วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์ "ไอ้ค้างคาว" ยังคงไร้พ่ายจากการออกสตาร์ท 3 เกมซีซํ่นนี้(ชนะ1เสมอ2) ขณะที่สภาพความพร้อมพวกเขาจะไร้ชื่อ รูเบน เบโซ่ (2 นัด) กับ นาโช่ กิล (2 นัด) ที่ไม่มีชื่อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตัวหลักแนวรุกยังคงวางใจให้ ซิโมเน่ ซาซ่า เป็นตัวจบสกอร์โดยมี โรดริโก้ โมเรโน่ เป็นคู่หูพร้อมกับวาง การลอส โซเลร์ และ กอนซาโล่ กูเอเดส ขึ้นเกมทางริมเส้น

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, เฆซอน มูริโญ่, เอเซเกล การาย, โฆเซ่ กาย่า ; กอนซาโล่ กูเอเดส, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, การลอส โซเลร์ ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซิโมเน่ ซาซ่า

ฆวน ราม่อน มูนญิซ เฮดโค้ช เลบานเต้ จะหมดสิทธิ์ใช้งานตัวหลักอย่าง โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส จอมทัพประจำทีมที่ค้างโทษแบนีก 2 เกม ซึ่งทำให้ อีวี่ จะได้ลงสนามเป็นตัวจริงร่วมกับ เฆซอน โมราเลส กับ เอนิส บาร์ดี้ ต่อไปในแผงแนวรุก ส่วนแบ็คขวาอย่าง อิบัน โลเปซ และ โรเกร์ มาตรี้ กองหน้าจะเข้ามาอยู่ในรายชื่อแข้งบาดเจ็บเช่นกันและยังคงเป็น อเล็กซานเดอร์ อเลเกรีย ที่จะรับหน้าที่ตัวจบสกอร์ต่อไป

เลบานเต้ (4-2-3-1) : ราอูล เฟร์นานเดซ ; เปโดร โลเปซ, เชม่า โรดริเกซ, เซร์คิโอ ปอสติโก, โตนโญ่ ; กัมปานญ่า, เลร์ม่า ; เฆซอน โมราเลส, เอนิส บาร์ดี้, อีวี่ ; อเล็กซานเดอร์ อเลเกรีย

ส่วนทีมเยือน ลาซิโอ้ ของกุนซือ ซิโมเน่ อินซากี้ จะไม่มีแน่ๆก็คือ วัลเลซ แนวรับที่เจ็บมาจากเกมล่าสุด แต่บรรดาแกนหลักแนวรุกอย่าง หลุยส์ อัลแบร์โต้ (3 นัด/1 ประตู), มิลินโกวิช ซาวิช (3 นัด/1 ประตู) และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ (3 นัด/4 ประตู)น่าจะถูกส่งลงสนามสานต่อฟอร์มโหดจากในลีกอีกครั้ง

ลาซิโอ้ (3-4-3) : โธมัส สตราโคช่า - บาสตอส, สเตฟาน เด ฟราย, สเตฟาน ราดู - อดัม มารูซิค, มาร์โก ปาโรโล่, ลูคัส เลว่า, จอร์แดน ลูกากู - หลุยส์ อัลแบร์โต้, มิลินโกวิช ซาวิช - ชิโร่ อิมโมบิเล่

เฮงค์ เฟรเซอร์ ผู้จัดการทีม วิเทสส์ เตรียมกลับมาลงบู๊ในเวทียุโรปอีกครั้งหลังไม่ได้เล่นมา 2 ซีซั่น แถมสภาพความพร้อมในเกมนี้จัดว่าพร้อมบู๊เต็มสูบหลังไร้ปัญหาตัวเจ็บให้เป็นต้องกังวล โดยเฉพาะ ลุค คาสตายอส (4 นัด/1 ประตู), เบรนน์ ลินเซ่น (4 นัด/2 ประตู) และ ทิม มาตาฟช์ สามประสานตัวทีเด็ดจะพร้อมลงเป็นกองหน้าตามเดิม

วิเทสส์ (4-3-3) : เรมโก้ ปาสเวียร์ - ฟานคาร์ตี้ ดาโบ, เมียร์เกล ฟาน เดอร์ เวิฟ, แมทธิว เมียซ่า, อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์ - ตูลานี่ เซเรโร่, โทมัส บรันท์, ฟาวาโรเน่ ฟลอร์ - ลุค คาสตายอส, เบรนน์ ลินเซ่น, ทิม มาตาฟช์

ส่วนทีมเยือน แอธฯ บิลเบา ภายใต้การนำของกุนซือ อังเคล ซิกานดา ยังคงยึดรูปแบบชุดหลักๆมาจากเกมแทบทั้งสิ้น หลังยังหมดสิทธิ์ใช้งานตัวเจ็บอย่าง ออสการ์ เด มาร์กอส, อันเดร์ อิตูร์ราสเป และ เบนญาต เอ็ตเชบาร์เรีย ตามเดิม ซึ่งตัวชูโรงสำคัญในเกมนี้คงหนีไม่พ้น อาริตซ์ อาดูริซ หัวหอกตัวเก๋าประจำทีมลงยืนเป็นหน้าเป้า พร้อมกับวาง อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย และ อีเกร์ มูเนียอิน คอยปั้นเกมรุกอยู่ด้านหลัง

แอธฯ บิลเบา (4-2-3-1) : ยาโก้ เอร์เรริน, อินญิโก้ เลกวย, ชาเบียร์ เอ็ตไชต้า, อายเมริค ลาปอร์เต้, มิเกล บาเลนเซียก้า - มิเกล ซาน โฆเซ่, มิเกล เบสก้า - อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อีเกร์ มูเนียอิน - อาริตซ์ อาดูริซ

เทรนเนอร์ พาล ดาร์ดอย เตรียมเปิดรังนำทัพ "หญิงชรา" ด้วยสภาพความพร้อมที่ไม่ฟูลทีมนัก เมื่อพวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ดาวี่ เซลเค่อ, ยูเลี่ยน ชีเบอร์, โยนาธาน คลินส์มันน์ โดยเฉพาะ คาริม เรคิก ที่ถือเป็นคีย์แมนในแผงแนวรับก็ว่าได้ อย่างไรก็ดีแข้งแกนหลักที่เหลืออย่าง อเล็กซานเดอร์ เอสไวน์ กับ เวดัด อิบิเซวิช ยังพอเป็นที่ฝากความหวังในการจบกอร์ได้และจะถูกใส่ชื่อเป็นคู่หัวหอกโดยมี วลาดิเมียร์ ดาริด้า กับ ซาโลมง กาลู เป็นหัวแรงหลักในการปั้นเกมแดนกลาง

แฮร์ธ่าฯ (4-4-2) : รูเน่ ยาร์ชไตน์, มิทเชลล์ ไวเซอร์, เซบาสเตียน ลังคัมพ์, นิคลาส ชตาร์ค, มาร์วิน พลัทเท่นฮาร์ดท์ - วลาดิเมียร์ ดาริด้า, แพร์ ซิลยาน เชลเบร็ด, แม็ทธิว เล็คกี้, ซาโลมง กาลู - อเล็กซานเดอร์ เอสไวน์, เวดัด อิบิเซวิช

ตัวแทนจากนอร์เวย์อย่าง โรเซนบอร์ก จะไร้เงาของ มัตธิอัส วิลห์ยาล์มส์สัน หัวหอกไอซ์แลนด์วัย 30 ปี ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมลงช่วยทัพไม่ว่าจะเป็น ซามูเอล อเด็กเบนโร่, นิคลาส เบนท์เนอร์ และ ยานน์ เด ลานเลย์ ที่จะเป็นตัวยืนในระบบ 4-3-3 โดยมี ไมค์ เยนเซ่น, มาริอุส ลุนเดโม่ กับ อันเดอร์ส คอนร๊าดเซ่น คอยปั้นเกมแดนกลางร่วมกัน

