วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนจ่าฝูง วิลไรจ์ แม้จะมีสะดุดเจ๊าให้เห็นแต่โดยรวมยังจัดว่าไม่ธรรมดาหลังเก็บชัยในลีกมา 4 จาก 6 เกมหลังยังไม่แพ้ใคร ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามมีตัวเจ็บเพิ่มเติมเข้ามาเป็นรายล่าสุดก็คือ พรีเตอร์มาตต์ (7นัด)แนวรับตัวเก่ง พ่วงด้วยตัวเจ็บก่อนหน้านี้อย่าง เด ยอง (3นัด)อีกหนึ่งแนวรับและ อ็อคตาวิโอ้(5นัด)แดนกลางตัวหลักอีกราย

เจ้าบ้าน ทูบิซี่ ทีมบ๋วยประจำตารางเตรียมเจอศึกใหญ่รออยู่เพราะต้องรับมือจ่าฝูงด้วยฟอร์มสุดเละเทะแพ้รวดมา 3 เกมติด แถมเกมนี้พวกเขาจะไร้เงา เวย์แมนส์(6นัด)กับ บา(8นัด)สองจอมทัพคนสำคัญที่ถูกคาดโทษด้วยกันทั้งคู่ แถมยังมีปัญหาตัวเจ็บค้างสต็อคไม่ว่าจะเป็น ปิแรส(2นัด)แนวรับ การ์ลิโต้(1นัด)กองกลางตัวสำรองรวมไปถึง ชูสเตอร์(3นัด)กองหน้าประจำทีม

ส่วนทีมเยือน เดปอร์ตีโบ โมรอน ทีมจาก ดีวิชั่น 2 จัดเป็นทีมที่อยู่ในโซนท้ายตารางแถมฟอร์มในตอนนี้เข้าขั้นน่าผิดหวังหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมรวด ส่วนตัวผู้เล่นในเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดเก่งในแนวรุกลงบู๊ตามคาดไม่ว่าจะเป็น มักซี่มิเลียอาโน่ บริโต้(3นัด)กองหน้าเลือดอุรุกวัย นิโคลัส รามิเลซ(3นัด)และ มาธิอัส ปาร์โด(3นัด)สองตัวรุกเลือดอาร์เจนไตน์ลงนำทัพ

เจ้าบ้าน ยูเนี่ยน ซานตาเฟ่ ทีมอันดับ 3 ของลีกสูงสุดอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงเหลือเกินหลังชนะไปถึง 3 จาก 4 เกมหลังสุดโดยเฉพาะเกมล่าสุดเปิดรังถล่มทีมโซนท้ายอย่าง โอลิมโป บาเฮีย 2-0 ส่วนสภาพความพร้อมยังอยู่ในสภาพค่อนข้างพร้อมเพราะจะขาดเพียงแค่ ลูคัส อัลกอซิโน่(-)กองกลางและ เนริโอ เฟร์นานเดซ(5นัด)นายทวารที่ยังเดี้ยงอยู่เท่านั้น

ส่วนทีมรองบ่อนอย่าง กิมนาไซ เมนโดซ่า เป็นรองกว่าแน่ในเรื่องชื่อชั้นและมาตราฐานตัวผู้เล่น อย่างไรก็ดีพวกเขาก็พร้อมจัดชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะส่งลงได้ไม่ว่าจะเป็น อีวาน อากูดิอัค(2นัด/2ประตู),ปาโบล ปาลาซิออส(3นัด/1ประตู)และ ปาทริซิโอ กุสชี่(2นัด)ที่ล้วนเป็นขาประจำในแดนหน้า

เจ้าบ้าน โอลิมโป บาเฮีย ทีมจากลีกสูงสุดจะหมดสิทธิ์ใช้งาน นิโคลัส เฮร์รานซ์(2นัด)แนวรับ มิกาเอล โคเวอา(4นัด)แดนกลางรวมถึง หลุยส์ บีญ่า(5นัด/1ประตู)กองหน้าในเกมนี้ส่วนตัวทีเด็ดอย่าง ดาบิด เดเปตริส(4นัด)กับ ฟรานโก้ ทรอยานสกี้(5นัด)ยังพร้อมมีชื่อในแดนหน้าเกมนี้

ตัวแทนจากลีกสูงสุดอย่าง แอตฯมิไนโร่ ฟอร์มโดยรวมถึงว่าไม่ดีมากนักแม้จะเก็บชัยได้ในเกมล่าสสุดเหนือ พาราเนนเซ่ 2-0 ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งานแน่ๆก็คือในรายของ ฟริกสัน อีราโซ่ เซนเตอร์แบ็คชาวเอกวาดอร์ที่ยังมีปัญหาบาดเจ็บ ส่วนแผนเก่งในเกมนี้ยังคงเปนระบบ 4-2-3-1 และน่าจะยังไว้ใจให้ เฟร็ด(18นัด/5ประตู)อดีตหัวหอกทีมชาติบราซิลเป็นตัวจบสกอร์และยังต้องลุ้นว่า โรบินโญ่(19นัด/3ประตู)กับ ราฟาเอล มูร์ร่า(20นัด/4ประตู)จะถูกส่งลงตั้งแต่ต้นเกมหรือไม่

เจ้าบ้าน ลอนดริน่า ตัวแทนจากลีกรองกำลังพกพาความมั่นใจหลังเปิดรังถล่ม แม็คซิโอ 4-1 ก่อนเตรียมตัวมาเล่นในรายการนี้ ส่วนความพร้อมก่อนเกมไม่มีตัวเจ็บเข้ามาจากเกมล่าสุดและพร้อมส่งชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ตามคาด นำโดย เกร์มาโน่ เพลย์เมกเกอร์กัปตันทีมนำทัพในแดนกลาง โดยใช้ อาร์เธอร์(26นัด/6ประตู) ปีกซ้ายดาวรุ่งประสานงานกับ คาร์ลอส เฮนริเก้(18นัด/4ประตู) กับ เนเกลบ้า(3นัด) ในระบบ 4-3-3

ส่วนทีมเยือน อุด-เฮเวอร์ลี ลิวเวน มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นให้กังวลไม่แพ้กันเมื่อ อเกลม่อน(7นัด/5ประตู)กองหน้าตัวชูโรงประจำทีมและ วัตต์ (4นัด/1ประตู)หัวหอกตัวสำรองดันเดี้ยงอยู่ในเวลานี้ ทำให้โฉมหน้าในแนวรุกพวกเขาจะใช้ เอสเตบัน กาซาโกลด้า(5นัด) เป็นหน้าตัวกลางในระบบ 4-3-3 โดยมี นิโกล่า สตรอม(8นัด/4ประตู) และ โทมัส อาเซเวโด้(7นัด/1ประตู)คอยสนับสนุน

เจ้าบ้าน เซอร์เคิ่ล บรูซ ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องฟอร์มในบ้าน แถมยังอยู่ในสภาพความพร้อมที่ค่อนข้างมั่นใจหลังเก็บชัยมา 2 เกมรวด ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งานแน่ๆก็คือหัวหอกดาวซัลโวประจำทีมอย่าง บรูโน่(7นัด/2ประตู)รวมถึงแนวรับคนสำคัญอย่าง โรดาส(2นัด/1ประตู) ส่วนตัวทีเด็ดคงต้องฝากไว้ที่ ทอร์มิน(7นัด/3ประตู)หัวหอกฝรั่งเศสคอยขึ้นเกมทางฝั่งขวาโดยมี เด เบลเดอร์(7นัด) และ สตีเฟ่น บรุยจ์(7นัด/3ประตู) คอยประสานงานร่วมกันในระบบ 4-3-3

