วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนนายใหญ่ สตาเล่ โซลบัคเค่น ของ โคเปนเฮเก้น มีปัญหาตัวเลือกลงสนามอยู่พอสมควรเนื่องจากพวกเขาจะไร้เงาหัวหอกตัวเก่งอย่าง ซานตานเดร์ (5นัด/2 ประตูในลีก)ที่มีปัญหาบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ อีริค โยฮานส์สัน(5นัด)แนวรับคนสำคัญ และ นิโคไลจ์ ทรอมเซ่น(7นัด)กองกลางจอมทัพ อย่างไรก็ดีคีย์แมนในการปั้นเกมรุกอย่าง เซก้า เพลย์เมคเกอร์กรีซกับ เบนจามิน เวอร์บิค ที่เด็ดสำคัญยังพร้อมลงสนามตามคาด

ตัวแทนจาก มอลโดวา เชอร์ริฟ ติราสโพล ผลงานโดยรวมถือว่าเข้าตาไม่น้อยหลังเก็บชัยไปถึง 4 จาก 5 นัดหลัง โดยเกมแรกในกลุ่มนี้พวกเขาทำได้เพียงบุกเสมอ ซลิน 0-0 ก่อนจะมาเจอของแข็งอย่าง โคเปนเฮเก้น ในรังเหย้า ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนให้ต้องกังวลใจซึ่งทางนายใหญ่ โรแบร์โต้ บอร์ดิน เตรียมจัดชุดแกนหลักสำคัญลงบู๊หลายรายไม่ว่าจะเป็น กอร์เก้ แอนตัน, ซีกุย บาดิบังก้า และ ซีรีล บายาล่า เช่นเดียวกับแข้งวัยรุ่นอย่าง วิตาเลีย ดามาสคาน ได้ลงพิสูจน์ฝีเท้าเช่นกัน

ทีมเยือน ซูลเต้ วาเรเกม ตัวแทนจากศึก เบลเยี่ยม โปรลีก เพิ่งเปิดรังโดน นีซ ยำใหญ่มาเละเทะ 1-5 ในเกมแรกในรายการนี้ ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในเกมนี้นายใหญ่ แฟร้งกี้ ยังคงยึดแผนเก่ง 4-2-3-1 ลงบู๊ตามคาดพร้อมกับวาง อีวาน ซาปอนยิช เป็นหัวหอกตัวเป้าโดยมี ซานเดอร์ คูปมัน,โอเนอร์ คายา และ ปีเตอร์ โอลายินก้า เป็นตัวสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

ซูลเต้ วาเรเกม (4-2-3-1) : นิโกล่า เลียลี่ - เดวี่ เดอ โฟว์, มิชาเอบ เฮย์เลน ,ทิโมธีย์ เดริจ์ค,แคสเปอร์ ฮามาไลเน่น - เดอ พาวว์, เซย์ดู ดุมเบีย, ซานเดอร์ คูปมัน,โอเนอร์ คายา, ปีเตอร์ โอลายินก้า - อีวาน ซาปอนยิช

เจ้าบ้าน ลาซิโอ ตัวแทนจากอิตาลีบุกประเดิมคว้า 3 แต้มแรกของกลุ่มโดยการมีชัยเหนือ วิเทส 3-2 ส่วนความพร้อมในเกมนี้นายใหญ่ ซิโมเน่ อินซากี้ เตรียมจัดชุดผสมลงบู๊แถมยังจะมาในระบบ 3-4-3 พร้อมกับวาง หลุยส์ อัลแบร์โต้, หลุยส์ นานี่ และ เฟลิเป้ ไคเซโด้ เป็นตัวยืนในแผงแดนหน้า พร้อมกับใส่ชื่อ มิลินโกวิช ซาวิช กับ ชิโร่ อิมโมบิเล่ เป็นตัวเปลี่ยนในครึ่งหลังเท่านั้น ส่วนแข้งเดี้ยงพวกเขายังคงไร้ชื่อของ วัลเลซ, สเตฟาน เด ฟราย และ เฟลิเป้ อันแดร์สัน ตามเดิม

ลาซิโอ (3-4-3) : โธมัส สตราโคช่า - หลุยส์ ฟิลิเป้, บาสโตส , จอร์แดน ลูกากู - อดัม มารูชิช, ลูคัส เลว่า, เดวิด ดี เจนนาโร,จอร์แดน ลูกากู - หลุยส์ อัลแบร์โต้, มิลินโกวิช ซาวิช - ชิโร่ อิมโมบิเล่

ส่วนทีมเยือน นิวยอร์ก ซิตี้ ทีมรวมดาราประจำศึกเมเจอร์ลีกช่วงหลังๆมีฟอร์มฝืดให้เห็นอยู่บ้างหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมติดเข้าไปแล้ว(เสมอ2แพ้1) ซึ่งเกมนี้จะไม่มีชื่อแน่ๆก็คือในรายของ แม็คซิม ชาร์นอต(19นัด/2ประตู)กองหลังและ เจมส์ แซนส์(1นัด)กับ มิเกล คามาร์โก้(8นัด)สองมิดฟิลด์ที่จะไม่มีชื่อในเกมนี้ ส่วนทีเด็ดชื่อดังอย่าง ดาบิด บีย่า(27นัด/17ประตู) ยังถูกวางเป้นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี แม็คซิมมิลิอาโน่ โมลาเรซ(26นัด/5ประตู) เป็นตัวสนับสนุน

ฟอร์มเจ้าบ้าน มอนทรีออล อิมแพ็ค ยังคงอาการหนักต่อเนื่องแม้จะฮึดชนะ โตรอนโต้ เอฟซี มาหมาดๆ เกมล่าสุดกลับทองลอกอีกครั้งหลังบุกไปพ่าย แอตแลนต้า ยูไนเต็ด 2-0 เป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 5 จาก 6 เกมหลังสุดเข้าไปแล้ว ส่วนความพร้อมเกมนี้พวกเขาจะขาด อัมโบรเซ่ โอยอนโก้(11นัด/ประตู) แนวรับตัวเก่งทีมชาติคเมอรูนที่ยังบาดเจ็บ ลอเรนซ์ ซีแมน(26นัด),เดร์อัน โบลดอร์(3นัด)และ วิคตอร์ คาเบร์ร่า(18นัด) ยังพร้อมเป็นตัวยืนในแผงหลังสามได้ไม่มีปัญหา

ส่วนทีมเยือน ฟิลลาเดเฟีย ผลงานจัดว่าห่างกันพอสมควรหลังเพิ่งเก็บชัยได้เป็นนัดแรกในรอบ 6 เกมหลังจากการเปิดรังชนะ ชิคาโก ไฟร์ 3-1 ในเกมล่าสุด อย่างไรก็ดีพวกเขามีข่าวดีก่อนลงสนามไม่น้อยเมื่อคีย์แมนตัวเก่งอย่าง อิลซินโญ่(24นัด/4ประตู)กองกลางตัวเก่งเตรียมผ่านความฟิตกลับมาลงสนาม เช่นเดียวกับการเช็คความฟิต อาร่อน โยเนส(-),โจชัว ยาโร่(6นัด) 2 แนวรับ และ แดนกลางอย่าง ฟาเบรียน เฮอร์เบอร์(5นัด/1ประตู)

เจ้าบ้าน แอตแลนต้า ยูไนเต็ด ฟอร์มอยู่ในช่วงขาขึ้นก็ว่าได้หลังเก็บชัยต่อเนื่องไปถึง 4 จาก 5 เกมหลัง โดยเกมล่าสุดเพิ่งเปิดรังชนะนิ่มต่อ มอนทรีออล อิมแพ็ค 2-0 ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะไร้ชื่อแน่ๆก็คือ อเล็ค คานน์(18นัด)นายด่านที่มีปัญหาบาดเจ็บและ มิเกล อัลมิล่อน(29นัด/9ประตู)แนวรุกตัวเก่งที่ยังบาดเจ็บเช่นกัน อย่างไรก็ดีพวเขามีลุ้นได้ตัว เกร็ก การ์ซ่า(24นัด/2ประตู)แนวรับตัวเก่งผ่านความฟิตกลับมาลงสนามได้ทันเวลา

