วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วน "ปืนใหญ่" ของ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังมีปัญหาแนวรับให้ต้องแก้ไข แม้จะเปิดรังชนะ "จิ้งจอกสยาม" มาได้แต่การเฉือนแบบหืดจับ 4-3 ไม่ใช่สกอร์ที่น่าพึงพอใจนักในฐานะผู้จัดการทีม ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะได้เห็น สโครดาน มุสตาฟี่ และ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ จับคู่กันในแผงแนวรับยามไร้เงา โลร็อง กอสเซียลนี่ ที่ติดโทษแบน เช่นเดียวกับแนวรุกยังคงไม่มีซุปเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งอย่าง อเล็กซิส ซานเชซ ที่ยังไม่สมบูรณ์เช่นเดียวกัน

อาร์เซน่อล (3-4-2-1) : ปีเตอร์ เช็ก ; แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ , สโครดาน มุสตาฟี่, เซอัด โคลาซินัค ; เอ็คตอร์ เบเยริน, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, กรานิต ชาก้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ; เมซุต โอซิล, แดนนี่ เวลเบ็ค ; อเล็กซ็องเดร ลากาแซตต์

มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีม สโต๊ค ซิตี้ เตรรียมเปิดรังเกมแรกในซีซั่นนี้หลังออกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน มาแบบหน้าเจ็บใจ 0-1 ทั้งที่มีโอกาสทำประตูอยู่ไม่น้อย ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บเข้ามานอกจากแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ กับ อิบราฮิม อเฟลลาย ส่วนแกนหลักจากนัดล่าสุดยังคงได้รับโอกาสแถมยังจะได้ เฆเซ่ ตัวรุกฝีเท้าดีที่ เปแอสเช ปล่อยยืมมาให้อีกแต่คาดว่าจะต้องรอโอกาสไปก่อนเพราะ ไซโด้ เบราฮิโน่ เซอร์ดาน ชากิรี่ และ โบยาน เกอร์กิช จะได้ออกสตาร์ทตั้งแต่ต้นเกม

สโต๊ค ซิตี้ (3-4-3) : แจ็ค บัตแลนด์ ; ไรอัน ชอว์ครอสส์, เคิร์ต ซูม่า, บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้ ; มาเม่ บิรัม ดิยุฟ, โจ อัลเลน, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, เอริค ปีเตอร์ส ; เซอร์ดาน ชากิรี่, ไซโด้ เบราฮิโน่, โบยาน เกอร์กิช

ส่วนทีมรองบ่อนจากมาซิโดเนียอย่าง สเคนดิย่า จัดว่าอยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มสูบในทริปเยือนอิตาลีเกมนี้ ส่วนผู้เล่นตัวหลักในเกมนี้เฮดโค้ช กาติป ออสมานี่ พร้อมวาง เบซาร์ท อิบราอิมี่ รับบทเป็นหัวหอกตัวเป้าโดยใช้ มาร์ยาน ราเดสี้, เฟราน ฮาซานี่ และ เบซาร์ท อับดูราฮิมี่ เป็นสามแนวรุกในระบบ 4-2-3-1

เจ้าบ้าน "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ของกุนซือ วินเชนโซ่ มอนเตลล่า เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ยกเว้น ลูกัส บีญ่า มิดฟิลด์ตัวใหม่ที่ยังไม่พร้อมลงสนามเพียงรายเดียวเท่านั้น คาดว่าเกมนี้จะได้เห็น อันเดร ซิลวา, ซูโซ่ และ ฟาบิโอ บอรินี่ ถูกวางเป็นตัวยืนในแผงกองหน้าระบบ 4-3-3 โดยมีตัวหลักอย่าง ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว รับบทเป็นจอมทัพในแผงมิดฟิลด์ตามคาด

ส่วนทีมเยือน วีดีโอตัน แม้จะตกรอบหล่นมาเล่นในศึก ยูโรป้า แต่ก็เป็นการตกรอบแบบสมศักดิ์ศรีหลังเปิดรังชนะ บอร์กโดซ์ 1-0 แต่ต้องมาตกรอบเพราะอเวย์โกลจากการเสมอสองนัด 2-2 ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะไม่มี อาเนล ฮัดซิค และ อัสเมียร์ ซูริค ที่ติดโทษแบน แต่เกมหลักอย่าง แมท แพทไกร , โยเซฟ วาร์ก้า และ อิสท์วาน โควัชส์ พร้อมเป็นตัวยืนในแผงแดนกลางโดยมี เดนโก้ ลาโซวิค กับ มาร์โก สเคโปวิช เป็นคู่หูในแดนหน้าในระบบ 4-4-2

เจ้าบ้าน ปาร์ติซาน เบลเกรด ตัวแทนจากเซอร์เบียเป็นต้องหล่นมาเล่นในรายการนี้จากการพ่าย โอลิมเปียกอส ด้วยสกอร์รวม 5-3 ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเจอ วีดีโอตัน ในเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน 2 แข้งแดนกลางอย่าง โคโซวิค และ สเตวาโนวิค ส่วนแกนหลักที่เหลืออย่าง เลอันเดร ทาวัมบา พร้อมลงจับคู่ อูรอช จูร์เจวิช ในแดนหน้าโดยมี โคโซวิช , ดานิโล ปานติช และ มาร์โก ยานโควิช เป็นสามประสานแนวรุกพร้อมกับใช้ เซย์ดูบา ซูมาห์ กับ มาร์โก เยฟโตวิช เป็นคู่จอมทัพในระบ 4-2-3-1

กุนซือ โฆเซ่ อังเกล ซิกานด้า เกมนี้ยังคงไร้เงา อันเดร์ อิตูร์ราสเป้ กองกลางและ เยราย อัลบาเรซ แนวรับที่ยังบาดเจ็บ ส่วนในรายของ เอ็นริก ซาโบริต และ มิเกล ริโก้ ส่อแววสลัดเดี้ยงทันมีชื่อในเกมนี้เพื่อประสานงานร่วมกับ อาริตซ์ อาดูริตซ์ หัวหอกตัวเก่งและตัวสนับสนุนอย่าง ราอูล การ์เซีย, อิเกร์ มูเนียอิน และ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์