ส่วนทีมเยือน ยูเวนตูเด้ หลังจากแพ้มา 2 เกมติดในที่สุดก็คัมแบ็กกลับมาคว้าชัยได้อีกครั้งหลังเอาชนะ เปซานดู 1-0 อย่างไรก็ดีเกมนี้ย่อมไม่ง่ายแน่เพราะต้องบุกไปเยือน บราซิล เด เปโลตัส ซึ่งตัวทีเด็ดในเกมนี้ทางนายใหญ่ กิลม่า เดล ปอสโซ่ เตรียมวาง ฟาห์เอล จอมทัพกัปตันทีมลงคุมจังหวะแดนกลางร่วมกับ มาเตอัส โดยมี ยูริ มามูเต้(3นัด), ธิอาโก้ มาร์เกวซ(23นัด/11ประตู) และ ยาโก้ เซซาร์(6นัด/1ประตู) เป็นสามประสานในระบบ 4-3-3

เจ้าบ้าน บราซิล เด เปโลตัส ผลงานย่ำแย่เหลือเกินในเวลานี้หลังไม่ชนะใครมา 3 เกมติด(เสมอ1แพ้2) ส่วนแทคติกในเกมนี้กุนซือ คลีเมอร์ เตรียมมาในแผนเก่ง 4-2-3-1 พร้อมกับวาง ลินคอม ที่ซัดไปแล้ว 6 ประตูจาก 18 นัดลงยืนเป็นหน้าเป้าโดยใช้ เอลเลียส(11นัด), คาลีซอน(4นัด) และ มาชินโญ่ (23นัด/4ประตู)เป็นสามประสานแนวรุก

ส่วนทีมเยือน อินเตอร์นาซิอองนาล ทีมจ่าฝูงประจำลีกกำลังอยู่ในช่วงติดลมบนโกยชัยมาแล้ว 5 เกมรวด แถมนัดล่าสุดเพิ่งเปิดรังถล่ม ซานตาครูซ 2-0 ส่วนความพร้อมในเกมนี้นายใหญ่ กูโต้ เฟร์เรร่า เตรียมจัดชุดฟูลทีมลงบู๊เต็มสูบนำโดย เลอันโดร ดามิเยา(10นัด/5ประตู)ลงยืนเป็นตัวเป้าโดยมี เอดูอาโด้ ซาสช่า(17นัด/3ประตู) และ วิลเลี่ยม พ็อตต์เกอร์(22นัด/8ประตู)เป็นสามประสานในระบบ 4-3-3

เจ้าบ้าน ปาราน่า พีอาร์ หลังจากที่ฟอร์มแรงต่อเนื่องโกยชัยมา 4 นัดติด ในที่สุดก็มีสะดุดใหเเห็นบ้างหลังออกไปเยือนแล้วแพ้ ฟิกูเรนเซ่ 0-1 ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาจากเกมล่าสุดและเตรียมวาง อาเลเมา(15นัด/7ประตู)หัวหอกตัวเก่งลงจับคู่กับ วิตอร์ เฟลเยา(6นัด/2ประตู)หอกดาวรุ่งวัย 21 ปีในระบบ 4-4-2 โดยมี เจา เปรโดร(13นัด/3ประตู) และ โรนัลตินโญ่(20นัด/8ประตู)ขึ้นเกมทางริมเส้น

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ นัตโช่ อยู่ในช่วงกดดันอยู่ไม่น้อยหลังเก็บชัยได้เพียงเกมเดียวจาก 4 เกมหลังสุด(เสมอ1แพ้2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้อยู่ในสภาพฟูลทีมและเตรียมขนแกนหลักอย่าง อเล็กซ์ เฟบาส, โอลิเวอร์ บัฟฟ์, เกียซก้า โตเกอโร่ และ อัลเบร์โต้ เบนิโต้ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงโดยมี ดิโอโก้ แวร์ดาสก้า กับ เฆซุส บาเลนติน สองแนวรับเป็นตัวแสนบายด์

เจ้าบ้าน เรอัล โอเบียโด้ อยู่ในสภาพความข้างพร้อมหลังจะขาดเพียงแค่ แม็กโดนัลด์ มาริก้า (1 นัด) กองกลางชาวเคนย่า, บิติ โรซาด้า (1 นัด)แข้งดาวรุ่ง และ อารอน นิกูเอซ (1 นัด)จอมทัพตัวใหม่ประจำทีมที่เดี้ยงมาก่อนหน้านี้ แต่ยังดีที่แกนหลักอย่าง โตเช่ (6 นัด 4 ประตู)พร้อมลงยืนหน้าเป้าโดยมี ซาอูล เบร์ฆอน (6 นัด 3 ประตู) เป็นตัวสนับสนุนจากผังแนวรุก

ทีมเยือน วาลเบิร์ก เริ่มยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นมาอีกครั้งหลังเปิดรังชนะ ดัลคุลด์ 1-0 ทำให้เวลานี้พวกเขากำลังรั้งอันดับ 10 ของตารางได้อย่างเหนียวแน่น แถมสภาพความพร้อมยังไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาเพิ่มเติมจึงไม่แปลกที่แกนหลักอย่าง กาเบรียล อัลเตมาร์ก วานเนอร์เรีย(18นัด/9ประตู),คัลเล่ โซเดอร์สตร็อม(24นัด/4ประตู)และ ปีเตอร์ ไนส์สตร็อม(22นัด/3ประตู)เป็นตัวชูโรง

เจ้าบ้าน เทรลเลบอร์ก ยังคงรั้งโซนหัวตารางได้อย่างเหนี่ยวแน่นหลังเก็บชัยมาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน แถมยังเป็นการเก็บชัยโดยไม่เสียประตูอีกด้วย ซึ่งในเกมนี้พวกเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไร้ปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นและยังคงวาง กามาล่า จอห์นสัน(22นัด)หัวหอกดาวซัลโวประจำทีมที่ซัดไปแล้ว 14 ประตูเป็นตัวชูโรงโดยมี ดิโน่ อิสลาโมวิช(23นัด/7ประตู)กับ มาร์คัส โพเดอร์(23นัด/6ประตู)คอยสนับสนุน

ส่วนทีมเยือน เฮลซิงบอร์ก หลังจากที่ฟอร์มดีมาต่อเนื่องในที่สุดเริ่มออกลูกแผ่วให้เห็นหลังเสมอไปถึง 4 จาก 5 เกมเข้าไปแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงนี้พวกเขาจะขาดแกนหลักแทบทุกตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น แมตต์ ไพซโดรวสกี้(14นัด)นายทวารมือหนึ่ง,วิคตอร์ ยุงจ์(10นัด)แนวรับ มาร์ติน คริสเตียนเซ่น(15นัด/1ประตู)แดนกลาง และรองดาวซัลโวประจำทีมอย่าง แจสเปอร์ แลง(16นัด/7ประตู)

