วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนทีมเยือน ยูเนี่ยน ซานตาเฟ่ ฟอร์มกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจหลังหลุดแพ้เพียงเกมเดียวเท่านั้นจาก 5 เกมหลังสุด โดยเกมที่แล้วเพิ่งจะโชว์ทีเด็ดเปิดรังชนะ โกดอย ครูซ 2-0 ส่วนความพร้อมในเกมนี้ยังคงได้เห็น ฟรานโก้ โซลดาโน่(7นัด/4ประตู) และ ลูคัส กัมบ้า(7นัด/3ประตู)เป็นคู่หัวหอกในระบบ 4-4-2

เจ้าบ้าน เบเลซ ซาร์สฟิลด์ แพ้มา 2 เกมรวดโดยเฉพาะเกมล่าสุดบุกไปโดน กิมนาเซีย ลา พลาต้า ถล่มยับ 0-4 ทำให้เกมนี้พวกเขาต้องกลับฝั่งให้ได้อีกครั้งกลับการได้เล่นในบ้าน ส่วนตัวหลักในเกมนี้แน่นอนว่าจะส่ง มักซี่มิเลียโน่ โรเมโร่(7นัด/4ประตู)เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าโดยมีตัวสนับสนุนอย่าง มาธิอัส วาร์กัส(7นัด/1ประตู) และ ซานติอาโก้ กาเซเรส(6นัด)

ส่วนทีมเยือน นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ เริ่มกลับมาเก็บชัยได้อีกครั้งในนัดล่าสุดหลังชนะ ชาคาริตา จูเนียร์ส 2-1 ในเกมล่าสุด ซึ่งถือเป็นชัยชนะนัดแรกหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมติด(เสมอ1แพ้2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้ยังคงไร้เงาหัวหอกตัวเก่งอย่าง เฮคเตอร์ เฟร์โตรี่(7นัด) รวมถึง เอลเลียส(4นัด)และ เดเนี่ยล โอปาโซ่(3นัด)

เจ้าบ้าน ปาโตรนาโต้ เพิ่งจะบุกไปเสมอ อินดิเพนเดนเต้ 1-1 ในเกมล่าสุด ทำให้ตลอด 3 เกมที่ผ่านมาพวกเขาไม่ชนะใครมา 3 นัดรวดแถมแพ้ไปแล้ว 2 นัด แถมเกมนี้ยังจะไม่มีแข้งแกนหลักถึง 3 รายที่ยังบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็น โรดริโก้ อัคเซโร่(6นัด)แนวรับ, บราส กาเซเรส(7นัด)กองกลาง และ มาธิอัส กัวโรก้า(6นัด)กองหน้า แถม บรูโน่ ดันเต้(-)กับ มาร์กอส มิเน็ตติ(-)ที่เดี้ยงอยู่ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถสลัดเดี้ยงได้ในยามนี้

ส่วนทีมเยือน ติเกร ผลงานแทยไม่ต่างจากเจ้าถิ่นหลังไม่ชนะใครมา 5 เกมรวด(เสมอ3แพ้2) ส่วนความพร้อมก่อนเกมกุนซือ คารูโซ่ ลอมบาร์ดี้ ดูมีปัญหาให้หนักใจกว่าเพราะจะไร้เงาแข้งขาประจำที่ลงสนามไปถึง 6 ราย ไม่ว่าจะเป็น 2 แนวรับอย่าง คาร์ลอส เบรนจิโอ้(2นัด/1ประตู),เอสเตบาน กริมบูซซี่(3นัด) รวมถึงแข้งแดนกลางอย่าง มาร์ติน กัลมารินี่(3นัด),ฮาเวีย(3นัด)เอสเซเกล โรดริเกวซ(3นัด)และ โรดริโก้ เดเปตริส(4นัด)

ฮัมเบร์โต้ กรอนโดน่า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ซารานดี้ จำเป็นต้องหาทางพาทีมกลับเข้าฝั่งหลังพ่ายติดต่อกันมา 2 เกมรวด แถมสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขายังคงไร้เงา มาร์กอส คูราโด้(4นัด)แนวรับและ มักซี่มิเลียโน่ กัลซาด้า(5นัด)กองกลาง ทำให้ตัวชูโรงจะตกไปอยู่ที่ มอสกีโต้(3นัด/1ประตู) กองหน้าเลือดบราซิลไปโดยปริยาย

ส่วนทีมเยือน เรอัล ซาราโกซ่า ของกุนซือ นัทโซ่ กอนซาเลซ อยู่ในช่วงย่ำแย่ไม่ต่างกันแถมมีทีท่าว่าจะอาการหนักกว่าหลังไม่ชนะใครมา 4 เกมรวดเข้าไปแล้ว(เสมอ3แพ้1) ซึ่งในเกมนี้พวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนเข้ามา และยังคงยึดแกนหลักหน้าเดิมลงบู๊เสียส่วนใหญ่โดยเฉพาะทีเด็ดแนวรุกที่จะใช้ เกรซก้า โทเกวโร่(12นัด/3ประตู)กองหน้าเลือดบาสก์และ บอร์ฆ่า เกวซเซียส(12นัด/7ประตู)เป็นตัวความหวัง

รูบี้ เทรนเนอร์ประจำทีมของ อูเอสก้า จำเป็นต้องแก้ปัญหาปืนฝืดหลังหลุดเสมอไปถึง 3 จาก 5 นัดหลัง อย่างไรก็ดีเกมนี้พวกเขาได้โอกาสกลับมาเฝ้าถิ่นอีกครั้งแถมยังมีลุ้นเช็คฟิต อกุยเลร่า(9นัด/1ประตู)แดนกลาง และแนวรับอย่าง เบย์ซานซิก(6นัด)กลับมามีชื่อบนสนามอีกครั้ง ส่วนทีเด็ดแดนหน้าแน่นอนว่าจะส่ง อเล็กซ์ กัลลาร์(11นัด/1ประตู)กองหน้าชาวสเปนและ ฮวน เฮร์นานเดซ(12นัด/5ประตู)กองหน้าโคลัมเบียเป็นตัวจบสกอร์