โรเซนบอร์ก (4-3-3) : อันเดร แฮนเซ่น - เวก้าร์ เฮเด็นสตัด, ตอเร่ เรจินิอุสเซ่น, ยอร์เก้น สเคลวิค, เบอร์เกอร์ เมลิง - ไมค์ เยนเซ่น, มาริอุส ลุนเดโม่, อันเดอร์ส คอนร๊าดเซ่น - ซามูเอล อเด็กเบนโร่, นิคลาส เบนท์เนอร์, ยานน์ เด ลานเลย์

ยูเซบิโอ ซากริสตัน ผู้จัดการทีมของเจ้าบ้าน โซเซียดัด จะไม่มีตัวเจ็บอย่าง ราอูล นาบาส, คาร์ลอส มาร์ติเนซ และ อินญิโก้ มาร์ติเนซ สามแนวรับ ทำให้เกมนี้พวกเขาจำเป็นต้องปรับทัพเล็กน้อยจากเกมถล่ม ลา กอรุนญ่า 4-2 โดยการส่ง ดิเอโก้ ญอเรนเต้ กับ เด ลา เบญ่า ลงเป็นตัวจริงในแผงแนวรับ ส่วนแกนหลักที่เหลืออย่าง อั๊ดนาน ยานาไซ, วิลเลี่ยน โชเซ่ กับ ฆวนมี่ ยังคงเป็นทีเด็ดแดนหน้าในระบบ 4-3-3

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ - อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ อีลูสตอนโด้, ดิเอโก้ ญอเรนเต้, เด ลา เบญ่า - ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า - อั๊ดนาน ยานาไซ, วิลเลี่ยน โชเซ่, ฆวนมี่

ส่วนทีมเยือน วิคตอเรีย พัลเซ่น ของกุนซือ พาเวล เวอร์บา จะไม่มีชื่อลงสนามแน่ๆก็คือ มิคาล เคอร์เมนชิค หัวหอกทีมชาติเช็กที่ถูกคาดโทษในเกมนี้ แถมยังไร้เงาแข้งเดี้ยงพร้อมกันถึง 5 รายอย่าง บาราเน็ค,ฮับนิค 2 แนวรับและแข้งแดนกลางอย่าง เชร์มัค,โควานิค และ ปิแอร์ ที่ยังบาดเจ็บครบเซ็ต ส่วนตัวทีเด็ดในเกมนี้พวกเขาจะใช้ ยาคุบ เรซนีเช็ค เป็นทีเด็ดแดนหน้าโดยมี พาทริค โรซอฟสกี้ และ แยน โคปิค เป็นตัวสนับสนุน

วิโอเรล ตานาเซ่ เทรนเนอร์ใหญ่ประจำทีมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน 3 ผู้เล่นอย่าง อาร์ตูร์ จอร์จี้ แนวรับและ 2 มิดฟิลด์อย่าง มาเรียน เปลอัชก้า กับ อาคิม ที่ไม่พร้อมลงสนามเช่นกัน ส่วนแข้งแกนหลักในเกมนีพวกเขาเตรียมวาง อาร์เล็ม โนเอเร่ ที่ซัดในลีกไปแล้ว 4 จาก 8 นัดในลีก เช่นเดียวกับ เดนิส อลีเบ็ค เป็นทีเด็ดคู่หน้าร่วมกัน

ส่วนทีมเยือน โลโคโมทีฟ มอสโก ตัวแทนจากรัสเซียจะหมดสิทธิ์ใช้งานกองหน้าบราซิเลี่ยน อารี่ รวมถึงแนวรับ เวดราน คอร์ลูก้า ที่คาดว่าจะต้องพักราวหนึ่งเดือนเต็ม ส่วนแข้งตัวชูโรงในแดนหน้าพวกเขาเตรียมวาง อเล็กเซย์ มิรานชุค กับ เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน เป็นคู่หัวหอกในแผนเก่ง 3-5-2

ตัวแทนจากเดนมาร์กในวันนี้จะยังคงไร้เงาจอมทัพตัวกลางคนสำคัญอย่าง อีริค โยฮานสัน ที่เดี้ยงยาวจากการบาดเจ็บเอ็นไขว้ขวาเช่นเดียวกับหัวหอกอย่าง เฟเดริโก้ ซานตานเดร์ ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนผู้เล่นที่ถูกคาดหมายเป็นตัวความหวังในแดนหน้าจะตกไปอยู่ที่ อันดริยา พาฟโลวิช กับ ปิเอรอส โซติริอู ในระบบ 4-4-2 ตามคาด

ส่วนทีมเยือน แอสทาน่า ทีมดังจาก คาซัคสถาน ผ่านเข้ามาเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรป้า หลังพ่าย เซลติก ในเกมเพลย์ออฟ แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนาม สตานิเมียร์ สโตอิลอฟ นายใหญ่ประจำทีมจะไร้เงามิดฟิลด์ตัวรุกคนสำคัญอย่าง ลาสซโล เคลนเฮสเลอร์ ที่มีปัญหาที่เข่า แต่ยังดีที่หัวหอกตัวจบสกอร์อย่าง จูเนียร์ คาบานังก้า ยังพร้อมลงหน้าเป้าในระบบ 4-1-4-1 ได้ไม่มีปัญหา

แอสทาน่า (4-1-4-1) : เนนาด เอริช : อิกอร์ ชิตอฟ,เยฟเกนี พอสต์นิคอฟ ,มาริน อนิชิช,ดมิทรี ชอมโก้ ;อิวาน มาเยฟสกีย์,แพทริค ทวูมาซี,เซอร์ดาน กราโฮวัช,เซริคซาน มูชิคอฟ,มาริน โตมาซอฟ,จูเนียร์ คาบานังก้า

ฟราน เอสกริบา นายใหญ่ "เรือดำน้ำสีเหลือง" ยังมีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นต่อไปไม่ว่าจะเป็น เซร์คิโอ อาเซนโฆ, อันเดรียส เฟร์นานเดซ,อาเดรียน มาริน และ บรูโน่ โซเรียโน่ ทำให้เกมนี้พวกเขายังจำเป็นต้องใช้นายทวารมือสามอย่าง มาริอาโน่ บาร์โบซ่า ต่อไป เช่นเดียวกับสองคู่หน้าอย่าง เซดริก บากัมบู กับ การ์ลอส บักก้า ที่ยังคงถูกวางเป็นคู่หัวหอกตามคาด

บียาร์เรอัล (4-4-2) : มาริอาโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; ปาโบล ฟอร์นัลส์, มานู ตริกูเอรอส, โรดรี้, ซามู กัสติเญโฆ่ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

ส่วนทีมเยือน ปอนเต เปรต้า แม้จะหลุดเสมอไปเยอะทว่าก็เป็นทีมที่แพ้ยากจากการหลุดพ่ายเพียงนัดเดียวเท่านั้นจาก 6 เกมหลังสุด ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามกุนซือ กิลสัน เคลอิน่า เตรียมมาในแท็คติก 4-1-4-1 โดยใช้ เอเมอร์สัน ซีอิค(16นัด/4ประตู) เป็นหน้าตัวเป้า โดนมี เอลตัน (17นัด/1ประตู)กับ นัลโด้(14นัด/1ประตู)เป็นตัวสนับสนุน

เจ้าบ้าน สปอร์ต คลับ เรซิเฟ่ อยู่ในสภาพทีมที่เข้าขั้นย่ำแย่หลังพ่ายไปถึง 4 จาก 5 เกมหลังยังไม่ชนะใคร อย่างไรก็ดีมีความเป็นไปได้ที่นายใหญ่ วันเดร์ลาย ลัคซิมบูร์โก้ ยังคงวางหมากเด็ดในแนวรุกเท่าที่จะดีที่สุดลงสนาม ไม่ว่าจะเป็น อังเดร์ หัวหอกที่เหมาไป 9 เม็ดจากการลงสนาม 21 นัดในลีกลงเป็นหน้าเป็าโดยมี ดิเอโก้ ซูซ่าร์(16นัด/6ประตู)และ เอเวอร์ตัน ฟิลิปเป้(19นัด/1ประตู)เป็นสามประสานระบบ 4-3-3