หลังจากฟอร์มฝืดมาอยู่ช่วงหนึ่งในที่สุด เกเฟล เริ่มติดเครื่องอีกครั้งหลังหลังเก็บชัยไปถึง 4 จาก 5 เกมหลัง แถมเกมล่าสุดโชว์ทีเด็ดบุกไปชนะ ซีเรียนสก้า ถึงถิ่น 2-1 ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงา ยีนส์ ปอร์ติน(18นัด)แนวรับตัวหลักที่ยังมีปัญหาบาดเจ็บเพียงรายเดียวเท่านั้น ส่วนคีย์แมนแนวรุกอย่าง เดนิซ ฮัมเม็ต(23นัด/9ประตู)ดสวซัลโวเลือดเติร์กต่างพร้อมเป็นตัวชูโรงโดยมี ไบจ์รั่ม อาเยตี้(6นัด/8ประตู)เป็นตัวสนับสนุน

ส่วนทีมเยือน คอนคอร์เดีย เชียจน่า ผลงานกำลังท็อปฟอร์มได้เรื่องหลังโกยชัยมา 2 เกมติด โดยเฉพาะนัดล่าสุดที่เอาชนะทีมแกร่งอย่าง ดินาโม บูคาเรสต์ มา 2-3 ทั้งที่เป็นทีมเยือน ส่วนความพร้อมในเกมนี้ไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามายกเว้นในรายของ บาร์บัวอานู(-)แนวรับที่เดี้ยงยาวมาก่อนหน้านี้ ส่วนตัวทีเด็ดอย่าง พอล สเตฟาน บาติน ที่ซัดไปแล้ว 5 เม็ดจาก 10 เกมพร้อมลงเป็นหอกตัวเป้า

เจ้าบ้าน โวลุนทารี่ อยู่ในฟอร์มไม่คงเส้นคงวาเท่าไหร่หลังเก็บชัยได้เพียง 2 จาก 5 เกมหลังสุด(เสมอ1แพ้2) ซึ่งในเกมนี้พวกเขายังจะขาด ราอูต้า (8นัด)จอมทัพคนสำคัญที่จะถูกคาดโทษในเกมนี้ แต่ทีเด็ดแนวรุกอย่าง มิฮาย โวดัท(9นัด/3ประตู)และ อเล็กซานดรู ตูโดเรีย(8นัด/6ประตู)ยังพร้อมลงล่าตาข่ายตามเดิม

ทีมเยือน โครโตเน่ ของกุนซือ ดาวิเด้ นิโคล่า เริ่มพาทีมกลับเข้าฝั่งได้แล้วหลังเปิดรังชนะ เบเนเวนโต้ 2-0 ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามพวกเขายังคงไร้ชื่อของ มาร์โก้ ตุมมิเนลโล่ กับ อเล็กซานดร้า โตเนฟ ที่ยังบาดเจ็บ ทว่านายใหญ่ นิโคล่า ยังคงไว้ใจชุดเดิมที่พาทีมเก็บ 3 แต้ม ออกสตาร์ทบนสนามอีกครั้งโดยมี อังเต้ บูดิเมียร์ ดาวยิงโครแอตลงจบสกอร์ร่วมกับ มาร์เซโล่ ทร็อตต้า ตามคาด

โครโตเน่ (4-4-2) : อเล็กซ์ คอร์ดาซ - มาริโอ ซัมปิริซี่, เฟเดริโก้ เจคเครินี่, อาร์ลินด์ อเยติ, บรูโน่ มาร์เตลล่า - มาร์คัส โรห์เด้น, อันเดรีย บาร์เบริส, โรรานโด้ มันดราโกร่า, อาเดรียน สโตยาน - มาร์เซโล่ ทร็อตต้า, อังเต้ บูดิเมียร์

ทีมน้องใหม่ยังคงย่ำแย่ต่อเนื่อง แม้เกมล่าสุดจะทำได้ยามเจอทีมแกร่งอย่าง นาโปลี แต่ก็พ่ายเพราะความเฉียบขาดด้วยสกอร์ 2-3 แต่เกมนี้นายใหญ่ ดาวิเด้ นิโคล่า ได้เห็นทรงบอลของทีมจากเกมล่าสุดจึงตัดสินใจไม่ปรับตำแหน่ง 11 ตัวจริงและยังวาง ปาสกวาเล่ สเคียตตาเรลล่า กับ เฟเดริโก้ วิเวียนี่ สองมิดฟิลด์ที่ช่วยกันยิงลงปั้นเกมอีกครั้ง ส่วนตัวเจ็บหน้าเดิมอย่าง อเล็กซ์ เมเร็ต, มาริออส อิโคโนมู และ แซร์โจ้ ฟล็อคคารี่ ยังคงไร้ชื่อในเกมนี้ต่อไป

สปัล ( 3-5-2) : เบนจามิน โกมิส - บาสตอส ซาลาม่อน, ฟราสเชสโก้ วิคารี่, เฟลิเป้ - มานูเอล ลาซซารี่, ปาสกวาเล่ สเคียตตาเรลล่า, เฟเดริโก้ วิเวียนี่, ลูก้า โมร่า, ฟิลิปโป้ คอสต้า - เมียร์โก้ อันเตนุชชี่, มาร์โก บอร์ริเอลโล่

ทีมเยือน เออิบาร์ ของ โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ อยู่ในช่วงแผงหลังโคม่าเพราะนอกจากจะพ่ายรวด 2 เกมติดแล้วยังถูกยัดสกอร์จากคู่แข่งไปถึง 10 ลูกภายในเวลาแค่ 4 วันตลอด 2 นัดเท่านั้น ซึ่งในเกมนี้พวกเขายังต้องลุ้นหนักว่า โฆอัน ฆอร์แดน กองกลางตัวหลักจะลงได้หรือไม่แถมจะไร้ชื่อแน่ๆก็คือในรายของ อีบัน อเลโฆ กองกลางที่มีปัญหาเอ็นหลังหัวเข่า รวมถึง เปโดร เลออน ที่ไม่ฟิตเต็มร้อย ขณะที่แนวรุกยังคงไว้ใจให้ เซร์จี้ เอ็นริช ล่าตาข่ายกับ กีเก้ การ์เซีย ต่อไป

เออิบาร์ (4-4-2) : มาร์โก ดมิโตรวิช ; อันเดร์ กาป้า, เปาโล โอลิเวยร่า, อีบัน รามิส, ดาบิด ฆวนก้า ; เบเบ้, ดานี่ การ์เซีย, โฆน ฆอร์ดาน, ทาคาชิ อินูอิ ; เซร์จี้ เอ็นริช, กีเก้ การ์เซีย

เจ้าบ้าน บียาร์เรอัล อยู่ในฟอร์มการเล่นที่กำลังย่ำแย่หลังชนะใครมา 3 เกมรวด ก่อนจะประกาศไล่ ฟราน เอสกริบา ออกจากตำแหน่งพร้อมกับวาง ฆาบี กาเยย่า มารับไม้ต่อชั่วคราว ซึ่งเกมนี้พวกเขาไม่น่าจะปรับผังผู้เล่นมากนักยกเว้นระบบที่จะเปลี่ยนมาใช้ 4-3-1-2 พร้อมกับให้โอาส ซามู กัสติเญโฆ่ ได้ออกสาตาร์ทตัวจริงเป็นหน้าต่ำให้ เซดริก บากัมบู กับ การ์ลอส บักก้า คอยจบสกอร์ ส่วนตัวเจ็บยังคงไร้แข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง อันเดรส เฟร์นันเดซ (2 นัด),อาเดรียน มาริน และ บรูโน่ โซเรียโน่ ต่อไป