ส่วนทีมเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ผลงานยังคงแรงต่อเนื่องซึ่งในเกมนี้หากพวกเขาเก็บสามแต้มจะมีลุ้นขึ้นไปรั้งจ่าฝูงทันที ส่วนความพร้อมก่อนลงสนาม นูโน่ เอสปิริโต นายใหญ่ ไม่มีรายงานเรื่องตัวเจ็บตัวแบนเข้ามา แถมยังมีลุ้นเช็คฟิตของ เฮลเดอร์ คอสต้า ปีกจอมเลื้อยอีกด้วย และมีแนวโน้มไม่น้อยที่พวกเขาจะยังคงยึดคีย์แมนหน้าเดิมที่พาโกยแต้มต่อเนื่องอย่าง อีวาน คาวาเลโร่ (8 นัด/1 ประตู), ลีโอ โบนาตินี่ (9 นัด/3 ประตู) และ ดิโอโก้ ยอต้า (9 นัด/5 ประตู)ลงประจำแผงแนวรุกครบเซ็ต

คริส วิลเดอร์ นายใหญ่ประจำทีมเพิ่งพาทีมตุนความมั่นใจหลังบุกไปชนะ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 4-2 ในศึกดาร์บี้แมตช์ ซึ่งในเกมนี้พวกเขามีข่าวดีคือจะได้ ริชาร์ด สเตียร์แมน ปราการหลังจอมเก๋าวัย 30 ปีหายเจ็บกลับมาเช่นเดียวกับ เคลย์ตัน โดนัลด์สัน หัวหอกที่กลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้อีกครั้งแต่ยังต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนาม ส่วนตัวทีเด็ดตามคาดคงหนีไม่พ้นแกนหลักจากเกมที่แล้วนำโดย เลออน คลาร์ก(6นัด/2ประตู) ลงยืนเป็นหน้าเป้าโดยจะมี มาร์ค ดัฟฟี่ (7 นัด/1 ประตู), จอห์น เฟล็ก (9 นัด/1 ประตู) และ เดวิด บรู๊กส์ (7 นัด)เป็นตัวสนับสนุน

ส่วนทีมเยือน เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ หวังแก้ตัวให้ได้ในเกมนี้หลังพลาดท่าพ่ายศึกดาร์บี้แมตช์ต่อ เชฟฯยูไนเต็ด 2-4 คาถิ่นตัวเอง คาดว่าเกมนี้นายใหญ่ คาร์ลอส คาร์วัลญัล เตรียมจัดชุดฟูลทีมลงบู๊อีกครั้งนำโดย สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ (8 นัด/2 ประตู)กับ แกรี่ ฮูเปอร์ (9 นัด/5 ประตู)หัวหอกดาวซัลโวประจำทีมลงยืนเป็นคู่หน้าพร้อมกับใช้ เดวิด โจนส์ (9 นัด/1 ประตู), รอสส์ วอลเลซ (8 นัด/1 ประตู) และ แบร์รี่ แบนแนน (9 นัด)เป็นตัวปั้นเกมแดนกลาง

เจ้าบ้าน เบอร์มิงแฮม ผลงานยังกู่ไม่กลับจนเวลานี้รั้งโซนท้ายอันดับที่ 23 เป็นที่เรียบร้อย จึงไม่แปลกที่ทางสโมสรจะทำการปลดผู้จัดการทีมโดยให้ ลี คาร์สลี่ย์ เป็นกุนซือขัดตาทัพ ส่วนความพร้อมในเกมนี้ยังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงหน้าเดิมอย่าง ไอแซค วาสเซลล์, ชี อดัมส์, ยอต้า และ เจสัน โลว์ ส่วนทั้งหมดล้วนเป็นแข้งมีอิทธิพลในสนามทั้งสิ้น คาดว่าเกมนี้พวกเขายังยึดแนวรุกหน้าเดิมลงเล่นตามคาดไม่ว่าจะเป็น แซม กาลาเกอร์ (5 นัด), ฌักส์ มาโกม่า (8 นัด/2 ประตู) และ ชีค เอ็น'ดอย (9 นัด) รวมไปถึง ลูคัส ยุตคีวิซ (6 นัด/1 ประตู)ลงเป็นหัวหอกตัวเป้า

ส่วนทีมเยือน "เจ้าบุญทุ่ม" ของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ จะหมดสิทธิ์ใช้งานแน่ๆก็คือในรายของ ราฟินญ่า ที่เจ็บยาวและ อุสมาน เดมเบเล่ (1 นัด)แนวรุกค่าตัวแพงทำให้โฉมหน้าในแนวรุกจะปรับมาใช้ เดนิส ซัวเรส ที่วาดลวดลายเข้าตาไม่น้อย ซึ่งทีเด็ดแดนหน้าที่เหลือคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลิโอเนล เมสซี่ กับ หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมกับวาง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ เปาลินโญ่ จับคู่แดนกลางร่วมกันโดยมี อันเดรส อีเนียสต้า เป็นตัวปั้นเกม

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : อันเดร แทร์ สเตเก้น - เนลสัน เซเมโด้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา - เปาลินโญ่, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า - ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เดนิส ซัวเรส

เจ้าบ้าน สปอร์ติ้ง ลิสบอน ของกุนซือ ฮอร์เก้ เฮซุส อยู่ในสภาพทีมแทบจะฟูลทีมก็ว่าได้เนื่องจากพวกเขาจะขาดเพียงแค่ อลัน ลุยซ์ (4 นัด) มิดฟิลด์วัย 24 ปีที่บาดเจ็บมาเจอเกมลีกนัดล่าสสุดเท่านั้น คาดว่าในเกมนี้ทางตัวแทนจากโปรตุเกสจะมาเน้นรัดกุมเกมรับเป็นพิเศษยามรับมือ บาร์เซโลน่า จากที่ได้เห็นการจัดทัพในระบบ 5-4-1 พร้อมกับวาง บาส โดสท์ เป็นหัวหอกห้อยหน้าเพียงตัวเดียวเท่านั้น

สปอร์ติ้ง ลิสบอน (5-4-1) : รุยซ์ ปาทริซิโอ้ - คริสเตียโน่ พิซซินิ, เซบาสเตียน โคอาเตส, เยเรมี่ มาติเบอร์, ฟาบิโอ โครเอนเทรา - บรูโน่ เฟอร์นันเดส, วิลเลี่ยม คาวัลโญ่, มาร์กอส อกาน่า, โรดริโก้ บัทตาเกลีย - บาส โดสท์

ส่วนตัวแทนจากกรีซประเดิมเกมแรกด้วยความพ่ายแพ้เช่นเดียวกันหลังเปิดรังพ่าย สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-3 ในนัดประเดิมกลุ่ม ดี ส่วนความพร้อมในเกมนี้นายใหญ่ เบสนิค ฮาซี่ จะไม่มีแน่ๆก็คือ ยากอส วูโควิค ที่มีปัญหาเดี้ยงยาวต่อเนื่องเช่นเดียวกับ อัลแบร์โต้ โบเตีย แข้งแนวรับ ส่วนกลุ่มทีเด็ดแนวรุกเกมนี้จะได้เห็น มาร์โก้ มาริน, คอนสแตนตินอส ฟอร์ตูนิส และ เมห์ดี้ การ์เซล่า-กอนซาเลซ เป็นสามประสานแนวรุกพร้อมกับทิ้ง เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้ เป็นหัวหอกตัวเป้า