ส่วนทีมเยือน ฟลาเมงโก้ ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ท็อปฟอร์มเช่นกันหลังเพิ่งบุกไปพ่าย โบตาโฟโก้ 0-2 ในเกมลีกมา อย่างไรก็ดีความพร้อมภายในทีมยังถือว่ายังพร้อมรบเพราะตัวเจ็บส่วนใหญ่ล้วนไม่ใช่แกนหลัก ซึ่งเราน่าจะได้เห็นพวกเขาส่ง วินิซิอัส จูเนียร์(16นัด/2ประตู)กับ ออแลนด์โด้ เบอร์ริโอ(14นัด/2ประตู) เป็นทีเด็ดแนวรุกโดยมี ดิเอโก้(17นัด/5ประตู)อดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติบราซิลเป็นตัวชูโรง

เจ้าบ้าน ชาเปโคเอนเซ่ ฟอร์มไม่สู้ดีนักก่อนมีเจอโปรแกรมบอลระดับทวีป เมื่อฟอร์ม 4 ครั้งหลังสุดของพวกเขาปรากฎว่าพ่ายเรียบ แถมความพร้อมก่อนเกมยังมีแข้งเดี้ยงค้างสต็อคอยู่เต็มทีมโดยเฉพาะแข้งแกนหลักอย่าง อาร์เธอร์ เค้ก(21นัด/4ประตู)หัวหอกตัวชูโรง ไซยาส(18นัด)กองกลาง และ หลุยส์ โอตาวีโอ้(10นัด/1ประตู)แนวรับ แต่ยังดีที่ทีเด็ดในแดนหน้าอย่าง เวลลิงตัน เปาลิสต้า(19นัด/3ประตู) และ ตูลิโอ เด เมลโล่(16นัด/4ประตู)ยังเป็นทีพึ่งในสนามได้

ส่วนทีมเยือน สปาร์ตัก มอสโก ของกุนซือ มาสซิโม่ การ์เรร่า จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โรมัน ซ็อบนิน กับ อาร์เต็ม ติโมเฟเยฟ อย่างไรก็ดีพวกเขายังมีลุ้นได้แกนหลักบางตำแหน่งฟิตกลับมาลงสนามอย่าง เซ หลุยส์ กองหน้าและ แซร์ดาร์ ทาสซี่ แนวรับตัวหลัก ส่วนทีเด็ดในแดนหน้าพวกเขาจะใช้ ควินซี่ โปรเมส กับ ลุยซ์ อาเดรียโน่ เป็นตัวชูโรงในระบบ 3-5-2

เจ้าบ้าน มาริบอร์ ตัวแทนจาก สโลวีเนีย ของกุนซือ ดาร์โก้ มิลานิช เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ได้ไม่มีปัญหาหลังไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนเข้ามาจากเกมสุดสัปดาห์ ซึ่งเกมนี้พวกเขาได้วางแท็คติก 4-2-3-1 เอาไว้รับมือ สปาร์ตัก มอสโก โดยมี จาสมิน เมซาโนวิช เป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมี ดาเมี่ยน โบฆาร์, มาร์กอส ทาบาร์เรส และ เกรกอร์ ไบจ์ด เป็นสามประสาน

ส่วนทีมเยือน เซบีญ่า ของกุนซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ จะหมดสิทธิ์ใข้งาน 3 แข้งอย่าง ดาวิด โซเรีย, โนลิโต้ และ โยฮานเนส ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่บรรดาแข้งแกนหลักที่เหลือต่างฟอร์มลงประจำตำแหน่งแทบทั้งสิ้น ซึ่งแดนหน้าพวกเขาเตรียมวาง วิสซัม เบน เยดเดอร์ เป็นหัวหอกตัวเป้าในระบบ 4-1-4-1 โดยมี สเตเว่น เอ็นซองซี่่, กานโซ่, เอแวร์ บาเนก้า และ เฆซุส นาบาส เป็นทีเด็ดแผงมิดฟิลด์

เซบีญ่า (4-1-4-1) : เซร์กิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, ไซม่อน เคียร์, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, เซร์คิโอ เอสคูเดโร่ ; ไมเคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี, สเตเว่น เอ็นซองซี่่, กานโซ่ , เอแวร์ บาเนก้า, เฆซุส นาบาส, วิสซัม เบน เยดเดอร์

ทางด้านนายใหญ่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมลืมฝันร้ายจากเกมลีกเพื่อมาเอาคืน เซบีญ่า ในเวทียุโรปเต็มที่ โดยเกมนี้แม้ ซาดิโอ มาเน่ จะโดนใบแดงจากเกมกับ แมนฯซิตี้ แต่ก็ไร้ปัญหาที่จะลงเล่นได้ในเกมนี้โดยมีโรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่อยู่ในช่วงเร่งฟื้นฟูความฟิตจากเกมที่แล้วมีโอกาสสูงที่จะถูกส่งลงสนามเป็นตัวทีเด็ดหลัง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ มีอาการป่วยก่อนลงสนาม ส่วนแผงแนวรับจะได้ เดยัน ลอฟเรน ตบเท้ากลับมาลงสนามร่วมกับ โจเอล มาติป ในแผงแนวรับอีกครั้ง

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : โลริส คาริอุส - เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, โรแบร์โต้ โมเรโน่ - เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม - ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

ส่วนทีมเยือน บริสตอล ซิตี้ ของนายใหญ่ ลี จอห์นสัน จะไม่มีชื่อของ อีรอส ปิซาโน่ ปราการหลังมากประสบการณ์ที่เจ็บระหว่างซ้อม ทำให้ แซค วีเนอร์ จะได้โอกาสเสียบแทนตำแหน่งอย่างน้อยๆก็ 10 วันกว่าตัวหลักจะกลับมา ส่วนแข้งเดี้ยงหน้าเก่าคงหนีไม่พ้น แกรี่ โอนีล กับ แมตตี้ เทย์เลอร์ ที่ยังต้องใช้เวลาสลัดเดี้ยงรอโอกาสคัมแบ็คต่อไป

เจ้าบ้าน วูล์ฟแฮมป์ตัน ของนายใหญ่ นูโน่ ซานโต้ จำเป็นต้องปรับนักเตะกันอีกครั้งเมื่อ วิลลี่ โบลี่ กองหลังตัวชูโรงดันเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าจากเกมที่ผ่านมา ทำให้ อัลเฟร็ด เอ็นเดียเย่ จะได้โอกาสลงมาทดแทน ส่วนตำแหน่งที่เหลือพวกเขายังคงยึดเซ็ทเดิมลงบู๊ซะส่วนใหญ่นำโดย ดิโอโก้ โชตากับ เลโอ โบนาตินี่ ที่จะเป็นคู่หน้าในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ของกุนซือ มาร์ค วอร์เบอร์ตัน เตรียมลุ้นเช็คความฟิตของ เดวิด วอห์น กองกลางตัวเก๋าที่จ่อสลัดเดี้ยงโคนขาหนีบลงสนาม แต่ที่คัมแบ็กมาแน่ๆก็คือ สตีเฟ่น เฮนเดอร์สัน นายทวารไอริชพร้อมลงเฝ้าเสาเป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับในรายของ อีริก ลิชายกับ ไมเคิ่ล มานเชี่ยน ที่จะหลับมามีชื่อในเกมนี้หลังพลาดโอกาสลงสนามจากเกมที่แล้ว

ไซม่อน เกรย์สัน นายใหญ่ประจำทีมกำลังเจอปัญหาใหญ่ในการจัดทัพ เพราะแข้งเดี้ยงส่วนใหญ่ต่างเป็นขาประจำลงสนามอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะ กัปตันทีม ลี คัตเตอร์โมลด์ ที่ยังไม่พร้อมรวมไปถึง ไอเด้น แม็คเกดี้, ไบรอัน โอเบียโด้ และที่รายล่าสุดก็คือ ลามีน โกเน่ รองกัปตันยังมาเจ็บเพิ่มกับเขาด้วย