บียาร์เรอัล (4-3-1-2) : มาเรียโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; ปาโบล ฟอร์นัลส์, โรดรี, มานู ตริกูเอรอส ; ซามู กัสติเญโฆ่ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

โฆเซ่ อังเกล ซิกันด้า ผู้จัดการทีมจะไร้เงาของ อิเกร์ มูเนียอิน (6 นัด 1 ประตู)ตัวรุกคนสำคัญที่เดี้ยงมาจากเกมล่าสุดนัดกลางสัปดาห์ ทำให้ อินญิโก้ กอร์โดบา จะถูกส่งลงสนามแทนพร้อมกับวาง อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ กับ ราอูล การ์เซีย เป็นตัวสนับสนุน ส่วนกองหน้าพวกเขายังคงไว้ใจหัวหอกตัวเก๋าอย่าง อาริตซ์ อาดูริซ ลงเป็นตัวทีเด็ดตามคาด

แอธฯบิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; อินญิโก้ เลกูเอ้, อายเมริค ลาปอร์เต้, อูไน นูนเญซ, มิเกล บาเลนเซียก้า ; มิเกล ซาน โฆเซ่, มิเกล เบสก้า ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อินญิโก้ กอร์โดบา ; อาริตซ์ อาดูริซ

มาร์เซลิโน่ กุนซือบาเลนเซีย พาลูกทีมพกความมั่นใจหลังยังไร้พ่ายในลีกมา 6 เกมรวดแถมเป็นการชนะ 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งในเกมนี้แม้จะไม่มี จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย ห้องเครื่องตัวเก่งที่ติดโทษแบนแข้งแกนหลักที่เหลือต่่งพร้อมลงประจำแหน่งตามคาด คาดว่าเกมนี้พวกเขาเตรียมปรับตำแหน่งโดยการวาง การ์ลอส โซเลร์ ลงแทนที่ ก็องด็อกเบีย พร้อมกับส่ง อันเดรียส เปไรร่า ออกสตาร์ทตัวจริงอีกครั้ง โดยมี โรดริโก้ โมเรโน่ กับ ซิโมเน่ ซาซ่า เป็นคู่หัวหอก

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, เอเซเกล การาย, โฆเซ่ กาย่า ; กอนกาโล่ กูเอเดส, การ์ลอส โซเลร์, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, อันเดรียส เปไรร่า ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซิโมเน่ ซาซ่า

กีเก้ ซาเตียน นายใหญ่ เรอัล เบติส กำลังมั่นใจอย่างสุดๆหลังโกยชัยต่อเนื่อง 3 เกมติดแถมหนึ่งในนั้นเป็นการชนะ เรอัล มาดริด 1-0 ส่วนความพร้อมก่อนเกมยังคงไร้เงา บิคตอร์ กามาราซ่า (5 นัด)กับ ริย๊าด บูเดบูซ (2 นัด)ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างได้รับความไว้ใจไม่ว่าาจะเป็น อันโตนิโอ ซานาเบรีย , เซร์คิโอ เลออน หรือแม้แต่ เซร์คิโอ เลออน ที่น่าจะมีชื่อเป็นสามประสานแดนหน้าในเกมนี้

เรอัล เบติส (4-3-3) : อันโตนิโอ อาดาน ; อันโตนิโอ บาร์รากัน, อิสซ่า ม็องดี้, ซูเอียร์ เฟดดาล, รีซ่า ดูร์มิซี่ ; ฟาเบียน รูอิซ, ฆาบี การ์เซีย, อันเดรส กวาร์ดาโด้ ; ฆัวกิน ซานเชซ, อันโตนิโอ ซานาเบรีย, เซร์คิโอ เลออน

ยูเซบิโอ ซาคริสตัน นายใหญ่ เรอัล โซเซียดัด ยังคงต้องหาทางพาทีมกลับฝั่งโดยด่วนหลังแพ้ติดต่อกันมา 4 เกมติดเข้าไปแล้วรวมทุกรายการ ซึ่งในเกมนี้ยังดีที่แข้งแกนหลักไม่มีปัญหาบาดเจ็บให้กวนใจเพราะจะไร้เงาเพียงแค่ การ์ลอส มาร์ติเนซ กองหลังที่ยังบาดเจ็บแถมยังลุ้นเช็คฟิต อินญิโก้ มาร์ติเนซ กองหลังตัวหลักกลับเข้าสู่ทีมอีกครั้ง ซึ่งในเกมนี้พวกเขายังจะได้ ดีเอโก้ ยอเรนเต้ พ้นโทษแบนกลับมาและต้องลุ้นเบียดกับ อาริตซ์ เอลัสตอนโด้ แต่คาดว่ารายหลังยังถูกวางให้เป็นตัวจริงแผงหลังค่อนข้างแน่

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ เอลุสตอนโด้, ราอูล นาบาส, เควิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; อั๊ดนาน ยานาซาย, วิลเลี่ยน โชเซ่, มิเกล โอยาร์ซาบัล

ส่วนทีมเยือน ลาส พัลมาส ของนายใหญ่ มาโนโล่ มาร์เกซ ยังคงช้ำในต่อเนื่องหลังเปิดรังพ่าย เลกาเนส 0-2 ในเกมล่าสุดและเป็นความพ่ายแพ้นัดที่สองติดต่อกัน ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงไร้ชื่อของ ดานี่ กัสติเญโฆ่ (4 นัด), เปโดร บิกัส (2 นัด) แข้งโซนแนวรับ เซร์กี ซามเปร์, บิโตโล่ (3 นัด)สองกองกลางและหัวหอกอย่าง อเลน ฮาลิโฮวิช (3 นัด)ที่ยังไม่พร้อมลงสนาม ทำให้โฉมหน้าเกมบุกนัดนี้คงหนีไม่พ้น อุสซาม่า ตานนาเน่ กับ โฆนาธาน กาเยรี่ และยังต้องลุ้นว่า โลอิก เรมี่ จะฟิตทันเวลาหรือไม่โดยมี ทาน่า เป็นตัวสแตนบายด์

ลาส พัลมาส (4-3-3) : เลียนโดร ชิชิโซล่า ; มิเชล มาเกโด้, เมาริซิโอ เลมอส, อายธามี่ อาร์ติเลส, ชิโม่ นาบาร์โร่ ; โฆนาธาน บีเอร่า, ฆาบี กัสเตยาโน่, อัลเบร์โต้ อคิลานี่ ; อุสซาม่า ตานนาเน่, โฆนาธาน กาเยรี่, ทาน่า