โอลิมเปียกอส (4-2-3-1) : สเตฟานอส คาปิโน่ - โอมาร์ เอลอับเดลลาอุย, อเล็กซี่ ราเมา, ยอร์น เอ็นเกลส์, เลโอนาร์โด้ กรูว์ตริส - วาดิส โอดิดญ่า, ฌิลเล่ต์ - มาร์โก้ มาริน, คอนสแตนตินอส ฟอร์ตูนิส, เมห์ดี้ การ์เซล่า-กอนซาเลซ - เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้

เจ้าบ้าน ยูเวนตุส ของนายใหญ่ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี เตรียมขนชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะพร้อมได้หลังจะยังไร้เงา มัตเตีย เด ชีโญ่,เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ้ (1 นัด), ซามี่ เคดิร่า (2 นัด)และ มาร์โก้ เปียก้า ที่ยังบาดเจ็บอยู่ คาดว่าเกมนี้นายใหญ่ อัลเลกรี เตรียมปรับแท็คติกจากเกมถล่ม โตริโน่ ในลีกด้วยการถอด ดั๊กลาส คอสต้า พร้อมกับถอย มาริโอ มานด์ซูคิช ลงมาเล่นปีกซ้ายเพื่อให้ กอนซาโล่ ฮิกัวอิน ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า พร้อมกับวาง เปาโล ดิบาล่า และ ฮวน กวาดราโด้ คอยขึ้นเกมร่วมกัน

ยูเวนตุส (4-2-3-1) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - ม็อตต้า เด เซจิโอ้, อันเดรีย บาร์ซาญี่, เมห์ดี้ เบนาเตีย, อเล็กซ์ ซานโดร - มิราเลม ปานิช, แบลส มาตุยดี้ - ฮวน กวาดราโด้ , เปาโล ดิบาล่า, มาริโอ มานด์ซูคิช - กอนซาโล่ ฮิกัวอิน

ส่วนทีมเยือน "แมวดำ" ของ ซันเดอร์แลนด์ ของกุนซือ ไซม่อน เกรย์สัน ยังต้องลุ้นเช็คความฟิตของ จอนนี่ วิลเลี่ยมส์ (3 นัด)และ คัมลั่ม แม็คมานามาน (3 นัด) หลังไม่ได้ลงเล่นมาเมื่อเกมที่แล้ว ส่วนทีเด็ดที่พอหวังพึ่งได้คงหนีไม่พ้น เจมส์ วาห์น(9นัด/1ประตู)ที่จะลงยืนเป็นหน้าเป้า โดยใช้ ลินเดน กูช(7นัด/1ประตู)ที่มักเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้งได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งหลังกองหน้าในระบบ 4-2-3-1

มิค แม็คคาร์ธี่ นายใหญ่ "ม้าขาว" อิปสวิช อยู่ในสภาพทีมค่อนข้างฟูลทีมจะขาดก็เพียงแค่ ฟลิน โดวเนส (6 นัด)กองกลางดาวรุ่งที่มีปัญหาบาดเจ็บ ส่วนทีเด็ดแดนหน้าเตรียมวาง เดวิด แม็คโกลดริค(7นัด/3ประตู)กับ โจ การ์เนอร์(8นัด/4ประตู)เป็นคู่หัวหอกในระบบ 4-4-2 พร้อมกับวาง แกรนท์ วอร์ด(7นัด)ขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย พร้อมกับให้โอกาส เบอร์ซันต์ เซลิน่า(4นัด/1ประตู)ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกในซีซั่นนี้ในตำแหน่งปีกขวา

ส่วนทีมเยือน ฟูแล่ม จะไม่มีแน่ๆก็คือ ฟลอยด์ อายิเต้ แนวรุกตัวจี๊ดที่ดันเจ็บแฮมสตริงจากเกมล่าสุดทำให้ นีเค่นส์ เคบาโน่ (8 นัด/1 ประตู)จะถูกวางลงแทนตำแหน่งพร้อมกับประสานงานร่วมกับ สเตฟาน โยฮันเซ่น (8 นัด/1 ประตู), ลุย ฟอนเต (4 นัด/1 ประตู) โดยมี โอลิเวียร์ นอร์วู้ด (9 นัด/1 ประตู)ลงเป็นหัวหอกตัวเป้า

มาร์ค วอร์เบอร์ตัน นายใหญ่ประจำทีมเตรียมประเดิมเกมในบ้านหลังบุกไปพ่าย แอสตัน วิลล่า 1-2 โดยการส่ง เบน ออสบอร์น จอมทัพตัวเก่งออกสตาร์ทตัวจริงร่วมกับแนวรุกอย่าง ดาร์รีล เมอร์ฟี่ย์ (9 นัด/5 ประตู), แบร์รี่ แม็คเคย์ (7 นัด/2 ประตู) และ อันเดรียส บูชาลากิส (7 นัด/2 ประตู) อย่างไรก็ดีในรายกองกลางตัวหลักอีกรายอย่าง เดวิด วอร์น แม้จะเพิ่งกลับมาซ้อมกลับเพื่อนทว่ายังไม่ฟิตพอมีชื่อออกสตาร์ทในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน เร้ดดิ้ง ของกุนซือ ยาป สตัม จำเป็นต้องลุ้นเช็คความฟิตของ โมดู บาร์โร่ว (6 นัด/1 ประตู) หัวหอกตัวเก่งว่าจะพร้อมสำหรับเกมนี้หรือไม่ อย่างไรก็ดีแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงประจำตำแหน่งแถมยังจะได้ จอห์น บูร์วาสสัน (5 นัด/2 ประตู)กลับมามีชื่อเป็นตัวจริงหลังลงมาเป็นทีเด็ดในเกมเสมอ ฮัลล์ ซิตี้ 1-1 นัดที่ผ่านมา

เจ้าบ้าน มิลล์วอลล์ ไม่มีปัญหาตัวเจ็บเข้ามาในยามนี้ทว่าพวกเขาจะไร้เงา ลี เกรกอรี่ (7 นัด/1 ประตู) หัวหอกวัย 29 ปีที่ค้างโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย ส่วนทีเด็ดในเกมนี้นายใหญ่ แฮร์ริส ยังคงไว้ใจ สตฟ มอร์ริสัน และ เฟร็ด ออนเยนดินม่า เป็นคู่หัวหอกในระบบในระบบ 4-4-2 โดยมี จอร์จี้ ซาวิลล์ (9 นัด/2 ประตู) กับ ชอห์น วิลเลี่ยมส์ (9 นัด) คอยคุมเกมแดนกลาง

ส่วนทีมเยือน นอริช อยู่ในช่วงมั่นใจไม่แพ้กันหลังไม่แพ้ติดมา 5 เกมรวด อย่างไรก็ดีสภาพวามพร้อมของทีมเยือนดูจะมีปัญหากว่าเนื่องจากยังต้องลุ้นว่า เนลสัน โอลิเวียร่า ดาวซัลโวของทีมจะฟิตทันหรือไม่ นอกจากนี้พวกเขายังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน มาริโอ วรานซิค กับ เวส ฮูลาฮาน สองมิดฟิลด์ประจำทีมทั้งยังคงบาดเจ็บอยู่ ส่วนทีเด็ดแนวรุกอย่าง จอร์ช เมอร์ฟี่ย์(9 นัด/1 ประตู) และ ยานนิค วินด์ชัทต์(7 นัด/1 ประตู)ยังพร้อมเป็นทีเด็ดโดยมี คาเมร่อน เจโรม(6 นัด)เป็นหัวหอกตัวเป้า