ส่วนทีมเยือน เบรนท์ฟอร์ด ฟอร์มโดยรวมถือว่าเหนียวแน่นหลังหลุดพ่ายเพียงเกมเดียวเท่านั้น(ชนะ1เสมอ4) ทว่าส่วนใหญ่จะหนักไปทางเสมอมากกว่า ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ แดน สมิธ จะไร้เงานักเตะในยามนี้ถึง 3 รายไล่ตั้งแต่ อลัน จัดจ์, ลูวิส แมคเลาด์ และ จอช แมคเอคราน อดีตดาวรุ่งเชลซี ส่วนทีเด็ดแดนหน้าพวกเขาจะใช้ เนล มูอ์เปย์(6นัด/2ประตู)เป็นศูนย์หน้าตัวเป้า โดยมี โรเมน ซอว์เยอร์ส(5นัด)เป็นเพลย์เมกเกอร์ในระบบ 4-2-3-1

คาร์ลอส การ์บาฆาล เฮดโค้ชชาวโปรตุกีส เพิ่งนำทีมเปิดรังชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-1 มาในเกมล่าสุด แถมเกมนี้มีลุ้นเช็คความฟิตตัวเตะถึง 3 รายอย่าง เกล็น ลูเว้นซ์(2นัด), แซม ฮัตชินสัน(2นัด) 2แนวรับ และ เฟร์นานโด ฟอเรสติเอรี่(2นัด)กองหน้า ส่วนเกมนี้ทางเจ้าถิ่นจะทำการปรับหมากโดยการถอย แบร์รี แบนแนน(6นัด) ถอยจากปีกขวาเข้าไปเป็นจอมทัพร่วมกับ คีแรน ลี(1นัด/1ประตู) พร้อมกับดัน อดัม รีช (6นัด)จากฟูลแบ็กขึ้นมาเป็นปีกซ้าย โดยมี จอร์จ บอยด์(4นัด) คอยลากเลื้อยทางฝั่งขวาในระบบ 4-4-2

ส่วนทีมเยือน มิลล์วอลล์ ฟอร์มไม่สู้ดีนักหลังพ่าย วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-1 ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะไร้เงา อิเดน โอไบรอัน(5นัด/1ประตู)หัวหอกตัวหลักที่ติดโทษแบนเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่แกนหลักที่เหลือจากเกมที่แล้วต่างพร้อมลงประจำตำแหน่ง และกุนซือใหญ่ เนล ฮาร์ริส ก็ได้วาง ลี เกร์กอรี่(6นัด/1ประตู) กับ สตีฟ มอริสัน(6นัด) เป็นคู่หัวหอกในระบบ 4-4-2 ค่อนข้างแน่

เอียน ฮอลโลเวย์ ผู้จัดการทีมเพิ่งพาทีมเก็บชัยได้อีกครั้งหลังพ่ายมา 2 เกมติด โดยเกมล่าสุดเป็นการเอาชนะ อิปสวิช 2-1 มาหมาดๆ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะหมดสิทธิ์ใช้งานสองตัวเจ็บอย่าง เจมส์ เพิร์ช(4นัด)กองหลัง และ จอร์แดน เคอซินส์(-)กองกลางที่เจ็บตั้งแต่ประเดิมซีซํ่น ส่วนแท็คติกในเกมนี้พวกเขาจะมาในระบบ 3-5-2 พร้อมกับวาง เจมี่ แมคกี้(6นัด/2ประตู) กับ คอเนอร์ วอชิงตัน(6นัด/2ประตู) เป็นคู่หัวหอก

ด้านทีมเยือน สปอร์ติ้ง ลิสบอน บุกมาเยือนในเกมนี้ต้องบอกเลยว่ามั่นใจไม่แพ้กันหลังเก็บชัยรวดมา 4 เกมติดรวมทุกรายการแถมรั้งรองจ่าฝูงในลีก ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขายังต้องลุ้นเช็คความฟิตของ ฟาบิโอ โกเอนเตรา และ คริสเตียโน่ ปิคคินี่ สแงฟูลแบ็คประจำทีม แต่รายแรกดูเหมือนส่อพลาดแน่ๆ และจะเป็น โจนาธาน ซิลวา จะถูกส่งลงมาแทนที่ เช่นเดียวกับ สเตฟาน ริสตอฟสกี้ จ่อเสียบตำแหน่งแบ็กขวาอีกราย ขณะที่แกนหลักในแผงแนวรุกพวกเขาเตรียมใส่ชื่อของ เกลสัน มาร์ติน,บรูโน่ เฟอร์นานเดส โดยมี บาส โดสท์ เป็นศูนย์หน้า

สปอร์ติ้ง ลิสบอน (4-2-3-1) : รุย ปาตริซิโอ ; สเตฟาน ริสตอฟสกี้, เซบาสเตียน โคอาเตส, เฌเรมี่ มาธิเยอ, โจนาธาน ซิลวา ; โรดริโก้ บัตตาเกลีย , วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, เกลสัน มาร์ตินส์, อากูน่า, เกลสัน เฟร์นานเดส ; บาส โดสต์

ตัวแทนจากกรีซอย่าง โอลิมเปียกอส เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อเฝ้ารังในเกมนี้หลังพักแกนหลักไปหลายรายจากเกมเจ๊า ซานธี 1-1 ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ยากอช วูโกวิช กองหลังทีมชาติเซอร์เบียเพียงรายเดียวเท่านั้น ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างตบเท้าลงประจำตำแหน่งโดยเกมนี้กุนซือ เบสนิค ฮาซี่ เตรียมวาง คอนสแตนตินอส ฟอร์ตูนิส ลงจับคู่กับ กิโยม ฌิลเล่ต์ โดยมี มาร์โก มาริน อดีตดาวโรจน์ชาวเยอรมันเป็นเพลย์เมกเกอร์ปั้นให้ อูรอช จูร์เจวิช เป็นตัวจบสกอร์

โอลิมเปียกอส (4-2-3-1) : สเตฟานนอส คาปิโน่ ; โอมาร์ เอลอับเดลลาอุย,อเล็กซิส โรมาโอ ,บียอร์น แองเกิ้ลส์,ลีโอนาร์โด คูตริส; กิโยม ฌิลเล่ต์, คอนสแตนตินอส ฟอร์ตูนิส ; เซบ้า,เฟลิเป้ พาร์โด้, มาร์โก มาริน ; อูรอช จูร์เจวิช

ส่วนทีมเยือน "ไอ้ม้าลาย" มาในเกมนี้ด้วยสภาพไม่พร้อมนักเพราะนอกจากจะไร้เงาแข้งเดี้ยงอย่าง เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ้,ซามี่ เคดิร่า,มาริโอ มานซูคิช และ จิออจิโอ โคลอชชินี่ แล้ว ฮวน กวาดราโด้ ตัวริมเส้นประจำทีมยังถูกคาดโทษจากซีซั่นที่แล้วอีกด้วย ทำให้การจัดตัวของกุนซือ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ค่อนข้างมีปัญหา แต่ก็แก่ลำโดยการส่ง เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ อุดช่องว่างริมเส้น และเติม ดั๊กลาส คอสต้า ลงมาลากเลื้อยโดยมี เปาโล ดิบาล่า ยืนเป็นตัวต่ำป้อนบอลให้ กอนซาโล่ ฮิกัวอิน คอยจบสกอร์

ยูเวนตุส (4-2-3-1) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - ม็อตต้า เด เซจิโอ้, อันเดรีย บาร์ซาญี่, ดาเนี่ยลเล่ รูกานี่, อเล็กซ์ ซานโดร - มิราเลม ปานิช, แบลส มาตุยดี้ - เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่, เปาโล ดิบาล่า, ดั๊กลาส คอสต้า - กอนซาโล่ ฮิกัวอิน