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ นายใหญ่ "เจ้าบุญทุ่ม" อยู่ในสภาพความมั่นใจจากเกมลีกสุดๆหลังโกยชัยเป็นว่าเล่น ซึ่งในเกมนี้พวกเขาจะทำการปรับหมากจากเกม ชปล. โดยหันมาเล่น 4-3-3 อีกครั้งหลังใช้หน้าคู่โดยมี เลโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นคู่หูหอกแต่นัดนี้พวกเขาจะวาง เดนิส ซัวเรซ ออกสตาร์ทตัวจริงเพิ่มอีกรายเป็นเหตุให้ เซร์กี้ โรแบร์โต้ ต้องหลุดเป็นตัวสำรองอีกครั้ง หลังแกนหลักแดนกลางอย่าง ; อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรส อีเนียสต้า จับบจองพื้นที่กันครบเซ็ต ส่วนตัวเจ็บไม่ต้องพูดถึงพวกเขายังต้องรอการคัมแบ็กของ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกวัย 20 ปี ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเข้าผ่าตัดกล้ามเนื้อต้นขาต้องพักราวประมาณ 3 เดือนขึ้นไป

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น ; เนลซอน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า ; เดนิส ซัวเรซ, เลโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ

ส่วนทีมเยือนของ กีเก้ ซานเชซ เริ่มกลับเข้าฝั่งอีกครั้งหลังมีแต้มติดมือมา 3 เกมรวด(ชนะ2เสมอ1) โดยเกมล่าสุดเพิ่งจะถล่ม เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า 4-1 มาหมาดๆ คาดว่าเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊เต็มสูบหลังจะขาดเพียงแค่ ออสการ์ ดูอาร์เต้(-) ที่ยังไม่ได้ลงเลยในซีซั่นนี้เท่านั้น ซึ่งแกนหลักยังคงวาง เลโอ บาปติสเตา ลงจับคู่ เคราร์ด โมเรโน่ ในแดนหน้าพร้อมกับใช้ ปาโบล ปิอัตติ และ โฆเซ่ ฆูราโด้ เป็นตัวจู่โจมทางริมเส้น

เอสปันญ่อล (4-4-2) : ปาอู โลเปซ ; บิคตอร์ ซานเชซ, ดาบิด โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, อารอน มาร์ติน ; โฆเซ่ ฆูราโด้, เซร์กี้ ดาร์เดร์, ฆาบี ฟูเอโก้, ปาโบล ปิอัตติ ; เคราร์ด โมเรโน่, เลโอ บาปติสเตา

ทัพ "ราชันชุดขาว" ยังคงต้องหาทางล้างอาถรรพ์เกมลีกยามเล่นในบ้านหลังไม่ชนะมา 3 เกมตลอดช่วงออกสตาร์ท ซึ่งในเกมนี้กุนซือใหญ่ ซีเนดีน ซีดาน หวังพกพาความมั่นใจจากเกม ชปล. บุกชนะ ดอร์ทมุนด์ขาดลอย 3-1 มาเป็นแรงขับ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมดูจะไม่อำนวยนักหลัง มาร์เชโล่ (4 นัด)แบ็กซ้ายบราซิเลี่ยนยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับ มาเตโอ โควาซิช (2 นัด)และ คาริม เบนเซม่า (3 นัด) ที่เดี้ยงมาก่อนหน้านี้ ส่วนแดนหน้ายังต้องลุ้นอีกว่า แกเร็ธ เบล จะฟิตทันลงสนามหรือไม่ในขณะที่ ลูคัส บาซเกซ ก็พร้อมสแตนบายด์ลงจับคู่กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเกมนี้

เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : เกย์ลอร์ นาบาส ; ดานี่ การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, นาโช่ ; ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, อีสโก้ ; มาร์โก้ อารเซนซิโอ้ ; ลูคัส บาซเกซ, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ส่วนทีมเยือน โบโลญญ่า ฟอร์มสวนทางกับทางเจ้าบ้านไม่น้อยแม้จะไม่ชนะใครมา 3 เกมติดแต่ก็แก้ตัวโดยการบุกชนะ ซัสซัวโล่ 1-0 ในเกมล่าสุด ส่วนความพร้อมภายในทีม โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ เฮดโค้ชจะไร้เงา ชีค เกอิต้า , ลาโดสลาฟ เครชี่ และ เซซาร์ ฟัลเลตติ ส่วนในรายของ โดเมนิโก้ ไมเอ็ตต้า เตรียมกลับมาช่วยแนวรับบน 11 ตัวจริงอีกครั้งโดยมี อดัม มาซิน่า และ อีริก พัลการ์ คอยขั้นเกมทางวิงแบ็กในระบบ 3-5-2

โบโลญญ่า (3-5-2) : อันเจโล่ ดา คอสต้า - โดเมนิโก้ ไมเอ็ตต้า, จานคาร์โล กอนซาเลซ, ฟิลิป เฮลันเดอร์ - อิบราฮิม่า เอ็มบาเย่, ก็อดเฟร็ด ดอนซ่าห์, อีริก พัลการ์, อันเดรีย โพลี่, อดัม มาซิน่า - โรดริโก้ ปาลาซิโอ, ซิโมเน่ แวร์ดี้

อีวาน ยูริช กุนซือ เจนัว ยังไม่สามารถนำทีมชนะใครได้เลยซีซั่นนี้หลังแพ้ไปถึง 3 จาก 4 เกมที่ผ่านมา จึงไม่แปลกที่เทรนเนอร์รายนี้กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังพาทีมหล่นอยู่โซนท้ายตาราง ซ้ำหลายความพร้อมก่อนลงสนามยังจะขาดสองแนวรุกตัวหลักอย่าง สเตฟฟาเน่ โอเมียงก้า และ อาเดล ทารับท์ ที่ดันถูกไล่ออกจากเกม แพ้ อินเตอร์ 0-1 พ่วงด้วยตัวเจ็บในแดนกลาง มิเกล เวโลโซ่ กับ ดีเอโก้ ลาซอลท์ รวมถึงกองหน้าอย่าง จานลูก้า ลาปาดูล่า ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกและต้องส่ง เฟเดริโก้ ริชชี่ และ ราฟฟาเอล่า ปัลลาดิโน่ สองตัวสำรองลงประสานงานกับ เอโตร เปลเลกรี แข้งดาวรุ่งในอคาเดมี่แทน

เจนัว (3-4-3) : มัตเตีย เปริน - ดาวิเด้ บิราสคี่, ลูก้า รอสเซตตินี่, เออร์วิน ซูคาโนวิค - อเลจานโดร โรซี่, ไอแซค โคฟี่, อันเดรีย แบร์โตลัชชี่, ฟรานเชสโก้ มิโญเล่ต์ - เฟเดริโก้ ริชชี่, ราฟฟาแอล ปาลาดิโน่, ปิเอโตร เปลเลกรี

ส่วนทีมเยือน ซามพ์โดเรีย ของกุนซือ มาร์โก จามเปาโล ผลงานต่างจากเจ้าบ้านพอสมควรหลังฟอร์มดุไล่อัด มิลาน 2-0 และยังคงเดินหน้าไล่ล่าแต้มต่อเนื่อง ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในเกมนี้พวกเขาอยู่ในช่วงฟูลทีมไร้ปัญหาตัวเจ็บและน่าจะได้เห็น กาสตัน รามิเรซ, ฟาบิโอ กวายาเรลล่า และ ดาเนี่ยล ซาปาต้า ที่ประสานงานจบสกอร์กันอย่างดีถูกวางบน 11 ตัวจริงอีกครั้ง