ส่วนทีมเยือน วีบรอก ของกุนซือ สเตฟเฟ่น โฮเจอร์ อยู่ในช่วงฟอร์มฝืดไม่น้อยหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมติด ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกยังจะไร้เงาตัวเจ็บหน้าเดิมอย่าง โซเรน เฟร็ดเดริคเซ่น(1นัด)แนวรับ, โอลิเวอร์ ไตโชเซ่น(2นัด)กองกลาง และสองหัวหอกอย่าง พัก ช็อง-บิน(-)ดาวรุ่งเลือดโสมขาวและ มิเกล เวสเตอร์การ์ด(1นัด)ที่ยังไม่พร้อมลงสนาม ทำให้ตัวทีเด็ดในเกมนี้จะต้องฝากความหวังไว้ที่ ปีร์แอร์ ลาร์เซ่น(12นัด/6ประตู),อันเดรียส อัลเบอร์ส(13นัด/7ประตู)และ มอร์เท่น เบ็ค(15นัด/5ประตู)ตามคาด

เจสเปอร์ โซเรนเซ่น เทรนเนอร์ประจำทีมจำเป็นต้องยกระดับฟอร์มการเล่นของทีมขึ้นมาอีกครั้งหลังหลุดแพ้ เวเจิล 0-1 คาบ้าน ทำให้สถิติการเล่น 5 นัดหลังพวกเขาชนะเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น(ชนะ1เสมอ2แพ้2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้มีแนวโน้มว่าเจ้าถิ่นจะไม่เปลี่ยนนักเตะจากเกมที่แล้วมากนักและจะได้เห็น อันเดอร์ส โฮลเวด(14นัด/4ประตู),เบรนท์ แม็คกรัธ(11นัด/2ประตู)และ เดนนิส ฮอยก์(13นัด/1ประตู)คอยจบสกอร์ร่วมกัน

ส่วนทีมโซนท้ายตารางของ ปาโก้ อาเยสเตราน ยังคงย่ำแย่ต่อเนื่องแถมฟอร์มโดยรวมของทีมยังแพ้ต่อเนื่องมา 6 เกมติด ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขามีตัวเจ็บเพิ่มเติมก็คือ โฆนาธาน บิเอร่า (10 นัด 1 ประตู)กองกลางตัวหลัก แถมแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง อเลน ฮาลิโฮวิช (3 นัด)และ อุสมาน ทานนาเน่ (6 นัด)ยังคงเดี้ยงอยู่ ส่วนทีเด็ดในแนวรุกยังคงต้องลุ้นให้ บิคตอร์ บีโตโล่, โฆนาธาน กาเยรี่ และ โลอิก เรมี่ ระเบิดฟอร์มให้ได้โดยเร็วที่สุด

ลาส พัลมาส (4-3-3) : เลอันโดร ชิชิโซล่า ; มิเชล มาเกโด้, เมาริซิโอ เลมอส, เปโดร บีกาส, ดานี่ กาสเตยาโน่ ; ทาน่า, เซร์กี ซามเปร์, บิเซนเต้ โกเมซ ; บิคตอร์ บีโตโล่, โฆนาธาน กาเยรี่, โลอิก เรมี่

ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่ประจำทีมมีการบ้านให้ต้องแก้ไขอีกเยอะหลังหลุดฟอร์มเก่งไปพอสมควรจากการแพ้มา 2 เกมติดรวมทุกรายการ แถมความพร้อมในเกมนี้ดูจะมีปัญหาเมื่อ ราฟาแอล วาราน ยังต้องลุ้นเช็คความฟิตก่อนลงสนาม แถม ดาเนี่ยล การ์บาฆัล (6 นัด), มาเตโอ โควาซิช (2 นัด) และ แกเร็ธ เบล (5 นัด 2 ประตู)ยังไม่มีกำหนดคัมแบ็คในเร็วๆนี้ ทำให้เวลานี้ต้องหวังลุ้นให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ คาริม เบนเซม่า ยกระดับการเล่นขึ้นมาให้ได้เท่านั้น

เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : กิโก้ กาซีย่า ; อาชราฟ อาคิมี่, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ ; โทนี่ โครส, กาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช ; อิสโก้ ; คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า

ส่วนทีมเยือน มาลาก้า เพิ่งหาชัยชนะเจอได้อีกครั้งในเกมเฉือน เซลต้า 2-1 หลังจากพวกเขาพ่ายติดต่อกันถึง 8 จาก 10 เกมแรกเลยทีเดียว ส่วนความพร้อมในเกมนี้แน่นอนว่ายังจะขาด ดีเอโก้ โรลัน กองกลางตัวหลักที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า จึงต้องส่ง เกโก้ ลงขึ้นเกมแทนทางฝั่งขวาต่อไป โดยมี อาดัลลเบร์โต้ เปนารันด้า ลงล่าตาข่ายเป็นตัวจริงต่อเนื่อง

มาลาก้า (4-2-3-1) : โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ ; โรเบร์โต้ โรซาเลส, ลุยส์ เอร์นานเดซ, ปอล บายาสเซ่, ฆวน เปเรซ ; อาเดรียน กอนซาเลซ, เรซีโอ้ ; เกโก้, ฆวนปี้, กอนซาโล่ กาสโตร ; อาดัลลเบร์โต้ เปนารันด้า

ฆาบี กาเยย่า เทรนเนอร์จำเป็นมีปัญหาการจัดทัพค่อนข้างเยอะ หลังมีตัวเจ็บค้างสต็อคถึง 5 รายแถมยัจะเสีย มานู ตริกูเอรอส และ อัลบาโร่ กอนซาเลซ ที่ถูกคาดโทษด้วยกันทั้งคู่ทำให้ต้งต้อง โรมาริโอ กูเอร์ร่า กับ ดานิเอเล่ โบเนร่า ลงมาอุดช่องโวแผงแดนกลางและกองหลังตามระเบียบ

บียาร์เรอัล (4-3-1-2) : มาเรียโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, ดานิเอเล่ โบเนร่า, บิคตอร์ รุยซ์, อาเดรียน มาริน ; โรมาริโอ กูเอร์ร่า, โรดรี,ปาโบล ฟอร์นัลส์ ; โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ นายใหญ่ เออิบาร์ จะไม่มี ดานี่ การ์เซีย กองกลางตัวหลักที่สะสมใบเหลืองครบโควต้า เช่นเดียวกับ กอนซาโล่ เอสกาลันเต้ แดนกลางที่เดี้ยงเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้เป็นโอกาสจะตกเป็นของของ คริสเตียน ริเบร่า ที่จะจับคู่แดนกลางกับ โฆอัน ฆอร์แดน โดยมี เซร์จี้ เอ็นริช ล่าตาข่ายกับ ชาร์เลส ในตำแหน่งคู่หน้า