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ผู้จัดการทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เตรียมเปิดรังเจอโจทย์เก่า ยูเวนตุส ที่เขี่ยพวกเขาตกรอบในซีซั่นที่แล้ว ซึ่งเกมนี้ทีมดังจากสเปนตุนความมั่นใจมามากโขจากการถล่ม เอสปันญ่อล 5-0 แถมจะขาดนักเตะเพียงแค่ ราฟินญ่า เพียงรายเดียวเท่านั้น แถมเกมนี้จะได้เห็น อุสมาน เดมเบลเล่ แข้งใหม่ร้อยล้านออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกโดยมียอดแนวรุกอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ กับ ลีโอเนล เมสซี เป็นสามประสาน ส่วนแดนกลางแน่นอนว่าจะเป็น อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรียส อีเนียสต้า คุมแดนกลางร่วมกัน

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ; เซร์กี้ โรแบร์โต้, เกราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรียส อีเนียสต้า ; อุสมาน เดมเบลเล่, หลุยส์ ซัวเรซ, ลีโอเนล เมสซี

ส่วนทีมเยือน บาเฮีย ฟอร์มช่วงหลังยังไม่แน่นอนเช่นกันหลังชนะสลับแพ้เป็นว่าเล่น โดยเกมล่าสุดเพิ่งจะเปิดรังพ่ายต่อ โบตาโฟโก้ 1-2 มาหมาดๆ ส่วนสภาพทีมก่อนเดินทางมาเยือนพวกเขาไม่มีปัญหาตัวแบนให้กังวล ทว่า 4 ตัวเจ็บอย่าง เฮร์นาเน่, แจ็คสัน เด ซูซ่า, วอชิงตัน ซิลวา และ เอดิก้า จูนิโอ จะไม่มีชื่อในเกมนี้แน่นอนแล้ว

เจ้าบ้าน แอตเลติโก้ กัวเนนเซ่ ทีมอันดับ 20 เพิ่งบุกไปชนะ โครินเธียนส์ 1-0 มาก็จริง แต่ถ้าวัดจากฟอร์ม 5 นัดหลังพวกพ่ายต่อคู่แข่งไปถึง 3 นัดเลยทีเดียว ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะไม่มี เปาลินโญ่ ที่จะถูกคาดโทษในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน ลาส พัลมาส ฟอร์มย่ำแย่ไม่แพ้กันจากการไร้แต้มในลีกมา 2 เกมรวด ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ มาโนโล่ มาร์เกซ จำเป็นต้องหาทางแก้เกมโดยด่วนหลังแนวรับมีปัญหาปล่อยให้ "ตราหมี" ไล่ยำใหญ่ถึง 5-1 ซึ่งความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะไม่มี บิคตอร์ มาชิน ที่เจ็บหัวเข่าและ เซร์กี ซัมเปร์ แข้งตัวยืมจาก บาร์ซ่า มีปัญหาบาดเจ็บกลับมาจากทีมชาติ ทว่ายังพอมีข่าวดีให้ใจชื้นเมื่อ อเลน ฮาลิโลวิช มิดฟิลด์ดาวรุ่งชาวโครแอตพ้นโทษแบนกลับมาได้ทันเวลา

ลาส พัลมาส (4-1-4-1) : ราอูล ลิโซอาอิน ; ดาบิด ซิมอน, เมาริซิโอ เลมอส,เปโดร บีกาส, ดานี่ กาสเตยาโน่ ; บิเซนเต้ โกเมซ ; อเลน ฮาลิโลวิช, เปโดร ตาน่า, โฆนาธาน บีเอร่า,โมโม่ ; โฆนาธาน กาเยรี่

เจ้าบ้าน มาลาก้า ออกสตาร์ทซีซั่นนี้ได้อย่างน่าผิดหวังหลังปราชัยในลีกมา 2 เกมรวด ซึ่งเกมนี้พวกเขาจำเป็นต้องเช็คความฟิตในรายของ โยนี่ โรดริเกซ มิดฟิลด์แกนหลักและ ดีเอโก้ โรลัน กองหน้าอุรุกวัยว่าจะฟิตทันเกมนี้หรือไม่ แต่ที่ชวดลงช่วยทีมแน่ๆคงหนีไม้พ้น มิเกล ตอร์เรส โกเมซที่ข้อเท้าหัก รวมถึง เฟเดริโก้ ริคก้า กระดูกไหล่หักต้องพักยาวร่วมเดือน เช่นเดียวกับ อาดัลเบร์โต้ เปนญารานด้า กองหน้าเวเนซุเอล่าที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ ทำให้ทีเด็ดในเกมนี้คงหนีไม่พ้น เรซีโอ, บอร์ฆา บาสตอน และ อาเดรียน กอนซาเลซ ตามคาด

มาลาก้า (4-2-3-1) : โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ ; โรเบร์โต้ โรซาเลส, ปอล เบย์สเซ่,หลุยส์ เอร์นานเดซ, ฆวนการ์ ; ซดาฟโก้ คูซมาโนวิช, เรซีโอ้ ; ฆวนปิ,อาเดรียน กอนซาเลซ,อลเฆานโดร มูล่า ; บอร์ฆา บา สตอน

ส่วนทีมเยือน นูมานเซีย ทีมฟอร์มดุประจำลีก แม้จะมีปัญหาตัวเจ็บแกนหลักให้ต้องกังวลใจ แต่ส่วนใหญ่ล้วนแทบไม่ได้ออกสตาร์ทร่วมกับทีม ไม่ว่าจะเป็น เอลเกรซาโบล(1นัด), กูเตียร์เรส(1นัด)และ วัลการ์เซ่(-) 3 แนวรับ รวมไปถึง อัลวาเรส (-)จอมทัพกัปตันทีมที่เดี้ยงมาก่อนประเดิมซีซั่น ทำให้กลุ่มแกนหลักที่จะได้ลงสนามคงหนีไม่พ้น เปเป้ ดิอามานก้า(3นัด/1ประตู)กองกลางเซเนกัลลงคุมแดนกลาง โดยใช้ เปเร่ มิลล่า(3นัด/3ประตู)หัวหอกตัวทีเด็ดลงประสานงานกับ มานู เดล มารัล(3นัด)ตามคาด

เจ้าบ้าน เรอุส เดปอร์ติอู ฟอร์มช่วงหลังต้องบอกว่าย่ำแย่หนักจากการพ่าย สปอร์ติ้ง กิฆอน 0-1 ในเกม โกปา เดล เรย์ ซึ่งเป็นเกมที่ 8 เข้าไปแล้วที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะผู้ใดได้(เสมอ4แพ้4) ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาเตรียมเช็คความฟิตในรายของแนวรับสำรอง ปิชู อัลตินซ่า (-)กับ มิเกล การ์เซีย (2 นัด) กองกลางตัวหลัก ขณะที่ส่วนตัวเจ็บอย่าง วิคตอร์(-)และ กุสโซ่ ยังคงปัญหาเรื่องสภาพร่างกายต่อไปในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน เยอร์การ์เด้น ฟอร์มโดยรวมในเกมทางการจัดว่าไม่ธรรมดาหลังเก็บชัยได้ถึง 3 จาก 4 นัดโดยไม่แพ้ใคร ส่วนความพร้อมก่อนบุกมาเยือนในเกมนี้ต้องบอกว่ามีปัญหาพอสมควรเพราะจะเสียแข้งแกนหลักจากโทษแบนพร้อมกันถึง 3 ราย ไม่ว่าจะเป็น โยนัส โอส์สัน(15นัด/2ประตู)แนวรับ,เควิน วอลเกอร์(21นัด/3ประตู)แดนกลาง และหัวหอกตัวหลักอย่าง อาลิอู แบดยี่(14นัด/3)ประตู