ซามพ์โดเรีย (4-3-1-2) : คริสเตียน พัคกิโอนี่ - บาสตอส เบเลซินสกี้, มาติอัส ซิลเวสเตร วาสโก้ เรกินี่, อิวาน สตรินิช - เอ็ดการ์ บาร์เรโต้, ลูคัส ตอร์ไรร่า, เดนนิส ปราเอ้ต์ - กาสตัน รามิเรซ - ฟาบิโอ กวายาเรลล่า, ดาเนี่ยล ซาปาต้า

ลุยจิ เดล เนรี กุนซือ อูดิเนเซ่ กำลังอยู่ในช่วงลำบากหลังพาทีมแพ้รวดมา 3 เกมติด แถมตัวเจ็บอย่าง ซิลวาน วิดเมอร์, ดานิโล่ และ สติเป เปริก้า ยังไม่พร้อมกับมาเป็นตัวเลือกได้ในเกมนี้ อย่างไรก็ดีทางด้านเจ้าถิ่นยังต้องปรับหมากหาชุดลงตัวต่อไปและมีแนวโน้มจะถอด อันโตนิน บารัค มิดฟิลด์วัยรุ่นที่โชว์ฟอร์มไม่ดีนักเพื่อเปิดทาง เซโก้ โฟฟาน่า ลงเล่น พร้อมกับวาง โรดริโก้ เด ปอล และ ยาคุบ ยังค์โต้ คอยปั้นเกมรุกให้คู่หัวหอกอย่าง เควิน ลาซานญ่า กับ มักซี่ โลเปซ จบสกอร์

อูดิเนเซ่ (4-3-2-1) : อัลแบร์โน่ บิซซาร์รี่ - เยนส์ ลาร์เซ่น, กาเบรียลล่า แองเกลล่า, บรัม นุยติ้งค์, ซาเมียร์ - เซโก้ โฟฟาน่า, วาลอน เบห์รามี่, ยาคุบ ยังค์โต้ - โรดริโก้ เด ปอล, เควิน ลาซานญ่า - มักซี่ โลเปซ

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ ''ตราหมี'' แอตเลติโก มาดริด หวังระบายแค้นในลีกเต็มที่หลังเพิ่งเจ็บแสบมาจากเกม ชปล. ที่ถูง เชลซี ปล้นชัยในนาทีสุดท้ายด้วยสกอร์ 1-2 ทั้งที่ฟอร์มในลีกกำลังดุโกยชัยมา 3 เกมรวด ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไม่มีตัวเจ็บให้ต้องกังวลใจยกเว้นในรายของ เฟลิเป้ ลุยส์ กับ ลูกัส เอร์นานเดซ ที่มีอาการเจ็บเล็กน้อยซึ่งน่าจะฟิตทันเวลา ส่วนทีเด็ดในแนวรุกแน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของ อองตวน กรีซมันน์ ที่จะจับคู่กับ อังเคล คอร์เรอา เป็นคู่หูแดนหน้า

แอตฯมาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค ; ซีม เวอร์ซัลจ์โก้, ดีเอโก้ โกดิน, ลูคัส เอร์นานเดซ, ฟิลิเป้ ลุยส์ ; โกเก้, โธมัส ปาร์ตีย์, ซาอูล ญีเกซ, ยานนิค การ์ราสโก้ ; อองตวน กรีซมันน์, อังเคล คอร์เรอา

อาเซียร์ การีตาโน่ กุนซือ เลกาเนส เพิ่งพาทีมเก้บชัยได้เป็นนัดแรกจาก 4 เกมหลังสุดมาหมาดๆ โดยเกมล่าสุดเป็นฝ่ายบุกชนะ ลาส พัลมาส 2-0 ส่วนความพร้อมก่อนเจอของโหดในเกมนี้พวกเขาจะไร้เงา เอเซเกว มูนญอซ และ โอมาร์ รามอส ที่เดี้ยงยาวก่อนหน้านี้ตามคาด ทำให้โฉมหน้าแข้งตัวจริงคงหนีไม่พ้นจากเกมที่แล้วอย่าง เอราโซ่, รูเบน เปเรซ, กาเบรียล ปีเรส และ อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้ และ เคลาดิโอ บัววิว ซึ่งทั้งหมดต่างโชว์ฟอร์มได้ดีและไม่มีความจำเป็นต้องปรับมากนัก

เลกาเนส (4-2-3-1) : อิวาน กูเอร์ย่า ; โฆเซบา ซัลดูอา, ดิมิตริออส ซิโอวาส, มาร์ติน มอนโตวานี่, ดีเอโก้ ริโก้ ; รูเบน เปเรซ, ดาร์โก้ บราซานัช ; เอราโซ่, กาเบรียล ปีเรส, อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้ ; เคลาดิโอ บัววิว

เดอ เบียซี่ กุนซือชั่วคราวเกือบมีเซอร์ไพรส์ตั้งแต่คุมนัดแรกหลังเปิดรังพ่าย เรอัล มาดริด 1-2 แต่โดยรวมยังคงอาการแย่หลังทีมพ่ายรวด 6 นัดติดจนหล่นมากองบ๋วยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในเกมนี้พวกเขาจะขาดแน่ๆก็คือ บิคตอร์ ลากูอาร์เดีย, เอคตอร์ เอร์นานเดซ (1 นัด)และ โบยาน (2 นัด) แต่ยังดีที่แกนหลักแนวรุกอย่าง อิไบ โกเมซ, อัลบาโร่ เมดราน บูร์กี้ ยังอยู่กันครบ

อลาเบส (4-2-3-1) : เฟร์นานโด ปาเชโก้ ; คาร์ลอส บิการาย, โรดริโก้ อีลี่, กีเยร์โม่ มาริปาน, รูเบน ดูอาร์เต้ ; มานู การ์เซีย, ดาเนี่ยล ตอร์เรส ; อิไบ โกเมซ, อัลบาโร่ เมดราน, บูร์กี้ ; มูนีร์

ฆวน รามอน มูนญิซ นายใหญ่เลบานเต้ ไม่มีตัวเจ็บเข้ามาเพิ่มเติมต่อจาก อีบัน โลเปซ (3 นัด),โรเคร์ มาร์ตี้ (-), เฆซอน (5 นัด)และ เจฟเฟอร์สัน เลร์ม่า (4 นัด)แกนหลักที่เดี้ยงอยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้โฉมหน้าตัวจริงพวกเขาไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้มากนักและยังคงได้เห็น เอนิส บาร์ดี้,โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส และ อิบี โลเปซ ลงมาปั้นเกมร่วมกันตามคาด

เลบานเต้ (4-3-3) : ราอูล เฟร์นานเดซ ; เปโดร โลเปซ, เซร์คิโอ ปอสตีโก้, เชม่า โรดริเกซ,โตนโญ่ ; โรเบร์ ปีเอร์, โฆเซ่ กัมปานญ่า ; อิบี โลเปซ, เอนิส บาร์ดี,โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส ; อเล็กซ์ อาเลเกรีย

ส่วนทีมเยือน มาลาก้า จัดว่าเละเทะหนักหลังเก็บได้แต้มเดียวตลอด 6 เกมหลังสุด ซึ่งในเกมนี้ มิเชล กุนซือ มาลาก้า จะไร้เงา ซดราฟโก้ คุซมาโนวิช ที่จะติดโทษแบนในเกมนี้ ส่วนทีเด็ดแนวรุกยังน่าจะใช้ อเลฆานโดร มูล่า, อาเดดรียน กอนซาเลซ, ดีเอโก้ โรลัน ผนึกกำลังร่วมกันโดยมี บอร์ฆ่า บาสยอน เป็นหอกตัวเป้า

