วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนทีมเยือน พานาธิไนกอส ตัวแทนจากกรีซเตรียมเจองานหนักรออยู่ค่อนข้างแน่ในเกมนี้แถมความพร้อมก่อนเกมยังค่อยจะสู้ดีเมื่อตัวเจ็บหน้าเก่าอย่าง ลูคัส วิญาฟาเนซ กองกลางตัวเก่งวัย 25 ปี, อุสมาเน่ คูลิบาลี แนวรับต่างยังบาดเจ็บด้วยกันทั้งสิ้น ขณะผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามคงหนีไม่พ้นตัวชูโรงอย่าง ออมรี่ อัลมัน และ อนาตาซิออส ชาสจิโอวานนิ เป็นคู่หูในแดนหน้า และต้องหวังให้ โรบิน ร็อดจ์ สามารถสร้างสรรค์เกมให้แดนหน้าในพื้นที่สุดท้ายได้

โฆเซ่ อังเกล ซิกานด้า นายใหญ่ประจำทีมบุกไปชิงความได้เปรียบมาก่อนในเกมแรกจากการบุกชนะ 3-2 ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดแกร่งลงบู๊อีกครั้งตามคาด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมยังคงไร้เงา อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ กองกลางและ เยราย อัลบาเรซ แนวรับที่ยังบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แถมยังจะขาดตัวเลือกอย่าง เด มาร์กอส มิดฟิลด์ตัวหลักและ นูเยส แนวรับที่บาดเจ็บจากเกมลีกนัดเสมอ เกตาเฟ่ 0-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตัวความหวังในเกมนี้จะตกไปอยู่ที่ ราอูล การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน และ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ในการทำเกมรุกโดยมี อาริตซ์ อาดูริตซ์ จบสกอร์ตามคาด

ส่วนเทรนเนอร์ โรนัลด์ คูมัน เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามเช่นกัน แถมฟอร์มในยามนี้จัดว่าเข้าฟักสุดๆเพราะนอกจากจะเอาชนะ ไฮจ์ดุ๊ค สปลิท ในเกมแรก 2-0 แล้ว ยังสามารถบุกไปแชร์แต้ม แมนฯซิตี้ ได้ถึงรัง 1-1 ในเกมลีกอีกด้วย ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขายังคงไร้เงา รอสส์ บาร์คลี่ย์, ยานนิค โบลาซี่, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, รามิโร่ ฟูเนส โมรี่ และ ซีมุส โคลแมน ส่วนตัวหลักในเกมรุกอย่าง ดอมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน,ดาวี่ คลาสเซ่น และ เควิน มิราลลาส พร้อมเป็นตัวปั้นเกมในแนวรุกโดยมี เวย์น รูนี่ย์ เป็นหอกตัวเป้าตามคาดในระบบ 4-2-3-1

โจน การ์รีโย่ เฮดโค้ช ไฮจ์ดุ๊ค สปลิท ตัวแทนจากโครเอเชีย พลาดท่าก่อนในเกมแรกจากการบุกพ่าย เอฟเวอร์ตัน 2-0 ซึ่งเกมนี้พวกเขาส่อแววหมดสิทธิ์ใช้งาน บอร์ฆ่า โลเปซ(2นัด)แนวรับ และ มาร์โก้ ฟูแทคซ์(1นัด)กองหน้าตัวหลัก ทำให้ทีเด็ดขาประจำจพเหลือเพียงแค่ อันเต เออร์เซ็ก และ นิโคลา วลาชิช เป็นตัวยืนในแดนหน้าในระบบ 4-3-3 โดยมี แฟรงค์ โอฮันด์ซ่า ผ่านความฟิตกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา

ส่วนตัวแทนจากเซอร์เบียอย่าง ปาร์ติซาน เบลเกรด มีลุ้นใส่ชื่อ 2 แข้งแดนกลางอย่าง โคโซวิค และ สเตวาโนวิค ลงในเกมนี้ ขณะที่ตัวชูโรงหน้าเดิมอย่าง โคโซวิช , ดานิโล ปานติช และ มาร์โก ยานโควิช จะถูกส่งเป็นสามประสานแนวรุก โดยมี เลอันเดร ทาวัมบา ลงยืนหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1

เจ้าบ้าน วีดีโอตัน ทีมดังจากฮังการี เตรียมต้อนรับ อาเนล ฮัดซิค และ อัสเมียร์ ซูริค กลับเข้าสู่ทีมอีกครั้งหลังพ้นโทษแบนหมดสิทธิ์ลงเล่นจากเกมบุกเจ๊า ปาร์ติซาน เบลเกรด 0-0 ส่วนแกนหลักขาประจำในเกมนี้คงหนีไม่พ้น เดนโก้ ลาโซวิค กับ มาร์โก สเคโปวิช เป็นคู่หูในแดนหน้าในระบบ 4-4-2 พ่วงด้วย แมท แพทไกร , โยเซฟ วาร์ก้า และ อิสท์วาน โควัชส์ คอยสนับสนุนจากแผงแดนกลาง

"ปีศาจแดงดำ" ของ วินเชนโซ่ มอนเตลล่า บุกมาเยือนประเทศมาเซโดเนียแบบไม่ต้องเน้นอะไรมากนัก หลังเพิ่งเปิดรังถล่มเละมา 6-0 ซึ่งเกมนี้พวกเขาทำการพักแกนหลักหลายรายไล่ตั้งแต่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ในตำแหน่งผู้รักษาประตูไล่ไปจนถึง มาเตโอ มูซัคคิโอ, อันเดรีย คอนติ, ริการ์โด้ โรดริเกวซ พ่วงด้วยการพักแดนกลางอย่าง โบนาเวนตูร่า, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ รวมถึงตัวรุกหน้าใหม่อย่าง ฮาคาน ชัลฮาโนกลู เพื่อเปิดทางแข้งดาวรุ่งลงเล่นกันเกือบครบเซ็ตโดยเหลือเพียงแค่ อันเดร ซิลวา กับ ซูโซ่ เป็นตัวซัพพอร์ตน้องๆในเกมนี้

เจ้าบ้าน สเคนดิย่า บุกไปพ่ายมาเละเทะในรัง มิลาน 0-6 แบบนี้ ต้องมาลุ้นเดาทาง กาทิป ออสมานี่ นายใหญ่กันอยู่บ้างว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมากน้อยขนาดไหนหลังโอกาสเข้ารอบแทบจะเป็นศูนย์ ซึ่งความพร้อมในเกมนี้จะขาดเพียงแค่ สเตฟาน วูซิช ที่จะอดช่วยแดนกลางเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นอย่าง มาร์ยาน ราเดสกี้, สเตนิโอ จูเนียร์และ เบซาร์ท อิบรามี่ น่าจะถูกวางเป็นหลักในการทำเกมรุกค่ำคืนนี้

ส่วนทีมเยือน เกรมิโอ้ ปอร์โต้ จัดเป็นทีมตัวเอ้ยามเล่นในรายการนี้อยู่แล้วเพราะตลอด 5 เกมหลังใน โคปา โด บราซิล พวกเขาเก็บชัยมาเรียบอาวุธ ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังคงวาง ฮวน(15นัด/5ประตู), เปโดร โรช่า(15นัด/3ประตู),อาตูร์ เอ็นริเก้(16นัด/1ประตู) และ ลูคัส บานิออส(10นัด/4ประตู)อดีตหัวหอกจากเวทีบุนเดสลีก้าลงล่าตาข่าย

