วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นายใหญ่ประจำทีมอาจจะออกลูกเสียได้นิดหน่อยเพราะพวกเขาเพิ่งโชว์ทีเด็ดถล่ม ลาส พัลมาส 5-1 แต่ก็ต้องมาเจอพักเตะทีมชาติเบรคความร้อนแรงไป อย่างไรก็ดีเกมบุกมาเยือน บาเลนเซีย นัดนี้ไม่ใช่งานง่ายเพราะพวกเขาจะไร้เงา อองตวน กรีซมันน์ ที่ยังต้องชดใช้โทษแบน ทำให้ เกอแว็ง กาไมโร่ จะได้ออกสตาร์ทลงตัวจริงคู่กับ อังเคล กอร์เรอา พ่วงด้วยการส่ง เฟลิเป้ ลุยส์ แบ็คตัวเก่งที่สลัดเดี้ยงมาช่วยทีมได้ทันเวลา ส่วนแดนกลางจะได้เห็น กาบี้ กลับมาลงตัวจริงลงเล่นร่วมกับ โกเก้ และ ซาอูล ญิเกซ อีกครั้ง

แอตเลติโก้ มาดริด (4-4-2) : แยน โอบลัค ; ซีม เวอร์ซัลจ์โก้, ดีเอโก้ โกดิน, โฆเซ่ กิมิเนซ, เฟลิเป้ ลุยส์ ; โกเก้, กาบี, ซาอูล ญิเกซ, ยานนิค การ์ราสโก้ ; เกอแว็ง กาไมโร่, อังเคล กอร์เรอา

"ไอ้ค้างคาว" บาเลนเซีย หวังทำแสบทีมจากกรุงมาดริดให้ได้อีกนัดหลังเกมที่แล้วเพิ่งโชว์ทีเด็ดบุกเจ๊า เรอัล มาดริด มา 2-2 ก่อนพักเบรคทีมชาติ คาดว่าเกมนี้จะได้เห็น มาร์เซลิโน่ เทรนเนอร์ยึดชุดหลักๆจากเกมที่แล้วลงซะส่วนใหญ่ ยกเว้นในรายของ การส่งกอนซาโล่ กูเอเดส ที่น่าจะได้ลงเล่นทางปีกขวาฟอร์มกับวาง การลอส โซเลร์ เป็นริมเส้นทางฝั่งซ้ายโดยมี โรดริโก้ โมเรโน่ กับ ซิโมเน่ ซาซ่า เป็นคู่กองหน้าอีกครั้ง ส่วนแข้งตัวเจ็บพวกเขายังต้องรอการคัมแบ็คของ รูเบน เบโซ่ (2 นัด) กับ นาโช่ กิล (2 นัด)ต่อไป

บาเลนเซีย (4-4-2) : เนโต้ ; มาร์ติน มอนโตย่า, เฆซอน มูริโญ่, เอเซเกล การาย, โฆเซ่ กาย่า ; กอนซาโล่ กูเอเดส, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ่, จอฟเฟรย์ ก็องด็อกเบีย, การลอส โซเลร์ ; โรดริโก้ โมเรโน่, ซิโมเน่ ซาซ่า

ส่วนทีมเยือน เลบานเต้ ภายใต้การนำของกุนซือ ฆวน ราม่อน มูนญิซ เตรียมเจองานยากในการบุกเยือนถิ่นทีมมหาอำนาจลูกหนังประจำลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการไร้เงาโฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส กองกลางตัวหลักที่โดนไล่ออกจากเกมลีกนัดเจ๊า ลา กอรุนญ่า 2-2 ทำให้โฉมหน้าแดนกลางพวกเขาจะใช้ กัมปานญ่า กับ เลร์ม่า คอยประสานงานร่วมกันพร้อมกับวาง เฆซอน โมราเลส, เอนิส บาร์ดี้ และ อีวี่ เป็นตัวปั้นเกมรุก ส่วนแข้งใหม่ที่ดึงเข้ามาอย่าง ซาซ่า ลูคิช กองกลางกับ เอ็มมานูเอล บัวเต็ง หัวหอกเลือดกาน่ามีโอกาสสูงที่จะมีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น

เลบานเต้ (4-2-3-1) : ราอูล เฟร์นานเดซ ; เปโดร โลเปซ, เชม่า โรดริเกซ, เซร์คิโอ ปอสติโก, โตนโญ่ ; กัมปานญ่า, เลร์ม่า ; เฆซอน โมราเลส, เอนิส บาร์ดี้, อีวี่ ; อเล็กซานเดอร์ อเลเกรีย

ทัพ "ราชันชุดขาว" ของกุนซือ ซีเนดีน ซีดาน ยังคงต้องนับวันรอสตาร์เบอร์หนึ่งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต่อไปหลังจากเหลือแมตช์ค้างโทษแบนอยู่อีก 2 นัด ส่วนความพร้อมโดยรวมจากโปรแกรมพักเบรคทีมชาติเกมนี้พวกเขาจะใช้ กีโก้ การ์ซีย่า ลงเฝ้าเสาแทน เคย์เลอร์ นาบาส ที่เพิ่งกลับมารายงานตัวกับสโมสรเมื่อวานนี้ ขณะที่แนวรับมีข่าวดีคือจะได้กัปตันทีม เซร์คิโอ รามอส พ้นโทษแบนกลับมาคุมร่วมกับ ราฟาแอล วาราน แต่โฉมหน้าแดนกลางจะมีการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่งโดนการพัก ลูก้า โมดริช, คาเซมิโร่, แกเร็ธ เบล รวมถึง อีสโก้ เนื่องจากมีโปรแกรม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รออยู่กลางสัปดาห์หน้า

เรอัล มาดริด (4-2-2-2) : กีโก้ การ์ซีย่า ; ดาเนี่ยล การ์บาฆัล, เซร์คิโอ รามอส, นาโช่, เธโอ เอร์นานเดซ ; ลูคัส บาซเกซ, โทนี่ โครส, มาร์กอส ยอเรนเต้, ดานี่ กาเบยอส ; มาร์โก้ อาร์เซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า

ส่วนทัพ "ปีศาจแดง" ของนายใหญ่ โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาจากช่วงพักเบรคทีมชาติและยังเห็นพวกเขาขนแกนหลักที่ทำผลงานในลีกลงบู๊แทบครบเซ็ต ซึ่งเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง มาร์กอส โรโฮ (-)และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (-)ตามคาด ขณะที่แนวรุกยังคงไว้ใจ โรเมลู ลูกากู เป็นหัวหอกตัวเป้าและวาง ฆวน มาต้า, เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นสามประสานเกมรุก ส่วนแดนกลางแน่นอนว่ายังใช้สตาร์มาดกวนอย่าง ปอล ป็อกบา รับหน้าที่คุมเกมร่วมกับ เนมันย่า มาติช ตามคาด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, วิคเตอร์ ลินเดลอฟ, คริส สมอลลิ่ง, ดาลี่ย์ บลินด์ - ปอล ป็อกบา, เนมันย่า มาติช - ฆวน มาต้า, เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน, มาร์คัส แรชฟอร์ด - โรเมลู ลูกากู

เกมพรีเมียร์ลีกกลับมาโมแข้งอีกครั้งหลังผ่านช่วงพักเบรคทีมชาติ ซึ่งเกมนี้กุนซือใหญ่ มาร์ค ฮิวจ์ส มีปัญหาใหญ่ให้ต้องกังวลเพราะจะหมดสิทธิ์ใช้งานแนวรับตัวเก่งอย่าง ไรอัน ชอว์ครอสส์(3นัด)ที่เดี้ยงเพิ่มเติมจากเกมลีก ขณะที่ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ (-), อิบราฮิม อเฟลลาย (-)และ ชูลิอ็อง เอ็นกอย (-)ยังคงเดี้ยงอยู่เช่นเดิม อย่างไรก็ดีพวกเขายังมีลุ้นได้ตัว อีริก ชูโป-โมติง,เคิร์ท ซูม่า,ดาเรน เฟรชเชอร์ และ มาเน่ บิรัม ดิยุฟ ผ่านความฟิตมาช่วยทีม ทำให้แดนหน้าต้องใช้ ไซโด้ เบราฮิโน่ เป็นหัวหอกโดยมี เฆเซ่ และ เซอร์ดาน ชากิรี เป็นตัวปั้นเกมรุก