ทีมอันดับ 9 ของตารางอย่าง โกเตนเบิร์ก เพิ่งโชว์ทีเด็ดบุกไปแบ่งแต้มทีมจ่าฝูง มัลโม่ 2-2 ทำให้ความมั่นใจก่อนลงสนามต้องบอกว่ามากขึ้นเป็นกอง ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามเกมนี้จะไร้เงากองหลังตัวหลักอย่าง โทมัส รอนจ์(18นัด) รวมถึง แซม อาเดโคุงเบ้(6นัด) ที่ยังบาดเจ็บ นอกจากนี้แนวรับอีกรายอย่าง เด กราก้า(4นัด)จะติดโทษแบนในเกมนี้ แต่ยังโชคดีที่ บิลลี่ นอร์ดสตรอม(5นัด)มีลุ้นผ่านความฟิตช่วยแผงแนวรับได้ทันเวลา

ส่วนทีมเยือน เจนัว ของกุนซือ อีวาน ยูริช อยู่ในสภาพทีมพร้อมสมบูรณ์หลังไม่มีตัวเจ็บตัวแบนเข้ามาให้ต้องกังวล อย่างไรก็ดีพวกเขาก็เตรียมปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมพ่าย ยูเวนตุส 2-4 โดยการส่ง จานลูก้า ลาปาดูล่า ออกสตาร์ทตัวจริงในตำแหน่งหัวหอกตัวเป้าโดยมี โกรัน ปานเดฟ และ จานลูก้า ลาปาดูล่า เป็นตัวสนับสนุน ส่วนแดนกลางจะได้ อันเดรีย แบร์โตลัชชี่ คอยรับบทจอมทัพร่วมกันตามคาด

เจนัว (3-4-3) : มัตเตีย เปริน - ดาวิเด้ บิราสคี่, ลูก้า รอสเซตตินี่, ซานติอาโก้ เจนติเลตติ - ดาร์โก้ ลาโซวิช, อันเดรีย แบร์โตลัชชี่, มิเกล เวโลโซ่, ดีเอโก้ ลาซอลท์ - โกรัน ปานเดฟ, จานลูก้า ลาปาดูล่า, อาเดล ทารับท์

ลุยจิ เดล เนรี กุนซือใหญ่ของ อูดิเนเซ่ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ซิลวาน วิดเมอร์ แนวรับ และ สติเป เปริกาตัวรุกที่ยังเดี้ยงตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ทจึงไม่แปลกใจที่ฟอร์มช่วงออกสตาร์ทจะไม่สู้ดีนัก คาดว่าเกมนี้ทางเจ้าบ้านจะทำการปรับแท็คติกบางตำแหน่งโดยยืนพื้นตัวหลักอย่าง เควิน ลาซานญ่า กับ โรดริโก้ เด ปอล เป็นทีเด็ดแดนหน้าโดยมี มักซี่ โลเปซ หัวหอกอาร์เจนไตน์เป็นตัวสนับสนุนอีกราย นอกจากนี้ยังจะส่ง วาลอน เบห์รามี และ อันโตนิน บารัค ลงคุมแดนกลางในฐานะ 11 ตัวจริงบ้าง

อูดิเนเซ่ (4-3-3) : ซิโมเน่ สคุฟเฟต - เยนส์ ลาร์เซ่น, ดานิโล่, บรัม นุยติ้งค์, ซาเมียร์ - วาลอน เบห์รามี, อันโตนิน บารัค, ยาคุบ ยังค์โต้ - เควิน ลาซานญ่า, มักซี่ โลเปซ, โรดริโก้ เด ปอล

ส่วนทัพ "ปีศาจแดง-ดำ" เล่นได้สมราคาผู้ท้าชิงแชมป์กับ ยูเวนตุสซีซั่นนี้ หลังเก็บชัยเรียบ 6 แต้มเต็มด้วยฟอร์มสุดอลังยิงไป 5 เสียเเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามนายใหญ่ วินเชนโซ่ มอนเตลล่า เตรียมขนแข้งหน้าใหม่ที่ถูกดึงเข้ามาเติมศักยภาพลงสนามกันทั่วหน้านำโดย เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กัปตันทีมลงประสานงานกับ แฟร้งค์ เคสซี่, ริการ์โด้ โรดริเกวซ และ มาเตโอ มูซัคซิโอ้ โดยแดนหน้าได้ใช้ ซูโซ่, แพทริค คูโตรเน่ และ ฟาบิโอ บอรินี่

เอซี มิลาน (4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า - ดาวิเด้ คาลาเบรีย, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, มาเตโอ มูซัคซิโอ้, ริการ์โด้ โรดริเกวซ - แฟร้งค์ เคสซี่, ลูคัส บิเกีย, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ - ซูโซ่, แพทริค คูโตรเน่, ฟาบิโอ บอรินี่

ซิเมโอเน่ อินซากี้ นายใหญ่ทัพ ลาซิโอ้ นำทีมประเดิมสองเกมแรกได้ไม่ธรรมดาหลังเก็บไปแล้ว 4 จาก 6 แต้มจาก 2 นัดในซีซั่นนี้ อย่างไรก็ดีการเปิดรังเจอ มิลาน ในเกมนี้ดูจะไม่เต็มร้อยนักเมื่อ เฟลิเป้ อันแดร์สัน เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งยังมีปัญหาบาดเจ็บเช่นเดียวกับ นานี่ ปีกตัวใหม่ที่ยังไม่พร้อมใช้งานทำใหเผังในแดนหน้าจะยังคงวาง หลุยส์ อัลแบร์โต้, มิลินโกวิช ซาวิช โดยมี ชิโร่ อิมโมบิเล่ เป็นทีเด็ดในแดนหน้า

ลาซิโอ (3-4-2-1) : โธมัส สตราโคช่า - วัลเลซ, สเตฟาน เด ฟราย, สเตฟาน ราดู - ดูซาน บาสต้า, มาร์โก ปาโรโล่, ลูคัส เลว่า, เซนาด ลูลิช - หลุยส์ อัลแบร์โต้, มิลินโกวิช ซาวิช - ชิโร่ อิมโมบิเล่

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ กีเก้ เซเตียน อยู่ในสภาพพร้อมรบกว่าเจ้าถิ่นค่อนข้างแน่ เพราะในตอนนี้พวกเขาไม่มีปัญหาตัวเจ็บตัวแบนให้ต้องกังวลใจ ทว่าเกมนี้พวกเขาจะหมดสิทธิ์ส่งชื่อ นาอูเอล เลว่า กองกลางลงเล่นเจอต้นสังกัดจริง แต่เหล่าบรรดาแข้งหน้าใหม่อย่าง บิคตอร์ กามาราซ่า, อันเดรส กัวร์ดาโด้ และ เซร์คิโอ เลออน จะได้ออกสตาร์ทกันทั้งหมด

เรอัล เบติส (4-3-3) : อันโตนิโอ อัดญัณ ; อันโตนิโอ บาร์รากัน, ซูแฮร์ เฟดดัล, อิสซ่า ม็องดี้, ริซ่า ดูร์มิซี่ ; บิคตอร์ กามาราซ่า, ฆาบี การ์เซีย อันเดรส กัวร์ดาโด้ ; ฆัวกิน, เซร์คิโอ เลออน, คริสเตียน เตโย่

ฟราน เอสกริบา นายใหญ่ประจำทีมยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน อาเดรียน มาริน กับ บรูโน่ โซเรียโน่ รวมถึง เซร์คิโอ อาเซนโฆ นายทวารมือหนึ่งที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว ซ้ำร้ายยังจะเสียมือสองอย่าง อันเดรียส เฟร์นานเดซ ที่เจ็บเพิ่มเข้ามาอีก ทำให้เกมนี้พวกเขาต้องปรับทัพกันใหม่โดยส่ง มาริอาโน่ บาร์โบซ่า ลงเฝ้าเสาแทน อย่างไรก็ดียังพอมีเรื่องให้ใจชื่นเมื่อ มาริอาโน่ กัสปาร์ แบ็คขวาตัวหลักกลับมาเป็นตัวจริงได้อีกครั้งหลังสลัดอาการบาดเจ็บมาหมาดๆ