เจ้าบ้าน ครูไซโร่ จากที่ฟอร์มเอาแน่เอานอนไม่ได้โดยเฉพาะเกมบุกไปพ่าย เกรมิโอ้ 0-1 ในที่สุดก็เริ่มยกระดับความมั่นใจขึ้นมาอีกนิดหลังเฝ้าบ้านถล่ม สปอร์ต คลับ เรซิเฟ่ 2-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนดวลกันอีกครั้งในเกมนี้พวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามาและยังคงใช้ดาวเด่นอย่าง ติเอโก้ เนเวส (18 นัด/6 ประตู), โรบินโญ่ (9 นัด/2 ประตู)และ ราฟาเอล โซบิส (13 นัด/2 ประตู)เป็นตัวชูโรงต่อไป

ส่วนทีมเยือน ฮอฟเฟ่นไฮม์ ของกุนซือหนุ่มไฟแรงอย่าง จูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะฝ่าด้านทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล แม้จะพ่ายคารังไปก่อน 2-1 ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามโดยมี ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต แนวรับที่ดึงมาจาก เวสต์แฮมลงเป็นสามประสานร่วมกับ เควิน โฟ้กท์ และ เบนจามิน ฮุบเนอร์ ยามไร้เงา นิคลาส ซูเล่ ที่ชิ่งไปอยู่กับบาเยิร์น ส่วนแดนหน้ายังคงวาง ซานโดร ว้ากเนอร์ เป็นทีเด็ดในแดนหน้า โดยมี แซร์ก จีนาบรี้ แข้งตัวยืมที่ "เสือใต้" ปล่อยให้เป็นของสมณาคุณหลังขายนักเตะให้จะได้ลงมาปั้นเกมรุกร่วมกับ อันเดร ครามาริช ในระบบ 3-4-2-1

ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-4-2-1) : โอลิเวอร์ เบามันน์ ; ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ ; พาเวล คาเดราเบค, สเตวาน ซูเบอร์, เคเรม เดเมียร์บาย, นาเดียม อามิรี่ ; อันเดร ครามาริช, แซร์ก จีนาบรี้,ซานโดร ว้ากเนอร์

นายใหญ่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เตรียมตัวมาอย่างดีในเกมนี้หลังทำการโรเตชั่นนักเตะในเกมที่แล้วไปหลายรายก่อนจะชนะหืด คริสตัล พาเลซ 1-0 ส่วนผู้เล่นบาดเจ็บในยามนี้ยังคงเหลือแค่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่มีอาการเจ็บที่หลังรวมถึง อดัม ลัลลานา,แดนนี่ อิงส์ และ นาธาเนี่ยล ไคลน์ ที่ยังต้องพักฟื้นปัญหาบาดเจ็บต่อไป ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามในเกมนี้จะได้เห็น แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่โชว์ฝีเท้าเตะตา "เดอะ ค็อป" ออกสตาร์ทก่อน อัลเบร์โต้ โมเรโน่ เช่นเดียวกับ อเล็กซานเดอร์ เทรนด์ อาร์โนลด์ กับ เดยัน ลอฟเรน และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่จะคืนตำแหน่งตัวจริง นั่นเท่ากับว่า แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ จะหลุดไปนั่งสำรองอีกครั้ง

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ซิมง มิโญเล่ต์ ; อเล็กซานเดอร์ เทรนด์ อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

ส่วนลูกทีมของ ฆอร์เก้ เฆซุส เตรียมหวังบุกอัดเจ้าถิ่นเต็มที่ หลังเพิ่งซ้อมใหญ่ถล่ม วิตอเรีย กิมาไรส์ 5-0 ในเกมล่าสุด คาดว่าเกมนี้จะได้เห็นพวกเขาขนผู้เล่นชุดฟูลทีมที่สุดลงบู๊ตามคาด พร้อมกับวาง บาส โดสท์ ที่เพิ่งเหมามาสองเม็ดในเกมลีกลงเป็นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี มาร์กอส อคุนญ่า, ดาเนียล โพเดนซ์ และ เกลสัน มาร์ตินส์ เป็นสามประสานเกมรุก

ทีมดังจากโรมาเนียเอาตัวรอดมาได้จากเกมที่แล้วแแบบลากเลือดหลังถูก สปอร์ติ้ง ลิสบอน โหมบุกกระหน่ำก่อนจะเสมอออกมาได้ 0-0 แต่ต้องเสีย มิไฮ พินติลี่ มิดฟิลด์ทีมชาติโรมาเนียที่โดนเหลืองแดงในช่วงท้ายเกมในนัดที่แล้ว ทำให้แดนกลางพวกเขาจะใช้ วลัด อาชิม จับคู่กับ โอวิดิอู โปเปสคู โดยมี เดนนิส มัน,คริสเตียน ทานาเซ และ ฟลอริน ทานาเซ่ ปีกซ้ายดาวรุ่งขึ้นเกมทางฝั่งขวา พร้อมกับใช้ อาร์เล็ม โนเอเร่ ที่ซัดในลีกไปแล้ว 4 เม็ดจาก 7 นัดเป็นตัวจริงในระบบ 4-2-3-1 ทำให้ เดนิส อลิเบช จะมีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น

ส่วนทีมเยือน โครินเธียนส์ จ่าฝูงประจำลีกเพิ่งสะดุดพ่ายให้แก่ วิตอเรีย 0-1 ทว่ายังมีคะแนนนำหน้า เกรมิโอ้ ถึง 7 แต้มแถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด ส่วนความพร้อมในเกมนี้ยังคงไร้เงา ปาโบล นาสซิเมนโต้ (12 นัด) กองหลังวัย 26 ปีรวมถึง ฟาเบียน บัลบูเอนา ที่ติดโทษแบน ส่วนตัวทีเด็ดในเกมนี้พวกเขายังคงวาง โช (20 นัด 11 ประตู) กับ อังเกล โรเมโร่ (16 นัด 2 ประตู)เป็นตัวชูโรงในแดนหน้า โดยใช้ เมย์ค่อน (20 นัด 1 ประตู) คุมเกมแดนกลาง

เจ้าบ้าน ชาเปโคเอนเซ่ ผลงานนัดล่าสุด บุกชนะ พัลไมรัส 2-0 สภาพความพร้อมก่อนเกมยังคงไร้เงา มอยเซส ริเบโร่ ที่ติดโทษแบน รวมถึงตัวเจ็บอย่าง อมารัล , อสสมาน ที่เจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าทั้งคู่, เจา เปโดร ที่มีปัญหาที่เข่า และ วิคตอร์ รามอส เจ็บที่ข้อเท้า ส่วนแข้งรายอื่นๆที่เหลือต่างพร้อมลงสนามนำโดย เวลลิงตัน เปาลิสต้า (16 นัด 3 ประตู), อาเธอร์ (19 นัด 4 ประตู) และ ตูลิโอ เดอ เมโล (13 นัด / 1 ประตู)

สว่น โบตาโฟโก้ หลังบุกไปเสมอ ฟลาเมงโก้ 0-0 ในรายการนี้ พวกเขาดันออกไปพ่าย ปอนเต้ เปรต้า 1-2 มาในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะขาดสองกองหน้าอย่าง มาร์กอส วินิเซียส กับ เบรนเนอร์ แต่แกนหลักอย่าง โรเจอร์ (16 นัด/6 ประตู), โรดริโก้ ลินโดโซ่ (18 นัด/2 ประตู)และ เจา เปาโล (16 นัด)เตรียมพร้อมลงเล่นตามคาด