สโต๊ค ซิตี้ (3-4-2-1) : แจ็ค บัตแลนด์ - เคิร์ต ซูม่า, มาร์ติน อินดี้, เควิน วิมเมอร์ - จอฟฟ์ คาเมรอน, โจ อัลเลน, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, เอริค ปีเตอร์ส - เฆเซ่, เซอร์ดาน ชากิรี - ไซโด้ เบราฮิโน่

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ มาโน่ เมเนซิส จะไม่มีชื่อแน่ๆก็คือในรายของ ซาสซ่า(14นัด/6ประตู)หัวหอกท็อปสกอร์ประจำทีมและ ดิเกลา(2นัด)แนวรับตัวสำรองที่จะไม่ถูกใส่ชื่อในเกมนี้ เช่นเดียวกับตัวเจ็บอย่าง เดเด้(3นัด),กาเบรียล(13นัด)กองกลางและ ราฟาเอล มาเกวซ(11นัด/1ประตู)กองหน้าที่ยังบาดเจ็บ

ผู้จัดการทีม ไรนัลโด้ รูเอด้า มีปัญหาเรื่องจัดตัวผู้เล่นก่อนเกมพอสมควรเมื่อพวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เปาโล เกร์เรโร่(14นัด/5ประตู)หัวหอกตัวเก่งที่จะติดโทษแบน เช่นเดียวกับ เฟลิเป้ วิเซอู(8นัด/1ประตู) เอเดอร์สัน(5นัด) และ เรเน่ (10นัด)แนวรับตัวหลักที่ยังบาดเจ็บ อย่างไรก็ดีพวกเขายังมีลุ้นได้นักเตะกลับเข้าสู่ทีอย่าง ดิเอโก้ อัลเวส(6นัด)นายทวารและ 2 แดนกลางอย่าง เอเวอร์ตัน ริเบร์โร่(13นัด/2ประตู) กับ แบร์โตกู วานิโอ(7นัด)

ส่วนทีมเยือน เอซี โอลู ของกุนซือ ราอูโน่ โอยาเน่น เพิ่งบุกไปพ่าย ทีพีเอส 0-2 ในเกมล่าสุด ทำให้ตลอด 6 เกมหลังพวกเขาพ่ายไปถึง 4 เก็บชัยได้เพียง 2 นัดเท่านั้น ส่วนความพร้อมในเกมนี้ไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบนให้ต้องกังวลใจ และยังคงวางตัวทีเด็ดในแดนหน้าอย่าง ออสการี่ ยัคโคเน่น(20นัด/4ประตู)และ มิก้า อาริทาโล่(20นัด/3ประตู)เป็นตัวชูโรง

เจ้าบ้าน โอพีเอส ควานหาชัยชนะแรกได้จากการชนะ กนิสตัน เฮลซิงกิ 3-1 หลังพ่ายติดต่อกันมา 6 เกมติดเข้าไปแล้ว นั่นหมายความว่ากุนซือ มิก้า ยันตูเน่น ไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากเกมล่าสุด ซึ่งแกนหลักในแนวรุกคงหนีไม่พ้น 2 กองหน้าบราซิเลี่ยนอย่าง ลีอันโดร คอสต้า(7นัด/3ประตู) และ ธิอาโก้ ทรินเด้(20นัด/7ประตู)เป็นตัวชูโรงร่วมกับ มิกาเอล เอ็นเซคเว่(21นัด/4ประตู)อีกหนึ่งตัวรุกชาวไนจีเรียน

ส่วนทีมเยือน อัลบอร์ก ทีมจาก เดนมาร์ก ซูปเปอร์ลีก้า นอกจากจะอยู่ในฟอร์มฝืดแล้วจากการเสมอไปถึง 5 จาก 7 เกมในลีก(แพ้2) เกมนี้พวกเขาจะไร้เงาแกนหลักไปถึง 4 รายไล่ตั้งแต่ เอดิสัน ฟอร์เรส(7นัด/1ประตู)กองหน้าตัวเก่งที่ติดรับใช้ชาติ รวมถึงตัวเจ็บอย่าง นิโคไล ลาร์เซ่น(7นัด)นายทวาร, ราสมุส(6นัด)และ พีเดอร์เซ่น(6นัด) 2แดนกลางที่ยังบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด

ตัวแทนลีกรอง ดิวิชั่น 1 อย่าง วีบอร์ก ได้โอกาสเฝ้ารังเจอทีมจากลีกสูงสุดด้วยสภาพความพร้อมไม่สู้ดีนักหลังจะหมดสิทธิ์ใช้งานแข้งแดนหน้าไปถึง 3 รายอย่าง ช็อง บิน ปาร์ค(-)หัวหอกชาวเกาหลี มิคเกล เวสเตอร์การ์ด(1นัด)และแข้งตัวหลักอย่าง ดานิโอ อาร์เรียต้า(5นัด) พ่วงด้วยตัวเจ็บตำแหน่งอื่นอย่าง ซอเรน เฟร์เดอร์เซ่น(1นัด),โอริเวอร์ ไทจ์โครเซ่น(1นัด) และ ยาค็อป อันเดอร์เซ่น(4นัด)แนวรับตัวเก่งที่จะพลาดลงสนามเช่นกัน

ส่วนทีมเยือน ปาราน่า พีอาร์ ทีมอันดับ 5 ของตาราง กลับมาเล่น บราซิล ซีรี่บี คราวนี้เตรียมขนชุดที่ดีที่สุดลงบู๊เต็มสูบยกเว้นในรายของ กาเบีรยล ดิอัส(18นัด/2ประตู) กองกลางตัวรับที่ติดโทษแบน ส่วนแกนหลักที่เฮดโค้ชใหญ่ แมธทิอัส คอสต้า ยังคงไว้ใจ เจา เปรโดร(8นัด/1ประตู) และ เรนาตินโญ่(15นัด/6ประตู) ขึ้นเกมทางริมเส้น โดยใช้ ร็อบสัน(21นัด/4ประตู) และ อาเลเมา(10นัด/5ประตู) เป็นคู่หัวหอกในระบบ 4-4-2

เจ้าบ้าน โกยาส ทีมอันดับ 16 ของตารางจัดอยู่ในฟอร์มสุดน่าผิดหวังหลังไม่ชนะใครมา 5 เกมรวด(เสมอ2แพ้2) อย่างไรก็ดีเฮดโค้ช ซิลวิโอ้ จัดอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มสูบเนื่องจากแกนหลักอย่าง คาร์ลอส เอดูอาโด้(22นัด/7ประตู) ปีกซ้ายกัปตันทีมยังพร้อมลงประจำตำแหน่งโดยมี ลีโอ เซน่า(14นัด) ขึ้นเกมทางกราบขวา พร้อมกับใช้ กุสตาโว่(7นัด/1ประตู) เป็นหอกตัวเป้าในระบบ 4-2-3-1

ส่วนทีมเยือน บราซิล เด เพโลแทส แม้จะอยู่ในช่วงขาขึ้นหลังชนะไปถึง 3 จาก 4 เกมหลัง โดยเกมล่าสุดเพิ่งเปิดรังชนะ โกยาส 2-1 มาหมาดๆ แต่สภาพความพร้อมถือว่าน่าเป็นห่วงก่อนเกมเพราะแกนหลักอย่าง เลอันโดร คามิลโล่ (20 นัด) กองหลังและ ราฟินญ่า (18 นัด 4 ประตู) กองหน้าจะติดโทษแบนทั้งคู่ มิหนำซ้ำแข้งเดี้ยงอย่าง เอดูอาร์โด้ มาร์ตินี่ (11 นัด), มาร์ลอน (8 นัด) รวมไปถึง เอเลียส (7 นัด) กองหน้ายังไม่สามารถสลัดอาการบาดเจ็บได้ทันเวลา ทำให้เกมนี้ต้องฝากความหวังไว้ที่ ลินคอม(14นัด/6ประตู)เป็นหัวหอกในระบบ 4-2-3-1 โดยมี ราฟินญ่า(18นัด/4ประตู)เป็นตัวปั้นเกมรุกอยู่ด้านหลัง