เจ้าบ้าน มิดเดิ้ลสโบรช์ ฟอร์มโดยรวมถือว่าไม่ธรรมดาหลังยังไม่แพ้ใครมา 7 เกมรวดเข้าไปแล้ว แถมสภาพความพร้อมก่อนเกมในนัดนี้นายใหญ่ แกรี่ มังค์ ยังจะได้ อดาม่า ตราโอเร่ พ้นโทษแบนกลับมาเป็นทางเลือกแนวรุกพร้อมกับวาง บริทท์ อัสซอมบาล็องก้า(9นัด/5ประตู)ที่กำลังท็อปฟอร์มลงเป็นตัวจบสกอร์โดยมี แพทริค แบมฟอร์ด(7 นัด)เป็นคู่หู ส่วนในรายของ ฟาบิโอ ฟูล แบ็คเลือดบราซิลต้องรอเช็คความฟิตก่อนลงสนามอีกครั้ง

ส่วนทีมเยือน ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่มีเป็นตัวเลือกแน่ๆก็คือ โจ โกเมซ ที่โดนไล่ออกท้ายเกมนัด เซบีญ่า ส่วนแนวรุกตัวเอ้อย่าง ซาดิโอ มาเน่ จะกลับมาประจำผังแนวรุกอีกครั้งหลังไม่ได้ลงสนามในเกมลีกจากปัญหาโทษแบน ซึ่งเกมนี้ผู้จัดการทีมเตรียมเน้นความรัดกุมเป็นพิเศษโดยการวาง โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ เป็นหน้าเป้าตัวเดียวพ่วงด้วย โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ คอยปั้นเกมจากด้านหลัง ส่วนช่องว่างในตำแหน่งแบ็กขวาจะเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงมาทดแทน

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : โลริส คาริอุส ; เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติป,เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่ ; เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ; โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ซาดิโอ มาเน่ - โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่

เจ้าบ้าน สปาร์ตัก มอสโก ของกุนซือ มัสซิโม่ คาร์เรร่า ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งานสามคีย์แมนแต่ละตำแหน่งไม่ว่าจะเป็น เซ หลุยส์ หัวหอกตัวเก่ง, ยาโน อนานิดเซ่ กองกลางจอร์เจียและ เซอร์ดาร์ ทาสชี่ แนวรับเมืองเบียร์ นอกจากนี้ทางเจ้าถิ่นยังต้องลุ้นหนักว่า ควินซี่ โปรเมส ปีกตัวจี๊ดที่ส่อแววฟิตไม่ทันในเกมนี้จะหายทันหรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้ที่ทาง คาร์เรร่า ผู้จัดการทีมจะเข็นลงประสานงานร่วมกับ หลุยซ์ อาเดรียโน่ และ อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ เป็นสามแดนหน้า

สปาร์ตัก มอสโก (4-3-3) : อาร์เต็ม เรบรอฟ - อันเดรย์ เอชเชนโก้, ซัลวาตอเร่ บ็อคเค็ตติ, แซร์ดาร์ ทาสซี่, ดมิทรี คอมบารอฟ - อิเวลิน โปปอฟ, แฟร์นานโด, มาริโอ ปาซาลิช -อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ, ควินซี่ โพรเมส, หลุยซ์ อาเดรียโน่

สว่นทีมเยือน มาริบอร์ ตัวแทนจากสโลวีเนีย มีปัญหาตัวเจ็บเข้ามาเพิ่มเติมอีกรายนั่นก็คือ มาร์โก ซูเลอร์ เซนเตอร์ฮาร์ฟตัวหลักทำให้เกมนี้พวกเขาเตรียมปรับมาใช้ ฌอง-โคลด บิลลงก์ ปราการหลังร่างโย่งจากสโมสร รูด้าร์สลัดเดี้ยงกลับมาแทนที่ ขณะที่แกนหลักในเกมนี้นายใหญ่ มิลานิซ ยังคงไว้ใจ มาร์คอส ตาวาเรส ดาวยิงแซมบ้าเป็นหน้าเป้าและวาง เกรเกอร์ บายเด้, วาลอน อาห์เมดี้ กับ ดามยาน โบฮาร์ เป็นสามประสานในระบบ 4-2-3-1

มาริบอร์ (4-2-3-1) : ยาสมิน ฮันดาโนวิซ - มาร์ติน มิเลก, อเล็คซานเดอร์ รายเซวิซ, ฌอง-โคลด บิลลงก์, มิตย่า วิเลอร์ - มารูวาน คาบ้า, บลาซ เวอร์โฮเว็ก - เกรเกอร์ บายเด้, วาลอน อาห์เมดี้, ดามยาน โบฮาร์ - มาร์คอส ตาวาเรส

เจ้าถิ่น เซบีญ่า เตรียมเซ็ตแผนเก่งกลับมาบู๊ ชปล. อีกครั้งหลังจัดชุดผสมบุกไปพ่าย "ตราหมี" ในเกมลีกมาหมาดๆ ความพร้อมโดยรวมก่อนเกมกุนซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ ยังคงไร้เงาตัวเจ็บยาวอย่าง โนลิโต้ หัวหอกวัย 30 ปีตามเดิม ขณะที่แข้งแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงประจำตำแหน่ง โดยวาง วิสซัม เบน เยดเดอร์ ดาวยิงเลือดน้ำหอมออกสตาร์ทล่าสกอร์ร่วมกับ เฆซุส นาบาส และ ปาโบล ซาราเบีย

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ - กาเบรียล เมร์กาโด้, ไซม่อน เคียร์, นิโกลัส ปาเรฆ่า, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ - สเตเว่น เอ็นซองซี่่ - เอแวร์ บาเนก้า, กานโซ่, เฆซุส นาบาส, ปาโบล ซาราเบีย - วิสซัม เบน เยดเดอร์

ส่วนทีมเยือน ลาซิโอ จะไม่มี วัลเลซ, สเตฟาน เด ฟราย, บาสโต๊ส และ เฟลิเป้ อันแดร์สัน ที่ยังบาดเจ็บ ทำให้นายใหญ่ ซิโมเน่ อินซากี้ ต้องปรับทัพแพงหลังพอสมควรโดยการส่ง แพทริค กับ จอร์แดน ลูกากู ลงสนาม โดยมี ลูคัส เลว่า กับ เซนาด ลูลิช ช่วยกันประคองเกมตรงกลาง ขณะที่แดนหน้ายังไว้ใจกลุ่มแกนหลักอย่าง หลุยส์ อัลแบร์โต้, มิลินโกวิช ซาวิช และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ลงปักหลักต่อไป

ลาซิโอ (4-3-2-1) : โธมัส สตราโคช่า - แพทริค, หลุยส์ ฟิลิเป้, สเตฟาน ราดู, จอร์แดน ลูกากู - มาร์โก ปาโรโล่, ลูคัส เลว่า, เซนาด ลูลิช - หลุยส์ อัลแบร์โต้, มิลินโกวิช ซาวิช - ชิโร่ อิมโมบิเล่

ทีมน้องใหม่ เวโรน่า มีข่าวดีคือจะได้ ซามูเอล ซูร์พาย็อง ปราการหลังเลือดน้ำหอมพ้นโทษกลับมา ในขณะที่แดนกลางอาจจะปรับตำแหน่งเล็กน้อยโดยให้โอกาส มัตเตีย วาล็อตติ ปีกจอมเลื้อยที่โชว์ฟอร์มดีจากเกมที่แล้วลงประสานงานกับ มอยเซ่ คีน กับ จามเปาโล ปาซซินี่ ในแดนหน้า ส่วนตัวเจ็บยังคงไร้เงา อเล็ก แฟร์รารี่ กับ มัตเตโอ เบียนเช็ตติ ในแผงแนวรับตามเดิม

เวโรน่า (4-3-3) : นิโคลาส - โรเมลู, มาร์ติน กาเซเรส, โทมัส เฮอตูร์, ซามูเอล ซูร์พาย็อง - มาร์โก ฟอสซาติ, บรูโน่ ซูคูลินี่, ดาเนี่ยล เบสชา - มอยเซ่ คีน, จามเปาโล ปาซซินี่ - มัตเตีย วาล็อตติ