มาลาก้า (4-2-3-1) : โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ ; โรเบร์โต้ โรซาเลส, ลุยส์ เอร์นานเดซ, ปอล บายาสเซ่, เฟเดริโก้ ริกก้า ; เรซีโอ้, เอสเตบัน โรลอน ; อเลฆานโดร มูล่า, อาเดดรียน กอนซาเลซ, ดีเอโก้ โรลัน ;บอร์ฆ่า บาสยอน

เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ นายใหญ่ประจำทีม เพิ่งพาทีมบุกพ่าย "ตราหมี" ในเกมลีกก็จริงแต่นั่นเพราะพวกเขาต้องเตรียมตัวเล่น ชปล. และก็สามารถเก็บชัยมาได้ในเกมกลางสัปดาห์ กลับมาเล่นเกมลีกคราวนี้พวกเขาไม่น่าจะทำการปรับหมากให้เสียขบวนกันเกินไปยกเว้นในรายของ กาเบรียล เมร์กาโด้ และ ดาเนี่ยล การ์ริโก้ ที่น่าจะได้ลงมาช่วยแผงหลัง ส่วนแดนรุกยังคงไว้ใจชุดเดิมในยามที่ไร้เงา โนลิโต้(3 นัด 1 ประตู)ที่ยังบาดเจ็บ

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, ไซม่อน เคียร์, ดาเนี่ยล การ์ริโก้, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ ; เอแวร์ บาเนก้า, สเตเว่น เอ็นซองซี่่, กานโซ่ : ฆัวกิน กอร์เรอา, วิสซัม เบน เยดเดอร์, โนลิโต้

ส่วนทีมเยือน เกตาเฟ่ ของนายใหญ่ โฆเซ่ บอร์ดาลาส ผลงานต่างกันคนละขั้วหลังหลังเริ่มเก็บแต้มได้เนื่องเป็นนัดที่สองซึ่งเกมล่าสุดจัดว่าร้ายเอาการเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายเปิดรังขย้ำ บียาร์เรอัล 4-0 ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงไม่มีชื่อของ นิโกลัส โกโรซิโต้ (-) ,เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่ (1 นัด),ดานี่ ปาเชโก้ (-) รวมไปถึง ฟายกัล ฟายร์ แนวรุกโมร็อคโคที่ต้องมาเจอต้นสังกัดจริง แต่ยังดีที่แนวรุกอย่าง ฆอร์เก้ โมลิน่า รวมถึง อังเคล โรดริเกซ ต่างพร้อมออกสตาร์ทกันทั้งคู่

เกตาเฟ่ (4-2-3-1) : บิเซนเต้ กูยาต้า ; ดาเมี่ยน ซัวเรซ, เฌเน่ ดาโกนัม, ฆวน กาล่า, บิตอเรียโน่ อันตูเนส ; มาร์เกล เบร์การ่า, เมาโร อารัมบาร์รี่ ; อัลบาโร่ คิมิเนซ, อังเคล โรดริเกซ, อามาธ เอ็นเดียเย่ ; ฆอร์เก้ โมลิน่า

เปเป้ เมล เทรนเนอร์ ลา กอรุนญ่า ยังคงต้องหาทางลบฝันร้ายจากฟอร์มอันย่ำแย่ต่อไปหลังพ่ายมา 3 จาก 4 เกมหลังสุด ซึ่งในเกมนี้พวกเขายังทำการปรับทัพได้ไม่มากนักแม้จะได้ ซากาเรีย บักกาลี่ แนวรุกเบลเยียมกลับมาจากอาการบาดเจ็บ แต่การไร้เงาแข้งเดี้ยงอย่าง รูเบน มาร์ติเนซ (2 นัด),การ์เลส กิล, เปโดร มอสเกร่า (3 นัด)และ อาเดรียน โลเปซ (1 นัด 1 ประตู) ทำให้กลุ่มผู้เล่นแกนหลักแทบยกชุดมาจากเกมล่าสุด

ลา กอรุนญ่า (4-3-3) : คอสเทล ปันติลิม่อน ; ฆวนฟราน, ฟาเบียน ชาร์, ซิดเน่, ลูซินโญ่ ; เซลโซ่ บอร์เกส, กีเยร์เม่ ซานโต๊ส, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ; เฟเด การ์ตาเบีย, ฟลอริน อันโดโน่, ลูกัส เปเรซ

ส่วนทีมเยือน เรอัล โซเซียดัด ของเทรนเนอร์ ยูเซบิโอ ซากริสตัน เกมนี้จะไร้เงาของ ราอูล นาบาส, คาร์ลอส มาร์ติเนซ,ราอูล นาบาส และ มิเกล โอยาร์ซาบัล ที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แถมยังซ้ำร้ายเมื่อกองหน้าตัวเก่งอย่าง ฆวนมี่ ดันเดี้ยงเพิ่มเติมจากเกมล่าสุดทำให้ โฉมหน้าในเกมรุกจะวาง คาร์ลอส เวล่า,วิลเลี่ยน โชเซ่ และ เซร์คีโอ กานาเลส ลงล่าตาข่ายร่วมกัน ทำให้ อั๊ดนาน ยานาไซ ที่ได้โอกาสลงเล่นต่อเนื่องจะได้ออกสตาร์ทจากม้านั่งสำรองไปก่อน

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ - อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ อีลูสตอนโด้, ดิเอโก้ ญอเรนเต้, เด ลา เบญ่า - ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า - คาร์ลอส เวล่า, วิลเลี่ยน โชเซ่, เซร์คีโอ กานาเลส

เจ้าบ้าน เซนิต ของนายใหญ่ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะหมดสิทธิ์ใช้งานแน่ๆก็คือในรายของ โอเล็ก ชาตอฟ แต่ยังมีข่าวดีอยู่บ้างเมื่อ เลอันโดร ปาเรเดส มิดฟิลด์ตัวเก่งและ วิคเตอร์ ไฟซูลิน จอมทัพรัสเซียสลัดเดี้ยงกลับมาเป็นทางเลือกแต่ในรายของ ปาเรเดส น่าจะมีชื่อเป็นตัวจริง ส่วนตัวทีเด็ดในแดนหน้ายังคงใช้ อเล็กซานเดอร์ โคโคริน เป็นตัวทีเด็ดพ่วงด้วย อาร์เทม ซูบา และ ดมิทรี โปลอซ ที่จะถูกส่งมาประสานงานในเกมนี้

เซนิตฯ (4-3-3) : อันเดร ลูเนฟ - อิกอร์ สโมลนิคอฟ, เอ็มมานูเอล มัมมาน่า, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, โดเมนิโก้ คริสซิโต้ - เลอันโดร ปาเรเดส, มาติอัส คราเนวิตเตอร์, ดาเลอร์ คูซยาเยฟ - อเล็กซานเดอร์ โคโคริน, ดมิทรี โปลอซ, อาร์เทม ซูบา