เจ้าบ้าน เนาติโก้ กำลังอยู่ในช่วงยกระดับฟอร์มการเล่น แม้พวกเขาเพิ่งจะบุกไปแพ้ ซิเอร่า 0-1 แต่ถ้านับเฉพาะ 5 เกมหลังพวกเขาเก็บชัยไปได้ถึง 3 นัดเลยทีเดียว ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงา เลโอ คาร์วัลโญ่ (3 นัด)แนวรับที่ยังบาดเจ็บ ทว่ายังมีข่าวดีเมื่อ เบรโน่ คาลิกซ์โต้ (12 นัด 1 ประตู) กองหลังตัวหลักส่อแววผ่านความฟิตกลับมาเป็นตัวจริง ขณะที่กัปตันทีมจอมทัพอย่าง อมารัล(19นัด) ยังพร้อมลงจับคู่กับ วิลเลียม ชุสเตอร์(3นัด) โดนมี กิลม่า(12นัด/2ประตู) หัวหอกวัย 33 ปีรับบทเป็นหน้าเป้าในระบบ 4-1-4-1

ส่วนทีมเยือน สปอร์ติ้ง แคนซัส ซิตี้ ทีมจากโซนตะวันตกเพิ่งคว้า 3 แต้มแรกได้อีกครั้งหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมรวด(เสมอ2แพ้1) ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ซอนนี่ แซด ปีกซ้าย แคนนาเดี้ยน-อเมริกันที่ถูกคาดโทษในเกมนี้ ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมประจำตำแหน่งได้ไม่มีปัญหาโดยเฉพาะกัปตันทีมคนสำคัญอย่าง แมตต์ บีสเซอร์(21นัด) เซนเตอร์แบ็ควัย 30 กระรัต พ่วงด้วยทีเด็ดแนวรุกอย่าง คริสเตียน โลบาโต้(4นัด), ดิเอโก้ รูบิโอ(7นัด/2ประตู) และ แดเนี่ยล ซัลลอย(15นัด/2ประตู) เป็นสามประสานในระบบ 4-3-3

แพทริค วิเอร่า เฮดโค้ชเลือดฝรั่งเศสของ นิวยอร์ก ซิตี้ ฟอร์มโดยรวมถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆหลังเก็บชัยไปถึง 3 จาก 4 นัดหลังโดยที่ยังไม่แพ้ใคร แม้เกมล่าสุดจะเพิ่งบุกไปเสมอ นิวยอร์ก เร้ด บูลล์ส 1-1 ก็ตาม ส่วนสภาพความพร้อมโดยรวมพวกเขาจะไร้เงาแน่ๆคือหัวหอกกัปตันทีมที่ถูกเรียกติดธงสเปนอย่าง ดาบิด บีย่า ที่ซัดไปถึง19ประตูในซีซั่นนี้ พ่วงด้วยตัวเจ็บภายในทีมนับ 6 รายซึ่งส่วนใหญ่เป็นแผงแนวรับอย่าง แม็กซิม คาร์นอส(19นัด/2ประตู),อีธาน ไวท์(20นัด) และ โรนัลด์ มาตาร์ริต้า(9นัด) พ่วงด้วย 2 มิดฟิลด์ตัวรับอย่าง มิคกี้ โลเปซ(12นัด) และ เจมส์ แซนด์(-) และเพลย์เมกเกอร์หนุ่มอย่าง มิเกล คามาร์โก้(8นัด/1ประตู)เพิ่มเติมอีกราย

ทัพ "จอมโหด" อุรุกวัย เพิ่งเปิดบ้านเสมอทีมชาติรวมสตาร์อย่าง อาร์เจนตินา 0-0 เมื่อสุดสัปดาห์และยังรั้งอันดับ 3 อยู่ตามเดิม ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงไร้เงา หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกตัวเก่งและ อาเบล เฮอร์นันเดซ ที่ยังบาดเจ็บ ทำให้ เอดินสัน คาวานี่ ยังคงถูกวางเป็นตัวความหวังในแดนหน้าโดยมี คริสเตียน สตูอานี่ เป็นคู่หู ส่วนแดนกลางจะเป็น นาอีตัน นานเดซ, คริสเตียน โรดริเกซ, อัลวาโร กอนซาเลซ และ มาติอัส เวชิโน่ คอยทำเกมสนับสนุน

อุรุกวัย (4-4-2) : แฟร์นันโด มุสเลร่า - มาร์ติน กาเซเรส, ดีเอโก้ โกดิน, โฮเซ่ กิเมเนซ, กาสตอน ซิลวา - นาอีตัน นานเดซ, มาติอัส เวชิโน่, อัลวาโร กอนซาเลซ , คริสเตียน โรดริเกซ - เอดินสัน คาวานี่, คริสเตียน สตูอานี่

ทีมชาติปารากวัยขึ้นมารั้งอันดับ 7 หลังบุกไปชนะ ชิลี 0-3 ทำให้ความมั่นใจก่อนดวล อุรุกวัย ต้องบอกว่ามีมากโขเลยทีเดียว ส่วนความพร้อมในเกมนี้เทรนเนอร์ ฟรันซิสโก้ อาร์เซ่ เตรียมขนชุดเก่งนัดบุกถล่ม ชิลี ลงแทบยกชุด นำโดย ลูคัส บาร์ริออส ที่น่าจะลงยืนหน้าเป้าโดยมี มิเกล อัลมิร่อน ลงยืนเป็นหน้าต่ำ ส่วนทีเด็ดแดนกลางจะใช้ กริสเตียน รีเบโรส, บิคตอร์ กาเซเรส ,มิเกล ซามูดิโอ้ และ ออสการ์ โรเมโร่ ลงประจำตำแหน่งอีกครั้ง

ปารากวัย (4-4-1-1) : อันโตนี่ ซิลบา - กุสตาโว โกเมซ, เปาโล ดา ซิลวา, ชูเนียร์ อลอนโซ่ , ฆอร์เก้ โมเรร่า - กริสเตียน รีเบโรส, บิคตอร์ กาเซเรส ,มิเกล ซามูดิโอ้,ออสการ์ โรเมโร, มิเกล อัลมิร่อน - ลูคัส บาร์ริออส

ส่วนทีมเยือน ชิลี หลุดฟอร์มไปอย่างน่าใจหายจากการพ่าย ปารากวัย 0-3 คาถิ่นของตัวเอง ทำให้สถาการณ์การเข้ารอบเริ่มไม่สวยหรูอย่างที่คิด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะไม่มี กอนซาโล่ ยาร่า(108นัด/3ประตู)แนวรับตัวเก๋าที่ถูกคาดโทษในเกมนี้เช่นเดียวกับ ชาร์ลส อรันกิซ(64นัด/7ประตู)กองกลางตัวหลักอีกรายทำให้ต้องส่ง ฟาบิอาน โอเรลลาน่า และ ฆอร์เก้ วาลดีเวีย ลงมาแทน ส่วนตัวหลักของกุนซือ ฆวน อันโตนิโอ ปิซซี่ พวกเขาเตรียมวาง การี่ เมเดล, อาร์ตูโร่ วิดัล ส่วนกองหน้าจะเป็น อเล็กซิส ซานเชซ ลงบู๊ค่อนข้างแน่

ชิลี (4-4-2) : เคลาดิโอ บราโบ - เมาริซิโอ อิสล่า, การี่ เมเดล, ฟาบิอาน โอเรลลาน่า, ฌอน โบเซฌูร์, มาร์เชโล่ ดิอ๊าซ, ฆอร์เก้ วาลดีเวีย, อาร์ตูโร่ วิดัล, ปาโบล เอร์นันเดซ - เอดูอาร์โด้ วาร์กัส, อเล็กซิส ซานเชซ

เมาริซิโอ้ โซเรีย เทรนเนอร์ชาวโบลิเวียเพิ่งจะพาทีมบุกไปพ่าย เปรู 1-2 ในเกมคัดบอลโลกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าเกมนี้พวกเขายังคงยึดแกนหลักๆจากเกมที่แล้วลงสนามนำโดย มาร์เชโล่ มาร์ตินส์ โมเรโน่ กองหน้าเบอร์ 1 ประจำทีมเป็นตัวชูโรงในแดนหน้าโดยมี กิลเบิร์ต อัลบาเรส และ ราอูล กาสโตร ขึ้นเกมด้านข้าง พ่วงด้วย ยาสมานี่ กัมโปส จอมทัพประสบการณ์สูงลงคุมแดนกลางตามคาด