เจ้าบ้าน พานาธิไนกอส ตัวแทนจากกรีซ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ลูคัส วิญาฟาเนซ กองกลางตัวเก่งวัย 25 ปีที่มีอาการบาดเจ็บรุมเร้าเช่นเดียวกับแนวรับอย่าง อุสมาเน่ คูลิบาลี ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามเตรียมส่ง ออมรี่ อัลมัน และ อนาตาซิออส ชาสจิโอวานนิ เป็นทีเด็ดในการล่าตาข่ายโดยมี โรบิน ร็อดจ์ เป็นตัวปั้นเกม

โจน การ์รีโย่ เฮดโค้ช ไฮจ์ดุ๊ค สปลิท ตัวแทนจากโครเอเชีย เพิ่งพาทีมร้อนแรงต่อเนื่องจากการหลุดพ่ายเพียงเกมเดียวตลอด 9 นัดหลังสุด(ชนะ6เสมอ2) ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บและพร้อมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามนำโดย อันเต เออร์เซ็ก, นิโคลา วลาชิช และ มาร์โก้ ฟูแทคซ์ เป็นทีเด็ดแดนหน้าในระบบ 4-3-3

เทรนเนอร์ โรนัลด์ คูมัน มีปัญหาให้ต้องกังวลเล็กน้อยหลังต้องเช็คความพร้อมของ ซานโดร รามิเรซ ตัวรุกหน้าใหม่ที่เจ็บเล็กน้อยจากนัดเปิดรังเฉือน สโต๊ค ซิตี้ 1-0 อีกทั้งยังจะไม่มีแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง รอสส์ บาร์คลี่ย์, ยานนิค โบลาซี่, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, รามิโร่ ฟูเนส โมรี่ และ ซีมุส โคลแมน ที่ยังไม่มีชื่อในเกมนี้ เช่นเดียวกับ แกเร็ท แบร์รี ทำให้โฉมหน้าผู้เล่นแนวรุกจะทำการปรับมาใช้ ดอมินิก แคลเวิร์ต-ลูอิน,ดาวี่ คลาสเซ่น และ เควิน มิราลลาส เป็นสามแนวรุกโดยใช้ เวย์น รูนี่ย์ เป็นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1

ทีมเยือน โรเซนบอร์ก ของกุนซือ คาร์ล อินเจบริกเซ่น จะมีเพียง แม็กนัส สตัมเนสโตร กองกลางตัวเก่งที่ยังเจ็บอยู่ ส่วนแข้งแกนหลักที่เหลือต่างพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เตรียมวาง นิคลาส เบนท์เนอร์ อดีตแข้งดังของ อาร์เซนอลลงยืนเป็นหน้าเป้าโดยมี มิลาน เยฟโตวิช และ เอริค เด ลันลีย์ เป็นตัวปั้นเกมรุกร่วมกันในระบบ 4-3-3

ความมั่นใจของ อาแจ็กซ์ ก่อนเกมดูจะไม่ค่อยสู้ดีนักหลังเพิ่งเปิดลีกพ่าย เฮราเคิ่ลส์ อัลมีโร่ 1-2 อย่างไรก็ดีทางนายใหญ่ มาร์เซล ไกเซอร์ ก็ได้ขนชุดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามนำโดย แคสเปอร์ โดลเบิร์ก เจ้าของผลงาน 16 ประตูในลีกดัตช์ซีซั่นที่แล้วลงยืนเป็นสามประสานร่วมกับ อามิน ยูเนส เพลย์เมคเกอร์เยอรมันและ จัสติน ไคลเวิร์ต ในระบบ 4-3-3 โดยมี มิตเชล ไดจ์ค แนวรับที่สอยตัวมาจาก นอริช ซิตี้ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ส่วน คลาส แยน ฮุนเตลาร์ อดีตลูกหม้อตัวเก๋าจะเป็นตัวแก้เกมในครึ่งเวลาหลัง

ส่วนทีมดังจาก โปรตุกีส ซูปเปอร์ ลีก้า ผลงานล่าสุดเพิ่งเอาชนะ ปอร์ติโมเนนเซ่ 2-1 แต่ทว่าพวกเขายังมีปัญหาเรื่องการจัดทัพให้ต้องกังวลเมื่อ มาราโฟน่า ผู้รักษาประตูมือหนึ่งจะไม่มีชื่อในเกมนี้เช่นเดียวกับ วิลสัน เอดูอาร์โด , เมาโร, ราฟาเอล แอสซิส, ริคาร์โด้ แฟร์เรร่า และ ติอาโก้ เปไรร่า ที่ไม่พร้อมลงเล่นเช่นกัน ซึ่งเป็นที่คาดกันว่ากุนซือ อเบล เฟอร์ไรร่า เตรียมยกเซ็ตตัวหลักที่เพิ่งลงสนามอย่าง รุย ฟอนเต้ กับ อาห์เหม็ด ฮัสซัน เป็นทีเด็ดในแดนหน้า พร้อมกับวาง ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า , ดานิโล บาร์โบซ่า และ บรูโน่ ซาดาส คอยปั้นเกมจากด้านหลัง

ตัวแทนจาก ไอซ์แลนด์ อย่าง ฮาฟนาร์ฟยอร์ดูร์ เพิ่งอกหักจากรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากการพ่าย มาริบอร์ 2-0 จากสกอร์รวมสองนัด เป็นเหตุให้ต้องหล่นมาเพลย์ออฟถ้วยเล็กของยุโรป ซึ่งเกมนี้ ไฮเมียร์ กุ๊ดยอนส์สัน กุนซือใหญ่ไม่มีปํญหาในการจัดทัพและเตรียมวาง สตีเว่น เลนน่อน (14 นัด / 11 ประตู) จับคู่กับ คริสเตียน ฟินน์โบกาสัน (14 นัด / 8 ประตู) ลงเป็นทีเด็ดในแดนหน้าโดยมี เอมิล พลาสสัน, ร๊อบบี้ ครอว์ฟอร์ด และ ดาวิด วิดาร์สสัน เป็นตัวสนับสนุน