ส่วนทีมเยือนของ มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์ บาเลนเซีย จะขาดเพียงแค่ รูเบน เบโซ่ (2 นัด) กองหลังเพียงรายเดียวเท่านั้น ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงประจำตำแหน่งนำโดย เอเซเกว การาย และ โชเซ่ กาย่า ที่เตรียมกลับมามีชื่อเป็นตัวจริงอีกครั้งหลังได้พักในเกมที่แล้ว ส่วนแดนหน้าจะใช้ โรดริโก้ โมเรโน่ กับ ซานติ มิน่า ลงยืนคู่กัน

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, กาเบรียล เปาลิสต้า, เอเซเกล การาย, โฆเซ่ กาย่า ; การ์ลอส โซเลร์, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, อันเดรียส เปไรร่า ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซานติ มิน่า

ยูเซบิโอ ซาคริสตัน กุนซือ เรอัล โซเซียดัด จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ดีเอโก้ ยอเรนเต้ ปราการหลังตัวหลักที่ติดโทษแบน รวมถึงแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง ราอูล นาบาส (2 นัด) กับ การ์ลอส มาร์ติเนซ ส่วนผังตัวจริงในเกมนี้จะทำการส่ง กานาเลส ขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้าย เช่นเดียวกับอีกหนึ่งห้องเครื่องอย่าง ดาบิด ซูรูตูซ่า จะกลับมามีชื่อเป็นตัวจริงเช่นกัน

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ เอลุสตอนโด้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เควิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; อั๊ดนาน ยานาซาย, วิลเลี่ยน โชเซ่, เซร์คิโอ กานาเลส

ส่วนทีมเยือน เซลต้า บีโก้ ของกุนซือ ฆวน อุนซู จะไม่มี นมันย่า ราโดยา ห้องเครื่องเซิร์บ ซึ่งเดี้ยงอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งทางเฮดโค้ชจะปรับผู้เล่นเพียงแค่าองตำแหน่งโดยการส่ง ตานิสลาฟ โลบอตก้า ขึ้นเกมรุกฝั่งขวาแทน บราอิส เมนเดซ และ ดาเนี่ยล วาสส์ จะขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายแทน โฆซาเบด เท่านั้น

เซลต้า บีโก้ (4-3-3) : เซร์คิโอ อัลบาเรซ ; อูโก้ มาโย่, เซร์กี้ โกเมซ, ฟอันดรู ฟอนตาส, จอนนี่ อ๊อตโต้ ; สตานิสลาฟ โลบอตก้า, ปาโบล เอร์นันเดซ, ดาเนี่ยล วาสส์ ; ยาโก้ อาสปาส, มักซี่ โกเมซ, ปิโอเน่ ซิสโต้

โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ นายใหญ่ เออิบาร์ มีปัญหาให้ต้องปวดหัวเมื่อ อีบัน อเลโฆ มิดฟิลด์วัย 22 ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่าต้องพักยาว 6-8 สัปดาห์ รวมถึง เปโดร เลออน มิดฟิลด์ที่งยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ทไให้กลุ่มผู้เล่นตัวหลักจะเหลือเพียงแค่ เซร์จี้ เอ็นริช กับ กีเก้ การ์เซีย ที่จะพร้อมยืนเป็นหน้าเป้ารวมถึง ดานี่ การ์เซีย ที่จะคอยคุมเกมกลางสนาม

เออิบาร์ (4-4-2) : มาร์โก ดมิโตรวิช ; อันเดร์ กาป้า, เปาโล โอลิเวยร่า, อีบัน รามิส, โฆเซ่ อังเคล ; เบเบ้, ดานี่ การ์เซีย, โฆน ฆอร์ดาน, ทาคาชิ อินูอิ ; เซร์จี้ เอ็นริช, กีเก้ การ์เซีย

อาเซียร์ การีตาโน่ กุนซือเลกาเนส ไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาจากเกมล่าสุดและพร้อมส่ง มาร์ติน มานโตวานี่, รูเบน เปเรซ, กาเบรียล ปีเรส และ อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้ ออกสตาร์ทตัวจริงกันอีกครั้ง และมีลุ้นได้เห็น นอร์ดิน อัมราบัต แบ็คจากวัตฟอร์ดออกมาวาดรวดลายในเกมนี้

เลกาเนส (4-2-3-1) : อิวาน กูเอร์ย่า ; โฆเซบา ซัลดูอา, ดิมิตริออส ซิโอวาส, มาร์ติน มอนโตวานี่, ดีเอโก้ ริโก้ ; รูเบน เปเรซ, ดาร์โก้ บราซานัช ; เอราโซ่, กาเบรียล ปีเรส, อเล็กซานเดอร์ ซีมานอฟสกี้ ; เตลาดิโอ บัววิว

มาโนโล่ มาร์เกซ กุนซือ ลาส พัลมาส มีปัญหาค่อนเยอะในเรื่องขุมกำลังหลัง ดานี่ กัสติเญโฆ่ (4 นัด), เปโดร บิกัส (2 นัด), เซร์กี ซามเปร์, บิโตโล่ (3 นัด) และ อเลน ฮาลิโฮวิช (3 นัด) เป็รายชื่อไม่พร้อมลงสนามแทบทั้งสิ้น แต่ยังดีที่ตัวชูโรงอย่าง โลอิก เรมี่ เตรียมคัมแบ็กกลับมาลงสนามได้ค่อข้างแน่

ลาส พัลมาส (4-3-3) : เลียนโดร ชิชิโซล่า ; มิเชล มาเกโด้, เมาริซิโอ เลมอส, อายธามี่ อาร์ติเลส, ชิโม่ นาบาร์โร่ ; โฆนาธาน บีเอร่า, ฆาบี กัสเตยาโน่, อัลเบร์โต้ อคิลานี่ ; อุสซาม่า ตานนาเน่, โฆนาธาน กาเยรี่, โลอิก เรมี่

ส่วนกุนซือ ฟราน เอสกริบา ยังคงไร้ชื่อของ อันเดรส เฟร์นันเดซ (2 นัด),อาเดรียน มาริน และ บรูโน่ โซเรียโน่ ทำให้แกนหลักของทีมจำเป็นต้องวาง โรดรี, มานู ตริกูเอรอส กับ ซามู กัสติเญโฆ่ คอยเป็นทีเด็ดแดนกลาง และวาง เซดริก บากัมบู และ การ์ลอส บักก้า คอยหาจังหวะจบสกอร์ร่วมกัน

บียาร์เรอัล (4-4-2) : มาเรียโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; ปาโบล ฟอร์นัลส์, โรดรี, มานู ตริกูเอรอส, ซามู กัสติเญโฆ่ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

โฆเซ่ บอร์ดาลาส เฮดโค้ชประจำทีม จะไม่มี นิโกลัส โกโรซิโต้ (-),กาคุ ชิบาซากิ (4 นัด 1 ประตู)และ ดานี่ ปาเชโก้ (-) ขณะที่แนวรุกยังคงไว้ใจให้ ฆอร์เก้ โมลิน่า ลงยืนเป็นหน้าเป้า และ ฟายกัล ฟายร์ ยืนหน้าต่ำตามคาด

เกตาเฟ่ (4-2-3-1) : บิเซนเต้ กูยาต้า ; ดาเมี่ยน ซัวเรซ, เฌเน่ ดาโกนัม, ฆวน กาล่า, บิตอเรียโน่ อันตูเนส ; มาร์เกล เบร์การ่า, เมาโร อารัมบาร์รี่ ; ฟรานซิสโก้ ปอร์ติโญ่, ฟายกัล ฟายร์, อามาธ เอ็นเดียเย่ ; ฆอร์เก้ โมลิน่า