โบลิเวีย (3-4-3) : การ์ลอส ลัมเป - เอ็ดเวิร์ด เซนเตโน่, โรนัลด์ รัลเดส,ฮวน บัลเบร์เด้, - โฮเซ่ ซาเกรโด้,ยาสมานี คัมโปส, ดิเอโก้ เบฆาราโน่, ดิเอโก้ เวยาร์, กิลเบิร์ต อัลบาเรส, ราอูล กาสโตร, - มาร์เชโล่ มาร์ตินส์ โมเรโน่

ส่วนทีมเยือน ลูโก้ ออกสตาร์ทเกมลีกได้ย่ำแย่ไม่แพ้กันจากการพ่ายเกมลีกมาตลอด 2 นัดหลัง และเก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้น ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะไร้เงาตัวเจ็บแกนหลักอย่าง ดิเอโก้ ซิโอเน่(3นัด)กองกลาง รวมไปถึง 2 แนวรับอย่าง มูนญอซ(1นัด) และ คัมปาบาเดล(1นัด) ส่วนแนวรับเลือดแคเมอรูนอย่าง เซอร์กี้ เลอูโก้ (1นัด)จะติดภาระกิจรับใช้ทีมชาติในยามนี้

เกมศึก โกปา เดล เรย์ สเปน ในค่ำคืนนี้จะเป็นการดวลกันของสองทีมโซนท้ายจาก เซกุนด้า ซึ่งเจ้าถิ่น กิมนาสติก ออกสตาร์ทในลีกเกมนี้ได้ไม่ดีนักจากการแพ้ไปถึง 2 จาก 3 เกมและยังไม่แพ้ใคร ซึ่งเกมนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นกุนซือ ลูอิส การ์เรเรส ดร็อปตัวหลักแล้วใช้แข้งดาวรุ่งลงสนามมากขึ้น และนักเตะที่จะไร้เงาแน่ๆก็คือนายทวารประจำทีมอย่าง สโตลี ดิมิทรีเอฟสกี้(2นัด)ที่ติดภาระกิจทีมชาติกับมาซิโดเนียเช่นเดียวกับ โอตาร์ คาคาบัดเซ่(2นัด)แนวรับเลือดจอร์เจีย

ทีมเยือน เปรู ของกุนซือ ริคาร์โด้ กาเรก้า เพิ่งนำทีมเปิดรังชนะ โบลิเวีย 2-1 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังพอมีโอกาสลุ้นติดโซนผ่านเข้ารอบจากการมีแต้มห่างอันดับ 5 อย่าง อาร์เจนติน่า เพียง 2 แต้มเท่านั้น ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้ยังคงไม่มีชื่อของ เปโดร กาเญเซ่ ผู้รักษาประตูในแผง 11 ตัวจริง ส่วนแกนหลักอย่าง เปาโล เกอร์เรโร่ กองหน้าตัวเก๋าหน้าจะถูกใส่ชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น เพื่อเปิดทางให้ เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ที่กลับเข้าสู่ทีมจับคู่กับ เอดิสัน ฟลอเรส

เปรู (4-2-2) : การ์ลอส กาเซด้า - อัลเบร์โต้ โรดริเกซ, มิเกล อาเราโฆ่, ซานตามาเรีย, อัลโด กอร์โซ่ - เอริค เฮอร์ทาโด้, โยชิมาร์ โยตุน - อันเดร การ์ริโญ่, กริสเตียน กูเอบ้า - เอดิสัน ฟลอเรส, เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน

เจ้าบ้าน เอกวาดอร์ เพิ่งบุกไปพ่าย บราซิล 0-2 ส่งทีมจ่าฝูง "แซมบ้า" ตีตั๋วเล่นฟุตบอลเป็นทีมแรกของทวีปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ กุสตาโว่ ควินเตรอส จะพลาดการใช้งานแน่นอนแล้วก็คือ เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่ ปีกตัวเก่ง สวอนซี ที่มีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อ ส่วนแข้งแกนหลักอย่าง แจ็คสัน มาร์ติเนซ, ฮวน คาซาเรส, เฟลิเป้ ไซเซโด้ รวมไปถึง อันโตนีโอ วาเลนเซีย แข้งตัวชูโรงพร้อมลงบู๊ได้ไม่มีปัญหา

เอกวาดอร์ (4-3-3) : แม็กซิโม่ บันกูเอร่า - อันโตนีโอ วาเลนเซีย, กาเบรียล อาคิเลียร์,วอลเตอร์ อโยวี่, คริสเตียน รามิเรซ - อิบาร์รา, คริสเตียน โนบัว, คาร์ลอส กรูเอโซ่ - แจ็คสัน มาร์ติเนซ ,ฮวน คาเซเรส, เฟลิเป้ ไซเซโด้

ส่วนทีมชาติเวเนซูเอล่า ของกุนซือ ราฟาเอล ดูดาเมล เพิ่งเปิดรังเสมอ โคลอมเบีย 0-0 ในเกมล่าสุด แม้พวกเขาจะจมบ๋วยและหมดโอกาสในการเข้ารอบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเกมนี้พวกเขายังเรียกนักเตะขาประจำเข้ามาติดทัพกันซะส่วนใหญ่นำโดย ซาโลมอน รอนดอน หัวหอกร่างยักษ์จาก เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่งน่าจะได้ลงจับคู่กับ กริสเตียน ซานโต๊ส แข้งดังจากอลาเบส พร้อมกับวาง โทมัส รินคอน กองกลางกัปตันทีมที่ค้าแข้งกับโตริโน่ในอิตาลีลงบัญชาเกม

เวเนซูเอล่า (4-4-2) : วาริเกอร์ ฟารินเญซ ; บิคตอร์ การ์เซีย, ฆอน ชานเซยอร์, มิเกล บิญานูเอบ้า, รอล์ฟ เฟลท์เชอร์ ; เซร์คิโอ กอร์โดบา, ยังเกล เอร์เรร่า, โทมัส รินคอน, ดาร์วิน มาชิส ; ซาโลมอน รอนดอน, กริสเตียน ซานโต๊ส

ทัพ "ฟ้า-ขาว" ทำให้ตัวเองต้องออกแรงเหนื่อยกันต่อเพื่อโอกาสเข้ารอบฟุตบอลรอบสุดท้าย หลังทำได้แค่เพียง อุรุกวัย 0-0 รั้งอันดับ 5 ในตารางอยู่เวลานี้ อย่างไรก็ดีแม้สามแนวรุกอย่าง ลีโอเนล เมสซี, เมาโร อิคาร์ดี้ และ เปาโล ดีบาล่า จะทำผลงานได้น่าผิดหวังจากเกมที่แล้วแต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจจาก ฮอร์เก้า ซามเปาลี่ ผู้จัดการทีมโดยเฉพาะ ลีโอเนล เมสซี ที่ต้องแบกภาระและแรงกดดันมหาศาลตามคาด ขณะที่แดนกลางจะใช้ กีโด ปิซาร์โร่ และ ลูคัส บีย่า รับบทเป็นจอมทัพโดยมี อังเคล ดิ มาเรีย เป็นคนปั้นเกมเพื่อป้อนให้แดนหน้าจบสกอร์

อาร์เจนติน่า (3-4-3) : เซร์กิโอ โรเมโร่ ; กาเบรียล เมอร์กาโด้, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, นิโกลัส โอตาเมนดี้ ; มาร์กอส อากูน่า, กีโด ปิซาร์โร่, ลูคัส บีย่า, อังเคล ดิ มาเรีย ; ลีโอเนล เมสซี, เมาโร อิคาร์ดี้, เปาโล ดีบาล่า

ส่วนทีมเยือน "แซมบ้า" เตรียมปรับชุดผู้เล่นจากเกมชนะ เอกวาดอร์ 2-0 กันยกใหญ่หลังตีตั๋วเข้ารอบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเกมนี้กุนซือ ตีเต้ เตรียมส่ง โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ และ แฟร์นันดินโญ่ ออกสตาร์ทตัวจริงแทน กาเซมิโร่ และ กาเบรียล เฮซุส เช่นเดียวกับ ธิอาโก้ ซิลวา จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงคู่กับ มาร์ควินญอส โดยมี ฟิลิเป้ ลุยส์ ฟูลแบ็กซ้ายจาก "ตราหมี" จะได้ลงทำหน้าที่แทน มาร์เชโล่ ที่จะถูกคาดโทษในเกมนี้ ส่วน เฟลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์ที่เพิ่งผลิกเกมพาทีมเข้ารอบจะมีชื่อที่ม้านั่งสำรองเท่านั้น

