกล, เบร์ดาสโก้, ซาปาเตร์, เฟบาส, บอร์ฆา และ โตเกโร่ ต่างถูกถอดชื่อไม่ได้เดินทางร่วมไปกับทีม

เรอัล ซาราโกซ่า (4-2-3-1) : อัลบาโร่ ราตอน - เดลมาส, ซิโมเน่, วาเลนติน, เบนิโต้ - ฆาบี รอส, ฆอร์เก้ ปอมโบ - ไร นาสชิเมนโต้, บุฟ, โอยาร์ซุน - วินิซิอุส อาเราโฆ

มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์ บาเลนเซีย ยังคงนำทีมทำผลงานได้อย่างร้อนแรงทว่าโคจรมาเล่นในรายการนี้คงได้เห็นแข้งตัวหลักพาเหรดกันพักแข้งและเปิดโอกาสให้แข้งสำรองตบเท้าลงสนาม นำโดย ซานติ มิน่า และ โรเบิร์ต อิบันเญส ลงยืนเป็นคู่หน้า เนื่องจากหัวหอกตัวหลักอย่าง โมเน่ ซาซ่า รวมถึงแข้งขาประจำอย่าง เนโต้, มอนโตย่า, โฆเซ่ กาย่า, ดานี่ ปาเรโฆ ต่างไม่มีชื่อในเกมนี้

บาเลนเซีย (4-4-2) : ฆูเม่ โดเมเน็ค - นาโช่ วิดัล, เปาลิสต้า, รูเบน เบโซ่, โทนี่ ลาโต้ - นาโช่ กิล, เนมันย่า มัคซิโมวิช, การ์ลอส โซเลร์, อันเดรียส เปไรร่า - ซานติ มิน่า, โรเบิร์ต อิบันเญส

ส่วนทีมเยือน เตเนริเฟ่ ของกุนซือ โฆเซ่ มาร์ติ ยังพอมีลุ้นผ่านเข้ารอบต่อไปหลังเลกแรกจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ในบ้านของตัวเอง ส่วนทริปนอกบ้านในนัดนี้โชคไม่ดีนักที่ ซานตาน่า (9 นัด/1 ประตู)กัปตันทีมดันมีปัญหาอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับ มอนตานเญส และ บียาร์ สงแข้งจากแดนกลาง ส่วนแข้งที่คาดว่าจะลงสนามในเกมนี้พวกเขาจะใช้ ฟิลิฟ มัลบาซิช หัวหอกตัวชูโรงที่ซัดไปแล้ว 5 เม็ดในลีกลงยืนตัวเป้าโดยมี ไบรอัน มาร์ติน, กาซาเดซุส และ ฆวน การ์ลอส เป็นตัวสนับสนุน

เตเนริเฟ่ (4-2-3-1) : การ์ลอส - ราอูล กามาร่า, ฆอร์เก้ ซานซ์, อาเบลดานโญ่, อินญากี้ - อกอสต้า, อัลเบร์โต้ - ไบรอัน มาร์ติน, กาซาเดซุส, ฆวน การ์ลอส - ฟิลิฟ มัลบาซิช

กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส เทรนเนอร์ เอสปันญ่อล เตรียมขนแข้งแกนหลักพักในเกมนี้หลายรายเพื่อเปิดโอกาสให้แข้งตัวสำรองลงพิสูจน์ฝีเท้าจึงไม่แปลกที่เกมนี้จะได้เห็นหัวหอกตัวเก๋าอย่าง เซร์กิโอ การ์เซีย ได้โอกาสลงล่าตาข่ายในระบบ 4-2-3-1 โดยมี มาร์ก โรก้า, เอร์นัน เปเรซ และ อัลบาโร่ บาซเกวซ ลงยืนเป็นตัวรุก ส่วนแข้งคีย์แมนทั้ง 4 รายอย่าง บิคตอร์ ซานเชซ , เอร์โมโซ่, ปาโบล ปิยัตติ และ ฆาบี ฟูเอโก้ ต่างถูกหั่นชื่อทิ้งจากเกมนี้เพื่อเติมความสดในเกมลีกสุดสัปดาห์