เจ้าบ้าน ฟลาเมงโก้ อยู่ในช่วงกำลังมั่นใจไม่น้อยหลังเพิ่งเปิดรังเอาชนะ แอตเลติโก้ กัวเนนเซ่ 2-0 ในเกมลีกมาหมาดๆ ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะไม่มีชื่อของ โจเซ่ เกร์เรโร่หัวหอกตัวเก๋าทีมชาติเปรูที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บทำให้ โอแลนโด้ เบร์ริโอ้(12นัด/2ประตู)จะถูกวางเป็นหน้าตัวเป้าโดยมี เอเวอร์ตัน (16 นัด/3 ประตู) และ เอเวอร์ตัน ริแบร์โร่ (12 นัด/2 ประตู)คอยปั้นเกมรุกอยู่ด้านหลัง

ส่วนทีมเยือน เบรนท์ฟอร์ด ฟอร์มยังคงไม่สู้ดีหลังไม่ชนะใครมา 5 เกมติด(เสมอ2แพ้3) โดยเกมล่าสุดเพิ่งจะบุกไปพ่าย อิปสวิช 0-2 ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะไม่มี ริโก้ เฮนรี่ ,จอช แม็คเอคราน ,ลูวิส แมคเลาด์ และ เซร์กี้ คานอส ซึ่งยังเดี้ยงด้วยกันทั้งหมด ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามกุนซือ ดีน สมิธ เตรียมวาง คาโมเฮโล โมกอตโจ, นิโก้ เยนนาริส และ จอร์ช คล๊าร์คลงปั้นเกมรุกให้ นีล มัวปาย กับ โอลลี่ วัตคินส์ เป็นตัวจบสกอร์

เจ้าบ้าน ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ เพิ่งเปิดรังชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 2-1 ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ เอียน ฮอลโลเวย์ ยังคงมาพร้อมกับชุดที่ดีที่สุด ยกเว้นในรายของ โจเอล ลินช์ ที่เจ็บเอ็นร้อยหวาย และ เจมส์ เพิร์ช ที่มีปัญหาที่เข่า ส่วน เยนี่ เอ็งบาโกโต้ เตรียมสลัดเดี้ยงกลับมาเป็นทางเลือกโดยมี คอนอร์ วอชิงตัน ลงจับคู่กับ เจมี่ แมคกี้ ในแดนหน้า

ส่วนทีมเยือน บริสตอล ซิตี้ ทีมอันดับ 11 จาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ยังไม่ชนะใครมา 3 เกมติดเข้าไปแล้ว ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน คลาวเล่ย์ วู๊ดดรอว์(1นัด), มิลาน ดูริช(1นัด) และแมตตี้ เทย์เลอร์(-) และน่าจะได้เห็น ลี จอห์นสัน ผู้จัดการทีมยึดแข้งหลักๆจากเกมเสมอ มิลล์วอลล์ 0-0 ในบ้าน โดยมี ฟามาร่า ดีดฮิอูล(4นัด/1ประตู) กับ เจมี่ แพตเทอร์สัน(4นัด)เป็นทีเด็ดแดนหน้า

เจ้าบ้าน วัตฟอร์ด ตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกกำลังอยู่ในช่วงมั่นใจหลังประเดิมซีซั่นได้อย่างสวยหรูโดยการเปิดรังเจ๊า ลิเวอร์พูล 3-3 ก่อนจะบุกชนะ บอร์นมัธ 2-0 อย่างไรก็ดีเกมลีกคัพนัดนี้นายใหญ่ มาร์โก้ ซิลวา ไม่สามารถโรเตชั่นได้มากนักเมื่อมีแข้งเจ็บอยู่ตอนนี้หลายรายไม่ว่าจะเป็น เคร็ก แค็ธคาร์ต(-), ดาริล ยานมาต(1นัด), ยูเนส กาบูล(1นัด), โธมัส โฮแบน(-), โรเบร์โต้ เปเรย์ร่า(1นัด) และ เมาโร ซาราเต้(-) อย่างไรก็ดีก็น่าจะได้เห็น ทรอย ดีนี่ย์(-) หัวหอกตัวเก่งถูกใส่ชื่อออกสตาร์ทในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน ฮาโปเอล เบียร์ เชว่า สถานการณ์ใช้ว่าจะนิ่งนอนใจได้ง่ายๆเพราะพวกเขาเสียอเวย์โกลไปหนึ่งประตูจากการชนะ 2-1 ในรังตัวเอง ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดในเวลานี้จะขาดก็เพียงแค่ แนวรับคนสำคัญอย่าง มิเกล วิตอร์ ที่ยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ยังดีที่สามประสานแดนหน้าขาประจำอย่าง เมลิคสัน, วาเคเม่ และ กาห์เดียร์ ยังพร้อมเป็นตัวยืนในระบบ 4-3-3 ตามคาด

เกมนี้ มาริบอร์ ตัวแทนจาก สโลวีเนีย ได้กลับมาแก้ตัวอีกนัดในถิ่น ลุดสกี้ เวิร์ต หลังบุกไปพ่าย ฮาโปเอล เบียร์ เชว่า 1-2 ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะขาด ซาโฮวิค หัวหอกดาวรุ่งที่ยังบาดเจ็บเพียงรายเดียวเท่านั้น แถมยังจะได้ โฮด์ซิค กลับมาเป็นตัวเลือกในแผงหลัง แต่นายใหญ่ ดาร์โก้ มิลานิค ยังคงวาง ซูเลอร์ และ วิเลอร์ เป็นตัววางในแผงหลังโดยมี ดิโน่ โฮทิค เป็นตัวปั้นเกมรุกให้ มาร์กอส ทาวาเรส หัวหอกบราซิเลี่ยนเป็นทีเด็ดหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1

ส่วนตัวแทนจากตุรกีอย่าง อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ จัดว่าเสียหายไม่น้อยหลังพ่ายคาบ้านไปถึง 1-2 ซึ่งเกมล่าสุดพวกเขาบุกไปพ่าย คาราบุคสปอร์ 1-3 ในเกมลีกส่วนหนึ่งมาจากนักเตะใจลอยไปถึงเกมเยือน ซานเชซ ปิซฆวน ไปหมดแล้ว ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะกลับมายึดผู้เล่นชุดหลักที่ได้พักอีกครั้งนำโดย เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ อดีตหัวหอกจากเวทีพรีเมียร์ลีกลงเป็นทีเด็ดแดนหน้า แถมยังจะได้ เมห์เหม็ต บัตดัล สลัดเดี้ยงกลับมาเป็นทางเลือกอีกราย ส่วนในรายของ ออเรลิยอง เช็ดฌู กับ เอเกเมน คอร์คมาซ สองแนวรับไม่ได้เดินทางมาสเปนเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ

สถานการณ์ของ เซบีญ่า จัดว่าค่อนข้างสดใสหลังบุกไปเก็บชัยชนะแถมได้อเวย์โกลจากผล 2-1 ซึ่งเกมนี้นายใหญ่ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ ยังพร้อมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามอีกครั้งหลังทำการพักนักเตะบางตำแหน่งจากเกมเสมอ เอสปันญ่อล 1-1 ในนัดเปิดลีก ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะได้เห็นนักเตะใหม่อย่าง เฆซุส นาบาส และ โนลิโต้ สองตัวรุกเลือดสเปนลงเป็นตัวขับเคลื่อนเกมบุกพ่วงด้วย เอเบร์ บาเนก้า จะถูกส่งลงมาประสานงานกับ สเตเว่น เอ็นซ็องซี่, ฆัวกิน กอร์เรอา และ วิสซาม เบ็น เยดเดอร์ ตามคาด