บราซิล (4-3-3) : อาลิสสัน - ดาเนี่ยล อัลเวส, ธิอาโก้ ซิลวา, มาร์ควินญอส, ฟิลิเป้ ลุยส์ - แฟร์นันดินโญ่, เปาลินโญ่, เรนาโต้ ออกุสโต้ - วิลเลี่ยน, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, เนย์มาร์

ทีมชาติโคลอมเบีย เตรียมเปิดบ้านเจอศึกหนักรับมือ บราซิล ที่ตีตี๋วผ่านเข้ารอบเป็นที่เรียบร้อยหลังชนะ เอกวาดอร์ 2-0 ซึ่งเกมนี้พวกเขาต้องเก็บแต้มให้ได้เพื่อยึดพื้นที่อันดับ 2 หลังมีแต้มห่างอันดับ 5 อย่าง อาร์เจนฯ เพียง 2 แต้มเท่านั้น ส่วนความพร้อมในเกมนี้ กุนซือชาวอาร์เจนตินาอย่าง โฮเซ่ เปเกร์มัน จะต้องเช็คความฟิตของ ฟาริด ดิอ๊าซ แนวรับตัวเก่งว่าพร้อมทันเกมนี้หรือไม่ ขณะที่แกนหลักที่เหลืออย่าง ฮวน กวาดราโด้, ฮาเมส โรดริเกวซ และ ราดาเมล ฟัลเกา จะลงเป็นตัวยืนในผังตัวจริงตามคาด

โคลอมเบีย (4-4-2) : ดาวิด ออสปิน่า - ซานติอาโก้ อาริอัส, ดาวินสัน ซานเชซ, ออสการ์ มูรีโย่, แฟร้งค์ ฟาบรา - การ์ลอส ซานเชซ, วิลมาร์ บาร์ริออส, ฮวน กวาดราโด้, ฮาเมส โรดริเกวซ - ยิมมี่ ชาร่า, ราดาเมล ฟัลเกา

ส่วนทีมเยือน อัลบาเซเต้ เพิ่งจะเสียขวัญมาหมาดๆจากการเปิดรังพ่าย คอร์โดบ้า 0-3 เก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้นจาก 2 เกมในลีก อย่างไรก็ดีนายใหญ่ โฆเซ่ มานูเอล อิร่า มีแผนปรับแทคติกในเกมนี้หลังมีปัญหาตัวเจ็บให้ต้องกังวลเมื่อ เบลล่า(2นัด)กองกลางตัวหลักมีปัญหาบาดเจ็บเข้ามา แต่ยังโชคดีที่ส่อแววได้ตัว เอสปินโดล่า (1นัด)กองหน้าตัวเก่งสลัดเดี้ยงกลับมาช่วยทีม

เจ้าบ้าน อัลคอลคอน แม้จะยังไม่แพ้ใครตลอด 2 เกมช่วงออกสตาร์ท ทว่าพวกเขาก็เก็บไปได้เพียง 2 คะแนนจากผลเสมอเท่านั้น ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้นายใหญ่ จูลิโอ เวลาสเกวซ ไร้ปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นให้ต้องกังวลและยังคงวาง อัลบาโร่ กิเมเนซ(2นัด)ลงยืนเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยมี เปียนา(2นัด),โนโน่(2นัด),จอน เอียราสติ(2นัด)และ บอร์ฆ่า โดมินเกวซ(2นัด)เป็นตัวชูโรงในแดนกลาง

ทีมสมันน้อยประจำกลุ่มอย่าง ซาน มาริโน่ ยังไม่สามารถเก็บแต้มได้ตลอด 7 เกมที่ผ่านมาในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเมื่อพวกเขาเสียไปถึง 33 ประตู และยิงคืนได้เพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในนัดนี้กุนซือ ปิแอร์อันเจโล่ มานซาโรลี่ เฮ้ดโค้ช ไม่มีปัญหาตัวเจ็บจากเกมพ่าย ไอร์แลนด์เหนือ 0-3 ยกเว้น เอเลีย เบเนเด็ตตินี่ ผู้รักษาประตูที่ถูกเรียกตัวกับสโมสร ส่วนแกนหลักคงยึดผู้เล่นหน้าเดิมๆโดยมี แบร์นาร์ดี้ เป็นหัวหอกตัวเป้าในระบบ 5-4-1

ซาน มาริโน่ (5-4-1) : อัลโด ซิมงซินี่ ; บิออร์ดี้, ดาวิเด้ ซิมงซินี่, ปาลัซซี่, บอนินี่, กรานโดนี่ ; รินัลดี้, บาตติสตินี่, เซอร์เวลลินี่, แบร์ราดี้ ; แบร์นาร์ดี้

เจ้าบ้าน อาเซอร์ไบจาน ทีมรองบ๋วยของกลุ่ม ซี เก็บไปแล้วทั้งสิ้น 7 คะแนนจาก 7 เกมในรอบคัดเลือก ซึ่งถือเป็นมาตราฐานที่ดีไม่น้อยสำหรับพวกเขาที่ตกหมดลุ้นเข้ารอบตั้งแต่ช่วงแรกๆตลอดการคัดบอลโลกที่ผ่านมา ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาเตรียมใช้แข้งแกนหลักหน้าเดิมเป็นส่วนใหญ่พ่วงด้วย 2 แข้งดาวรุ่งอย่าง ทามกิ้น กาลิลซาด กองกลางจากซิร่า และเรนาต ดาดาชอฟ กองหน้าวัย 18 ปีจาก ไอทรัค แฟร้งเฟิร์ต สัมผัสเกมใหญ่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ส่วนผู้เล่นจะหมดสิทธิ์ใช้งานคงหนีไม่พ้น บาดาวี่ กูเซย์นอฟ กองหลังตัวหลักที่โดนไล่ออกจากเกมที่แล้ว

อาเซอร์ไบจาน (4-3-3) : คัมราน อกาเยฟ ; มักซิม เมดเวเดฟ, ราชัด ซาดีกอฟ, อาบิชอฟ, ปาโล พาซาเยฟ ; อเล็กซิรอฟ, ยาวิด ฮูเซนอฟ, ริชาร์ด, ดิมิทรี นาซารอฟ ; มาดาตอฟ, กูร์บานอฟ

ส่วนทีมเยือน นอร์เวย์ ยังพอมีลุ้นผ่านไปเล่นรอบเพลย์ออฟอีกนิดหลังเปิดบ้านเอาชนะ อาเซอร์ไบจาน 2-0 ในเกมที่แล้ว ทว่าพวกเขาก็มีแต้มห่าง ไอร์แลนด์ ไปถึง 9 แต้มเลยทีเดียว ขณะที่ทางด้านของกุนซือ ลาร์ส ลาเกอร์บัค เกมนี้อาจมีการเปลี่ยนผู้เล่นบางตำแหน่งโดยการส่ง โอมาร์ เอลับเดลาอุย แนวรับตัวเก๋าลงสนาม รวมถึงแนวรุกอย่าง ทาริค เอลยูนุสซี่ น่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริงเล่นคู่กับ โจชัว คิง ในเกมนี้

นอร์เวย์ (4-4-2) : รูเน่ ยาร์สไตน์ ; โยนาส สเวนส์สัน, ฮาวาร์ด นอร์ดท์ไวท์, กุสตาฟ วาลสวิค, ไฮตาม อาลีซามี่ ; โมฮาเหม็ด เอลยูนูสซี่, ซานเดอร์ เบอร์เก้, สเตฟาน โยฮันเซ่น, โจ อิงเก้ เบอร์เก็ต ; 
ทาริค เอลยูนูสซี่, โจชัว คิง

เจ้าบ้าน "อินทรีเหล็ก'' เล่นหลุดฟอร์มไปพอสมควรจากเกมที่แล้วหลังทำได้แค่เฉือนชนะ เช็ก แบบหืดจับ 2-1 แต่ก็ถือว่าทำได้ตามเป้าจากการซิวชัยเรียบ 7 เกมเต็มจ่อตีตั๋วเล่นรอบสุดท้ายเต็มแก่ ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามนายใหญ่ โยอาคิม เลิฟ เตรียมปรับทัพอยู่ไม่น้อยจากเกมล่าสุดแถมจะได้ตัว ซามี่ เคดิร่า สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาเป็นตัวเลือก แต่คู่แดนกลางจะได้เห็นแข้งฟอร์มฮอตอย่าง เอ็มเร่ ชาน ลงเล่นกับ โทนี่ โครส เช่นเดียวกับ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ที่ได้โอกาสลงเล่นในเกมนี้โดยมี โธมัส มุลเลอร์ กับ เมซุต โอซิล คอยปั้นเกมร่วมกัน