ส่วน บาร์เซโลน่า ในยุคของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ นับเป็นช่วงที่ต้องเจอความกดดันตั้งแต่ยังไม่เปิดซีซั่น หลังพ่ายให้คู่ปรับเบอร์ 1 ไปถึง 1-3 ในเกมนัดแรก พ่วงด้วยขุมกำลังในชุดนี้อ่อนลงไปทันตาจากการปล่อยตัว เนย์มาร์ ออกจากทีมรวมไปถึงส่อแววโละ อาร์ดา ตูราน กับ เซร์จี้ ซัมเปร์ ออกจากทีมเพื่อเติมแข้งใหม่ ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้ตัว เปาลินโญ่ มิดฟิลด์ทีมชาติบราซิล พ่วงด้วยกับการเร่งเจรจาปิดดีลของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ อุสมาน เดมเบเล่ ให้ได้ในซัมเมอร์นี้ ส่วนผู้เล่นตามคาด เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยังคงยึดแข้งหลักๆจากเกมที่แล้วมายกเซ็ตซึ่งถือเป็นชุดที่ดีที่สุดของพวกเขาในเวลานี้

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น ; อเล็กซ์ บิดัล, เกราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ; อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรียส อีเนียสต้า ; ลีโอเนล เมสซี, หลุยส์ ซัว 
เรซ, เคราร์ด เดวโลเฟว

ทัพ "ราชันชุดขาว" โชว์ทีเด็ดบุกไปชนะ บาร์เซโลน่า ไปได้ก่อนในเกมแรกถึง 3-1 ทำให้โอกาสสดใสไม่น้อยในการคว้าแชมป์ ซูปเปอร์คัพในปีนี้ ส่วนความพร้อมในเกมนี้นับว่าเสียหายไม่น้อยเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่จะหมดสิทธิ์ใช้งาน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่โดนไล่ออกจากเกมที่แล้วไม่พอยังถูกโทษแบนไปถึง5 นัดหลังไปผลักผู้ตัดสิน แต่ก็นับว่ายังมีความโชคดีที่ได้ ลูก้า โมดริช พ้นโทษแบนมากลับมาปั้นเกมแดนกลางร่วมกับ อีสโก้ พร้อมกับใช้ แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซม่า เป็นหน้าคู่

เรอัล มาดริด (4-2-2-2) : เกย์เลอร์ นาบาส ; ดาเนี่ยล การ์บาฆัล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, มาร์เชโล่ ; คาเซมิโร่, โทนี่ โครส ; ลูก้า โมดริช, อีสโก้ ; แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า

ส่วนทางฝั่ง มาริบอร์ ตัวแทนจาก สโลวีเนีย จะหมดสิทธิ์ใช้งาน โอบราโดวิค นายทวารที่ติดโทษแบน รวมไปถึงแนวรับอย่าง โฮด์ซิค ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามนายใหญ่ ดาร์โก้ มิลานิค เตรียมใช้ พัลซิส, บิลลอง, ซูเลอร์ และ วิเลอร์ เป็นตัวหลักในแนวรับพร้อมกับใช้ ดิโน่ โฮทิค มิดฟิลด์ดาวรุ่งกับ อเล็กส์ ปิห์เลอร์ เป็นตัวชูโรงในแผงมิดฟิลด์

ส่วนทีมเยือน ฟลาเมงโก้ กำลังอยู่ในช่วงผลงานเริ่มดร็อปหลังเก็บชัยได้เพียงเกมเดียวตลอด 6 เกมหลังสุดเท่านั้น(เสมอ1แพ้4) ส่วนความพร้อมในเกมนี้พวกเขาเตรียมใช้ เอเวอร์ตัน (16 นัด/3 ประตู) และ เอเวอร์ตัน ริแบร์โร่ (11 นัด/2 ประตู) ตอยขึ้นเกมโดยมี โอแลนโด้ เบร์ริโอ้(12นัด/2ประตู)เป็นหน้าตัวเป้า

เจ้าบ้าน โบตาโฟโก้ กำลังอยู่ช่วงมั่นใจหลังไม่แพ้ใครมา 3 เกมติดโดยเฉพาะ 2 เกมหลังเก็บชัยชนะมารวดก่อนเจอ ฟลาเมงโก้ ในศึก โคปา โด บราซิล ในเกมนี้ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บมาจากนัดล่าสุดและเตรียมใช้ โรเจอร์ (16 นัด/6 ประตู), โรดริโก้ ลินโดโซ่ (17 นัด/2 ประตู)และ เจา เปาโล (16 นัด)ลงสนามกันครบเซ็ต

ส่วนทีมเยือน เซบีญ่า ของกุนซือ เอดูอาร์โด้ เบริซโซ่ เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีหลังอุ่นเครื่องชนะ โรม่า 2-1 และเกมนี้จะได้เห็นชุดผู้เล่นที่ดีที่สุดของพวกเขาลงครบเซ็ตโดยเฉพาะแข้งใหม่ฝีเท้าจัดอย่าง เฆซุส นาบาส และ โนลิโต้ 2ตัวรุกที่ดึงมาจาก "เรือใบสีฟ้า" เอเบร์ บาเนก้า จอมทัพหน้าเดิมที่กลับมาค้าแข้งทีมเก่ารวมถึง ไซม่อน เคียร์ แนวรับทีมชาติเดนมาร์กลงผนึกกำลังกับตัวเก่าอย่าง สเตเว่น เอ็นซ็องซี่, ฆัวกิน กอร์เรอา และ วิสซาม เบ็น เยดเดอร์ ตามคาด

ตัวแทนจากตุรกีอย่าง อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ ใช่ว่าจะป็นทีมให้ เซบีญ่า กินได้ง่ายๆ เพราะพวกเขาเป็นถึงทีมที่จบอันดับสองจากลีก "แดนไก่งวง" ขณะที่สภาพความพร้อมก่อนเกมในวันนี้จะไม่มีตัวใหม่อย่าง ออเรลิยอง เช็ดฌู กับ เอเกเมน คอร์คมาซ สองแนวรับที่ไม่ทันใส่ชื่อลงสนาม แถม เมห์เหม็ต บัตดัล ยังหมดสิทธิ์เป็นตัวเลือกในแดนหน้าเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้ความหวังในเกมจึงตกไปอยู่ที่ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ไปโดยปริยาย

ส่วนทีมเยือน บริสตอล ซิตี้ เพิ่งจะบุกไปแพ้ เบอร์มิงแฮม 1-2 ทั้งที่เพิ่งชนะมา 2 เกมรวดในเกมลีกและลีกคัพก่อนหน้านี้ ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะยังไม่ใส่ชื่อ อาเด้น ฟลินท์ ปราการหลังตัวหลักที่กำลังเสียสมาธิกับโอกาสย้ายหนีสโมสร อีกทั้งยังต้องลุ้นเช็คความฟิตของ โจ ไบรอัน แบ็คซ้ายตัวหลักว่าจะพร้อมหรือไม่ ส่วนทีเด็ดในเกมนี้ยังคงวาง ฟามาร่า ดิดิอู กับ บ็อบบี รีด จับคู่ล่าสกอร์ในระบบ 4-4-2