ส่วนทีมเยือน บียาร์เรอัล บุกมาเยือนเกมนี้ด้วยฟอร์มไม่สู้ดีนักหลังพ่าย เกตาเฟ่ 0-4 ในเกมลีกมาหมาดๆ ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในเกมนี้ ฟราน เอสกริบา เทรนเนอร์ จะไร้เงาแน่ๆก็คือ อันเดรส เฟร์นันเดซ,อาเดรียน มาริน และ บรูโน่ โซเรียโน่ ที่บาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ ส่วนตัวหลักที่คาดว่าจะถูกใส่ชื่อคงหนีไม่พ้น บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า,มานู ตริกูเอรอส และ การ์ลอส บักก้า ซึ่งจะเป็นตัวชูโรงในแดนหน้า โดยมี เอเนส อูนาล หอกดาวรุ่งชาวเติร์กที่จะได้ออกสตาร์ทแทน เซดริก บากัมบู ในเกมนี้

บียาร์เรอัล (4-4-2) : มาเรียโน่ บาร์โบซ่า ; อันโตนิโอ รูกาวิน่า, ดานีเยเล โบเนรา, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; ปาโบล ฟอร์นัลส์, นิโคลา ซานโซเน, มานู ตริกูเอรอส, เดนิส เชรีเชฟ ; เอเนส อูนาล, การ์ลอส บักก้า

ยอร์ดี้ ครอยฟ์ เฮ้ดโค้ช มัคคาบี้ เทล อาวีฟ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อีไล ดาซา กองหลังอิสราเอล อียาล โกลาซา ปีกขวาและหัวหอกชาวอเมริกาอย่าง แอรอน เชินเฟลด์ ที่ยังเดี้ยงกันครบเซ็ต คาดว่าในเกมนี้นายใหญ่ ยอร์ดี้ ครอยฟ์ เตรียมเปิดบ้านมาในรูปแบบ 3-4-3 พร้อมกับวาง ดอร์ มิคา, วิดยาร์ คาร์ตานส์สัน และ เอลิราน อทาร์ เป็นตัวยืนในผังแดนหน้า ส่วน วิดยาร์ คาร์ตานส์สัน กับ โอเมอร์ อัตซิลี่ จะหลุดเป็นตัวสำรองในแดนหน้าตามเดิม

มัคคาบี้ เทล อาวีฟ (3-4-3) : เปแดร็ก ไรจ์โควิช : ทาล เบน ฮาอิม,บาบิน,เอกอร์ ฟิลิเปนโก้ ;เชราน เยนี่,สเวน ซูชิซ,คริสเตียน บัตต็อคชิโอ้,โอเฟียร์ ดาวิดซาด้า ; ดอร์ มิคา, วิดยาร์ คาร์ตานส์สัน,เอลิราน อทาร์

ส่วนทีมเยือน สเตอัว บูคาเรสต์ ของผู้จัดการทีม วิโอเรล ตานาเซ่ แม้จะเปิดถ้วยยุโรปด้วยผลงานสวยหรูหลังเปิดรังถล่ม วิคตอเรีย พัลเซ่น 3-0 แต่สภาพความพร้อมโดยรวมต้องบอกว่ามีปัญหาพอสมควรหลังจะไร้เงา3 ตัวสำคัญอย่าง มาร์โก มอมชิโลวิช (8 นัด 1 ประตู) เเละ ดราโก้ ซิโอนุซ (6 นัด)สองแนวรับรวมไปถึง วิลเลี่ยม ดั๊กลาส (6 นัด 1 ประตู)ปีกตัวจี๊ดชาวแซมบ้าอีกราย

เจ้าบ้าน ลูกาโน่ ตัวแทนจาก สวิตเซอร์แลนด์ ผลงานกำลังย่ำแย่ต่อเนื่องหลังแพ้รวดมา 2 เกมติด แถมเกมนัดประเดิมรายการนี้ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาบุกไปพ่าย ฮาโปเอล เบีย เชว่า 2-1 ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามนายใหญ่ เพียร์ลุยจิ ทามิ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน มาริโอ้ พิโนชี่ (9 นัด) กองกลางดาวรุ่งชาวอิตาลีเช่นเดียวกับจาซิโนวิค แนวรับเเละ กิลโดลติ กองกลางที่บาดเจ็บยาว แต่ยังดีที่แกนหลักอย่าง ยูเนส บีนู มาร์ซูค (9นัด/1ประตู)หัวหอกชาวฝรั่งเศสวัย 21 ปียังพร้อมลงล่าตาข่ายตามคาด

ส่วนทีมเยือน ซอร์ย่า ตัวแทนจาก ยูเครน เกมนัดแรกในกลุ่มนี้ประเดิมไม่สวยหลังปราชัยคาบ้านต่อ ออสเตอร์ซุนด์ส 0-2 ยิ่งทำให้เกมนี้งานยากขึ้นทวีคูณเพราะจะจเอของแข็งอย่าง บิลเบา ซึ่งคาดว่าเกมนี้นายใหญ่ ยูริ เวอร์นีดั๊บ เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามไม่ว่าจะเป็น มัคซิม ลุนยอฟ ดาวยิงวัย 19 ปีที่จะลงเป็นหน้าเป้าพ่วงด้วย ดีมีโตร เกรชีชกิน กับ โอเล็คซานเดอร์ อันเดรียฟสกี้ คอยปั้นเกม ส่วนการขาดหายไปของตัวเจ็บอย่าง เซลย์โก้ ลูเบโนวิช กองกลางตัวเก๋า อุยรี่ ลิริโอ้ ตัวรุกเลือดแซมบ้ารวมถึง วาซิล พรีม่า แนวรับคนสำคัญย่อมส่งผลต่อทีมพอสมควร

ซอร์ย่า (4-2-3-1) : อันเดรย์ ลูนิน - เยฟเก้น โอปานาเซนโก้, อิฮอร์ คาราติน, โอเล็คซานเดอร์ สวาต็อค, อาร์เต็ม ซูค็อตสกี้ - อาร์เต็ม กอร์เดียนโก้ - โอเล็คซานเดอร์ คาราวาเยฟ, ดีมีโตร เกรชีชกิน, โอเล็คซานเดอร์ อันเดรียฟสกี้, อาร์เต็ม โกรมอฟ - มัคซิม ลุนยอฟ

โฆเซ่ อังเกล ซิกันด้า ผู้จัดการทีม จะหมดสิทธิ์ใช้งานแน่ๆก็คือในรายของ เยราย อัลบาเรซ กองหลังพลังหนุ่มที่ยังมีปัญหาบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักประจำทีมที่เหลือต่างอยู่กันพร้อมหน้าโดยเฉพาะ อาริตซ์ อาดูริซ หัวหอกตัวเก๋าพร้อมลงปักหลักในแดนหน้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย กับ อินญิโก้ กอร์โดบา คอยปั้นเกมจากข้างหลัง ส่วนคู่จอมทัพในเกมนี้จะเป็น เบนญัติ กับ มิเกล ซาน ลงคุมจังหวะเกมร่วมกัน

แอธเลติก บิลเบา (4-2-3-1) : ยาโก้ เอร์เรริน - เอเนโก้ โบเบด้า, ชาเบียร์ เอ็ตเซต้า, อายเมริก ลาปอร์เต้, เอนริก ซาโบริต - เบนญัติ, มิเกล ซาน โฆเซ่ - อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อินญิโก้ กอร์โดบา - อาริตซ์ อาดูริซ