เยอรมัน (4-2-3-1) : มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ; โยชัว คิมมิค, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โยนาส เฮคเตอร์ ; เอ็มเร่ ชาน, โทนี่ โครส ; โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ; ติโม แวร์เนอร์

ส่วนทีมเยือน เดนมาร์ก กำลังใจมาเต็มร้อยหลังเพิ่งถล่มจ่าฝูง โปแลนด์ เละ 4-0 ทำให้มีแต้มห่างเพียงแค่ 3 คะแนนเท่านั้น ส่วนความพร้อมลูกทีมของ อาเก้ ฮาไรด์ เตรียมจัดชุดเดิมที่กำลังเข้าฟักลงบู๊ครบเซ็ตนำโดย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารจากเลสเตอร์ลงเฝ้าเสา โดยมีดาวดังอย่าง คริสเตียน อีริกเซ่น เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งจากสเปอร์สลงปั้นเกมให้ อันเดรียส คอร์เนลิอุส หัวหอกจากอตาลันต้าเป็นตัวจบสกอร์ ส่วนดาวดังสายเกรียนอย่าง นิคลาส เบนด์เนอร์ จะเป้นตัวเปลี่ยนเกมที่ม้านั่งสำรอง

เดนมาร์ก (4-2-3-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ; เฮนรี่ ดัลส์การ์ด, ไซม่อน เคียร์, อันเดรียส เยลลันด์, แยน ลาร์เซ่น ; โธมัส เดอลานี่ย์, แยสเปอร์ ควิสต์ ; ปิโอเน่ ซิสโต้, คริสเตียน อีริกเซ่น, นิโลาย ยอร์ เกนเซ่น ; อันเดรียส คอร์เนลิอุส

เจ้าบ้าน อาร์มีเนีย หมดสิทธิ์ตีตั๋วผ่านเข้ารอบเป็นที่เรียบร้อย ส่วนนึงเกิดจากการบุกไปพ่าย โรมาเนีย 0-1 ในนัดที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ อาร์เทอร์ เปตรอสยาน ยังขาดแกนหลักเพิ่มเตอมอีกเมื่อ วอสคานยาน แนวรับคนสำคัญถูกคาดโทษมาจากเกมล่าสุดทำให้ กาแอล อันโดเนียน จะถูกส่งลงมาเล่นแทนโดยมี วาราซดัต ฮาโรยาน เป็นคู่หู ส่วนแนวรุกตัวหลักๆยังคงไว้ใจชุดเดิมนำทัพโดยมี เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งอย่าง เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน สตาร์ดังจาก "ปีศาจแดง" เป็นตัวชูโรง

อาร์มีเนีย (4-2-3-1) : อาร์เซ่น เบลกลาร์ยาน ; อาร์มีน มานูชาร์ยาน, วาราซดัต ฮาโรยาน, กาแอล อันโดเนียน, กากิค ดักห์บาชยาน ; คาโม โฮวานนิสยาน, เอ็ดการ์ มาลักยาน ; เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน, มาร์กอส เปซเซลลี่, ดาวิด มาโนยาน ; ติกราน บาร์เซกยาน

ส่วนทีมเยือน เรอุส เดปอร์ติอู แม้จะออกสตาร์ทด้วยการไม่แพ้ใครมา 2 นัดติดแต่พวกเขาก็เก็บได้เพียง 2 แต้มจากผลเสมอเท่านั้น อย่างไรก็ดีเกมนี้ยังพอมีเรื่องให้ใจชื้นอยู่บ้างเมื่อแกนหลักแผงมิดฟิลด์อย่าง คาร์โบเนล(1นัด)จ่อสลัดเดี้ยงมีชื่อในเกมนี้เช่นเดียวกับ อาติเอ็นซ่า(-)มีลุ้นช่วยแผงหลังในเกมนี้ ส่วนแนวรับอีกรายอย่าง โจน แคมปินส์(1นัด)ยังคงหมดสิทธิ์กลับมายึดตัวจริงได้ทันเวลา

เจ้าบ้าน เรอัล โอเบียโด้ ทีมอันดับ 16 ของตารางเริ่มทำผลงานได้กระเตื้องขึ้นมาบ้างจากการบุกไปเสมอ อัลเมเรีย 1-1 ซึ่งเกมแรกพวกเขาประเดิมเกมลีกด้วยการพ่าย ราโย่ บาเยกาโน่ 2-3 คารังของตัวเอง ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขาเตรียมส่งชุดเดิมลงบู๊ครบเซ็ทและจะไร้เงาเพียงแค่ คอร์ติน่า(-)ที่ยังต้องชดใช้โทษแบนจากซีซั่นที่แล้ว รวมถึง 3 มิดฟิลด์ที่บาดเจ็บจากเกมออกสตาร์ทซีซั่นอย่าง นิเกวซ(1นัด),มาริก้า(1นัด)และ โรซาด้า(1นัด)ที่ยังไม่มีชื่อในเกมนี้ต่อไป

ส่วนทีมเยือน เรอัล ซาราโกซ่า ผลงานย่ำแย่หนักมาตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องจากการพ่ายมาติดต่อกัน 2 นัดติด ก่อนจะประเดิมลีกด้วยความพ่ายแพ้ต่อ เตเนริเฟ่ ก่อนจะเปิดรังเจ๊า กรานาด้า มาในเกมล่าสุด ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไม่ีรายแข้งเดี้ยงเพิ่มเติมเข้ามานอกจาก วิค(-) และ กอนซาเลซ แข้งใหม่ในแผงแนวรับที่ยังไม่พร้อมมีชื่อในเกมนี้ ส่วนตัวทีเด็ดในแดนหน้าอย่าง บอร์จา อีเกิลเซียส(2นัด/1ประตู)และ ไกรซ์ก้า โทเกลโร่(2นัด)ยังพร้อมเป็นตัวยืนตามคาด

ผลงานของ กอร์โดบ้า ไม่ใช่ธรรมดาแม้จะเสียฟอร์มจากการพ่าย คาดิส 1-2 ในนัดเปิดลีก แต่ก็มาแก้ตัวได้สำเร็จในนัดบุกไปถล่ม อัลบาเซเต้ 3-0 ซึ่งเกมนี้หากไม่มีอะไรผิดแผนพวกเขาก็จะได้ตัว อัลฟาโร่(2นัด)ผ่านความฟิตกลับมาช่วยแดนกลาง โดยมีตัวทีเด็ดอย่าง ฆาเบีย ลาร่า(2นัด) และ ฆาเบีย กาลัน(2นัด/1ประตู)เป็นตัวชูโรงในแผงแนวรุก

ทีมจ่าฝูง เตเนริเฟ่ ออกสตาร์ทซีซั่นได้อย่างร้อนแรงโดยเฉพาะนัดล่าสุดบุกไปถล่ม บาร์เซโลน่า เบ มาเละเทะ 3-0 ก่อนจะซิวไป 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดซีซั่นนี้ ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามไม่มีเหตุผลเลยที่กุนซือ โฆเซ่ มาร์ตี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยเฉพาะแนวรุกอย่าง ซูโซ่ ซานตาน่า(2นัด/1ประตู),ฮวน คาร์ลอส(2นัด/1ประตู) และ อิตอร์ ซานซ์(2นัด) ที่ทำผลงานได้ดี ทว่าแผงมิดฟิลด์จะไร้เงา อาคอสต้า(1นัด)ที่ติดรับใช้ชาติเพียงรายเดียวเท่านั้น

เจ้าบ้าน เรอัล บายาโดลิด เตรียมเจองานช้างค่อนข้างแน่เพราะถึงแม้จะชนะ เซบีย่า เบ 2-1 ในเกมลีกนัดล่าสุดมาได้ แต่ใช่ว่าจะเก็บ 3 แต้มเหนือจ่าฝูงได้ง่ายๆ อย่างไรก็ดีนายใหญ่ หลุยส์ เซซาร์ ไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นให้ต้องกังวลใจและจะได้เห็น ไฆเม่ มาต้า(2นัด/2ประตู)ที่เพิ่งเบิ้ลเกมลีกมาสองเม็ดลงเป็นตัวชูโรงแดนหน้าร่วมกับ อิบัน ซัลบาดอร์(2นัด/2ประตู)ตามคาด