เอสปันญ่อล (4-2-3-1) : ดีเอโก้ โลเปซ - เซร์กิโอ ซานเชซ, ดาบิด โลเปซ, นัลโด้, ดิดัก บีล่า - ปาปา ดิย็อป, กราเนโร่ - มาร์ก โรก้า, เอร์นัน เปเรซ, อัลบาโร่ บาซเกวซ - เซร์กิโอ การ์เซีย 

ส่วนตัวแทนจาก เซกุนด้า เบ อย่าง พอนเฟร์ราดิน่า ภายใต้การนำของกุนซือ มาโนโล่ ดิอ๊าซ ทำได้ดีไม่น้อยจากเลกแรกหลังชนะ บียาร์เรอัล มาได้ 1-0 ทำให้เกมนี้พวกเขาเตรียมตัวมาเน้นรับเป็นพิเศษพร้อมกับวางแท็คติก 3-3-3-1 พร้อมกับทิ้ง ยูริ หัวหอกตัวเก๋าชาวบราซิเลี่ยนที่ซัดในลีกไป 5 เม็ดคอยยืนค้ำโดยมี ฆอร์เก้ การ์เซีย, ลาโก้ ดิอ๊าซ และ ริออส เรน่า ยืนเป็นตัวสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

พอนเฟร์ราดิน่า (3-3-3-1) : ดินู มอลโดวาน ; ฆอน การ์เซีย, โรมัน, อัลบาโร่ โมเรโน่ ; ซาอู เครสโป, คิดอนช่า, อันดี้, ฆอร์เก้ การ์เซีย, ลาโก้ ดิอ๊าซ, ริออส เรน่า ; ยูริ

ฆาบี กาเยย่า ผู้จัดการทีมชั่วคราว บียาร์เรอัล ในเกมนี้ยังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงหน้าเก่านับ 5 รายก่อนลงสนาม และพร้อมขนแข้งสำรองลงบู๊ในรายการนี้เป็นนัดที่ 2 หลังบุกไปพ่าย พอนเฟร์ราดิน่า ทีมจาก เซกุนด้า เบ 0-1 ในนัดแรก ซึ่งเกมนี้แน่นอนว่าจะได้เห็น นิโกล่า ซานโซเน่ แข้งตัวสำรองได้โอกาสพิสูจน์ฝีเท้าโดยมี เซดริก บากัมบู แข้งแกนหลักลงเป็นคู่หู พร้อมกับใช้ ปาโบล ฟอร์นัลส์ รับหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ในระบบ 4-3-1-2

บียาร์เรอัล (4-3-1-2) : เซร์จิโอ้ อาเซนโฆ่ ; อันโตนิโอ รูกาวิน่า, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; โรดริโก้,ราบ้า, โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ; ปาโบล ฟอร์นัลส์ ; เซดริก บากัมบู, นิโกล่า ซานโซเน่

ส่วนทีมเยือน เกตาเฟ่ ของกุนซือ โฆเซ่ บอร์ดาลาส เตรียมขนแข้งสำรองลงบู๊เช่นกัน ซึ่งเกมนี้จะไม่มีชื่อในทีมแน่ๆก็คือ กาคุ ชิบาซากิ (4 นัด 1 ประตู)กองกลางเลือดซามูไรที่ยังเดี้ยงอยู่ และจะใช้ อัลบาโร่ ฆิเมเนซ คอยขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย และใช้ เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่ และ เฟย์ซัล ฟายร์ ปักหลักโซนแนวรุกร่วมกันพร้อมกับทิ้ง อังเคล โรดริเกซ คอยจบสกอร์

เกตาเฟ่ (4-2-3-1) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ; โมลิเนโร่, โกโลซิโต้, ฆวน กาล่า, บิตอเรียโน่ อันตูเนส ; เมาโร อารัมบาร์รี่, เซร์คิโอ โมร่า,อัลบาโร่ ฆิเมเนซ, เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่, เฟย์ซัล ฟายร์ ; อังเคล โรดริเกซ