สว่นความพร้อมก่อนเกมของ เลสเตอร์ ซิตี้ กุนซือใหญ่ เคร็ก เชคสเปียร์ เตรียมจัดชุดสำรองลงเล่นเยอะพอสมควร โดยเกมนี้ เจมี่ วาร์ดี้ จะมีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้นหลังมีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นเดียวกับ ชินจิ โอกาซากิ หน้าต่ำเลือดซามูไรที่จะได้พัก ซึ่งจะเป็นคิวของ เลโอนาร์โด้ อูยัว กับ อิสลาม สลิมานี่ จับคู่แดนหน้าในระบบ 4-4-2 ส่วนตำแหน่งอื่นๆจะได้เห็น เอลดิน ยาคูโปวิช นายทวารมือสองลงมาโชว์ลวดลายแทน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เช่นเดียวกับแดนกลางที่จะมีเพียง ริย๊าด มาห์เรซ ที่เป็นตัวหลักเพียงคนเดียวที่จะถูกส่งลงสนาม

เจ้าบ้าน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 10 จาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อยู่ในสถาพทีมค่อนข้างมั่นใจหลังเปิดรังชนะ บาร์นสลีย์ 1-0 ก่อนเฝ้าบ้านอีกนัดในเกมนี้ ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะไม่มีแข้งเดี้ยงอย่าง ไซม่อน มัวร์ นายทวารและ จอร์จ บัลด็อก ฟูลแบ็ค ส่วน ลีออน คลาร์ก ตัวทำเกมจากแผงมิดฟิลด์จะถูกคาดโทษในเกมนี้ทำให้ จอห์น เฟล็ก จะลงมาผนึกกำลังร่วมกับ พอล ค็อตส์ แทนพร้อมกับวาง เช็ด อีเวนส์ จับคู่แดนหน้ากับ บิลลี่ ชาร์ป ในระบบ 3-5-2

ส่วน "เดอะ ลาติกส์" ของกุนซือ พอล คุ๊ก อาจจะมีการโลเตชั่นบางตำแหน่งแต่ยังจัดว่าค่อนข้างฟูลกว่าเจ้าถิ่น ซึ่งเกมนี้จะได้เห็น เดวิด เพอร์กิ้น และ โดเนอร์วอน ดาเนี่ยล กลับคืนผังตัวจริงอีกครั้ง แถมยังมีข่าวดีคือจะได้ คัลลั่ม เอลเดอร์ ปราการหลังดาวรุ่งพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา พร้อมกับส่ง วิลล์ กริ๊ก กับ โนแอล ฮันท์ เป็นทีเด็ดแดนหน้าในทริปเกมเยือนค่ำคืนนี้

เจ้าบ้าน แอสตัน วิลล่า ตัวแทนจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ของกุนซือ สตีฟ บรูซ เตรียมปรับทัพหลายตำแหน่งโดยการส่งแข้งตัวสำรองได้ลงสนามบ้างหลังผลงานในเกมลีกเพิ่งชนะ นอริช 4-2 ซึ่งเป็นเกมแรกที่เก็บ 3 แต้มหลังแพ้มา 2 เกมติด คาดว่าเกมนี้จะได้เห็น กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ กับ จอร์ช โอโนมา สองแนวรุกตัวหลักถูกพักอยู่ข้างสนามและจะเป็นโอกาสของดาวรุ่งอย่าง แจค ดอยล์-เฮย์ และ คัลลั่ม โอ'ฮาเร่ ลงเล่นแดนกลางโดยมี โจชัว โอโนมา กับ บีร์กีร์ บอร์นยาร์นสัน ลงเป็นคู่หัวหอก

ส่วนทีมเยือน คัลมาร์ ทีมอันดับ 13 มีแต้มนำเจ้าบ้านเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้นก่อนลงสนาม แถมเกมล่าสุดเพิ่งจะโดนมาเละจากการบุกไปโดนจ่าฝูง มัลโม่ ถล่มยับมา 6-0 ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะไม่มี โทเบียส เอริคส์สัน(9นัด)ที่มีปัญหาที่แฮมสตริง และ มาร์คุส ธอร์บียอร์นส์สัน (13 นัด)ที่เจ็บน่อง แต่ยังดีที่ วิคเตอร์ เอล์ม และ ราสมุส เอล์ม จะกลับมาเป็นทางเลือกอีกครั้ง ส่วนคีย์แมนยังคงเป็น โรมารินโญ่ (19 นัด 6 ประตู) กับ เมลเคอร์ ฮอลล์เบิร์ก (18 นัด 3 ประตู)ค่อยปั้นเกมร่วมกัน

เจ้าบ้าน ซันด์สวาลล์ ทีมอันดับ 14 ยังคงทำผลงานได้ย่ำแย่ต่อเนื่องหลังออกไปพ่าย ฮัคเค่น 0-2 มาในเกมล่าสุด ทำให้สถิติ 4 หลังพวกเขายังไม่สามารถเอาชนะใครได้(เสมอ2แพ้2) ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามไม่มีปัญหาตัวเจ็บเข้ามาให้ต้องกังวลใจ และมีแนวโน้มที่ อีริก ลาร์สสัน (17 นัด 2 ประตู)แนวรับตัวเก่งที่ส่อแววย้ายทีมก่อนหน้านี้เตรียมกลับมามุ่งมั่นในสนามร่วมกับ มาร์คุส ดาเนียลสัน(17นัด/3ประตู)ในแผงเซ็นเตอร์อีกครั้ง ส่วนตัวทีเด็ดในแนวรุกอย่าง ฮัลเลนิอุส (17 นัด 3 ประตู) พร้อมจับคู่ล่าตาข่ายกับ ปีเตอร์ วิลสัน (18 นัด 2 ประตู)ในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน เออิบาร์ ของนายใหญ่ โฆเซ่ หลุยส์ เมนดิลิบาร์ มีปัญหาตัวเจ็บหนักหนาไม่แพ้กันเพราะตัวเจ็บส่วนใหญ่ล้วนเป็นแข้งคีย์แมนทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นแนวรับอย่าง อาบิลล่า, ริโก้ กองกลางและ เปโดร ลีออน ตัวรุกที่ทำประตูไป 10 เม็ดในซีซั่นที่แล้ว นอกจากนี้ยังจะไร้เงา กอนซาโล่ เอสกาลันเต้ กองกลางห้องเครื่องคนสำคัญที่จะถูกคาดโทษจากซีซํ่นที่แล้ว

เออิบาร์ (4-4-2) : มาร์โก ดมิโตรวิช ; โฆเซ่ อังเคล บัลเดส, อิบัน รามิส, เปาโล โอลิเวียร่า, อังเดร กาป้า ; อีวาน อเลโฆ่, โจน จอร์แดน, ดานี่ การ์เซีย, ทาเกชิ อินูอิ ; กีเก้ การ์เซีย, เซร์กี เอ็นริช

เฮดโค้ช มิเกล ของ มาลาก้า นำทีมเก็บตัวช่วงอุ่นเครื่องได้ไม่สู้ดีเอาซะเลย หลังแพ้ไปถึง 4 จาก 5 เกมหลังสุด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะหมเสิทธิ์ใช้งานตัวเจ็บถึง 5 รายอย่าง มิเกล ตอร์เรส ,เฟร์นานโด ริคก้า ,อเดลเบร์โต้ เปนาลันด้า ,เกโก้ และ หลุยส์ มูนญอซ ส่วนในรายของ ฆาเบียร์ ออนติเบรอส กองหน้ากึ่งริมเส้นตัวเก่ยังต้องลุ้นว่าผ่านความฟิตทันหรือไม่