จ่าฝูง เบลเยียม ของกุนซือ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เตรียมขัดใจ อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่ต้นสังกัดของ เอเด้น อาซาร์ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งที่น่าจะได้ประเดิมตัวจริงทันทีหลังสลัดอาการบาดเจ็บ หลังได้เรียกความฟิตจากเกมถล่ม ยิปรอลตาร์ 9-0 มาแล้ว โดยมี ดริส เมอร์เท่นส์ กับ โรเมลู ลูกากู สองดาวยิงตีนฉมังคอยประสานงานในแดนหน้าในระบบ 3-4-3 ส่วนแดนกลางตัวชูโรงคงหนีไม่พ้น เควิน เดอ บรอยน์ ที่จะรับบทจอมทัพขับเคลื่อนเกมตามคาด

เบลเยียม (3-4-3) : ธิโบต์ กูร์ตัวส์ - โทบี้ อัลแดร์ไวเรลด์, แยน แฟร์ต็องเก้น, แว็งซ็อง ก็องปานี - โธมัส มูนิเย่ร์, มุสซ่า เดมเบเล่, เควิน เดอ บรอยน์, ยานนิค การ์ราสโก้ - ดริส เมอร์เท่นส์, โรเมลู ลูกากู, เอเด้น อาซาร์

เกมวัดกันโดยตรงของสองทีมที่ดีที่สุดในตารางสาย เอช ซึ่งโจทย์สำคัญของกนซือ มิชาเอล สคิบเบ้ ก็คือการนำทีมเก็บแต้มจากจ่าฝูง เบลเยียม เพื่อทิ้งห่างอันดับ 3 อย่าง บอสเนียฯ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมส่งขุนพลสตาร์แนวรับอย่าง คอสตาส มาโนลาส ลงประสานงานร่วมกับ โซเครติส ที่ที่ คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส ที่น่าจะได้พักเกมนี้ ส่วนทีเด็ดในแดนหน้าคงต้องฝากความหวังไว้ที่ คอสตาส มิโตรกลู หอกตัวเก่งจาก มาร์กเซย คอยกู้หน้าเกมบุกที่ฝืดเหลือเกินในยามนี้

กรีซ (4-2-3-1) : ออเรติส คาร์เนซิส - วาซิลิส โทโรซิสดิส, คอสตาส มาโนลาส, โซเครติส, จอร์กอส ซาเวลาส - อเล็กซานดรอส ซิโอลิส, จานนิส มาเนียติส - จานนิส จานนิโอตาส, เซก้า, คอสตาส ฟอร์ตูนิส - คอสตาส มิโตรกลู

ส่วนทางฝั่ง บอสเนียฯ ยังพอมีหวังลุ้นอุนดับ 2 ของกลุ่ม เพราะอีกคู่จะเป็นการดวลกันโดยตรงของ กรีซ ทีมอันดับสองที่จะต้องเจอทีมแกร่งอย่าง เบลเยียม ในเวลาเดียวกัน ซึ่งเกมนี้ กุนซือ เมห์เหม็ด บาซดาเรวิช ต้องนำลูกทีมผ่านภาระกิจนัดนี้ให้ลุล่วงโดยการถล่มใส่ ยิบรอลตาร์ ให้ได้เสียก่อน ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามพวกเขาไม่มีอะไรให้กังวล และยังคงวาง เวดาด อิบิเซวิช กับ เอดิน เซโก้ ดาวซัลโวจากลีกอิตาลีเป็นตัวทีเด็ดหน้า โดยมี มิราเลม ปานิช เป็นเพลย์เมกเกอร์สำคัญในเกมนี้

บอสเนียฯ (4-4-2) : อัสเมียร์ เบโกวิช - เออร์มิน บิซัคซิช, โทนี่ ซุนยิช, ออนเยน วรานเยส, เซอาด โคลาซินัก - มาโต้ ยายาโล่, ดานิเยล มิลิเซวิช, เซน๊าด ลูลิช, มิราเลม ปานิช - เอดิน เซโก้, เวดาด อิบิเซวิช

เจ้าบ้าน ยิบรอลตาร์ ทีมบ๋วยประจำกลุ่มจะหมดสิทธิ์ใช้งาน อีริน บาร์เน็ตต์ เซ็นเตอร์แบ็คดาวรุ่งที่ติดโทษแบนจากเกมถูก เบลเยียม ถล่มยับ 9-0 อย่างไรก็ดียังคงต้องอ่านใจ เจฟฟ์ วู้ด เทรนเนอร์ประจำทีมจะใช้ชุดเดิมจากเกมที่แล้วลงบู๊ครบเซ็ตหริอไม่เพราะนั่นคือชุดที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะส่งลงสนามได้ในยามนี้ และมีความเป็นไปได้ที่แดนหน้ายังคงทิ้ง ลี คาสเซียโร่ หัวหอกจอมเก๋าลงเป็นหน้าเป้า โดยมี เลียม วอล์คเกอร์ กับ เจมี่ โบซิโอ คอยขึ้นเกมทางริมเส้นตามคาด

ยิบรอลตาร์ (5-4-1) : เดเรน อิบราฮิม - ฌ็อง คาร์ลอส การ์เซีย, เจสัน พูซี่ย์, รอย ชิโปลิน่า, เจย์ซี่ มาสคาเรนฮาส-โอลิเวียโร่, โจเซฟ ชิโปลิน่า - เลียม วอล์คเกอร์, แอนโธนี่ เฮอร์นานเดซ, ไรอัน คาสเซียโร่, เจมี่ โบซิโอ - ลี คาสเซียโร่

ส่วนทีมน้องใหม่ กุลตูรัล เลโอเนซ่า แม้จะประเดิมด้วยความพ่ายแพ้แต่นัดล่าสุดก็โชว์ผลงานชนะ อซาซูน่า 2-1 มาได้อย่างน่าประทัยใจ แถมเกมนีพวกเขายังสามารถจัดชุดเก่งลงบู๊และไม่มีปัญหาในเรื่องตัวผู้เล่นโดยเฉพาะตัวหลักอย่าง เยราย กอนซาเลซ (2 นัด) จอมทัพวัย 29 ปี, โฆเซ็ป เซนเญ่ (2 นัด) ห้องเครื่องป้ายแดง รวมถึง โรดริโก้ ริออส (2 นัด/1 ประตู) หัวหอกตัวใหม่จาก กอร์โดบ้า จะมีชื่อในเกมนี้ครบเซ็ท

เจ้าบ้าน เซบีญ่า เบ ทีมอันดับ 18 ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่เพราะเก็บได้เพียงแต้มเดียวเท่านั้นตลอด 2 เกมในลีก แถมนัดล่าสุดยังเป็นการเปิดรังพ่าย เรอัล บายาโดลิด 1-2 อีกด้วย อย่างไรก็ดีเกมนี้เหมือนพวกเขามีทรัพยากรนักเตะให้เลือกใช้งานไม่น้อยเพราะนอกจากจะไร้ปัญหาตัวเจ็บตัวแทนแล้วยังจะได้ มิเกล โอลาบิเด้ กลางดาวรุ่งที่ทีมชุดใหญ่สอยมาจาก โอซาซูน่า ก่อนจะหล่นมาเล่นในทีมชุดนี้ เช่นเดียวกับแกนหลักนำโดย การ์ลอส เฟร์นานเดซ (2 นัด/1 ประตู)กองหน้าดวรุ่งและ ยาน เอเตกี (2 นัด)กับ กูร์โร่ ซานเชซ (2 นัด)ที่จะลงเป็นทีเด็ดในแผงมิดฟิลด์ในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน มาเซโดเนีย ทีมรองบ๋วยประจำกลุ่มหมดลุ้นเข้ารอบสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดีนายใหญ่ อิกอร์ อันเจลอฟสกี้ ก็ยังคงเต็มที่ตามศักยภาพที่มีอยู่และจะได้เห็น โกรัน ปานเดฟ(87นัด/29ประตู)กองหน้าตัวเก๋าลงเป็นตัวชูโรงตามคาด พร้อมกับวางแนวรุกอย่าง อเล็กซานดาร์ ทราจคอฟสกี้ (35 นัด 8 ประตู),เฟอร์ฮาน ฮาซานี่ (28 นัด 2 ประตู)และ อิวาน ทริชคอฟสกี้ (45 นัด 4 ประตู) ห้องเครื่องจาก เออีเค ลาร์นาก้า เป็นตัวคุมจังหวะแดนกลาง