บียาร์เรอัล (4-4-2) : มาริอาโน่ บาร์โบซ่า ; มาริโอ กัสปาร์, อัลบาโร่ กอนซาเลซ, บิคตอร์ รุยซ์, ฆัวเม่ คอสต้า ; ปาโบล ฟอร์นัลส์, มานู ตริกูเอรอส, โรดรี้, ซามู กัสติเญโฆ่ ; เซดริก บากัมบู, การ์ลอส บักก้า

ส่วนทีม อลาเบส ของกุนซือ หลุยส์ ซูเบลเดีย แพ้รวดมาไม่ต่างกัน แถมยังหนักกว่าตรงที่ยังผลิตสกอร์ไม่ได้ ซึ่งความพร้อมในเกมนี้จุดหนักใจคงอยู่ที่ปัญหาแนวรับซึ่งจะขาดทั้ง บิคตอร์ ลากูอาร์เดีย และ เอคตอร์ เอร์นานเดซ ที่ยังบาดเจ็บ ทำให้จะได้เห็น อัลฟอนโซ่ เปดราซ่า ลงปักหลักในตำแหน่งแบ็กซ้าย ขณะที่สองแนวรุกตัวใหม่ทั้ง มูนีร์ เอลฮัดดาดี้ และ โบยาน ก็น่าจะมีชื่อออกสตาร์ททันทีในเกมนี้ โดยมีแกนหลักอย่าง อิไบ โกเมซ และ มูบารัก วากาโซ่ ลงประจำตำแหน่ง

อลาเบส (4-2-3-1) : เฟร์นานโด ปาเชโก้ ; คาร์ลอส บิการาย, โรดริโก้ อีลี่, อเล็กซิส รูอาโน่, อัลฟองโซ่ เปดราซ่า ; มูบารัก วากาโซ่, มานู การ์เซีย ; อิไบ โกเมซ, โบยาน, บูร์กุย ; มูนีร์ เอลฮัดดาดี้

ผู้จัดการทีม ฆวน การ์ลอส อุนซูเอ้ นำทีมประเดิมซีซั่นได้ไม่ดีนักหลังยังไร้แต้มตลอด 2 เกมในลีก อย่างไรก็ดียังพอมีเรื่องให้อุ่นใจอยู่บ้างเมื่อพวกเขาไม่มีตัวเจ็บเข้ามายกเว้นในรายของ จอห์น กุยเด็ตติ ที่เจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่า ฆวน การ์ลอส จะยังคงไว้ใจ ยาโก้ อัสปาส ลงเป็นตัวชูโรงต่อไปในแดนหน้าโดยมี มักซิมิเลียโน่ โกเมซ ดาวยิงตัวใหม่กับ พิโอเน่ ซิสโต้ เป็นสามประสานร่วมกัน

เซลต้า บีโก้ (4-3-3) : เซร์คิโอ อัลบาเรซ ; อูโก้ มาโย่, อันดรู ฟอนตาส, กุสฟาโว่ กาบรัล, จอนนี่ ; โฆซาเบด, เนมานย่า ราโดย่า, ดาเนี่ยล วาสส์ ; ยาโก้ อัสปาส, มักซิมิเลียโน่ โกเมซ, ปิโอเน่ ซิสโต้

ส่วนทีมเยือน กิโรน่า ทีมน้องใหม่ประจำลีกประเดิมซีซั่นใหม่ได้อย่างน่าทึ่งไม่น้อยหลังเก็บไปถึง 4 จาก 6 แต้มเต็มในยามนี้ แถมสภาพความพร้อมก่อนเกมยังจัดว่าโอเคเมื่อจะมีเพียง ดาบิด ติมอร์ แดนกลางที่เดี้ยงมาอยู่ก่อนแล้ว ส่วนตัวจริงในเกมนี้ไม่มีความจำเป็นที่ ปาโบล มาชิน ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรและยังคงไว้ใจ ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่ และ ซาอูล การ์เซีย เป็นสามทีเด็ดในแดนหน้า

กิโรน่า (3-4-3) : กอร์ก้า อิไรซอซ ; เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, เปโดร อากาล่า, มาร์ก มูนีซ่า ; ปาโบล มาฟเฟโอ, อเล็กซ์ กราเนย์, เปเร่ ปอนส์, อาดาย เบนิเตซ ; ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, ซาอูล การ์เซีย

โฆเซ่ ซิกานด้า ผู้จัดการทีม บิลเบา เตรียมนำลูกทีมลงเล่นเกมลีกอีกครั้งหลังผ่านช่วงพักทีมชาติไปอาทิตย์เต็มๆ ซึ่งความพร้อมในเกมนี้ไม่มีอะไรให้ต้องหนักใจนักเพราะตัวจะขาดแกนหลักอย่าง ออสการ์ เดอ มาร์กอส เพียงรายเดียวเท่านี่น ส่วนในรายของ อาริตซ์ อาดูริซ กองหน้าเบอร์หนึ่งยังมีปัญหาเรื่องความพร้อมน่าจะได้พักในเกมนี้เพื่อเปิดทางให้ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ขยับมาเป็นหน้าเป้า พร้อมกับวาง มาร์เกล ซูซาเอต้า, ราอูล การ์เซีย และ อิเกร์ มูเนียอิน เป็นสามประสานแนวรุก

แอธฯบิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; อินญิโก้ เลกููเอ้, อายเมริค ลาปอร์เต้, อูไน นูนเญซ, มิเกล เบเลนเซียก้า ; มิเกล เบสก้า, เบนญัติ ; มาร์เกล ซูซาเอต้า, ราอูล การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์

ส่วนทีมเยือนของ ยูเซบิโอ ซากริสตัน ความมั่นใจผิดกับเจ้าบ้านหลังประเดิมซีซั่นนี้ได้ 6 แต้มเต็ม ก่อนจะถูก บาร์เซโลน่า ที่แข่งมากกว่าแซงขึ้นไปรั้งจ่าฝูงในค่ำคืนนี้ ซึ่งความพร้อมก่อนเกมถือว่าดูดีไม่แพ้กันเมื่อพวกเขาจะขาดเพียงแค่ ราอูล นาบาส(2นัด) ปราการหลังตัวหลักแต่ก็ทดแทนโดยการส่ง อาริตซ์ เอลัสตอนโด้ ลงเล่นแทน ส่วนในรายของ มิเกล โอยาร์ซาบัล ที่บาดเจ็บเล็กน้อยน่าจะผ่านความฟิตก่อนเกมลงประสานงานร่วมกับ เซร์คิโอ กานาเลส กับ วิลเลี่ยน โชเซ่ ในแดนหน้าได้ไม่มีปัญหา

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, อาริตซ์ เอลัสตอนโด้, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เควิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; เซร์คิโอ กานาเลส, วิลเลี่ยน โชเซ่, มิเกล โอยาร์ซาบัล

เปเป้ เมล นายใหญ่ประจำทีมยังคงตเองควานหาชัยชนะต่อไปหลังมีหนึ่งแต้มจาก 2 นัดล่าสุดจาการเสมอ เลบานเต้ 2-2 เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมกลับมาเล่นในบ้านด้วยสภาพความพร้อมเต็มสูบทว่าก็ยังไว้ใจให้ ฟลอริน อันโดโน่ กับ อาเดรียน โลเปซ ลงยืนเป็นคู่หน้าเนื่องจาก ลูกัส เปเรซ ที่ดึงมาจาก อาร์เซนอล น่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกม ยูโรป้า ลีก กลางสัปดาห์มากกว่า ส่วนผังแนวรุกพวกเขาจะวาง เฟเด การ์ตาเบีย กับ ซากาเรีย บักกาลี่ เป็นตัวเคลื่อนเกมจากด้านข้าง