ส่วนทีมเยือนของ เปเป้ เมล ยังคงไร้เงา อาเดรียน โลเปซ ซึ่งมีปัญหาบริเวณเอ็นหลังหัวเข่าทำให้โซนแดนหน้ายังคงต้องใช้ เฟเด การ์ตาเบีย, ฟลอริน อันโดโน่ และ ลูกัส เปเรซ ตามคาด ส่วนตัวเจ็ยยังคงไร่เงา รูเบน มาร์ติเนซ (2 นัด),การ์เลส กิล, เปโดร มอสเกร่า (3 นัด)และ อาเดรียน โลเปซ (1 นัด / 1 ประตู)ตามเดิม

ลา กอรุนญ่า (4-3-3) : คอสเทล ปันติลิม่อน ; ฆวนฟราน, ฟาเบียน ชาร์, อเลฆานโดร อาร์ริบาส, ลูซินโญ่ ; เซลโซ่ บอร์เกส, กีเยร์เม่ ซานโต๊ส, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ; เฟเด การ์ตาเบีย, ฟลอริน อันโดโน่, ลูกัส เปเรซ

กีเก้ ซานเชซ เฮ้ดโค้ช เอสปันญ่อล จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ฆาบี โลเปซ (2 นัด) และ ออสการ์ ดูอาร์เต้ (-) สองแนวรับที่ยังบาดเจ็บอยู่ ส่วนแนวรุกอย่าง โฆเซ่ ฆูราโด้, เซร์กี้ ดาร์เดร์, ฆาบี ฟูเอโก้ และ ปาโบล ปิอัตติ ยังคงถูกวางเป็นทีเด็ดแดกนลางโดยมี เคราร์ด โมเรโน่ กับ เลโอ บาปติสเตา ลงยืนเป็นหน้าเป้า

เอสปันญ่อล (4-4-2) : ปาอู โลเปซ ; บิคตอร์ ซานเชซ, ดาบิด โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, อารอน มาร์ติน ; โฆเซ่ ฆูราโด้, เซร์กี้ ดาร์เดร์, ฆาบี ฟูเอโก้, ปาโบล ปิอัตติ ; เคราร์ด โมเรโน่, เลโอ บาปติสเตา

ทางด้าน "เจ้าบุญทุ่ม" ของนายใหญ่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ แม้จะมีคำปรามาสจากสื่อเยอะพอสมควรก่อนเริ่มซีซั่นแถมยังต้องเสียสตาร์ดังอย่าง เนย์มาร์ ทว่าผลงานในสนามกลับทำได้ดีไม่น้อยหลังเก็บชัยมา 5 เกมรวดรั้งจ่าฝูงในเวลานี้ ส่วนสภาพก่อนเกมพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บเพิ่มเติมนอกจากแข้งเดี้ยงเรื้อรังอย่าง ราฟินญ่า รวมถึง อุสมาน เดมเบลเล่ (2 นัด)ที่เดี้ยงยาวจากการเล่นท่ายากเมื่ออาทิตย์ก่อนซึ่งตัวแทนในเกมนี้คงหนีไม่พ้น เคราร์ด เดวโลเฟว ที่น่าจะได้โอกาสลงต่อเนื่องร่วมกับรุ่นพี่อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค อันเดร แทร์ ชเตเก้น ; เซร์กี โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า ; ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เคราร์ด เดวโลเฟว

กุนซือ ปาโบล มาชิน เตรียมเช็คขุมกำลังอีกครั้งว่า มาร์ค มูนีซ่า แนวรับพลังหนุ่มของทีมจะฟิตทันเกมนี้หรือไม่หลังมีอาการบาดเจ็บติดมาจากนัดเสมอ เลกาเนส 0-0 ซึ่งตัวสแตนบายอย่าง ฆวนเป้ ก็พร้อมลงสนามได้ไม่มีปัญหา ส่วนผังแดนกลางพวกเขายังคงไร้เงา ดาบิด ติมอร์ ที่เดี้ยงมาก่อนช่วงออกสตาร์ทและน่าจะได้เห็นการปรับหมากในโซนแนวรุกโดยการส่ง ปอร์ตู ลงตัวจริงประสานงานกับ คริสเตียน สตูอานี่ และ ซาอูล การ์เซีย

กิโรน่า (3-4-3) : กอร์ก้า อิไรซอซ ; เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, เปโดร อากาล่า, ฆวนเป้ ; ปาโบล มาฟเฟโอ, อเล็กซ์ กราเนย์, เปเร่ ปอนส์, อาดาย เบนิเตซ ; ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, ซาอูล การ์เซีย

ส่วนทีมเยือน แอธฯบิลเบา มาในเกมนี้ด้วยสภาพความมั่นใจไม่ดีเท่าไหร่หบัวแพ้มา 2 เกมติด ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ โฆเซ่ ซิกานด้า ไม่มีรายงานแข้งแกนหลักมีปัญหาบาดเจ็บมาจากเกมพ่าย "ตราหมี" และน่าจะวางสองแนวรุกตัวหลักทั้ง เบนญัติ และ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ กลับมามีชื่อตัวจริงพร้อมกันอีกครั้งหลังมีชื่อเป็นเพียงตัวสำรองในเกมที่ผ่านมา

แอธฯบิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; อินญิโก้ เลกูเอ้, อายเมริค ลาปอร์เต้, อูไน นูนเญซ, มิเกล บาเลนเซียก้า ; มิเกล ซาน โฆเซ่, เบนญัติ ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน ; อาริตซ์ อาดูริซ

นายใหญ่ มิเชล กุนซือ มาลาก้า ยังคงต้องหาทางพาต้นสังกัดคัมแบ็กอีกครั้งหลังผลงานเละเทะะพ่าย 5 เกมรวดรั้งอันสุดท้ายของตารางในยามนี้ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนามพวกเขาจะขาดนักเตะในแดนหน้าอย่าง อาดัลเบร์โต้ เปนญารานด้า เพียงรายเดียวเท่านั้น ส่วนแกนหลักที่เหลืออย่าง อเลฆานโดร มูล่า, ฆวนปี้, โยนี่ และ ดีเอโก้ โรลัน น่าจะถูกวางเป็นตัวจริงค่อนข้างแน่

มาลาก้า (4-2-3-1) : โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ ; โรเบร์โต้ โรซาเลส, ลุยส์ เอร์นานเดซ, ดีเอโก้ กอนซาเลซ, เฟเดริโก้ ริกก้า ; เรซีโอ้, เอสเตบัน โรลอน ; อเลฆานโดร มูล่า, ฆวนปี้, โยนี่ ; ดีเอโก้ โรลัน

ส่วน "ราชันชุดขาว" ของ ซีเนดีน ซีดาน กำลังอยู่ในช่วงหัวเสียอย่างสุดๆหลังเพิ่งพ่ายช็อคต่อ เรอัล เบติส 0-1 คาถิ่นตัวเองในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ อย่างไรก็ดีเกมนี้นับเป็นโอกาสในการแก้ตัวหลังรับมือทีมบ๋วยประจำลีก แถมแกนหลักแนวรุกยังคงจัดชุดเต็มพร้อมกับวาง แกเร็ธ เบล กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นคู่หัวหอกต่อไป นามไร้เงา คาริม เบนเซม่า (3 นัด)ที่เดี้ยงหนัก เช่นเดียวกับ มาร์เชโล่ (4 นัด)และ มาเตโอ โควาซิช (2 นัด)ที่จะไร้ชื่อเกมนี้เช่นกัน

เรอัล มาดริด (4-3-1-2): เกย์ลอร์ นาบาส ; ดานี่ การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, นาโช่ ; ลูก้า โมดริช, คาเซมีโร่, อีสโก้ ; มาร์โก้ อารเซนซิโอ้ ; แกเร็ธ เบล, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