มาเซโดเนีย (4-2-3-1) : สโตเล่ ดิมิตริเยฟสกี้ ; สเตฟาน ริสตอฟสกี้, กิเร่ ริสเตฟสกี้, คริสติยาน โตเชฟสกี้, ไมเต้ ซิกราสกี้ ; สเตฟาน สไปรอฟสกี้, อเล็กซานดาร์ ทราจคอฟสกี้, เอซยาน อลิออสกี้ ; โกรัน ปานเดฟ

เอลิช่า เลวี่ ผู้จัดการทีมชาติอิสราเอลแทบหมดโอกาสเข้ารอบทันทีหลังพ่ายคารังต่อ แอลเบเนีย 0-3 ในเกมที่แล้ว หลังมีแต้มห่าง 2 ทีมแกร่งอย่าง อิตาลี และ สเปนไปแล้วถึง 7 คะแนน ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามในนัดนี้ทางด้านกุนซือ เอลิช่า เลวี่ ไม่ได้เรียก 2 นักเตะอย่าง อิตาน ติบี้ (32 นัด)แนวรับตัวเก่งและ มนาเอส ดาบูร์ (7 นัด 1 ประตู)แข้งหน้าใหม่จากซัลซ์บวร์กที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนตัวชูโรงอย่าง ยอสซี่ เบนายูน (99 นัด 24 ประตู)กองกลางวัยเก๋าและแกนหลักแนวรุกอย่าง อีแรน ซาฮาวี (38 นัด 6 ประตู) และ โทเมอร์ เฮเม็ด (28 นัด 15 ประตู)จะได้ออกสตาร์ทค่อนข้างแน่

อิสราเอล (4-2-3-1) : อาริเอล ฮารุช ; เบน บิตตั้น, ทาล เบน ฮาอิม, เชอร์ เซเด็ค, ทาเลบ ตาวาธา ; บิบราส นัตโค่, อัลม็อก โคเฮน ; อีแรน ซาฮาวี, ยอสซี่ เบนายูน, ลิออร์ ราฟาเอลอฟ ; โทเมอร์ เฮเม็ด

ส่วนรองจ่าฝูง นิวพอร์ต เคาน์ตี้ มีดีกรีไม่แพ้กันหลังยังไม่แพ้ใครตลอด 4 นัดในเกมลีกซีซั่นนี้(ชนะ2เสมอ2) แถมเกมล่าสุดในลีกเป้นการถล่ม เชสเตอร์ฟิลด์ ไป 4-1 ในรังของตัวเอง ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมขนชุดที่ดีที่สุดลงบู๊อีกครั้งหลังทำการพักแกนหลักหลายรายในเกมแพ้ ฟอเรสต์กรีน 0-2 จากรายการ จอห์นสโตน เพนท์ โทรฟี่ และจะได้เห็น แฟรงค์ โนเบิล(4นัด/5ประตู)ดาวซัลโวฟอร์มฮอตลงล่าตาข่ายร่วมกับ แพดลิ่ง อาม่อนด์(1นัด/1ประตู)

เจ้าบ้าน เอ็กซ์เซเตอร์ ทีมจ่าฝูงประจำลีกทูกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจหลังเก็บชัยในลีกมา 3 เกมหลุดเสมอเพียงนัดเดียวเท่านั้น คาดว่าเกมนี้พวกเขาเตรียมกลับไปใช้ชุดหลักในลีกนัดที่ชนะ เชลท์แน่ม 4-3 นำโดย ริวเบน รีด(4นัด/4ประตู)ที่ซัดแฮทริกจากเกมลีกนัดล่าสุดลงประสานงานร่วมกับ จอร์แดน เทลสัน(4นัด)และ แจ็ค เทย์เลอร์(4นัด/1ประตู)ตามคาด

ส่วนทีมเยือน ออสเตรีย ของกุนซือ มาร์เซโล่ โคลเลอร์ มีแต้มเท่ากับ เวลส์ ที่ 8 คะแนนเท่ากันในเวลานี้หลังสามารถเก็บแต้มได้ 2 เกมติดในรอบคัดเลือกจากชนะ มอลโดวา ในบ้านและบุกไปเสมอ ไอร์แลนด์เหนือ มาได้ อย่างไรก็ดีพวกเขายังต้องลุ้นว่า มาร์ค ยานโก้, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช และ ฟลอเรียน กริลลิตช์ จะฟิตทันเกมนี้หรือไม่ แต่ยังดีที่แกนหลักอย่าง มาร์ติน ฮาร์นิค (ฮันโนเวอร์), ดาวิด อลาบา (บาเยิร์น) และ เซบาสเตียน โพรเดิ้ล (วัตฟอร์ด)จะได้ออกสตาร์ทตามคาด

ออสเตรีย (4-5-1) : ไฮนซ์ ลินด์เนอร์ ; อเล็คซานดาร์ ดราโกวิช, เซบาสเตียน โพรเดิ้ล, เควิน วิมเมอร์, ดาวิด อลาบา ; มาร์ติน ฮาร์นิก, จูเลี่ยน บอมการ์ตลินเกอร์, หลุยส์ ชุ๊บ, ฟลอเรียน ไคลน์, สเตฟาน ไลเนอร์ ; มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช

คริส โคลแมน นายใหญ่ "มังกรแดง" มีเรื่องต้องให้ปรับแก้ไขกันอยู่พสมควรหลังพวกเขายังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ตลอด 5 เกมในรอบคัดเลือกที่เสมอมา 5 เกมรวดจนมีแต้มตามหลังอันดับ 2 ของกลุ่ม 4 แต้มเข้าไปแล้ว ขณะที่สภาพความพร้อมก่อนเกมนัดนนี้จะไม่มีชื่อตัวหลักอย่าง นีล เทย์เลอร์ กับ โจ อัลเลน ที่ถูกคาดโทษในเกมนี้ แต่ยังดีที่ แกเร็ธ เบล ตัวรุกเบอร์หนึ่งของทีมจะกลับมาเป็นตัวชูโรงให้ทีมได้อีกครั้งโดยมี อารอน แรมพ์ซี่ย์ ฟิตทันปั้นเกมในแดนกลางตามคาดแม้จะเจ็บเล็กน้อยจากเกมลีกนัดล่าสุด

เวลส์ (4-3-3) : เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ; คริส กันเตอร์, เจมส์ เชสเตอร์, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, เบ็น เดวี่ส์ ; แอนดี้ คิง, โจ เล็ดลี่ย์, เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์, อารอน แรมพ์ซี่ย์ ; แกเร็ธ เบล, แซม โว๊คส์, ทอม ลอว์เรนซ์

ส่วนทีมเยือน ลูตัน ทาวน์ เพิ่งบุกไปพ่าย แมนส์ฟิลด์ 2-2 ในเกมล่าสุดทำให้สองนัดที่ผ่านมาพวกเขาเก็บไปแล้วถึง 4 จาก 6 แต้ม ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊เช่นกันโดยมี แดนนี่ ไฮจ์ตัน(2นัด/1ประตู)กับ เจมส์ คอลลินส์(4นัด/5ประตู)ประสานงานในแดนหน้า และจะขาดเพียงแค่ ลอว์สัน ดิ แอนท์(-)กองกลางที่เจ็บตั้งแต่เปิดซีซํ่นตามเดิม

เจ้าบ้าน ลินคอล์น ซิตี้ ทีมอันดับ 13 ในลีก เตรียมตัวมาอย่างดีในเกมนี้หลังตุนความมั่นใจจากการซิวชัย 2 นัดติดจากการเพิ่งบุกชนะ แมนส์ฟิลด์ 3-1 ในรายการ จอห์นสโตน เพนท์ โทรฟี่ ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมยกชุกเก่งลงบู๊ตามคาดแถมยังมีลุ้นได้ตัว จอร์จ จินเนลลี่ย์(1นัด/1ประตู)กองกลาง และ แซม ฮาเบิร์กแฮม(-)แนวรับเป็นตัวเลือกในเกมนี้