โจวานนี่ เดอ เบียซี่ เทรนเนอร์ อลาเบส ยังคงกุมความได้เปรียบจากเลกแรกจากการบุกชนะ 1-0 และเกมนี้จะเป็นคิวของแข้งสำรองลงมาสานต่ออีกครั้งพร้อมกับวาง โบยาน เกร์กิช ลงยืนเป็นหน้าเป้าพร้อมกับพัก กริสเตียน ซานโต๊ส ส่วน นีร์ เอล ฮัดดาดี้ อีกหนึ่งแกนหลักจะถูกวางให้เป็นตัวคีย์แมนในการขึ้นเกมรุกโดยมี อัลบาโร่ เมดราน และ อัลฟองโซ่ เปดราซ่า ยืนเป็นสามประสานในระบบ 4-2-3-1

อลาเบส (4-2-3-1) : ซิเบร่า ; อเล็กซิส รูอาโน่, โรดริโก้ อีลี่, กีเยร์โม่ มาริปาน, รูเบน ดูอาร์เต้ ; ดานี่ ตอร์เรส, โทมัส ปิน่า, มานู การ์เซีย ;อัลฟองโซ่ เปดราซ่า, อัลบาโร่ เมดราน, นีร์ เอล ฮัดดาดี้, โบยาน เกร์กิช

ตัวแทนจาก เซกุนด้า เบ อย่าง ฟอร์เมนเตร่า เริ่มยกระดับฟอร์มขึ้นมาได้บ้างหลังไม่แพ้ใครมา 4 เกมติด(ชนะ2เสมอ2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะได้เห็น ฆวน อันโตนี่ ปักหลักเป็นหน้าเป้าโดยมี โฆเซบา การ์เมน คอยยืนเป็นตัวต่ำพร้อมกับวาง อาเดรียน รีเอร่า และ โอมาร์ อัลบาเรซ คอยขึ้นเกมจากริมเส้นในระบบ 4-2-3-1

ฟอร์เมนเตร่า (4-2-3-1) : มร์กอส กอนเตร่า ; คิงส์ลี่ย์, ซามูเอล, ฆาบี โรซ่า, ไดลอส เทเฆร่า ; เฟร์นานโด ลินัน ; เฟร์นานโด เกส ; โอมาร์ อัลบาเรซ, โฆเซบา การ์เมน, อาเดรียน รีเอร่า ; ฆวน อันโตนี่

โฆเซ่ อังเคล ซิกานด้า กุนซือบิลเบา จะไม่มีชื่อของ อิเกร์ มูเนียอิน (6 นัด 1 ประตู) และ เบนญัติ (6 นัด) ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นที่จะลงสนามเกมนี้แน่นอนว่าจะเป้นชุดสำรองพาเหรดกันออกสตาร์ทโดยมี ซาบิน เมริโน่ กับ อาเกร์ อเก็ทเช่ เพลย์เมกเกอร์วัย 23 กระรัตได้โอกาสลงพิสูจน์ฝีเท้าในระบบ 4-4-2 โดยมี มาร์เกล ซูซาเอต้า และ อินีโก้ กอร์โดบา ขึ้นเกมทางริมเส้น

แอธฯบิลเบา (4-4-2) : เอคตอร์ เอร์เรริน ; โบเวด้า, ชาเบียร์ เอ็ทเชียต้า, อายเมริค ลาปอร์เต้, เอริก ซาโบริต ;อินีโก้ กอร์โดบา, ซาน โฆเซ่, เวสก้า ; มาร์เกล ซูซาเอต้า - อเก็ทเช่, ซาบิน เมริโน่

เยย์ด้า ตัวแทนจากเซกุนด้า เบ แม้จะพ่ายจากเกมแรกแค่ 0-1 แต่เกมนี้คงจำเป็นต้องส่งแข้งสำรองลงบู๊เพราะผลงานในลีกยังไม่สู้ดีนักหลังไม่ชนะใครมา 5 เกมรวด(เสมอ2แพ้3) ซึ่งเกมนี้จะได้เห็นผู้เล่นอย่าง บาลิเอนเต้ (14 นัด) และ มูสตาฟา (15 นัด 2 ประตู)ลงยืนเป็นจอมทัพร่วมกันพร้อมกับวาง โบยาน ราดูโลวิช (7 นัด)ลงเป็นตัวจบสกอร์ 4-2-3-1