เจ้าบ้าน เบรนท์ฟอร์ด เตรียมปรับทัพเกมนี้เสียยกใหญ่หลังเพิ่งพ่าย ฟอเรสต์ 3-4 ซึ่งเกมนี้พวกเขายังคงไม่มี อลัน จัดจ์ และ เลวิส แม็คลีโอด ที่บาดเจ็บยาว ส่วนแท็คติกในเกมนี้กุนซือ ดีน สมิธ จะเปลี่ยนจาก 4-2-3-1 มาเน้นเกมรุกโดยการใช้ระบบ 4-3-3 โดยมี ฟลอเรียน โยเซฟโซน, ลาสส์ ไวบ์ และ โฆต้า เป็นสามประสานแดนหน้า ส่วน เซร์กี กานอส ตัวรุกสแปนิชยังต้องเช็คความฟิตก่อนลงสนาม

ส่วนทีมเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นในซีซั่นนี้เพิ่งจะบุกไปพ่าย มิดเดิ้ลสโบรช์ ที่หล่นชั้นมาจากลีกสูงสุด 0-1 ทำให้ 2 เกมแรกของซีซั่นพวกเขาเก็บไปแล้ว 3 แต้มในเวลานี้ ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามยังคงไร้เงาแข้งที่เดี้ยงอย่าง ไซม่อน มัวร์ นายทวารและ จอร์จ บัลด็อก ฟูลแบ็ค แต่ยังมีข่าวดีคือจะได้ตัว เช็ด อีเวนส์ ศูนย์หน้ากลับมาจับคู่กับ บิลลี่ ชาร์ป โดยมี ลีออน คลาร์ก และ จอห์น เฟล็ก คอยทำเกมจากแผงมิดฟิลด์

เจ้าบ้าน คาร์ดิฟฟ์ กำลังมั่นใจหลังชนะเกมลีกติดต่อกัน 2 เกมรวดตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่น ซึ่งสภาพความพร้อมในเกมนี้นายใหญ่ นีล วอร์น็อค สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ได้ตามคาดโดยจะใช้ เคนเน็ธ โซโฮเร่ รับหน้าที่หัวหอกตัวเป้าในระบบ 4-3-3 โดยมี ฮอยเล็ทท์ กับ นาธาเนี่ยล เมนเดส-แลง เป็นตัวสนับสนุนในการผลิตสกอร์ร่วมกัน

ส่วนทีมเยือน โบลตัน ภายใต้การนำของ ฟิล พาร์กินสัน เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามยกเว้น จอร์ช เบลา กองกลางและ เดวิด วีเตอร์ กองหลังที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักที่เหลือในเกมนี้พวกเขาเตรียมวาง อดัม เลอ ฟงเดร้ จับคู่กับ แกรี่ แมดดีน ในแดนหน้าในระบบ 3-5-2 โดยใช้แข้งใหม่อย่าง แอนดรูว์ เทย์เลอร์ เป็นวิงแบ็คซ้ายโดยมี มาร์ค ลิตเติ้ล ยืนทางขวาโดยมี สตีเฟ่น ดาร์บี้ เป็นตัวสอดแทรก

"ตราลูกโลก"เบอร์มิงแฮม ของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ เพิ่งเปิดบ้านชนะ บริสตอล ซิตี้ 2-1 และหวังเก็บชัยในบ้านให้ได้เป็นเกมที่สองติดต่อกัน ซึ่งเกมนี้พวกเขามีปัญหาให้ต้องกังวลไม่น้อยเพราะจะหมดสิทธิ์ใช้งาน ไมเคล คริฟเท่นเบลด์ ที่ติดโทษแบนรวมถึงตัวเจ็บอย่าง ชีค เกอิต้า, ชี อดัมส์ และหัวหอกตัวชูโรง ลูคัส ยุทคีเวี๊ยซ ที่บาดเจ็บไม่มีชื่อในเกมนี้ แต่ยังดีที่ เคลย์ตัน โดนัลด์สัน ยังพร้อมลงเป็นศูนย์หน้าโดยมี เดวิด เดวิส เป็นหน้าต่ำในระบบ 4-4-1-1

ส่วนทีมดังจากโรมาเนียอย่าง สเตอัว บูคาเรสต์ ผ่าน วิคตอเรีย พัลเซ่น ทีมดังจากสาธารณรัฐเช็คด้วยสกอร์รวม 6-3 ก่อนบุกมาเจอทีมแกร่งแดนฝอยทอง ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกม นิโคเล่ ดิกา นายใหญ่ ยังต้องตัดสินใจในนาทีสุดท้ายว่าจะส่งมิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง คอนสแตนติน บูเดสกู ที่มีปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อรบกวน ส่วนแข้งแกนหลักอย่าง เดนิส อลิเบช ยังคงเป็นทีเด็ดในแดนหน้าโดยมี เดนนิส มัน,คริสเตียน ทานาเซ และ คริสเตียน โกโลฟก้า เป็นตัวสนับสนุนแนวรุกในระบ 4-2-3-1

ฆอร์เก้ เฆซุส นายใหญ่ประจำทีมพาทีมพกความมั่นใจมาเต็มที่หลังเอาชนะเกมลีกมา 2 เกมติดก่อนเกมเพลย์ออฟ แชมเปี้ยนส์ลีกกับ สเตอัว บูคาเรสต์ ความพร้อมในเกมนี้พวกเขายังไร้เงา อลัน รุยซ์ กับ ไบรอัน รุยซ์ ลงช่วยทีม ส่วนแท็คติกในเกมนี้คาดว่าพวกเขาจะเปลี่ยนจากระบบ 4-2-3-1 มาใช้ 4-4-2 โดยการส่ง บรูโน่ แฟร์นานเดส ลงตัวจริงคู่กับ บาส โดสท์ ที่ยิงประตูชัยในเกมลีกมาหมาดๆ โดยมี อาเดรียน ซิลวา, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่,มาร์กอส อคุนญ่า และ เกลสัน มาร์ตินส์ เป็นทีเด็ดในแผงมิดฟิลด์