หลุยส์ ซูเบลเดีย กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ พ้นจากตำแหน่งเฮดโค้ชของทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังทำผลงานได้น่าผิดหวังแพ้รวด 5 เกมชนิดยิงประตูคู่แข่งไม่ได้เลยจนสถานการณ์ย่ำแย่จนจมโซนบ๋วยอยู่ในเวลานี้ ขณะที่ผู้ช่วยโค้ช(ฆาเบียร์ กาเบลโล่)ที่เตรียมขัดตาทัพยังคงมีปัญหาในการจัดนักเตะเมื่อคู่กองหน้า มูนีร์ และ โบยาน นัดกันเดี้ยงมาจากเกมที่แล้ว ทำให้ รูเบน โซบริโน่ อาจต้องถูกส่งลงสนาม

อลาเบส (4-2-3-1) : เฟร์นานโด ปาเชโก้ ; คาร์ลอส บิการาย, โรดริโก้ อีลี่, กีเยร์โม่ มาริปาน, รูเบน ดูอาร์เต้ ; มานู การ์เซีย, โทมัส ปิน่า ; อิไบ โกเมซ, อัลบาโร่ เมดราน, บูร์กี้ ; รูเบน โซบริโน่

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ อยู่ในช่วงฟอร์มรบเช่นกัน แต่ทว่าเกมนี้ดูเหมือนผู้จัดการทีมยังคงไว้ใจชุดเดิมจากเกมล่าสุดที่ชนะ ลาส พัลมาส 2-1 พร้อมกับเติม เอแวร์ บาเนก้า และ ปาโล ซาราเบีย ลงไปในรายชื่อตัวจริงร่วมกับทีแนวรุกอย่าง เฆซุส นาบาส, วิสซัม เบน เยดเดอร์ และ ฆัวกิน กอร์เรอา

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, ไซม่อน เคียร์, นิโกลัส ปาเรฆ่า, เซร์กิโอ เอสกูเดโร่ ; เอแวร์ บาเนก้า, สเตเว่น เอ็นซองซี่่, ปาโล ซาราเบีย : เฆซุส นาบาส, วิสซัม เบน เยดเดอร์, ฆัวกิน กอร์เรอา

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นายใหญ่ประจำทีมมีปัญหาขาดตัวผู้เล่นในจุดเดียวเท่านั้นก็คือ เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ กอวกลางที่ยังบาดเจ็บอยู่ ซึ่งเกมนี้พวกเขาไม่มีแผนปรับทัพอะไรมากหลังบุกไปชนะ บิลเบา มาได้ ซึ่งจะได้เห็น ยานนิค การ์ราสโก้ กลับมามีชื่อเป็นตัวจริงอีกครั้งเพื่อประสานงานกับ อองตวน กรีซมันน์ กับ อังเคล คอร์เรอา คู่หน้า

แอตฯมาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค ; ฆวนฟราน, ดีเอโก้ โกดิน, ลูคัส เอร์นานเดซ, ฟิลิเป้ ลุยส์ ; โกเก้, โธมัส ปาร์ตีย์, ซาอูล ญีเกซ, ยานนิค การ์ราสโก้ ; อองตวน กรีซมันน์, อังเคล คอร์เรอา

ส่วน ชาลเก้ ของ โดเมนิโก้ เทเดสโก้ หลังจากฟอร์มแรงต่อเนื่องซิวชัย 3 นัดติดเป็นต้องสะดุดพ่ายให้กับ "เสือใต้" อย่างไรก็ดีมาเล่นในเกมนี้พวกเขาเตรียมปรับทัพส่งผู้เล่นตัวหลักกลับมาลงบู๊อย่าง มักซ์ เมเยอร์ และ เยฟเกนี่ โคโนพิลยานก้า หลังทดลองใช้ เวสตัน แม็คเคนนี่ (19 ปี) กับ อามีน ฮาริต (20 ปี)เพื่อเน้นความสดในเกมที่ผ่านมาปรากฎว่ายังทำได้ไม่เข้าเป้านัก ส่วนผู้เล่นที่ยังเดี้ยงแน่นอนว่ายังไม่มีชื่อของ นาบิล เบนตาเลบ (5 นัด/2 ประตู)กับ อเลสซานโดร ช็อป (-)ต่อไป

ชาลเก้ (3-4-2-1) : ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ - ธีโล่ เคห์เรอร์, นัลโด้, มาติยา นาสตาซิช - ดาเนี่ยล คาลิกูรี่, เลออน โกเร็ตส์ก้า, เบนจามิน สตอมบูลี่, บาสเตียน อ๊อกซิปก้า - มักซ์ เมเยอร์, เยฟเกนี่ โคโนพิลยานก้า - กีโด บวร์กสตัลเลอร์

หลังจากมีช่วงสะดุดในช่วงโปรแกรมเตะถี่ในที่สุด ฮอฟเฟ่นไฮม์ ก็กลับมาเก็บชัยได้อีกครั้งหลังผลิกชนะ ไมนซ์ ไปได้ 3-2 อย่างไรก็ดีเกมนี้เหมือน จูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ เทรนเนอร์หนุ่มจะเน้นรัดกุมเป็นพิเศษโดยการปรับมาเล่นหลังสามขณะที่แนวรุกพวกเขาได้เตรียมส่ง แซร์ก จีนาบรี้ กลับมาเป็นตัวจริงคอยปั้นเกมให้ อันเดร ครามาริช ในแดนหน้า ส่วนตัวเจ็บยังไร้ชื่อของ เออร์มิน บิซัคซิช (2 นัด),เคเรม เดเมียร์บาย (5 นัด) และ อดัม ซาลาย (1 นัด)ตามเดิม

ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-4-2-1) : โอลิเวอร์ เบามันน์ - ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ - พาเวล คาเดราเบค, ลูคัส รัปป์, นาเดียม อามิรี่, สตีเว่น ซูเบอร์ - อันเดร ครามาริช, แซร์ก จีนาบรี้ - ว้ากเนอร์

นิโก้ โควัค เทรนเนอร์ผู้มาเยือนจะไม่มี อันเต เรบิช (3 นัด) แนวรุกตัวหลักที่เดี้ยงมาจากเกมล่าสุดเช่นเดียวกับแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง มาร์โก ฟาเบียน, มาสกาเรล,อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ รวมถึง แดนนี่ ดา คอสต้า (2 นัด) ส่วนทีเด็ดในแดนหน้าเกมนี้พวกเขาได้วาง เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง กับ เซบาสเตียง ฮัลแลร์ สองหัวหอกสายแข็งลงจับคู่ร่วมกัน

แฟร้งค์เฟิร์ต (3-5-2) : ลูคัส ฮราเด็กกี้ - ดาบิด อับราฮัม, มาโกโตะ ฮาเซเบะ, ซิมง ฟาแลต - ทิโมธี แชนด์เลอร์, เกลสัน แฟร์น็องเดส, โจนาธาน เดอ กุซมัน, มิยัต กาซิโนวิช, เจโทร วิลเลมส์ - เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็ง, เซบาสเตียง ฮัลแลร์

สภาพความพร้อมของเจ้าบ้าน ไลป์ซิก พวกเขายังต้องสังเวยให้กับผลงานอันในย่ำแย่ช่วงนี้โดยการไล่เงา นาบิล เกอิต้า กองกลางจักรสำคัญที่ยังค้างโทษแบนต่อไป แต่ยังดีที่ผู้เล่นเอาท์ฟิลด์แกนหลักที่เหลือยังอยู่ในผังเลือกใช้งานของนายใหญ่ ราล์ฟ ฮาเซนฮุตเทิล นำโดย ติโม แวร์เนอร์ กับ ยุสซุฟ โพลเซ่น เป็นคู่หัวหอกแดนหน้าโดยมี เอมิล ฟอร์สเบิร์ก คอยปั้นเกมในแดนกลางตามคาด