เยย์ด้า (4-2-3-1) : ดิเอโก้ ริบาส ; ไอตอร์ นูเนซ, เอเนโก้ ซาตริสเตกี, มาร์ก ตริลญาส, เฟอร์นานโด พูมาร์ ; บาลิเอนเต้, มูสตาฟา ; ฆาบี โลเปซ, อากูโด้, มูซ่า ; โบยาน ราดูโลวิช

เอวเซบิโอ ซากริสตาน ผู้จัดการทีม เรอัล โซเซียดัด อยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดๆหลังไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนให้กังวลใจ ซึ่งเกมนี้แน่นอนว่าจะเห็นแข้งสำรองพาเหรดลงสนามและเตรียมพัก อัดนาน ยานาซาย, มิเกล โอยาซาบัล และ วิลเลี่ยน โฆเซ่ เพื่อเปิดทาง การ์ลอส เวล่า, บาอูติสซ่า และ ฆวนมี่ ลงยืนสามแนวรุก เช่นเดียวกับ อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ และ ชาบี ปรีเอโต้ จะถูกถอดจากผังแดนกลางเช่นกัน

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : โตนโญ่ ; มาร์ติเนซ, ราอูล นาบาส, เอาริตซ์, เดอ ลา เบย่า ; รูเบน ปาร์โด, ซูเบลดิอา, เซร์คิโอ กานาเลส ; การ์ลอส เวล่า, บาอูติสซ่า, ฆวนมี่

ส่วน "ซูปเปอร์เดปอร์" ของกุนซือ คริสโตบัล แทบจะปล่อยเกมนี้ทิ้งค่อนข้างแน่เพราะต้องไปโฟกัสเต็มที่ในลีกเช่นกัน แถมยังจะพัก เซลโซ่ บอร์เกส (12 นัด/3 ประตู) และ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ (11 นัด)ที่ไม่ได้เดินทางไปกับเพื่อนร่วมทีม อีกทั้งยังต้องเช็คความฟิตในรายของ อเลฆานโดร อาร์รีบาส กองหลัง และ ฟลอริน อันโดเน่ กองหน้าก่อนลงสนาม ส่วนแข้งตัวจริงพวกเขาเตรียมวาง ลูกัส เปเรซ ที่ยิงในลีกไปแล้ว 4 เม็ดลงล่าตาข่ายในระบบ 4-2-3-1

ลา กอรุนญ่า (4-2-3-1) : คอสเทล พานติลิมอน - เคราร์ด บาเลนติน, ฟาเบียน ชาร์, โอเน, ซาอูล - เปโดร มอสเกร่า, กีเยร์เม่ - จิล, เอ็มเร่ โคลัค, บอร์ฆา บาเล่ - ลูกัส เปเรซ

ปาโก้ อาเยสตารัน เทรนเนอร์ ลาส พัลมาส ยังคงขนแข้งสำรองพาเหรดกันออกสตาร์ทเกมนี้แน่เพราะภาระกิจที่สำคัญที่สุดของพวกเขาคือการนำทีมรอดพ้นจากโซนตกชั้นให้ได้ แถมเกมแรกยังตุนความได้เปรียบมาแล้วจากการบุกชนะ ลา กอรุนญ่า 4-1 ส่วนตัวผู้เล่นในเกมนี้จะได้เห็น เอร์นัน โตเลโด้ กองหน้าตัวสำรองถูกส่งลงมาขึ้นเกมทางกราบขวาโดยมี บิเซนเต้ และ อุสซาม่า ยืนเป็นสามประสานคอยป้อนให้ โจนาธาน กาเยรี่ ลงจบสกอร์แทนที่ตัวหลักอย่าง โลอิก เรมี ที่จะได้พักในเกมนี้

ลาส พัลมาส (4-2-3-1) : เลอันโดร ชิชิโซล่า - ดาบิด ซิมง, บอร์ฆา เอร์เรร่า, ชีโม่ นาบาร์โร่, อายธามี - เซร์กี ซัมเปร์, เอร์นัน - โตเลโด้, บิเซนเต้, อุสซาม่า - โจนาธาน กาเยรี่