เออิบาร์ (5-3-2) : มาร์โก ดมิโตรวิช ; อันเดร์ กาป้า, อานาอิตซ์ อาร์บิญ่า เปาโล โอลิเวียร่า, ดาบิด ลอมบาน, ดาบิด ฆวนก้า ; โฆอัน ฆอร์แดน, คริสเตียน ริเบร่า, ทาคาชิ อินูอิ ; เซร์จี้ เอ็นริช, ชาร์เลส

เอวเซบิโอ ซากริสตาน กุนซือ เรอัล โซเซียดัด เตรียมกลับมาใช้ อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ กองกลางตัวหลักได้อีกครั้งหลังพ้นโทษแบนกลับมาและจะลงประสานงานกับ ชาบี ปรีเอโต้ และ ดาบิด ซูรูตูซ่า ที่ฟิตสมบูรณ์พร้อมเช่นกัน นอกจากนี้ยังจะวาง มิเกล โอยาซาบัล, วิลเลี่ยน โฆเซ่ กับ คาร์ลอส เวล่า ร่วมกันล่าตาข่ายในแดนหน้าทำให้ อั๊ดนาน ยานาไซจ์ ต้องหลุดไปเป็นสำรองอีกครั้ง

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เคโรนีโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, ดีเอโก้ ยอร์เรนเต้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เกบิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; มิเกล โอยาซาบัล, วิลเลี่ยน โฆเซ่, คาร์ลอส เวล่า

ทีมเยือน แอธฯบิลเบา สะกดชัยเจอเพียงครั้งเดียวในรอบ 7 เกมหลังสุดในลีก และล่าสุดเพิ่งพ่ายคารังต่อบาร์ซ่า 0-2 ส่วนความพร้อมในเกมนี้ มีตัวเจ็บเพิ่มเติมเข้ามาก็คือ เบนญัติ กองกลางตัวคีย์แมนเช่นเดียวกับ อิเกร์ มูเนียอิน ตัวรุกคนสำคัยที่ยังเดี้ยงต่อเนื่อง ส่วนแกนหลักอย่าง อาริตซ์ อาดูริตซ์, อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ และ อายเมริก ลาปอร์ต้า ต่างมีชื่อลงสนามกันทั้งหมด

แอธฯบิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; เอเนโก้ โบเบด้า, อายเมริค ลาปอร์เต้, อูไน นูนเญซ, มิเกล บาเลนเซียก้า ; มิเกล ซาน โฆเซ่, มิเกล เบสก้า ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อินญิโก้ กอร์โดบา ; อาริตซ์ อาดูริตซ์

เจ้าบ้าน เซลต้า บีโก้ อาการกำลังแย่หลังแพ้มา 2 นัดติดจากการเล่นในลีก ซึ่งเกมนี้พวกเขายังต้องลุ้นเช็คฟิต ยาโก้ อัสปาส แนวรุกตัวเก่งคาดว่าน่ายังเข็นลงได้และยังลงผนึกกำลังกับ มอย โกเมซ, ดาเนี่ยล วาสส์, มักซี่ โกเมซ และ ปิโอเน่ ซิสโต้ ได้ตามคาด ส่วน เอ็มเร่ มอร์ กองหน้าดาวรุ่ง, จอห์น กีเด็ตติ หัวหอกสวีดิช และ อันดรูว์ ยูลซัลเกอร์ ก็พร้อมเป็นตัวสอดแทรกบนม้านั่งสำรองตามเดิม

เซลต้า บีโก้ (4-3-3) : รูเบน บลังโก้ ; อูโก้ มาโย่, กุสบาโบ กาบราล, เซร์จี้ โกเมซ, จอนนี่ อ๊อตโต้ ; ดาเนี่ยล วาส, สตานิสลาฟ ลาบ็อตก้า, โฆซาเบด เอร์นานเดซ ; ยาโก้ อัสปาส, มักซี่ โกเมซ, ปิโอเน่ ซิสโต้

ทีมเยือน กิโรน่า เพิ่งสร้างผลงานสุดเหลือเชื่อโดยการชนะ เรอัล มาดริด แบบสุดเซอร์ไพรส์ 2-1 จึงไม่มีความจำเป็นเลยที่ผู้มาเยือนจะต้องปรับทัพจากเกมที่แล้วและยังคงใช้งาน คริสเตียน สตูอานี่ กองหน้าชาวอุรุกวัยประสานงานกับ กริสเตียน ปอร์ตู และ บอร์ฆา การ์เซีย ในระบบ 4-3-3 ขณะที่ตัวเจ็บจะไร้เงา เปโดร อัลกาล่า (5 นัด 1 ประตู) แนวรับเพียงรายเดียวเท่านั้น

กิโรน่า (3-4-3) : โบโน่ ; ฆวนเป้, โจนาส รามัลโญ่, เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, มาร์ก มูนีซ่า ; ปาโบล มาฟเฟโอ, เปเร่ ปอนส์, อเล็กซ์ การ์เนลล์, อาดาย เบนิเตซ ; กริสเตียน ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, บอร์ฆา การ์เซีย

ฆวน รามอน มูนญิซ เทรนเนอร์ เลบานเต้ มีข่าวดีคือจะได้ตัว เฆซอน มูริโญ่ กองหน้าตัวหลักของทีมสลัดเดี้ยงกลับมาอีกครั้งแต่ทว่าคงต้องหลีกทาง อีบี โลเปซ และ โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส ที่ยังประสานงานกันได้ดี นอกจากนี้แข้งตัวเจ็บหน้าเดิมอย่าง อีบัน โลเปซ กับ นาโน่ เมซ่า กองหน้าตัวเป้าที่ต้องพักยาว 8 สัปดาห์ ยังคงถูกแทนตำแหน่งโดย อเล็กซ์ อาเลเกรีย เป็นตัวชูโรงในการจบสกอร์

เลบานเต้ (4-2-3-1) : ราอูล เฟร์นานเดซ ; เปโดร โลเปซ, เซร์คิโอ ปอสตีโก้, เชม่า โรดริเกซ, อันโตนิโอ ลูน่า ; เจฟเฟอร์ซอน เลร์มา, โฆเซ่ กัมปานญ่า ; อีบี โลเปซ, เอนิส บาร์ดี, โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส ; อเล็กซ์ อาเลเกรีย