มาลาก้า (4-2-3-1) : โรเบอร์โต้ ฆิเมเนซ ; โรเบร์โต้ โรซาเรส, ลุยส์ เอร์นานเดซ, ปอล เบส, ฆวน คาร์ลอส เปเรซ ; เรซิโอ้, ซดราฟโก้ คุซมาโนวิช ; ฆวนปิ, อาเดรียน กอนซาเรซ, โจนี่ ; ซานโดร รามิเรซ

ทีมอันดับ 5 ประจำลีกในซีซั่นที่แล้ว ดูจะมีปัญหาภายในทีมพอสมควรหลังแข้งแกนหลักเจอโรคเดี้ยงกันระนาวไม่ว่าจะเป็น อาเดรียน มาริน ,เซร์คิโอ อเซนโฆ ,มาริโอ กาสปาร์ ,บรูโน่ โซเรียโน่ และ เดนิส เชริเยฟ นอกจากนั้นยังไม่พอยังจะขาด ซามู กาสตีเยโฆ่ กองกลางและ เซดริก บาคัมบู หัวหอกตัวหลักที่ติดคาดโทษจากซีซํ่นที่แล้ว ทำให้เกมนี้พวกเขาจำเป็นต้องปรับหมากยกใหญ่โดยเฉพาะแดนหน้าเตรียมใช้ เอเนส อูนาล หอกดาวรุ่งชาวเติร์กลงจับคู่กับ นิโคลา ซานโซเน่ หัวหอกเลือดอิตาลี

บียาร์เรอัล (4-4-2) : อันเดรส เฟร์นานเดซ ; อันโตนิโอ รูกาวิน่า,รูเบน เซเมโด้, วิคตอร์ หลุยส์, ฆัวเม่ คอสต้า ; ปาโบล ฟอร์นัลส์,โรดรี้, มานู ตริกูเอรอส, โรเบร์โต้ โซเรียโน่ ; เอเนส อูนาล, นิโคลา ซานโซเน่

เกมมันเดย์ไนท์ประจำศึก ลาลีกา สเปน นัดประเดิมลีก เลบานเต้ ทีมแชมป์ เซกุนด้า ภายใต้การนำของ ฮวน มุนิซ จะไร้เงา โรเบอร์ ปิแอร์ แนวรับแกนหลักที่ติดโทษแบน รวมถึงต้องเช็คความฟิตของ เปโดร โรเปซ ปราการหลังตัวหลักและ เอนิส บาร์ดี กองกลางป้ายแดง ส่วน โรเจอร์ หัวหอกที่ซัดไปถึง 22 ประตูในเซกุนด้ายังคงบาดเจ็บอดช่วยทีมในเกมนี้ ทำให้ อเล็กซ์ อาเลเกรีย จะเป็นตัวยืนในแดนหน้าตามคาด

เกตาเฟ่ (4-2-3-1) : ราอูล เฟร์นานเดซ ; อีวาน โลเปซ, เซคิโอ โปสตีโก้, เชม่า, โตโน่ ; โฆเซ่ คัมปานา, เจฟเฟอร์สัน เลอร์ม่า ; เจสัน, เอนิส บาร์ดี, โฆเซ่ หลุยส์ โมราเลส ; อเล็กซ์ อาเลเกรีย

ส่วนทีมเยือน ฮัมมาร์บี้ เกมล่าสุดในลีกคือการเปิดรังเสมอ ออสเตอร์ซุนด์ 2-2 ก่อนจะบุกไปชนะ อโครโพลิส 3-1 ในเกมบอลถ้วยในประเทศ ส่วนความพร้อมก่อนเกมในนัดนี้พวกเขาจะไร้เงา ออกมุนเดอร์ คริสตินสัน(16นัด) นายทวารมือหนึ่งชาวไอซ์แลนด์ เคนเนดี้ บาเกียซิโอกลู(12นัด)กองกลาง และ โรมูโล่(15นัด/4ประตู)หัวหอกที่ยังบาดเจ็บกันทั้งหมด อย่างไรก็ดีพวกเขายังฝากความหวังไว้ที่ ปา ดิบบ้า ในแดนหน้าได้ในเกมนี้

เจ้าบ้าน โอเรโบร แม้จะไม่แพ้ใครมา 5 เกมแล้วก็จริงแต่ก็หนักไปทางเสมอจากการได้มา 1 คะแนนมาถึง 3 นัดติดก่อนจะบุกชนะ ยอนโคปิ้ง 2-1 ในเกมล่าสุด ส่วนสภาพความพร้อมในเกมจะขาดสองแกนหลักอย่าง วิกเตอร์ สโคลด์ (18นัด)แนวรุกและ มิกาเอล อัลมีแบล็ค(14นัด)แนวรับ นอกจากจากนี้ยังจะมีอะไหล่แดนกลางอย่าง เฟร์ฮาด อาย๊าซ ที่ยังบาดเจ็บ

ส่วนทีมแกร่งอย่าง ดันดาล์ค ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องหลังคว้าชัยมา 3 เกมติด คาดว่าเกมนี้กุนซือ สตีเฟ่น เคนนี่ เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ยกเว้น ดีแลน คอนนัลลี่ย์(4นัด)กองกลางที่ติดโทษแบนในเกมนี้ รวมถึง เจมี่ แมคแกรธ (22นัด/4ประตู)มิดฟิลด์ตัวหลักที่ยังบาดเจ็บอยู่ ทำให้ตัวชูโรงในเกมนี้จะวาง โธมัส สจ๊วต(18นัด/1ประตู) และ ไมเคิ่ล ดัฟฟี่ย์(25นัด/5ประตู)เป็นคู่หน้าร่วมกัน

เจ้าบ้าน เดอร์รี่ ซิตี้ ทีมอันดับ 3 ประจำลีก เตรียมเปิดรังเจอศึกใหญ่รับมือรองจ่าฝูง ดันดาล์ค ที่เพิ่งบุกมาถล่มพวกเขาไปถึง 4-0 ในเกม ไอร์แลนด์ เอฟเอ คัพ นัดที่ผ่านมา ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไร้ปํญหาตัวเจ็บจากเกมล่าสุด แถมมีลุ้นได้ตัว ลูคัส ชูแบร์ท(20นัด/2ประตู)แนวรับตัวหลัก และ แฮร์รี โมนาแฮน(18นัด)แดนกลางสลัดเดี้ยงทันในเกมนี้ ส่วนแกนหลักที่เหลืออย่าง แบร์รี่ แมคนามี (23 นัด/10 ประตู), โรนัน เคอร์ติส (24 นัด/6 ประตู),นาธาน บอนด์ (24 นัด/5 ประตู) และ อาร่อน แมคเอเนฟ (23 นัด/9 ประตู)ต่างพร้อมประจำแนวรุกกันครบเซ็ต

ส่วนทีมเยือน "ราชันชุดขาว" ของนายใหญ่ ซีเนดีน ซีดาน เตรียมประเดิมเกมลีกด้วยผู้เล่นจัดหนักจัดเต็มแน่นอนซึ่งคาดกันว่าแดนหน้ายังคงวางตัว แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซม่า คอยประสานงานร่วมกันในระบบ 4-2-2-2 ยามไร้เงา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ติดโทษแบนยาวจากเกม สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ที่ผ่านมา พร้อมกับวาง อีสโก้ และ ลูก้า โมดริช คอยปั้นเกมจากด้านข้างโดยมี คาเซมิโร่ และ โทนี่ โครส คอยบัญชาเกมในบทบาทจอมทัพ

เรอัล มาดริด (4-2-2-2) : เกย์เลอร์ นาบาส ; ดาเนี่ยล การ์บาฆัล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, มาร์เชโล่ ; คาเซมิโร่, โทนี่ โครส ; ลูก้า โมดริช, อีสโก้ ; แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า