นายใหญ่ เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังเจอกับเรื่องให้ต้องปวดหัวทั้งปัญหาแนวรับที่ต้องแก้ไขโดยด่วนหลังเจ๊า วัตฟอร์ด 3-3 ในนัดเปิดลีก และความไม่แน่นอนในอนาคตของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ซึ่งเจ้าตัวจะไม่มีชื่อในเกมนี้เนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับ อดัม ลัลลานา, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, แดนนี่ อิงส์ และ นาธาเนี่ยล ไคลน์ ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามในเกมนี้ คล็อปป์ ยังยกตัวหลักจากเกมที่แล้วยกเว้นตำแหน่งแบ็กซ้ายของ โมเรโน่ ที่จะถูก เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาเติมความเก๋าแทน 

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ซิมง มิโญเล่ต์ ; อเล็กซานเดอร์ เทรนด์ อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, เดยัน ลอฟเรน,เจมส์ มิลเนอร์ ; เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวย์นัลดุม ; โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

จูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ เทรนเนอร์หนุ่มไฟแรงถือเป็นกุนซือที่น่าจับตามองคนหนึ่งในวงการลูกหนังเยอรมันหลังพาทีมจบอันดับ 4 พร้อมกับเข้ามาลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งในแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ส่วนขุมกำลังจัดว่าพร้อมเต็มสูบเพราะไม่มีปัญหาตัวเจ็บให้ต้องกังวลใจ และจะได้เห็นแข้งใหม่อย่าง แซร์ก จีนาบรี้ ที่ยืมตัวมาจาก "เสือใต้" ลงชดเชยจากการเสีย 2 แกนหลักอย่าง เซบาสเตียน รูดี้ กับ นิคลาส ซูเล่ ในตลาดซัมเมอร์ โดยมี ซานโดร ว๊ากเนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมันที่น่าคัมแบ็กทันเวลาเป็นคู่หูในแดนหน้า

ฮอฟเฟ่นไฮม์ (3-5-2) : เกรกอร์ โคเบิ้ล ; ฮาเวิร์ด นอร์ดเวต, เควิน โฟ้กท์, เบนจามิน ฮุบเนอร์ ; พาเวล คาเดราเบค, สเตวาน ซูเบอร์ ; เคเรม เดเมียร์บาย, นาเดียม อามิรี่ ; อันเดร ครามาริช ; ว้ากเนอร์, แซร์ก จีนาบรี้

ส่วนทีมเยือน เปรสตัน เพิ่งจะบุกแชร์แต้มจากการเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 0-0 เก็บไปแล้ว 4 จาก 6 แต้มในลีกซีซั่นนี้ ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะไม่มี เบ็น เพียร์สัน (2 นัด) กองกลางตัวหลักที่โดนแดงติดโทษแบน เช่นเดียวกับ จอห์น วอลช์ (-) และ ทอม คลาร์ค (-)ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักหน้าเดิมอย่าง จอร์แดน ฮูกิลล์ (2 นัด)ยังพร้อมลงยืนเป้นหน้าเป้าในระบ 4-1-4-1 โดยมี อลัน บราวน์ (2 นัด)รับบทเป็นจอมทัพสำคัญของทีม

แกรี่ โรเว็ตต์ นายใหญ่ประจำทีมยังคงต้องหาทางยกระดับฟอร์มการเล่นของทีมต่อไป หลังยังไม่ชนะใครในลีกมา 2 เกมติด(เสมอ1แพ้1) ซึ่งเกมนี้มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะทำการปรับทัพบางตำแหน่งซึ่งแดนหน้าพวกเขาเตรียมวาง คริส มาร์ติน, จอห์นนี่ รัสเซลล์ และ อันเดรียส ไวมันน์ เป็นสามประสานแดนหน้าในระบบ 4-3-3

ส่วนทีมเยือน เบนฟิก้า แชมป์เก่าประเดิมลีกด้วยชัยชนะตามคาดหลังถล่ม บราก้า 3-1 ส่วนความพร้อมในเกมนี้ยังคงไร้เงาตัวเจ็บอย่าง อันดริยา ซิฟโควิช, อันเดร คาร์ริลโล่, คาสตาส มิโตรกู และ อเลซานโดร กริมัลโด้ แต่ยังดีที่ 2 แข้งอย่าง โจนาส และ เซเฟโรวิช ยังคงทำผลงานได้น่าประทับใจในตำแหน่งคู่หน้าในระบบ 4-4-2

แม้ฟอร์มอุ่นเครื่องจะจัดว่าร้อนแรงหลังเก็บชัยมา 3 เกมรวด ทว่าก็ต้องมาตกม้าตายในนัดเปิดลีกที่บุกไปพ่าย วิตอเรีย กิมาไรส์ มา 2-3 ในนัดเปิดลีก ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะไม่มีตัวเจ็บอย่าง พลาตินี่ และ เฟลิเป้ ที่ยังบาดเจ็บไม่เลิก แต่ยังพอมีลุ้นได้ตัว เปอร์ดิเกา ผ่านความฟิตลงช่วยแดนกลางในเกมนี้ ขณะที่แดนหน้าพวกเขาเตรียมใช้ เดวิดสัน ดา ลุซ เปเรย์รา และ มาธิอัส เปเรย์รา คอยทำเกมจากด้านข้างเพื่อประสานงานกับ วิลเลี่ยม ในระบบ 4-3-3

ส่วนทีมเยือน ชาเวส 3-2 ออกสตาร์ทเกมแรกพร้อมกับ 3 แต้มสุดสำคัญจากการบุกไปชนะ ชาเวส 3-2 ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามยังคงไร้เงา โคนาน แบ็คซ้ายตัวหลักที่เจ็บตั้งแต่เปิดฤดูกาลเช่นเดียวกับ ชีโน่ รามอส กองกลางชาวโปรตุกีส แต่เกมหลักจากเกมที่แล้วยังพร้อมลงคืนสนามโดยมี ออสก้า เอสตูปิเน่น เป็นหัวหอกในระบบ 4-2-3-1 โดยมี เปาโล ฮูร์ตาโด้ เป็นตัวสนับสนุน

เกมนี้ทาง เอสโตริล จะได้กลับมาเล่นในบ้าน หลังเปิดลีกด้วยการบุกไปโดนทีมแกร่ง ปอร์โต้ ถล่มมา 4-0 ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะไร้เงา ติอาร์โก้ คาร์โดโซ่ แข้งแกนหลักที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ในยามนี้ ส่วนตัวชูโรงคงหนีไม่พ้น คาร์ลินญอส มิดฟิลด์ตัวเก่งชาวบราซิลลงเป็นเพลย์เมกเกอร์ในระบบ 4-2-3-1 โดยใช้ ครีเบอร์ เป็นหัวหอกตัวเป้า