ลุยจิ เดลเนรี่ เทรนเนอร์ อูดิเนเซ่ จะไร้เงา วาลอน เบห์รามี และ เอมิล ฮัลเฟร็ดสัน สองแดนกลางที่กอดคอกันเดี้ยงอยู่ในเวลานี้ ส่วนแท็คติกก่อนลงสนามจะได้เห็นการปรับทัพในแดนหน้าโดยใช้ โรดริโก้ เด ปอล, มักซี่ โลเปซ และ เควิน ลาซานญ่า เป็นสามประสานแนวรุก โดยใช้ ยาคุบ ยังค์โต้ ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งผนึกกำลังกับ อันโตนิน บารัค และ เซโก้ โฟฟาน่า

อูดิเนเซ่ (4-3-3) : อัลแบร์โน่ บิซซาร์รี่ - เยนส์ ลาร์เซ่น, ดานิโล่, บรัม นุยติ้งค์, ซาเมีย์ - ยาคุบ ยังค์โต้, อันโตนิน บารัค, เซโก้ โฟฟาน่า -โรดริโก้ เด ปอล, มักซี่ โลเปซ, เควิน ลาซานญ่า

ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือประจำทีมเตรียมนำลูกทีมกลับมาบู๊ในเกมลีกอีกครั้งหลังเพิ่งบดกับ นีซ ใน ยูโรป้า ลีก มาหมาดๆ ส่วนความพร้อมในเกมนี้แน่นอนว่ายังคงหมดสิทธิ์ เฟลิเป้ อันแดร์สัน กองกลางและ ดูซาน บาสต้า กับ วัลเลซ สองแนวรับ ขณะที่ตัวชูโรงในเกมนี้อย่าง ชิโร่ อิมโมบิเล่ ยังคงถูกวางเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยมี มิลินโกวิช ซาวิช และ หลุยส์ อัลแบร์โต้ เพลย์เมกเกอร์เลือดสเปนเป้นตัวขับเคลื่อนเกมรุก

ลาซิโอ (3-4-2-1) : โธมัส สตราโคช่า - บาสโต๊ส, สเตฟาน เด ฟราย, สเตฟาน ราดู - อดัม มารูซิค, มาร์โก ปาโรโล่, ลูคัส เลว่า,เซนาด ลูลิค , มิลินโกวิช ซาวิช, หลุยส์ อัลแบร์โต้ - ชิโร่ อิมโมบิเล่

กุนซือ เลโอนาร์โด้ เซมปลิชี่ มีปัญหาให้กังวลใจอยู่ไม่น้อยเมื่อ ปาสกวาเล่ สเคียตตาเรลล่า แดนกลางตัวหลักดันถูกไล่ออกจากเกมที่แล้วทำให้ในเกมนี้จะได้เห็น เอรอส ชาวอน ลงเสียบตำแหน่งตามคาดพร้อมกับลงประสานงานร่วมกับ เฟเดริโก้ วิเวียนี่ และ ลูก้า โมร่า ส่วนแข้งตัวเจ็บแน่นอนว่ายังคงไร้ชื่อผู้รักษาประตูอย่าง อเล็กซ์ เมเร็ต (-) และ อัลแบร์โต้ กราสซี่ (2 นัด)กองกลางที่เดี้ยงตั้งแต่ต้นซีซั่น

สปอล (3-5-2) : อัลเฟร็ด โกมิส - บาร์ทอสซ์ ซาลาม่อน, ฟรานเชสโก้ วิคารี่, เฟลิเป้ - มานูเอล ลาซซารี่, เอรอส ชาวอน, เฟเดริโก้ วิเวียนี่, ลูก้า โมร่า, ฟิลิปโป้ คอสต้า - มาร์โก บอร์ริเอลโล่, เมียร์โก้ อันเตนุชชี่

จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ เทรนเนอร์ประจำทีมจะขาดเพียงแค่ อเลฆานโดร โกเมซ ที่ต้องเช็คความฟิตหนักก่อนลงสนามอย่างไรก็ดี โยซิป อิลิซิช ยังพร้อมลงเสียบตำแหน่งพร้อมกับประสานงานร่วมกับ ยาสมิน เคอร์ติซ ในโซนแนวรุกโดยมี อันเดรีย เพตาญ่า เป็นศูนย์หน้าตัวเป้าในระบบ 3-4-2-1

อตาลันต้า (3-4-2-1) : เอทริต เบริช่า - อันเดรีย มาซิเอลโล่, มัตเตีย คัลดาร่า, โฮเซ่ ปาโลมิโน่ - ฮันส์ ฮาเตบัวร์, เรโม ฟรูแลร์, ไบรอัน คริสเตียนเต้, เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า - ยาสมิน เคอร์ติซ, โยซิป อิลิซิช - อันเดรีย เพตาญ่า

ส่วนทีมเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด จะมีปัญหาในการจัดทัพเล็กน้อยเมื่อ บอร์ทวิค-แจ็คสัน เเบ็คตัวยืมจาก เเมนยู ไนเต็ด มีปัญหาบาดเจ็บก่อนลงสนามและจะได้เห็น เกย์ตาโน่ แบร่าดี้ (7 นัด) แบ็คขวาตัวหลักชาวสวิสฯได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้งโดยมี เคมาร์ รูฟ (11 นัด 3 ประตู) และ ซามูเอล ซาอิซ (12 นัด 4 ประตู) คอยผนึกกำลังร่วมกับ คาลวิน ฟิลลิปส์ (13 นัด 4 ประตู)ในการปั้นเกมโดยมี ปิแอร์ ลาซ็อกก้า (9 นัด 5 ประตู)คอยค้ำในแดนหน้า

ดีน สมิทธิ์ เทรนเนอร์ประจำทีมจะหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะอย่าง นิโก้ แยนนาริส (14 นัด/4 ประตู) ที่ดูยังไม่ฟิตสมบูรณ์ในยามนี้และจะเป็น โรมัน ซอว์เยอร์ (13 นัด/2 ประตู)ที่จะลงมาเสียบตำแหน่งกลางจอมทัพแทน โดยมีตัวรุกอย่าง ลาส ไวบ์, ฟลอเรี่ยน โจเซฟูน และ นิล มัลปาย ที่ซัดไปแล้ว 4 เม็ดจาก 15 เกมคอยไล่ล่าตาข่ายร่วมกัน