ไลป์ซิก (4-2-2-2) : ปีเตอร์ กาลัคซี่ - ลูคัส คลอสเตอร์มันน์, อูปาเมกาโน่, วิลลี่ ออร์แบน, มาร์เซล ฮัลส์เท่นแบร์ก - ดีเอโก้ เดม, เควิน คัมเพิ่ล - มาร์เซล ซาบิตเซอร์, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - ติโม แวร์เนอร์, ยุสซุฟ โพลเซ่น

ส่วนทีมเยือนของนายใหญ่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมกลับมาใช้ชุดใหญ่เต็มสูบหวังล้างอายจากแมตช์ลีกคัพเช่นกัน ซึ่งเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงาแข้งแบกทีมหมายเลขหนึ่งอย่าง ซาดิโอ มาเน่ (4 นัด/3 ประตู)ที่ยังติดโทษแบนในเกมนี้ ส่วนแข้งตัวเจ็บยังคงต้องรอการคัมแบ็กต่อไปแม้ อดัม ลัลลาน่า และ นาธาเนี่ยล ไคลน์ จะเริ่มกลับวิ่งได้บ้างแล้วในระหว่างพักฟื้นซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมส่ง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ออกสตาร์ทตัวจริงต่อเนื่องโดยมี ฮาเหม็ด ซาล่าห์ กับ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ เป็นสามประสานแดนหน้า ส่วน เดยาน ลอฟเรน ไม่สามารถลงซ้อมได้และน่าจะเป็น แรกนาร์ คลาวาน ที่รอเสียบตำแหน่ง

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ซิมง มิโญเล่ต์ - เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติป,แรกนาร์ คลาวาน , อัลแบร์โต้ โมเรโน่ - จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน,เอ็มเร่ ชาน - ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่

กุนซือ เคร็ก เชคสเปียร์ เตรียมขนชุดที่ดีที่สุดลงบู๊อีกครั้งหลังจัดลุดผสมเด็ดปีก "หงส์" มาหมาดๆในเกมลีกคัพ ซึ่งเกมนี้แม้จะไร้เงา แม็ตตี้ เจมส์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บแต่แข้งแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมประจำตำแหน่งโดยเฉพาะคู่หัวหอกอย่าง ชินจิ โอกาซากิ ซุปเปอร์ซับจากเกมล่าสุดเตรียมลงยืนเป็นหน้าต่ำโดยมี เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกชูโรงเป็นหน้าเป้าตามคาด ทำให้ อิสลาม สลิมานี่ และ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ต้องนั่งสำรองไปโดยปริยาย

เลสเตอร์ ซิตี้ (4-4-1-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - แดนนี่ ซิมป์สัน, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, คริสเตียน ฟุ๊คส์ - ริย๊าด มาห์เรซ, วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้, แอนดี้ คิง, มาร์ก อัลไบรจ์ตัน - เจมี่ วาร์ดี้, เจมี่ วาร์ดี้

ส่วนทีมเยือน ฟลูมิเนนเซ่ ตัวแทนจากบราซิลยังคงยึดแกนหลักๆจากเกมนัดแรกลงบู๊ซะส่วนใหญ่นำโดย เฮนริเก้ ดัวราโด้ที่ซัดในลีกไป 14 เม็ดลงเป็นทีเด็ดแดนหน้าในระบบ 4-2-3-1 พร้อมกับวาง เวลลิงตัน, เวนเดล,ดูเบียร์ ริอัสคอสและ ดัคลาส คูตินโญ่ เป็นตัวสนับสนุน

ตัวแทนจาก เอกวาดอร์ อย่าง แอลดียู กีโต้ ผลงานยังไม่สู้ดีนักโดยเกมล่าสุดเพิ่งจะบุกไปพ่าย ฟลูมิเนนเซ ตัวแทนจากบราซิล 0-1 ทำให้ต้องลุ้นกันต่อในเลกสองในศึก ซูดาเมริกาน่า ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามนายใหญ่ ปาโบล ริเปตโต้ ยังคงไร้เงา นอร์แบร์โต้ อาลัวโฆ่(15นัด)กองหลังตัวหลักที่ยังบาดเจ็บอยู่ ส่วนทีเด็ดในแดนหน้าอย่าง เฮร์นาน บาร์กอส(26นัด/11ประตู)ยังพร้อมมีชื่อในเกมนี้ในระบบ 4-2-3-1

ส่วนทีมเยือน ซาน ลอเรนโซ่ มีข่าวดีคือจะได้ อเล็กซิส คาสโตร สลัดเดี้ยงกลับมาเป็นทางเลือกในอผงมิดฟิลด์ในเกมนี้ แถมยังจะขาดเพียงแค่ โฮเซ่ เดเว็คคี่ (-) ผู้รักษาประตูที่บาดเจ็บเพียงรายเดียวเท่านั้น แท็คติกในเกมนี้พวกเขาจะใช้ระบบ 4-2-2 โดยมี เปาโล ดิอ๊าซ กองกลางชิลีกับ กอนซาโล่ โรดริเกซ อดีตกองหลังตัวเก่งฟิออเรนติน่าเป็นตัวชูโรง

เจ้าบ้าน ลานุส หวังแก้ตัวอีกครั้งในบ้านตัวเองหลังบุกไปพ่าย ซาน ลอเรนโซ่ ทีมร่วมลีกมาก่อน 0-2 ในเกมแรก ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในเกมนี้พวกเขาจะไร้เงา 3 นักเตะอย่าง มาร์เซโล่ เอร์เรร่า (-), มาติอัส โรฮาส (2 นัด) และ เฟร์นานโด บาร์ริเอนตอส (-)ที่ติดโทษแบนด้วยกันทั้งหมดอย่างไรก็ดีแข้งแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงประจำตำแหน่งโดยเฉพาะ โฆเซ่ แซนด์,อาเลฮานโดร ซิลวา และ ลัวทาโร่ อคอสต้า พร้อมเป้นสามประสานในระบบ 4-3-3 ตามคาด

ส่วนทีมเยือน ฆอร์เก้ วิลสเตอร์มันน์ ตัวแทนจากโบลีเวีย ถือว่าทำผลงานได้ดีเกินคาดหลังอาศัยความได้เปรียบจากเกมในบ้านถล่ม ริเวอร์เพลท ยับ 3-0 ทำให้เกมนี้พวกเขาวางแท็คติกได้ง่ายขึ้นพอสมควร ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขามีลุ้นได้ตัวกัปตันทีมอย่าง โจนาธาน เมย์ดาน่า แนวรับคนสำคัญที่น่าจะผ่านความฟิตออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับ คริสเตียน โปชิ ซาเวซ อีกหนึ่งจอมทัพคนสำคัญ ส่วนที่เด็ดในแนวรุกนายใหญ่ โรแบร์โต้ มอสเกวร่า ยังคงวางตัว กิลเบิร์ต อัลวาเรส หัวหอกตัวชูโรงที่ทำประตูใส่ ริเวอร์เพลท มาหมาดๆ เป็นตัวยืนในระบบ 4-2-3-1

เฮดโค้ช มาร์เซโล่ กัลลาร์โด้ อยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝาหลังพาทีมบุกพ่าย ฆอร์เก้ วิลสเตอร์มันน์ ทีมแกร่งจาก โบลีเวีย 0-3 ทำให้เกมนี้พวกเขาจำเป็นต้องใส่สุดตัวเท่าที่จะทำได้เพื่อโอกาสผ่านเข้ารอบ ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนเพิ่มเติมจากเกมล่าสุดและเตรียมมาในระบบเก่ง 4-4-2 โดยมี ราฟาเอล บอร์เร่(3นัด/1ประตู)หัวหอกชาวโคลัมเบียจับคู่กับ อิคนาซิโอ้ สกอโก้(2นัด/2ประตู)ในแดนหน้า พร้อมกับวาง กอนซาโล่ มาร์ติเนซ(2นัด/1ประตู)เป็นตัวทีเด็ดริมเส้น