ทีมเยือน โฮโบร เพิ่งเปิดรังชนะ แรนเดอร์ส 2-0 เก็ยชัยไปแล้ว 2 จาก 4 เกมหลังสุดในซีซั่นนี้(ชนะ2เสมอ1แพ้1) ส่วนความพร้อมพวกเขาไม่มีปัญหาผู้เล่นได้รับบาดเจ็บหรือติดโทษแบนยกเว้นตัวเจ็บหน้าเก่าอย่าง วิลเฟร็ด โดโมรูด และ เจสเปอร์ ทอร์เนลลุน และยังคงได้เห็น มาร์ติน มิคเคลเซ่น(4นัด/1ประตู)กองกลางมากประสบการณ์เป็นคีย์แมน

เจ้าบ้าน อัลบอร์ก ยังไม่ชนะใครหลังเปิดลีกไปแล้ว 4 นัด(เสมอ2แพ้2) ซึ่งเกมนี้พวกเตรียมกลับมาเล่นในบ้านหลังออกไปเสมอ โอบี โอเดนเซ่ 0-0 ในนัดล่าสุด ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาต้อง เช็คความฟิตของ 2 มิดฟิลตัวหลักทั้ง ราสมุส เทลลูฟเซ่น และ เฟเดริค บอร์สติง หลังเจ็บมาจากเกมที่แล้ว ส่วนตัวตีย์แมนยังคงวาง แยนนิค โพล(4นัด/1ประตู)กับ เอดิสัน ฟลอเรส(4นัด/1ประตู)เป็นตัวจบสกอร์

ส่วนทีมเยือน โกเตนเบิร์ก คัมแบ็กคว้าชัยได้ในเกมล่าสุดโดยการเปิดรังชนะ เอไอเค โซลน่า 2-1 ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะไม่มี เบนจามิน ซาโล(-)แนวรับ และ มาร์ติน สเมดเบิร์ก-ดาเลนซ์(12นัด)กองกลางตัวหลักที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักชุดเดิมอย่าง โทเบียส ไฮเซ่น (18 นัด/6 ประตู)กองหน้าและ มิคาเอล โบมัน (17 นัด/5 ประตู)หน้าต่ำ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากกุนซือ เอลฟ์ เวสเตอร์เบิร์ก

เจ้าบ้าน เอลฟ์สบอร์ก อยู่ดีๆก็หลุดฟอร์มซะดื้อหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมติด(เสมอ1แพ้2) ทั้งที่ 7 เกมก่อนหน้านั้นพวกเขาเก็บชัยได้ไปถึง 5 และยังไม่แพ้ใคร ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาไม่มีปัญหาตัวหลักเจ็บเข้ามาในยามนี้และน่าจะได้เห็น อิสซาม เยบาลี(17นัด/6ประตู) หัวหอกชาวตูนิเซียที่เหมาสองประตูเกมที่แล้วลงเป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมี เอเมียร์ บาจรามี่(11นัด/1ประตู)เป็นตัวสนับสนุน

ส่วนทีมเยือน ซันด์สวาลล์ ไม่ชนะใครมา 3 เกมติดก่อนลงสนาม(เสมอ2แพ้1) ซึ่งเกมล่าสุดเพิ่งจะเปิดรังเจ๊า ออสเตอร์ซุนด์ 1-1 มาหมาดๆ ส่วนความพร้อมก่อนทริปเกมเยือนนัดนี้จะไม่มี อีริก ลาร์สสัน (16 นัด 2 ประตู) แนวรับตัวเก่งที่ส่อแววย้ายทีม ทำให้ความหวังในนวรับต้องหวังพึ่ง มาร์คุส ดาเนียลสัน(16นัด/3ประตู)เพียงรายเดียว ส่วนแกนหลักที่เหลือต่างอยู่กันพร้อมหน้าโดยมี ฮัลเลนิอุส (16 นัด 3 ประตู) พร้อมล่าตาข่ายคู่กับ ปีเตอร์ วิลสัน (18 นัด 2 ประตู)

เจ้าบ้าน ฮัคเค่น ยกระดับฟอร์มการเล่นได้อย่างน่าสนใจหลังเสมอมา 2 เกมติด โดยเกมล่าสุดพวกเขาสามารถบุกไปชนะ ฮัมมาร์บี้ 2-1 ก่อนจะขึ้นมารั้งอันดับ 6 ในยามนี้ ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาจะไร้เงา นาซิรู โมฮัมเหม็ด(14นัด/2ประตู)หัวหอกตัวเก่งที่ติดคาดโทษ รวมถึง อเล็กซานเดอร์ ฟาร์เนรุด (13 นัด 2 ประตู) กองกลางและ อัลฮาสซัน คามาร่า(12นัด/5ประตู)หัวหอกดาวซัลโวประจำทีมที่มีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ตัวความหวังในเกมนี้คงหนีไม่พ้น ราสมุส ลินด์เกร็น (15 นัด 1 ประตู)ที่จะลงมาคุมแดนกลางร่วมกับ เอริก ไฟร์เบิร์ก (15 นัด) โดยมี เปาลินโญ่(14นัด/3ประตู) หัวหอกบราซิเลี่ยนเป็นทีเด็ดในแดนหน้า

ส่วนทีมเยือน ทรอมโซ่ มีข่าวดีคือจะได้ อุลริค เยนส์เซ่น มิดฟิลด์วัย 21 ปี พ้นโทษแบนกลับมา แต่ยังคงไร้เงาตัวเจ็บอย่าง รูนาร์ เอสเปยอร์ด ที่มีปัญหาที่ข้อเท้าและ ฟิลิปป์ ลอนคาริค ที่เจ็บหัวเข่ายังไม่มีกำหนดคัมแบ็กในสัปดาห์นี้ ส่วนตัวชูโรงที่คาดว่าจะลงสนามจะได้เห็น อารอน ซิกูร์ดาร์สัน (17 นัด 3 ประตู) กับ มิคาเอล อิงเกอบริทเซ่น (15 นัด 4 ประตู)บัญชาเกมแดนกลาง โดยมี เกอร์มุนด์ อาเซ่น (16 นัด 2 ประตู)กับ โทมัส โอลเซน (15 นัด 3 ประตู) ลงล่าตาข่าย