ส่วนทีมเยือน คาร์ดิฟฟ์ ของกุนซือ นีล วอร์น็อค กุนซือจะยังคงไม่มีชื่อของ โจ เบนเน็ต แนวรับเลือดผู้ดีที่ยังบาดเจ็บอยู่ ทว่าข่าวดียังพอมีอยู่บ้างเมื่อ เคนเนธ โซโฮเร่ (12 นัด/3 ประตู) กองหน้าโคนมและ อารอน กุนนาร์สสัน (10 นัด) มิดฟิลด์ไอซ์แลนด์จะผ่านความฟิตกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งโดยมี เมนเดซ แลง (15 นัด/4 ประตู), โจ รอลส์ (14 นัด/3 ประตู) และ ดาวิด ฮอยต์เล็ต (15 นัด/4 ประตู)เป็นตัวชูโรงในการปั้นเกมรุกเพื่อจบสกอร์ให้แก่ทีม

ลี จอห์นสัน ผู้จัดการทีมมีข่าวร้ายให้ต้องกังวลใจเมื่อ เอรอส ปิซาโน่ กับ นาธาน เบเกอร์ 2 แนวรับขาประจำดันมีอาการบาดเจ็บรบกวนจากนัดล่าสุดยังต้องลุ้นเช็คฟิตว่าจะพร้อมทันเกมนี้หรือไม่ ซึ่งสวนทางกับ เคลาลี่ย์ วู้ดโรว์ (6 นัด/1 ประตู) ศูนย์หน้าชาวอังกฤษที่จะฟิตสมบูรณ์พร้อมเป็นตัวเลือกอีกครั้ง แต่ทว่าคงต้องหลีกทางให้ บ๊อบบี้ รี้ด เจ้าของดาวซัลโวที่ผลิตสกอร์ไปแล้ว 9 ประตูในฤดูกาลนี้ลงล่าตาข่ายต่อไปโดยมี เจมี่ เพเตอร์สัน (14 นัด/2 ประตู) กับ คัลลั่ม โอ'โดด้า (14 นัด) คอยขึ้นเกมจากริมเส้น

เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ ผู้จัดการทีมพยายามเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้หลังชนะมา 3 เกมรวด ทว่าทรงการเล่นยังคงขาดๆเกินๆและไม่น่าประทับใจมากนัก ส่วนความพร้อมในเกมนี้แน่นอนว่าจะไม่มีชื่อของ ฆัวกิน กอรร์เรอา (6 นัด)แนวรุกตัวหลักซึ่งเดี้ยงมาจากเกมยุโรปและจะได้เห็น โนลิโต้ ลงเล่นแทนโดยมี เฆซุส นาบาส กับ หลุยส์ มูเรียล ประสานงานร่วมกัน ขณะที่แดนกลางสามตัวพวกเขาได้วาง เอแวร์ บาเนก้า, สเตเว่น เอ็นซ็องซี่ และ ฟรานโก้ บาซเกซ ลงคุมจังหวะเกมเหมือนเดิม

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, ไซม่อน ชาร์, แกลร์กมงต์ ล็องเล่ต์, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ ; เอแวร์ บาเนก้า, สเตเว่น เอ็นซ็องซี่, ฟรานโก้ บาซเกซ : เฆซุส นาบาส, หลุยส์ มูเรียล, โนลิโต้

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ประจำทีมยังเอาตัวรอดจากสถานณ์แข้งเดี้ยงได้ดีพอสมควรหลังเก้บชัยไปถึง 9 จาก 10 นัดในลีก แม้จะยังไร้เงา อุสมาน เดมเบเล่(2นัด) ปีกวัย 20 ที่มีกำหนดคัมแบ็กในช่วงต้นปีหน้าเลยทีเดียว มิหนำซ้ำพวกเขายังคงไม่มี ราฟินญ่า (-), อันเดร โกเมซ (5 นัด), เซร์จี้ โรเบร์โต้ (9 นัด 1 ประตู) และ อันเดรียส อีเนียสต้า (8 นัด 1 ประตู)เพลย์เมกเกอร์ตัวเก๋าที่ยังมีสภาพไม่สมบูรณ์ ทำให้ เนลซอน เซเมโด้, เปาลินโญ่ และ เคราร์ด เดโลเฟว เตรียมลงมาทดแทนตำแหน่งโดยมีสองหัวหอกตัวเก่งอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ผนึกกำลังร่วมกัน

บาร์เซโลน่า (4-4-2) : มาร์ค อังเดร แทร์ ชเตเก้น ; เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; เคราร์ด เดโลเฟว, อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า ; หลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี่

กุนซือ กีเก้ ฟลอเรส ซานเชซ มีนักเตะเจ็บรายเดียวก็คือ มาร์ก นาบาร์โร่ แบ็คขวาดาวรุ่ง รวมไปถึงแนวรับอีกรายอย่าง การ์ลอส บิการาย ที่ติดโทษแบนในเกมนี้ ส่วนที่เหลือพร้อมลงประจำตำแหน่งพร้อมกับวางโฆเซ่ ฆูราโด้, ปาโบล ปิอัตติ และ เลโอ บาปติสเตา เป็นสามประสานในแดนกลางโดยมี เคราร์ด โมเรโน่ ล่าตาข่าย

เอสปันญ่อล (4-2-3-1) : เปา โลเปซ ; บิคตอร์ ซานเชซ, ดาบิด โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, อารอน มาร์ติน ; เซร์จี้ ดาเดร์, ฆาบี ฟูเอโก้ ; เลโอ บาปติสเตา, โฆเซ่ มานูเอล ฆูราโด้, ปาโบล ปิอัตติ ; เคราร์ด โมเรโน่

หลุยส์ ซูเบลเดีย เทรนเนอร์ อลาเบส จะไม่มี มาร์ก นาบาร์โร่ (3 นัด) แนวรับที่ยังบาดเจ็บและ การ์ลอส บิการาย ที่ติดโทษแบนจากเกมลาสุดทำให้ อิไบ โกเมซ จะออกสตาร์ทตรงวิงแบ็คขวาแทนเช่นเดียวกับ อัลฟอนโซ่ เปดราซ่า ยังต้องลุ้นว่าจะฟิตทันเกมนี้หรือไม่ ส่วนแดนหน้าพวกเขาจะวาง มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้ เป็นทีเด็ดตามคาด

อลาเบส (3-5-1-1) : เฟร์นานโด ปาเชโก้ ; อเล็กซิส รูอาโน่, โรดริโก้ อีลี่, กีเยร์โม่ มาริปาน ; อิไบ โกเมซ, มูบารัก วากาโซ่, โทมัส ปิน่า, มานู การ์เซีย, อัลฟอนโซ่ เปดราซ่า ; อัลบาโร่ เมดราน ; มูนีร์ เอล ฮัดดาดี้