เปเป้ เมล นายใหญ่ "ซุปเปอร์เดปอร์" เตรียมนำลูกทีมต้อนรับทีมแชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด ที่กำลังมั่นใจสุดๆหลังปราบ บาร์ซ่า ในศึก สแปนิช ซูเปอร์ คัพ มาทั้งสองนัด ซึ่งเกมนี้เจ้าถิ่นจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็มเร่ โคลัก ที่ติดโทษแบนจากซีซั่นที่แล้วรวมถึง การ์เลส กิล กองกลางที่ยังเดี้ยงอยู่ อย่างไรก็ดีพวกเขาก็พร้อมส่ง ฟาเบียน ชาร์ เซ็นเตอร์แบ็คที่คว้ามาจากฮอฟเฟ่นไฮม์ประเดิมสนามโดยมี ซิดเน่ เป็นคู่หู ส่วนที่เด็ดแดนหน้าจะใช้ เฟเด การ์ตาเบีย, ฟลอริน อันโดโน่ และ ซากาเรีย บักการี่ ผนึกกำลังร่วมกัน

ลา กอรุนญ่า (4-3-3) : รูเบน มาร์ติเนซ ; ฆวนฟราน, ฟาเบียน ชาร์, ซิดเน่, ลูซินโญ่ ; เซลโซ่ บอร์เกส, กีเยร์เม่ ซานโต๊ส, เปโดร มอสเกร่า ; เฟเด การ์ตาเบีย, ฟลอริน อันโดโน่, ซากาเรีย บักการี่

ส่วนทีมรองบ่อนอย่าง เรอัล เบติส แม้โอกาสจะแพ้กลับออกไปมีสูง แต่การบุกมาเยือน บาร์เซโลน่า ในสถานการณ์แบบนี้ย่อมดีกว่าครั้งไหนๆแน่ แถมสภาพความพร้อมก่อนเกมนายใหญ่ กีเก้ เซเตียน จะขาดเพียงแค่ ริย๊าด บูเดบูซ ที่ยังบาดเจ็บหมดสิทธิ์ช่วยแดนกลาง พร้อมกับมีการเปลี่ยยนแปลงโดยการส่ง ซูแฮร์ เฟดดัล ที่ย้ายจากอลาเบสลงเสีบตำแหน่งเซ็นเตอร์แทน เกอร์มัน เปซเซลล่า ที่ย้ายไป ฟิออเรนติน่า ขณะที่แนวรุกจะใช้ ฆัวกิน, เซร์คิโอ เลออน และ นาอูเอล เลว่า ประสานงานเพื่อหาจังหวะทำประตู

เรอัล เบติส (4-3-3) : ดานี่ กิเมเนซ ; อันโตนิโอ บาร์รากัน, ซูแฮร์ เฟดดัล, อิสซ่า ม็องดี้, ริซ่า ดูร์มิซี่ ; บิคตอร์ กามาราซ่า, อันเดรส กัวร์ดาโด้, ดาร์โก้ บราซานัช ; ฆัวกิน, เซร์คิโอ เลออน, นาอูเอล เลว่า

ประเดิมซีซั่นใหม่ในศึก ลา ลีกา ครั้งนี้ดูเหมือน "เจ้าบุญทุ่ม" จะเจอปัญหาใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ที่ต้องพิสูจน์ตัวเองแล้ว พวกเขายังต้องเสียสตาร์ดังอย่าง เนย์มาร์ ที่จะส่งผลต่อพลังเกมรุกของทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มิหนำซ้ำยังจะไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ ที่บาดเจ็บเพิ่มเติมเข้ามาต่อจาก เคราร์ด ปีเก้ และ ราฟินญ่า อีกด้วย คาดว่าเกมนี้คนต้องรับภาระแบกทีมคงหนีไม่พ้น ลีโอเนล เมสซี ที่จะต้องประคองทั้ง ปาโบล อัลกาเซร์ และ เคราร์ด เดวโลเฟว ส่วน อันเดรียส อีเนียสต้า ที่ยังไม่สมบูรณ์นักน่าจะมีชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ; อเล็กซ์ บิดัล, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดร โกเมส ; ลีโอเนล เมสซี, ปาโบล อัลกาเซร์, เคราร์ด เดวโลเฟว

ส่วนทีมน้องใหม่ เกตาเฟ่ ของกุนซือ โฆเซ่ บอร์ดาลาส จะขาดตัวเจ็บเพียงแค่ คาริม โยดา และ ดาเนี่ยล ปาเชโก้ ที่ไม่สามารถช่วยแดนกลางได้ แต่แข้งแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมมีชื่อลงสนามโดยเฉพาะแข้งใหม่ที่ดึงเสริมทัพอย่าง มาร์เกล เบร์การ่า กองกลางจากโซเซียดัด เกกุ ชิบาซากิ กองกลางชาวญี่ปุ่น และ ฟายกัล ฟายร์ มิดฟิลด์จาก "ซุปเปอร์เดปอร์" พร้อมลงผนึกกำลังกับ ฆอร์เก้ โมลิน่า ทีเด็ดแดนหน้าประจำทีมในเกมนี้

เกตาเฟ่ (4-2-3-1) : บิเซนเต้ กูไอต้า ; ดาเมี่ยน ซัวเรซ, ดิเยเน่, ฆวน กาล่า, ฟรานซิสโก้ โมลิเนโร่ ; เซร์คิโอ โมร่า, ฟายกัล ฟายร์ ; ฟรานซิสโก้ ปอร์ติโญ่, เกกุ ชิบาซากิ, อัลบาโร่ คิมิเนซ ; ฆอร์เก้ โมลิน่า

นายใหญ่ โฆเซ่ ซิกานด้า ของ แอธเลติก บิลเบา เตรียมนำลูกทีมประเดิมเกมแรกในลีกในถิ่น ซาน มาเมส ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะขาดเพียงแค่ อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ ที่ยังบาดเจ็บ แต่เจ้าบ้านก็พร้อมส่ง มิเกล เบสก้า กองกลางตัวใหม่จากกิฆอนออกสตาร์ทตัวจริงทันที โดยใช้ ราอูล การ์เซีย และ อิเกร์ มูเนียอิน คอยป้อนบอลให้ อาริตซ์ อาดูริตซ์ พร้อมกับส่ง อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ลงปั้นเกมรุกหลังพักมาเต็มที่จากเกม ยูโรป้า ลีก กลางสัปดาห์

แอธเลติก บิลเบา (4-2-3-1) : เกป้า ; ออสการ์ เดอ มาร์กอส, อายเมริค ลาปอร์เต้, ซาเบียร์ เอ็ตเซียต้า, มิเกล เบเลนเซียก้า ; มิเกล เบสก้า, เบนญัติ ; อินญากี้ วิลเลี่ยมส์, ราอูล การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน ; อาริตซ์ อาดูริตซ์

ส่วนทีมเยือน ฮัคเค่น กำลังอยุ่ในช่วงมั่นใจไม่แพ้กันหลังไม่แพ้ใครมา 5 เกมติดและเก็บชัยรวดมา 2 ได้ตลอดสองนัดหลังสุด ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะไม่มี อเล็กซานเดอร์ ฟาร์เนรุด (13 นัด 2 ประตู) กองกลางและ อัลฮาสซัน คามาร่า(12นัด/5ประตู)หัวหอกดาวซัลโวประจำทีมที่มีปัญหาบาดเจ็บ แต่แกนหลักอย่าง ราสมุส ลินด์เกร็น (16 นัด 1 ประตู)ยังพร้อมรับบทจอมทัพร่วมกับ เอริก ไฟร์เบิร์ก (16 นัด) ได้ไม่มีปัญหาพร้อมกับใช้ เปาลินโญ่(14นัด/3ประตู) หัวหอกบราซิเลี่ยนเป็นตัวจบสกอร์