เจ้าบ้าน วาเลเรนก้า ทีมอันดับ 9 ของตารางจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เฮนริก โยแฮนเซ่น (10 นัด)กองหน้าที่มีปัญหาบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อต้นขา ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามกุนซือใหญ่ รอนนี่ เดลร่า เตรียมยึดแกนหลักอย่าง บาร์ด ฟินเน่ (17 นัด 4 ประตู), กายาส ซาฮิด (16 นัด 5 ประตู) และ โมฮาเหม็ด อับเดลลาอู (11 นัด 2 ประตู)ลงเล่นตามคาด

ส่วนทีมเยือน เอสคิลสตูน่า เล่นรอโดนมาโดยตลอดหลังพ่ายคู่แข่งมา 3 เกมรวด ส่วนความพร้อมในเกมนี้ จะไร้เงา ชิดี้ ดูด้า โอเมเย่ (9 นัด 1 ประตู) แนวรุกชาวไนจีเรียนที่ติดโทษแบน อีกทั้งต้องลุ้น เมาริซิโอ อัลบอร์นอซ (8 นัด) และ โธมัส อูลิมเวงกู (1 นัด)ผ่านความฟิตทันเกมนี้ เพื่อประสานงานร่วมกับ โอมาร์ เอ็ดดาห์รี่ และ บูยา ตูลาย สองคู่หูแดนหน้า

เกมนี้ เอไอเค โซลน่า หวังทะยานขึ้นรองจ่าฝูงหากมีชัยเหนือทีมบ๋วยอย่าง เอสคิลสตูน่า ในเกมนี้ ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามความว่าเกมนี้จะได้เห็นแกนหลักจากเกมที่แล้วลงบู๊ครบเซ็ตไม่ว่าจะเป็น ชิเนดู โอบาซี่ หัวหอกไนจีเรี่ยน จับคู่กับหอกอาร์เจนไตน์ นิโกลัส สเตฟาเนยี่ พร้อมกับวาง โยฮัน บลอมเบิร์ก (17 นัด 2 ประตู) เป็นทีเด็ดจากแดนกลาง

ส่วนทีมเยือน ออสเตอร์ซุนด์ จัดว่าฟอร์มดูดีกว่าเจ้าถิ่นหลังไม่แพ้ใครมา 4 เกมติด(ชนะ2แพ้2) ส่วนตัวเจ็บยังคงไร้เงา แอนเดรียส แอนเดอร์สสัน (4 นัด) นายทวารตัวใหม่ และ เซบาสเตียน ลุนด์แบ็ค(-)เพียงแค่สองราย ส่วนตัวหลักอย่าง เจมี่ ฮ็อปคัตต์ (12 นัด 5 ประตู) กับ เคอร์ติส เอ็ดเวิร์ดส์ (18 นัด 3 ประตู) สองตัวรุกชาวอังกฤษยังพร้อมปั้นเกมให้ ซามาน ก็อดดอส (13 นัด 3 ประตู)จบสกอร์

เจ้าบ้าน ฮัมมาร์บี้ ฟอร์มยังคงไม่สู้ดีนักหลังแพ้มา 2 นัดรวดโดยเฉพาะเกมล่าสุดที่ถูก ฮัคค่น บุกมาปล้นชัยด้วยสกอร์ 2-1 ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะหมดสิทธิ์ใฃ้งาน พา ดิบบา (17 นัด 6 ประตู) กองหน้าตัวเก่งที่ติดโทษแบน ส่วนตัวหลักอย่าง โรมูโล่ (14 นัด 3 ประตู)หัวหอกบราซิเลี่ยนยังถูกวางเป็นหน้าเป้าโดยวาง บียอร์น พอลเซ่น (18 นัด 5 ประตู) และ อาร์นอร์ สมาราสัน (17 นัด 4 ประตู) เป็นทีเด็ดแดนกลาง

ส่วนทีมเยือน "แมวดำ" ของกุนซือใหม่ ไซม่อน เกรย์สัน ไม่มีการปรับทัพอะไรมากนัก เพราะยังคงไร้เงาของ ไบรอัน โอเวียโด้ (-) กองหลัง, ดันแคน วัทมอร์ (-), แพ็ดดี้ แม็คแนร์ (-) สองแดนกลางและ ยอช มาย่า (-)กองหน้าที่งยังบาดเจ็บกันทั้งหมด แต่คีย์แมนอย่าง ลี แค็ตเตอร์โมล (1 นัด) จอมทัพกัปตันทีมกับ บิลลี่ โจนส์ (1 นัด) ฟูลแบ็คคนสำคัญจะกลับมามีชื่อ 11 ตัวจริงอีกครั้งหลังได้พักเกมลีกคัพ

เจ้าบ้าน นอริช ซิตี้ มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นพอสมควรก่อนลงสนามเพราะนอกจากจะไร้เงา ทิม โคลเซ่ (-) กองหลังที่เดี้ยงยาวมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วยังหมดสิทธิ์ใฃ้งาน อเล็กซ์ พริตชาร์ด (-) มิดฟิลด์ที่ข้อเท้าเดี้ยงจนต้องพักยาว 3 เดือน นอกจากนี้พวกเขายังต้องลุ้นว่า สตีเว่น เนสมิธ (-)ว่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหรือไม่หลังได้โอกาสลงเล่นในเกมที่แล้วเพื่อประสานงานร่วมกับ มาร์ลี่ย์ วัตกิ้นส์ (1 นัด)และ คาเมร่อน เจโรม (1 นัด)ในแดนหน้า

ส่วน "ขุนค้อน" ของ สลาเวน บิลิช มีปัญหาตัวเจ็บก่อนประเดิมลีกนับ 5 รายไล่ตั้งแต่ มิคาอิล อันโตนิโอ (-), ชี๊คฮู คูยาเต้ (-), โซฟิยาน เฟกูลี่ (-),เดียฟรา ซาโก้ (-)และแอนดี้ แคร์โรลล์ (-) ส่วนทีเด็ดในแดนหน้าเกมนี้เตรียมส่ง ชิชาร์ริโต้ หัวหอกป้ายแดงลงยิงทีมเก่า โดยมี อังเดร อายิว, มานูเอล ลานซินี่ กับ มาร์โก อาร์เนาโตวิช แข้งใหม่อีกรายลงเป็นสามแนวรุกในระบบ 4-2-3-1