ยังอยู่ในช่วงมรสุมต่อไปสำหรับ "ตราหมี" ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ขณะนี้ฟอร์มดิ่งสุดๆจากการซิวชัยได้นัดเดียวจาก 8 เกมหลังเท่านั้น แถมสถานการณ์ใน ชปล. ยังส่อแววตกรอบตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มอีกต่างหาก ส่วนความพร้อมในเกมนี้คาดว่าจะได้เห็น ลูกัส เอร์นานเดซ ลงปักหลักแบ็คซ้ายแทน เฟลิเป้ ลุยส์ ที่เจ็บมาจากเกมยุโรป เช่นเดียวกับ โกเก้ กับ ยานนิค การ์ราสโก้ สองแดนกลางตัวหลักจะเรียกความฟิตทันเกมนี้หรือไม่

แอตฯมาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค ; ฆวนฟราน, ดีเอโก้ โกดิน, สเตฟาน ซาวิช, ฟิลิเป้ หลุยส์ ; อังเคล กอร์เรอา, โธมัส ปาร์เตย์, กาบี, ซาอูล ญีเกซ ; เกอแว็ง กาไมโร่, อองตวน กรีซมันน์

กาอิซก้า การิตาโน่ ผู้จัดการทีมยังคงไม่สามารถเรียกใช้งาน รูเบน มาร์ติเนซ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่ยังบาดเจ็บอยู่ ณ ขณะนี้และยังคงได้เห็น คอสเทล พันติลิม่อน ลงทำหน้าที่ต่อไปเช่นเดียวกับ การ์เลส กิล และ อาเดรียน โลเปซ ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวน ส่วนแข้งตัวหลักรายอื่นๆยังคงตบเท้ามีชื่อในเกมนี้โดยเฉพาะ ลูกัส เปเรซ น่าจะถูกวางเป็นหอกตัวเป้าทำให้ ฟลอริน อันโดเน่ ต้องหลุดสำรองไปโดยปริยาย

ลา กอรุนญ่า (4-2-3-1) : คอสเทล พันติลิม่อน ; ฆวนฟราน, ซิดเน่, ฟาเบียน ชาร์, ลูซินโญ่ ; กีเยร์เม่ ซานโต๊ส, เซลโซ่ บอร์เกส ; เฟเด การ์ตาเบีย, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, ซากาเรีย บักกาลี่ ; ลูกัส เปเรซ

อาเซียร์ การีตาโน่ กุนซือ เลกาเนส จะหมดสิทธิ์ใช้งาน รูเบน เปเรซ กองกลางที่ถูกคาดโทษในเกมนี้ทำให้ ดาร์โก้ บราซานัช จะถูกส่งลงสนามเสียบตำแหน่งไม่มีปัญหา ขณะที่แกนหลักรายอื่นๆต่างตบเท้ามีชื่อเป็นจริงกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เคลาดิโอ บัววิว, นอร์ดิน อัมราบัต และ กาเบรียล ปีเรส ที่เตรียมพร้อมปั้นเกมรุกกันครบเซ็ต

เลกาเนส (4-3-3) : อีวาน กูเอร์ย่า ; โฆเซบา ซัลดูอา, ดิมิตริออส ซิโอวาส, เมาโร ดอส ซานโต๊ส, ราอูล การ์เซีย ; เอราโซ่, ดาร์โก้ บราซานัช, กาเบรียล ปีเรส ; นอร์ดิน อัมรบัต, เคลาดิโอ บัววิว, อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้

มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์ บาเลนเซีย จะได้ ดานี่ ปาเรโฆ่ กองกลางตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมาลงช่วยทีมอีกครั้งแทนที่ของ อันเดรียส เปไรร่า ที่น่าจะหลุดตำแหน่งพร้อมกับขยับ การ์ลอส โซเลร์ ดาวรุ่งประจำทีมมาแทนที่ ส่วนตัวเจ็บแน่นอนว่ายังไม่มี ฆาบี กิมิเนซ (-) แนวรับประจำทีมและยังคงเห็น กาเบรียล เปาลิสต้ ปักหลักกับ เอเซเกล การาย ต่อไปในแผงเซ็นเตอร์

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, เอเซเกล การาย, โฆเซ่ กาย่า ; การ์ลอส โซเลร์, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, กอนกาโล่ กูเอเดส ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซิโมเน่ ซาซ่า

ทีมเยือน วาร์ดาร์ ของกุนซือ เซโดเมียร์ ยาเนฟสกี้ มาในเกมนี้ด้วยสภาพค่อนข้างฟูลทีมและจะได้เห็น โอลิเวียร่า ดอส ซานโต๊ส ถูกวางเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยมี เดยาน บลาเซฟสกี้, ดาร์โก้ เวลโคสกี้ และ ฮวน เฟลิเป้ อัลเวส เป็นสามประสานในแนวรุกพร้อมกับวาง จัมบูล จิกาอูรี่ กับ นิโคล่า กลิกอรอฟ เป็นคู่จอมทัพหน้าแผงแนวรับร่วมกัน

วาร์ดาร์ (4-2-3-1) : ฟิลิป กาเชฟสกี้ - เยฟเกนี่ โนวัค, วิซาร์ มูสลิอู, โบบัน เกิร์นชารอฟ, ฮอฟฮานเนส ฮัมบาร์ดซุมยาน - จัมบูล จิกาอูรี่, นิโคล่า กลิกอรอฟ - เดยาน บลาเซฟสกี้, ดาร์โก้ เวลโคสกี้, ฮวน เฟลิเป้ อัลเวส - โอลิเวียร่า ดอส ซานโต๊ส

ยูเซบิโอ ซากริสตัน ผู้จัดการทีม เรอัล โซเซียดัด เตรียมได้สองตัวเก่งอย่าง อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ กับ ดาบิด ซูรูตูซ่า กลับเข้าสู่ทีมอีกครั้งพร้อมกับลงประสานงานกับ มิเกล โอยาร์ซาบัล, วิลเลี่ยน โชเซ่ และ ฆวนมี่ ในโซนแนวรุก อย่างไรก็ดีพวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน คาร์ลอส เวล่า กับ รูเบ็น ปาร์โด อีกสองกำลังหลักที่น่าจะถูกพักเพื่อเก็บไว้ใช้งานในเกมลีก

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ - อันโดนี่ โกโรซาเบล, อาริตซ์ อีลูสตอนโด้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เด ลา เบญ่า - ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, กานาเลส - มิเกล โอยาร์ซาบัล, วิลเลี่ยน โชเซ่, ฆวนมี่

จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ เฮดโค้ช อตาลันต้า เพิ่งพาทีมหลุดฟอร์มพ่าย อูดิเนเซ่ 1-2 ก็จริง แต่ฟอร์มในรายการนี้ยังจัดว่าไว้ใจได้หลังเก็บไปแล้ว 7 จาก 9 แต้มเต็มตลอด 3 เกมที่ผ่านมา ส่วนความพร้อมในเกมนี้ไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนเข้ามาและจะได้เห็น อเลฆานโดร โกเมซ กัปตันทีมลงเป็นแกนหลักโดยมี อันเดรียส คอร์เนลิอุส เป็นกองหน้าในเกมนี้

อตาลันต้า (3-4-2-1) : เอทริต เบริช่า - อันเดรีย มาซิเอลโล่, มัตเตีย คัลดาร่า, โฮเซ่ ปาโลมิโน่ - ฮันส์ ฮาเตบัวร์, เรโม ฟรูแลร์, ไบรอัน คริสเตียนเต้, เลโอนาร์โด สปินาซโซล่า - ยาสมิน เคอร์ติซ, อเลฆานโดร โกเมซ - อันเดรียส คอร์เนลิอุส

รองบ่อนประจำสายอย่าง อพอลลอน กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจในลีกหลังเก็บชัยมา 2 เกมรวด ซึ่งเกมนี้พวกเขามีคิวโคจรมาเจอ อตาลันต้า อีกครั้งหลังพ่ายให้ก่อน 1-3 ที่ประเทศอิตาลี ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะได้ วาล็องแต็ง โรเบิร์จ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมา ส่วนตัวจริงในเกมนี้ โซโฟรนิส อาฟกูสตี้ นายใหญ่ประจำทีมเตรียมส่งคีย์แมนอย่าง อันตอน มากลิก้า, อังเดร แชมบรี้ และ อันโตนิโอ ยาโคลิส ลงยืนเป็นสามประสานในแดนหน้าในระบบ 4-3-3

อพอลลอน (4-3-3) : บรูโน วาเล่ - เจา เปโดร กูเอร่า, เอ็กตอร์ ยูสเต้, วาล็องแต็ง โรเบิร์จ, ชานแดร์ - อาเล็ฟ, เอสเตบัน ซาเช็ตติ, อัลลัน - อันโตนิโอ ยาโคลิส, อังเดร แชมบรี้, อันตอน มากลิก้า

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ เริ่มหลุดฟอร์มให้เห็นในช่วงหลังจากการไม่ชนะเกมลีกมา 2 นัดติด ทว่าวัดฟอร์มใน ยูโรป้า ลีก แล้วพวกเขายังคงรั้งจ่าฝูงของกลุ่มหลังเก็บชัย 3 นัดรวด ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บตัวแบนให้กังวลใจโดยมี อเล็คซานเดอร์ โกโกริน, เซบาสเตียน ดริอูสซี่ และ เอมิเลียโน ริโกนี เป็นสามประสานแดนหน้าในระบบ 4-3-3

คาเร่ อิงเกบริกต์เซ่น ผู้จัดการทีมของ โรเซนบอร์ก เตรียมนำลูกทีมกลับมาเจอ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อีกครั้งหลังบุกไปพ่าย 1-3 ที่ประเทศรัสเซีย ส่วนความพร้อมในเกมนี้แน่นอนว่ายังคงไร้เงากองหน้าคนสำคัญอย่าง มาติอัส วิลฮาล์มสัน ที่ซัดในลีกไปถึง 7 จากการลงสนาม 18 นัดที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้โฉมหน้าในแนวรุกจะใช้ ซามูเอล อเดงเบนโร่(7นัด/2ประตู)ดาวยิงเลือดไนจีเรีย นิคลาส เบนท์เนอร์(26นัด/17ประตูในลีก) รวมถึง มิลาน เยฟโตวิค(23นัด/9ประตูในลีก)เป็นสามประสานในระบบ 4-3-3

ตัวแทนจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง ลูกาโน่ ยกระดับการเล่นขึ้นมาต่อเนื่องหลังเปิดรังชนะ วิคตอเรีย พัลเซ่น 3-2 ก่อนจะสานต่อความมั่นใจไปยังเกมลีกและมีชัยเหนือ ลูเซิร์น 1-0 ในเกมล่าสุด ส่วนความพร้อมในเกมนี้ เพียร์ลุยจิ ทามิ ผู้จัดการทีมยังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง โกรัน จาซิโนวิค (แบ็คซ้าย)เเละ กิลโดลติ(กองกลาง)ที่เจ็บมาก่อนหน้านี้ ส่วนตัวจริงในเกมนี้แน่นอนว่าพวกเขายังคงยึดแกนหลักที่ทำผลงานได้ดีอย่าง คาร์ลินญอส หัวหอกตัวเก่งที่จะยืนเป็นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี มัตเตีย บ็อตต้า ปีกซ้ายเลือดสวิตฯเป็นคีย์แมนสำคัญ

ปาเวล เวอร์บา ผู้จัดการทีม วิคตอเรีย พัลเซ่น หวังแก้ตัวในเกมนี้หลังพาทีมบุกไปพ่าย ลูกาโน่ 2-3 ในเกม ยูโรป้า ลีก นัดที่แล้ว ส่วนความพร้อมในเกมนี้มีเรื่องให้ต้องกังวลเล็กน้อยเมื่อ ยาน บาราเน็ก ยังคงมีปัญหาบาดเจ็บที่เข่า ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมตบเท้ามีชื่อออกสตาร์ทไม่ว่าจะเป็น มิคาล เคอร์เมนชิค ที่จะเป็นตัววางแดนหน้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี แยน โคปิช, ดาเนียล โกลาร์ และ ดิเอโก้ ชีวูลิช คอยสนับสนุนจากด้านหลัง

ฮาโปเอล เบียร์ เชว่า ตัวแทนจากประเทศ อิสราเอล ยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองในศึก ยูโรป้า ลีก หลังเก็บได้เพียง 3 แต้มหลังผ่านไป 3 นัด ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไม่มีตัวเจ็บเข้ามาเช่นกันและจะได้เห็น วลาดิเมียร์ บราวน์, แดน ไอน์บินเดอร์ และ จอห์น โอกู เป็นสามประสานอดนกลางโดยใช้ เบน ซาฮาร์, มาออร์ เมลิคสัน และ แอนโธนี่ เอ็นวาคาเอเม่ที่ซัดในลีกไป 3 เม็ดจาก 7 เกมเป็นตัวรุกในระบบ 4-3-3