ลา กอรุนญ่า (4-4-2) : ไททัน ; ฆวนฟราน, ฟาเบียน ชาร์, ซิดเน่, ลูซินโญ่ ; เฟเด การ์ตาเบีย, เปโดร มอสเกร่า, กีเยร์เม่ ซานโต๊ส, ซากาเรีย บักกาลี่ ; ฟลอริน อันโดโน่, อาเดรียน โลเปซ

ส่วนทีมเยือน คิเอโว่ ของกุนซือ โรลันโด้ มารัน อยู่ในสภาพทีมพร้อมรบเต็มสูบเนื่องจากมีเพียง ริคคาร์โด้ เม็กโกรินี่ เพียงรายเดียวเท่านั้นที่ไม่พร้อมลงสนาม โดย 11 ผู้เล่นในเกมนี้จะยกชุดจากเกมที่แล้วค่อนข้างแน่โดยมี วอลเตอร์ เบียร์ซ่า เป็นตัวปั้นเกมคนสำคัญในระบบ 4-3-1-2 โดยมี มานูเอล ปุคคาเรลลี่ กับ โรแบร์โต้ อินเกลเซ่ จับคู่ร่วมกันในแดนหน้า

คิเอโว่ (4-3-1-2) : สเตฟาโน่ ซอร์เรนติโน่ - ฟาบริซิโอ จัคคาตอเร่, ดาริโอ ดายเนลลี่, อเลสซานโดร กัมเบียรินี่, มัสซิโม่ ก๊อบบี้ - ลูกัส กาสโตร, อีวาน ราโดวาโนวิช, เพอร์พาริม ฮาเตมาย - วอลเตอร์ เบียร์ซ่า - มานูเอล ปุคคาเรลลี่, โรแบร์โต้ อินเกลเซ่

มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กุนซือชาวอิตาเลี่ยนประจำทีมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ้ จอมทัพตัวเก่าเพียงรายเดียวเท่านั้นในเกมนี้ แถมตัวผู้เล่นที่จะถูกส่งลงสนามจะเป็นชุดโรเตชั่นค่อนข้างแน่เพราะมีศึกหนักใน ยูซีแอลกับ บาร์เซโลน่า รออยู่ โดยแดนกลางพวกเขาได้วาง มิราเลม ปานิช กับ แบลส มาตุยดี้ เป็นจอมทัพร่วมกัน โดยใช้ ฟิลิปโป้ แบร์นาร์เดสคี่, ฮวน กวาดราโด้ กับ ดั๊กลาส คอสต้า เป็นสามประสานแนวรุก ส่วนแผงแนวรับจะมีการปรับตำแหน่งโดยการส่ง เบเนดิคท์ โฮเวเดส ปราการหลังที่เพิ่งคว้าตัวมาจากชาลเก้ลงเล่นร่วมกับ ดาเนี่ยลเล่ รูกานี่ ค่อนข้างแน่

ยูเวนตุส (4-2-3-1) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - สเตฟาน ลิชสไตเนอร์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส, ดาเนี่ยลเล่ รูกานี่, อเล็กซ์ ซานโดร - มิราเลม ปานิช, แบลส มาตุยดี้ - ฟิลิปโป้ แบร์นาร์เดสคี่, ฮวน กวาดราโด้, ดั๊กลาส คอสต้า - กอนซาโล่ ฮิกัวอิน

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน 2 กองหลังอย่าง ออสการ์ ดูอาร์เต้ และ ฆาบี โลเปซ ที่มีปัญหาบาดเจ็บ โดยเฉพาะรายหลังจะได้ ปาอู โลเปซ ลงเฝ้าเสาแทนในตำแหน่งผู้รักษาประตู ส่วนแผงแดนกลางในนัดนี้ทีมเยือนยังเตรียมเปลี่ยนแท็คติกโดยการส่ง ปาเป้ ดิย็อป ลงตัดเกมร่วมกับฆาบี ฟูเอโก้ เพื่อมาเน้นลูกหนักโดยเฉพาะ ส่วนแดนหน้าได้วาง เลโอ บาปติสเตา กับ เกราร์ด โมเรโน่ ลงล่าตาข่ายร่วมกัน

เอสปันญ่อล : (4-4-2) : ปาอู โลเปซ ; บิคตอร์ ซานเชซ, นัลโด้, ดาบิด โลเปซ, อารอน มาร์ติน ; โฆเซ่ ฆูราโด้, ฆาบี ฟูเอโก้, ปาเป้ ดิย็อป, ปาโบล ปิอัตติ ; เลโอ บาปติสเตา, เกราร์ด โมเรโน่

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ผู้จัดการทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า เตรียมนำลูกทีมเก็บ 3 แต้มติดต่อกันอีกครั้งหลังกลับมาจากช่วงพักเบรคทีมชาติ ซึ่งความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงอย่าง ราฟินญ่า ทว่ายังมีข่าวดีเมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ จะกลับมาลงตัวจริงได้อีกครั้ง เช่นเดียว อุสมาน เดมเบลเล่ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์หลังถูกซื้อตัวมาด้วยราคา108 ล้านยูโรเพื่อทดแทน เนย์มาร์ ซึ่งเจ้าตัวจะได้ออกสตาร์ทร่วมกับ ลีโอเนล เมสซี อีกราย

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ; เนลสัน เซเมโด้, เกราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; เซร์กี โรเบร์โต้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรียส อีเนียสต้า ; อุสมาน เดมเบลเล่, หลุยส์ ซัวเรซ, ลีโอเนล เมสซี

ส่วนทีมเยือน เออิบาร์ ของกุนซือ โฆเซ่ เมนดิลิบาร์ ยังคงหมดสิทธิ์ใช้แข้งเดี้ยงอย่าง โฆเอล โรดริเกซ, ฟราน ริโก้ และ เปโดร เลออน แถมยังจะเสีย โฆอัน จอร์แดน กองกลางตัวหลักที่ถูกคาดโทษมาจากเกมพ่าย บิลเบา เพิ่มเติมอีกราย ทำให้โฉมหน้าแผงมิดฟิลด์จะวาง กอนซาโล่ เอสกาลันเต้ กับ ดานี่ การ์เซีย เป็นคู่จอมทัพ อีกทั้งยังจะส่ง รูเบน ปีน่า แทนที่ เปโดร เลออน ที่บาดเจ็บลงในตำแหน่งริมเส้น

เออิบาร์ (4-4-2) : มาร์โก้ ดมิโตรวิช ; อันเดร์ กาปา, อิบัน รามิส, เปาโล โอลิเวียร่า, โฆเซ่ อังเคล ; รูเบน ปีน่า, กอนซาโล่ เอสกาลันเต้, ดานี่ การ์เซีย, ทาเกชิ อินูอิ ; กีเก้ การ์เซีย, ชาร์เลส

เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ เทรนเนอร์ใหญ่ประจำทีมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เอแวร์ บาเนก้า กองกลางอาร์เจนไตน์ที่ยังต้องชดใช้โทษแบนต่อไปในเกมนี้ทำให้โฉมหน้าแผงมิดฟิลด์จะเป็น เคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี, สเตเว่น เอ็นซองซี่่ และ กานโซ่ ผนึกกำลังร่วมกัน นอกจากนี้ 2 แข้งใหม่อย่าง โนลิโต้ จะถูกวางเป้นทีเด็ดแนวรุกร่วมกับ เฆซุส นาบาส, วิสซัม เบน เยดเดอร์ ส่วน ไซม่อน เคียร์ แนวรับชาวเดนมาร์กยังคงถูกวางเป็นตัวหลักแนวรับร่วมกับ เกลม็องต์ ล็องเล่ต์ ตามคาด

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ ; เซบาสเตียน กอร์เชีย, ไซม่อน เคียร์, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, เซร์คิโอ เอสคูเดโร่ ; ไมเคิ่ล ครอห์น-เดห์ลี, สเตเว่น เอ็นซองซี่่, กานโซ่ ; เฆซุส นาบาส, วิสซัม เบน เยดเดอร์, โนลิโต้