เจ้าบ้าน โกเตเบิร์ก จัดเป็นทีมจอมเคี่ยวทีมนึงในลีกจากการไม่แพ้ใครยามเล่นในบ้าน 9 นัดติด แถมฟอร์มตลอด 2 นัดหลังยังเก็บชัยมาสองเกมรวด ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน โทมัส ล็อง(18นัด)แนวรับที่ถูกคาดโทษ รวมถึง เบนจามิน ซูดิค(2นัด)และ มาร์ติน สเมดเบิร์ก-ดาเลนซ์(12นัด)กองกลางที่ยังบาดเจ็บ แต่แกนหลักอย่าง โทเบียส ไฮเซ่น (19 นัด 7 ประตู) หัวหอกจอมซัลโวยังได้ลงเป้นตัวจริงโดยมี มิคาเอล โบมัน (18 นัด 5 ประตู)เป็นหน้าตัวต่ำ

ส่วนทีมเยือน นอร์โคปิ้ง ฟอร์มไม่สู้ดีนักในช่วงหลังจากการพ่ายคู่แข่งไปถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุด ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามนำโดยแกนหลักแดนหน้าอย่าง คาร์ล โฮล์มเบิร์ก (19 นัด/8 ประตู)และ เซบาสเตียน แอนเดอร์สสัน (19 นัด/5 ประตู)เป็นคู่หูในแดนหน้า โดยมี กุดมุนเดอร์ โธรารินสัน(17นัด/1ประตู)เป็นตัวทีเด็ดในผังแดนกลาง

เจ้าบ้าน ซิริอุส ฟอร์มโดยรวมถือว่าไม่เลวหลังหลุดพ่ายเพียงแค่เกมเดียวจาก 9 เกมหลังสุดเท่านั้น(ชนะ6เสมอ2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้ยังคงไม่มีชื่อของ โมเซส อ๊กบู (15 นัด 6 ประตู) ดาวซัลโวสูงสุดชาวไนจีเรียที่บาดเจ็บหนักจนต้องพักยาว เช่นเดียวกับ ดาเนี่ยล ยาร์ล (7 นัด), อันเต้ บียอร์เคบอม (5 นัด) และ คริสเตอร์ กุสตาฟสสัน (13 นัด 2 ประตู)ที่ยังไม่มีชื่อในเกมนี้ ส่วนแกนหลักที่เหลืออย่าง ฟิลิป ฮักลุนด์ ยังพร้อมลงปั้นเกมโดยมี โยฮัน แอนเดอร์สสัน เป็นตัวจบสกอร์

เมาริซิโอ ซาร์รี่ ผู้จัดการทีมเพิ่งนำ นาโปลี เอาชนะ นีซ มา 2-0 ในเกมเพลย์ออฟ ชปล. ในรังตัวเอง ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจำเป็นต้องปรับทัพบางตำแหน่งโดยการถอด เอลเซด ไฮซาย พร้อมกับส่ง คริสเตียน มักโจ้ ลงเล่นแบ็กขวาแทน ส่วน ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้ ตัวรุกเลือดโปแลนด์จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับ โฆเซ่ กาเยฆอน, ดรีส เมอร์เท่นส์ และ ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ ซึ่งหวยได้ออกไปที่ อัลลัน ที่ต้องหลุดผังตัวจริงในเกมนี้

นาโปลี (4-3-3) : เปเป้ เรน่า - คริสเตียน มักโจ้, ราอูล อัลบิโอล, คาลิดู คูลิบาลี่, ฟาอูซี่ กูลาม - ปิโอเตอร์ ซีลินสกี้, จอร์จินโญ่, มาเร็ค ฮัมซิค - โฆเซ่ กาเยฆอน, ดรีส เมอร์เท่นส์, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่

เจ้าบ้าน เวโรน่า ได้กลับขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นการนำทีมโดยกุนซือ ฟาบิโอ เปกเชีย ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมรบสุดๆหลังไร้ปํญหาตัวเจ็บก่อนลงสนาม คาดว่าเกมนี้จะได้เห็น จานเปาโล ปาซซินี่,ดาเนี่ยลเล่ เวอร์ดี้ และ อเลสซิโอ้ แซร์ซี่ เป็นสามประสานแดนหน้าในระบบ 4-3-3

เวโรน่า (4-3-3) : นิโคลาส - อเล็กซ์ เฟอร์รารี่, มาร์ติน คาซาเรส, โทมัส เฮอตูร์, ซามูเอล ซูร์พายาน - โรมูโล, บรูโน่ ซูคูลินี่, ดาเนี่ยล เบสชา - อเลสซิโอ้ แซร์ซี่, จานเปาโล ปาซซินี่, ดาเนี่ยลเล่ เวอร์ดี้

ส่วนทีมเยือน กายารี่ ของกุนซือ มัสซิโม่ ราสเตลลี่ มีปัญหาในการจัดทัพเล็กน้อยเมื่อ เฟเดริโก้ เมลคิออร์รี่ ศูนย์หน้าประจำทีมและ อเลสซานโดร เดลโอล่า กองกลางยังต้องใช้เวลาสลัดอาการบาดเจ็บ แต่ยังดีที่แกนหลักที่เหลืออย่าง มาร์โก้ ซาอู และ ดูเย่ ค็อป ยังพร้อมเป็นตัวทีเด็ดในการจบสกอร์แดนหน้าโดยมี เจา เปโดร รับหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์ในเกมนี้

กายารี่ (4-3-1-2) : อเลสซิโอ้ แคร็กโน่ - เปาโล ฟาราโก้, มาร์โก อันเดรโอลลี่, ฟาบิโอ ปิซาคาเน่, มาร์โก้ คาปัวโน่ - อาเธอร์ โยนิต้า, ลูก้า ชิการินี่, นิโคโล่ บาร์เรล่า - เจา เปโดร - มาร์โก้ ซาอู, ดูเย่ ค็อป

เจ้าบ้าน ยูเวนตุส เพิ่งพลาดท่าพ่าย ลาซิโอ ในศึกซูเปอร์ คัพ ก็หวังแก้ตัวประเดิมเกมลีกได้อย่างสวยหรูเช่นกัน คาดว่าเกมนี้นายใหญ่ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ไม่น่าจะปรับเปลี่ยนผู้เล่นมากนักแต่ก็มีการส่ง อันเดรีย บาร์ซาญี่ ลงแทน เมห์ดิ เบนาเตีย ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ เช่นเดียวกับ มัตเตีย เด ชีโย่ แบ็กขวาป้ายแดงออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วนทีเด็ดในแดนหน้ายังคงไว้ใจ กอนซาโล่ ฮิกัวอิน พร้อมกับวาง ดั๊กลาส คอสต้า แข้งบราซิเลี่ยนตัวใหม่ลงประสานงานกับ เปาโล ดีบาล่า และ มาริโอ มานด์ซูคิช ในโซนแนวรุก

ยูเวนตุส (4-2-3-1) : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - มัตเตีย เด ชีโย่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, อันเดรีย บาร์ซาญี่, อเล็กซ์ ซานโดร - เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, มิราเลม ปานิช - ดั๊กลาส คอสต้า, เปาโล ดีบาล่า, มาริโอ มานด์ซูคิช - กอนซาโล่ ฮิกัวอิน

กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส เฮดโค้ช เอสปันญ่อล จำเป็นต้องเช็คความพร้อมของ ดีเอโก้ โลเปซ ผู้รักษาประตูว่าจะพร้อมลงสนามหรือไม่ แต่ที่จะไม่มีชื่อเกมนี้แน่ๆก็คือ ออสการ์ ดูอาร์เต้,บิคตอร์ ซานเชซ และ อัลบาโร่ บาซเกซ ซึ่งทั้งสามคนล้วนมีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่ ส่วนตัวทีเด็ดในเกมนี้พวกเขาจะวาง เลโอ บาปติสเตา กับ เกราร์ด โมเรโน่ เป็นตัวหวังผลการจบสกอร์ตามคาด

เอสปันญ่อล : (4-4-2) : ปาอู โลเปซ ; ฆาบี โลเปซ, มาริโอ เอร์โมโซ่, ดาบิด โลเปซ, อารอน มาร์ติน ; โฆเซ่ ฆูราโด้, ฆาบี ฟูเอโก้, มาร์ค โรก้า, ปาโบล ปิอัตติ ; เลโอ บาปติสเตา, เกราร์ด โมเรโน่

เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ นายใหญ่ประจำทีมเตรียมจัดชุดเต็มลงบู๊แน่นอนในเกมเปิดลีก หลังไม่มีแข้งเจ็บให้ต้องกังวลใจ ซึ่งเกมนี้จะได้เห็นโฉมหน้าตัวใหม่อย่าง โนลิโต้ ที่ดึงจากซิตี้ ออกสตาร์ทตัวจริงร่วมกับแข้งใหม่หน้าเก่าอย่าง เอเบร์ บาเนก้า และ เฆซุส นาบาส ที่กลับมาตายรังถิ่นเก่าอีกครั้ง ส่วนแกนหลักที่เหลืออย่าง ฆัวกิน กอร์เรอา, วิสซาม เบ็น เยดเดอร์ และ สเตเว่น เอ็นซ็องซี่ จะถูกส่งสนามกันอย่างพร้อมเพียง ยกเว้น ไมเคิ่ล ครอห์น เดห์ลี่ จอมทัพชาวเดนมาร์กที่ต้องเช็คความฟิตก่อนลงสนาม

เซบีญ่า (4-3-3) : เซร์กิโอ ริโก้ ; กาเบรียล เมร์กาโด้, นิโก้ ปาราฆ่า, เกลม็องต์ ล็องเล่ต์, เซร์คิโอ เอสคูเดโร่ ; ไมเคิ่ล ครอห์น เดห์ลี่, สเตเว่น เอ็นซองซี่่, เอแวร์ บาเนก้า ; โนลิโต้, วิสซัม เบน เยดเดอร์, อังเคล กอร์เรอา

ส่วนทีมเยือน แอตเลติโก มาดริด ของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ดีเอโก้ โกดิน กองหลังกัปตันทีมและ โธมัส ปาร์เตย์ ที่ติดโทษแบนตั้งแต่ซีซํ่นที่แล้ว ทำให้พวกเขาเตรียมส่ง สเตฟาน ซาวิช จับคู่ โฆเซ่ กิมิเนซ ในตำแหน่งแผงหลังแทน และถึงแม้พวกเขาจะไม่สามารถซื้อนักเตะได้ในซัมเมอร์นี้แต่แกนหลักหน้าประจำยังอยู่กันครบนำโดย เฟร์นานโด ตอร์เรส และ อองตวน กรีซมันน์ เป็นคู่หัวหอกแดนหน้าตามคาด

แอตเลติโก มาดริด (4-4-2) : แยน โอบลัค ; ซีม เวอร์ซัลจ์โก้, สเตฟาน ซาวิช, โฆเซ่ กิมิเนซ, เฟลิเป้ ลุยส์ ; ยานนิค การ์ราสโก้, กาบี, โกเก้, นิโกลาส ไกตัน ; เฟร์นานโด ตอร์เรส, อองตวน กรีซมันน์

เจ้าบ้าน กิโรน่า ทีมน้องใหม่ประจำลีกจัดว่าอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มสูบไม่มีปัญหาตัวเจ็บให้ต้องกังวล แต่ก็ถือว่าโชคร้ายไม่น้อยที่กุนซือ ปาโบล มาชิน ต้องเจอของแข็งตั้งแต่นัดประเดิมลีก ซึ่งเกมนี้จะได้เห็น คริสเตียน สตูอานี่ กองหน้าป้ายแดงจากโบโร่มีชื่อในเกมนี้แต่ก็ต้องหลีกทางให้แก่ ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่ และ ซาอูล การ์เซีย ไปก่อน

กิโรน่า (3-4-3) : กอร์ก้า อิไรซอซ ; เบร์นาร์โด้ เอสปิโนซ่า, เปโดร อากาล่า, มาร์ก มูนีซ่า ; ปาโบล มาฟเฟโอ, ดักลาส ลุยซ์, เปเร่ รีเอร่า, อาดาย เบนิเตซ ; ปอร์ตู, คริสเตียน สตูอานี่, ซาอูล การ์เซีย

ส่วนความพร้อมทีมของ ยูเซบิโอ ซากริสตัน เกมนี้พวกเขาจะไร้เงา การ์ลอส มาร์ติเนซ แนวรับเพียงรายเดียวที่ยังบาดเจ็บทำให้ต้องส่ง ราอูล นาบาส กับ อินญิโก้ มาร์ติเนซ จับคู่ร่วมกันในเกมนี้ ส่วนแข้งใหม่อย่าง อัดนาน ยานาไซ ยังต้องรอโอกาสเปิดตัวไปก่อนทำให้แกนหลักในแนวรุกยังคงใช้หน้าเดิมอย่าง คาร์ลอส เวล่า, วิลเลี่ยน โชเซ่ และ มิเกล โอยาร์ซาบัล เป็นทีเด็ดล่าตาข่าย

เรอัล โซเซียดัด (4-3-3) : เกโรนิโม่ รูยี่ ; อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, ราอูล นาบาส, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เควิน โรดริเกซ ; ชาบี ปรีเอโต้, อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้, ดาบิด ซูรูตูซ่า ; คาร์ลอส เวล่า, วิลเลี่ยน โชเซ่, มิเกล โอยาร์ซาบัล

นัดประเดิมลีกเกมนี้ถือเป็นแมตช์แรกภายใต้การนำของโค้ชใหม่อย่าง ฆวน การ์ลอส อันซู ซึ่งเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดทัพที่ดีที่สุดลงสนาม เว้นเพียงแค่ จอห์น กุยเด็ตติ กองหน้าทีมชาติสวีเดนที่มีปัญหาบาดเจ็บหนักจากเกมอุ่นเครื่องกับโรม่า ทำให้ มักซิมิเลียโน่ โกเมซ ดาวยิงป้ายแดงจะได้ลงประเดิมสนามตั้งแต่เกมแรกโดยมี พิโอเน่ ซิสโต้ และ ยาโก้ อัสปาส ตัวรุกขวัญใจเจ้าถิ่นลงยืนในแดนหน้า

เซลต้า บีโก้ (4-3-3) : เซร์คิโอ อัลบาเรซ ; อูโก้ มาโย่, อันดรู ฟอนตาส, กุสฟาโว่ กาบรัล, จอนนี่ ; โฆซาเบด, เนมานย่า ราโดย่า, ดาเนี่ยล วาสส์ ; พิโอเน่ ซิสโต้, มักซิมิเลียโน่ โกเมซ, ยาโก้ อัสปาส