วิโอเรล ตานาเซ่ นายใหญ่ประจำทีมกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดๆหลังนำลูกทีมเก็บชัยมารวด 4 เกมติดแถมเกมที่แล้วใน ยูโรป้า ลีก ยังโชว์ทีเด็ดบุกชนะ ฮาโปเอล เบียร์ เชว่า ถึงอิสราเอลมา 2-1 ส่วนความพร้อมในเกมนี้ไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนให้กังวลใจและจะได้เห็น อาร์เล็ม โนเอเร่ ที่ซัดในลีกไปแล้ว 9 เม็ดจาก 14 เกมเป็นตัวจบสกอร์โดยมี เดนนิส แมน ,ราเรช เอ็นเชียนู และ ฟิลิเป้ เตเซร์ร่า เป็นสามประสานตัวรุกในระบบ 4-2-3-1

ส่วนทีมเยือน บียาร์เรอัล รู้พิษสงคู่แข่งในวันนี้เป็นอย่างดีหลังทำแสบบุกมาเสมอพวกเขาได้ถึงถิ่น ก่อนเกมในนัดนี้ "เรือดำน้ำ" เพิ่งตุนความมั่นใจจากการบุกแชร์แต้ม "ตราหมี" ในลีกและมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะทำการโรเตชั่นผู้เล่นอยู่หลายตำแหน่ง แต่ยังคงได้เห็น เซดริก บากัมบู กับ การ์ลอส บักก้า ลงยืนเป็นหน้าคู่อีกครั้งโดยมี เดนิส เชริเยฟ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทน ปาโบล ฟอร์นัลส์ ในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ ส่วนตัวเจ็บแน่นอนว่ายังคงขาดนายประตูทั้งมือหนึ่งและมือสองอย่าง อันเดรส เฟร์นันเดซ และ เซร์คิโอ อาร์เซนโฆ่ ที่มีปัญหาหัวเข่าเช่นเดียวกับแนวรับอย่าง บรูโน่ โซเรียโน่ ที่ยังบาดเจ็บและ รูเบน เซเมโด้ กองกลางที่ต้องเรียกความฟิตอีกซักระยะ นอกจากนี้พวกเขาจำเป็นต้องส่ง มาริโอ กัสปาร์ ลงยืนแบ็กซ้ายหลัง ฆัวเม่ กอสต้า บาดเจ็บเล็กน้อยจากนัดล่าสุด

บียาร์เรอัล (4-3-1-2) : มาริอาโน่ บาร์โบซ่า - อันโตนิโอ รูกาวิน่า, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, มาริโอ กัสปาร์ - โรดริโก้ เอร์นานเดซ, มานู ตริกูเอรอส, โรแบร์โต้ โซเรียโน่, เดนิส เชริเยฟ - เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

ยาโรสลาฟ ซิลฮาวี่ เทรนนเนอร์ประจำทีมกำลังพา สลาเวีย ปราก ไปได้สวยในศึก ยูโรป้า ลีก หลังนำจ่าฝูงในกลุ่ม เอ จากการเพิ่งบุกไปเสมอ บียาร์เรอัล ถึงถิ่น 2-2 ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงา มูริส เมซาโนวิช หัวหอกบอสเนียที่ยังบาดเจ็บอยู่ ทว่ายังพอมีหวังได้ ดูซาน สเวนโต้ กองกลางกำลังเสริมวัย 32 ปีผ่านความฟิตกลับมาเป็นทางเลือกได้ทันเวลา ส่วนตัวจริงในเกมนี้คาดว่าพวกเขาไม่มีการปรับแต่งชุดหลักเท่าใดนักและยังเห็น โทมัส เนซิด ดาวยิงวัย 28 ปี ยืนค้ำล่าสกอร์โดยมี "แดนนี่" แดเนี่ยล มิเกล อัลเวส เพลย์เมกเกอร์สัญชาติโปรตุเกสลงเป็นเพลย์เมกเกอร์โดยมี แยน ซีโคร่า และ ยาโรเมียร์ ซีเมอร์ฮัล ขึ้นเกมจากริมเส้น

สลาเวีย ปราก (4-2-3-1) : พรีมีเซิ่ล โควาร์ - แยน บอริล, ยาคุ๊บ ยูกาส, ซิมง เดลี่, เอดูอาร์ด โซโบล - ยาคุ๊บ ฮโรมาด้า, โทมัส ซูเช็ค - แยน ซีโคร่า, แดเนี่ยล มิเกล อัลเวส, ยาโรเมียร์ ซีเมอร์ฮัล - โทมัส เนซิด

ส่วนทีมเยือน บาร์เซโลน่า เบ ของกุนซือ เคราร์ด เตรียมเช็คความฟิตของ ออร์โตล่า (5 นัด) นายทวารมือหนึ่งกับ การ์เลส อาเลนญ่า (11 นัด/5 ประตู) เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งว่าจะฟิตทันหรือไม่ ส่วนในรายของ รุยซ์ เด กาลาร์เรต้า (6 นัด/1 ประตู) ห้องเครื่องวัย 24 ปี, โรดรี้ ตาริน (6 นัด) แบ็คขวาตัวหลักและ อเบล รุยซ์ (4 นัด/1 ประตู)ดาวรุ่งวัย17ปี ต่างยังเดี้ยงกันครบเซ็ต ทำให้ความหวังจะตกไปอยู่ที่ อันโธนี่ โลซาโน่ (9 นัด/2 ประตู) หัวหอกฮอนดูรัสกับ วิตินโญ่ (11 นัด) จอมทัพประจำทีมไปโดยปริยาย

เจ้าบ้าน กิมนาสติก ของกุนซือ อันโตนิโอ โรดริเกวซ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โอมาร์ เปร์โดโม่ (7 นัด/1 ประตู) หัวหอกตัวเก่งวัย 24 ปี และ 3 แดนกลางอย่าง เตเฆร่า (8 นัด/1 ประตู) , เอ็ดดี้ อิสราฟิลอฟ (5 นัด) และ สเตฟาน เอมาน่า (3 นัด) ต่างยังไม่พร้อมในเกมนี้จากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ยังดีที่แกนหลักจากเกมที่แล้วอย่าง มานูเอล บาร์ไรโร่ (10 นัด/2 ประตู)หัวหอกร่างยักษ์กับ ไมเกล เมซ่า (9 นัด/2 ประตู) เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งต่างพร้อมมีชื่อในเกมนี้