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, วินสตัน รี้ด, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, อารอน เครสส์เวลล์ - มาร์ค โนเบิ้ล, เปโดร โอเบียง - อังเดร อายิว, มานูเอล ลานซินี่, มาร์โก อาร์เนาโตวิช - ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ

ทัพ "ปีศาจแดง" ภายใต้การนำของ โชเซ่ มูรินโญ่ เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม โดยเป็นผู้เล่นจากเกม ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ซะเป็นส่วนใหญ่นำโดย เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน, โรเมลู ลูกากู และ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นสามประสานแดนหน้าในระบบ 4-3-3 โดยมี อันเดร์ เอร์เรร่า, เนมันย่า มาติช และ ปอล ป็อกบา บัญชาเกมแดนกลางร่วมกัน ส่วนตัวเจ็บในเกมนี้ยังคงไร้เงา ลุค ชอว์ (-), มาร์กอส โรโฮ (-)และ แอชลี่ย์ ยัง (-)ตามเดิม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-3-3) : ดาบิด เด เกอา - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ฟิล โจนส์, อีริก ไบญี่, มัตเตโอ ดาเมี่ยน - อันเดร์ เอร์เรร่า, เนมันย่า มาติช, ปอล ป็อกบา - เฮนริคห์ มคิตาร์ยาน, โรเมลู ลูกากู, มาร์คัส แรชฟอร์ด

ส่วน "ราชันชุดขาว" ของกุนซือ ซีเนอดีน ซีดาน เพิ่งจะเหนื่อยมาจากเกม ยูฟ่า ซูปเปอร์ คัพ ที่เอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1 ส่วนความพร้อมเกมนี้จะได้เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ดังประจำทีมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหลังได้ยืดเส้นยืดสายในครึ่งเวลาหลังเกมที่แล้ว โดยมี แกเร็ธ เบล และ คาริม เบนเซม่า คอยประสานงานร่วมกัน แต่เกมนี้จะได้เห็น อีสโก้ เสียบแทนตำแหน่งของ ลูก้า โมดริฃ ที่มีโทษแบนค้างอยู่เพื่อประสานงานร่วมกับ คาเซมิโร่ และ โทนี่ โครส ตามคาด

เรอัล มาดริด (4-3-3) : เกย์เลอร์ นาบาส ; ดาเนี่ยล การ์บาฆัล, เซร์คิโอ รามอส, ราฟาแอล วาราน, มาร์เชโล่ ; คาเซมิโร่, โทนี่ โครส, อีสโก้ ; แกเร็ธ เบล, คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า จะเป็นการทำศึก เอล กลาซิโก้ เป็นครึ่งแรกภายใต้การนำของกุนซือ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ซึ่งเกม สแปรนิฃ ซูปเปอร์ คัพ ก่อนเปิดซีซั่น พวกเขาจะไม่มี เนย์มาร์ ที่ย้ายไป เปแอสเช ด้วยราคาสถิติโลก ทำให้จะเหลือคีย์แมนในแดนหน้าเพียง หลุยส์ ซัวเรซ และ เมสซี่ ซึ่งเกมนี้ยังต้องลุ้นว่าจะเป็น ปาโก้ อัลกาเซร์ หรือ เกราร์ด เดโลเฟว ที่จะเข้ามาเล่นในตำแหน่งช่องว่างดังกล่าว โดยมี อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ อันเดรียส อีเนียสต้า เป็นสามประสานแดนกลาง

บาร์เซโลน่า (4-3-3) : อาเดรียน ออร์โตล่า ; เนลสัน เซเมโด้, เกราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมตีตี้, ฆอร์ดี้ อัลบา ;อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์,อันเดรียส อีเนียสต้า ; ลีโอเนล เมสซี, หลุยส์ ซัวเรซ, เกราร์ด เดโลเฟว

ส่วนทีมเยือน บิวรี่ แม้จะพ่ายเกมลีกคัพต่อทัพ "แมวดำ" คาบ้านในนัดล่าสุด แต่เกมในลีกถือว่าไม่ธรรมดาหลังชนะ วอลซอลล์ 1-0 ในเกมประเดิมลีก ซึ่งเกมนี้ยังต้องลุ้นว่า ลี คลาร์ค จะมาในแทคติกใดยามเล่นนอกบ้าน แต่คาดว่าหัวหอกตัวใหม่อย่าง เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด มีโอกาสสูงที่จะจับคู่กับ คริส แมกไกวร์

ทัพ "เดอะ ลาติกส์" ภายใต้การนำของ พอล คุก กำลังพาทีมมาแรงตั้งแต่ประเดิมซีซั่นโดยการชนะมา 2 เกมติด แม้จะทำการเปลี่ยนแปลงทีมพอสมควรในตลอดซัมเมอร์ ซึ่งเกมนี้พวกเขาจะกลับมาใช้ นิค พาวล์ ในเกมลีกอีกครั้งโดยมี วิลเลี่ยม กริ๊กก์ และ ไรอัน โคลคลาห์ เป็นคู่หน้า

ส่วนทีมเยือน บริสตอล ซิตี้ ของกุนซือ ลี จอห์นสัน กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดๆหลังกำชัยมา 6 นัดติดลากยาวตั้งแต่เกมอุ่นเครื่อง ก่อนจะประเดิมบอลลีกและเกมลีกคัพด้วยผลชนะ ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะไม่มี แมตติ้ เทย์เลอร์ กองหน้าที่เจ็บโคนขาหนีบ รวมถึง เอเดน ฟลินท์ (1 นัด)แนวรับที่ต้องการย้ายออกจากทีมยังต้องลุ้นว่าจะได้รับอนุญาตลงสนามหรือไม่

เจ้าบ้าน เบอร์มิงแฮม เปิดซีซั่นได้ไม่ดีนักหลังบุกไปพ่าย อิปสวิช 0-1 ก่อนจะมาเรียกความมั่นใจหลังถล่ม ครอว์ลี่ย์ 5-1 ในเกมลีกคัพนัดที่ผ่านมา ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกม แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ผู้จัดการทีมจะไม่มี ชีค เกอิต้า และ ลูคัส ยุตคีวิซ ที่ยังบาดเจ็บแต่ยังมีข่าวดีคือจะได้ พอล โรบินสัน แบ็คซ้ายกัปตันทีมพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา