วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนทีมเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน ภายใต้การนำของกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ประเดิมลีกด้วยความมั่นใจหลังเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-0 แถมเกมนี้ยังมีข่าวดีเมื่อ อิวาน คาวาเลียโร่ แนวรุกคนสำคัญพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมร่วมกับแข้งตัวหลักอย่าง เลโอ โบนาตินี่, ดิโอโก้ ยอต้า และ รูเบน เนเวส ในเกมนี้

"แกะเขาเหล็ก" ประเดิมลีกได้ไม่ธรรมดาหลังบุกไปเสมอ ซันเดอร์แลนด์ มาถึงถิ่น ขณะที่สภาพความพร้อมจัดว่าเกือบฟูลทีมเพราะจะขาดเพียงแค่ มาเตช วีดร้า ศูนย์หน้าเลือดเช็กที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม แต่ก็จะได้ นิค แบล็คแมน สลัดคราบเดี้ยงสวนทางกันมา คาดว่าเกมนี้นายใหญ่ แกรี่ โรเว็ทท์ ยังคงวาง จอห์นนี่ รัสเซลล์, คริส มาร์ติน และ อันเดรียส ไวมันน์ เป็นตัวทีเด็ดตามเดิม

ส่วนทีมเยือน อิปสวิช ทาวน์ ประเดิมเกมลีกได้อย่างสวยหรูหลังเอาชนะ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1-0 ก่อนจะไปตบ ลูตัน 2-0 ในเกมลีกคัพมาหมาดๆ ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาจะไร้เงา อดัม เว็บสเตอร์ ปราการหลังตัวหลักที่ยังบาดเจ็บ แต่ยังมีลุ้นได้ตัว แกรนท์ วอร์ด สลัดเดี้ยงกับมาช่วยทีม ส่วนผู้เล่นตามคาดคงจะได้เห็น โจ การ์เนอร์ (1 นัด 1 ประตู)ที่ซัดประเดิมเกมลีกลงล่าตาข่ายโดยมี อันเดร ดอซเซลล์ และ ฟลินน์ ดาวน์ส สองดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นตัวสนับสนุนตากแผงมิดฟิลด์

เกมนี้ บาร์นสลี่ย์ เตรียมกลับมาเล่นในบ้านอีกครั้งหลังประเดิมเกมลีกนัดแรกด้วยการพ่าย บริสตอล ซิตี้ ถึง 1-3 อย่างไรก็ดีพวกเขาไปเสริมความมั่นใจมาใหม่ด้วยการเอาชนะ มอร์แคมบ์ ในเกมลีกคัพมา 4-3 ส่วนสภาพความพร้อมก่อนลงสนามพวกเขาเตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงเล่นโดยส่ง แม็ตตี้ เพียร์สัน แข้งใหม่ป้ายแดงที่ย้ายจาก แอคริงตัน ลงประเดิมเกม โดยมีตัวเลือกเสริมจากตลอดซื้อขายอย่าง สตีวี่ แมลแลน, เจสัน แม็คคาร์ธี่ย์, คาเมร่อน แม็คกีแฮน และ อิเก้ อักโบ จะเป็นตัวเติมเต็มในการปรับแท็คติกของเจ้าถิ่นในเกมนี้

ส่วนทัพ "เรือใบทองคำ" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาในฤดูกาลแบบจัดหนักจัดเต็มโดยการเสริมทัพมาแบบบ้าคลั่ง คาดว่าเกมยังคงไม่ได้เห็น แบร์นาโด้ ซิลวา แข้งใหม่จากโมนาโกมีชื่อเป็นตัวสำรองไปก่อนเพราะต้องหลีกทางให้ตัวเก่าหน้าเดิมอย่าง แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา และ ราฮีม สเตอร์ลิง ลงคุมแดนกลางในระบบ 3-4-3 เช่นเดียวกับ บนจามิน เม็นดี้ ฟูลแบ็คหน้าใหม่ที่นำเข้าจากฝรั่งเศสและ อิลคาย กุนโดกัน กับ ซามีร์ นาสรี ที่ล้วนบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด ส่วนแกนหลักในแดนหน้าจะได้เห็น เควิน เดอ บรอยน์, กาเบรียล เชซุส และ เซร์กิโอ อเกวโร่ คอยประสานงานล่าตาข่ายร่วมกัน

แมนฯซิตี้ (3-4-3) : เอแดร์สัน โมราเยส ; แว็งซ็อง ก็อมปานี, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้ ; ไคล์ วอล์คเกอร์, แฟร์นานดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, ราฮีม สเตอร์ลิง ; เควิน เดอ บรอยน์, กาเบรียล เชซุส, เซร์กิโอ อเกวโร่

เจ้าบ้าน ไบรท์ตัน ทีมน้องใหม่จาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เตรียมเจอศึกใหญ่ตั้งแต่นัดประเดิมลีกด้วยการเจอทัพ "เรือใบสีฟ้า" ในเกมนี้ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะขาด คายัล กองกลางอิสราเอล ยังเจ็บต้องพักอย่างน้อยอีก 2 เดือน รวมไปถึง แซม บัลด็อค กองหน้าที่ยังบาดเจ็บอยู่ คาดว่าเกมนี้น่าจะได้เห็นแข้งใหม่ที่เพิ่งดึงมาร่วมทัพอย่าง แม็ทธิว ไรอัน ผู้รักษาประตูจากเกนท์ ดาวี่ พร็อพเพอร์ มิดฟิลด์จากค่าย พีเอสวี และ โชเซ่ อิซกีร์โด้ ปีกความเร็วสูงจากคลับ บรูซ มีลุ้นลงสนามในเกมนี้ โดยมีแกนหลักอย่าง โทเมอร์ เฮเหม็ด กองหน้า และ ดัฟฟี่ กับ เจมี่ เมอร์ฟี่ย์ เป็นตัวสนับสนุนเกมรุก

ไบรท์ตัน (4-2-3-1) : แม็ทธิว ไรอัน ; เลียม โรซีเนียร์, ลูอิส ดังก์, เชน ดัฟฟี่, เกต็อง บง ; อิซซี่ บราวน์, เดล สตีเฟ่นส์, เดวี่ พรอพเพอร์, เจมี่ เมอร์ฟี่ย์ ; ปาสกัล กรอสส์ ; โทเมอร์ เฮเหม็ด

ส่วน แอสตัน วิลล่า ของกุนซือ สตีฟ บรูซ ประเดิมเกมลีกด้วยการเสมอ ฮัลล์ 1-1 ก่อนจะชนะ โคลเชสเตอร์ 2-1 ในเกมลีกคัพ คาดว่าเกมนี้จะได้เห็นแข้งดังอย่าง จอห์น เทอร์รี่, เกล็น วีแลน, แซม จอห์นสโตน และ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ออกสตาร์ทกันอย่างพร้อมหน้า แต่ยังคงไร้ตัวเจ็บอย่าง ไมล์ เยดินัค งจอมทัพออสซี่เพียงรายเดียวเท่านั้น

เจ้าบ้าน คาร์ดิฟฟ์ ประเดิมเกมลีกด้วยการชนะ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน 1-0 ในฐานะทีมเยือน ก่อนได้มาเฝ้ารังเป็นเกมแรกในลีกซีซั่นนี้ ส่วนความพร้อมในนัดนี้พวกเขาจะไม่มี คาดีม แฮร์ริส ปีกตัวเก่งที่เจ็บหนักจนต้องพัก 3 เดือนก่อนเปิดลีก ส่วนตัวหลักอย่าง โจ รอลล์ส, แอนโทนี่ พิลคิงตัน และ อารอน กุนนาร์สัน ยังพร้อมลงสนามตามเดิม

ส่วนทีมเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ออกสตาร์ทซีซั่นด้วยการเก็บชัยมา 2 นัดติด และยังเชื่อว่า มาร์ค วอร์เบอร์ตัน ผู้จัดการทีมเตรียมกลับไปใช้เซ็ตตัวจริงจากเกมชนะ มิลล์วอลล์ 1-0 หลังจากเกมลีกคัพนัดล่าสุดใช้ตัวสำรองแทบยกเซ็ต โดยมี แบร์รี่ แม็คเคย์(1นัด/1ประตู) เป็นตัวทีเด็ดในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายพร้อมกับวาง ดาร์ริล เมอร์ฟี่(1นัด)หัวหอกทีมชาติไอร์แลนด์ลงล่าตาข่าย ส่วนแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง แมตตี้ แคช และ เจมี่ วอร์ด ยังคงสลัดเดี้ยงไม่ขาดตามเดิม

ส่วนฟอร์มโดยรวมของ คราสโนดาร์ จัดว่าค่อนข้างดูดีจากการเก็บชัยไปถึง 4 จาก 6 เกมหลังสุด ส่วนความพร้อมก่อนเกมยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน ริคาร์โด้ ลาบอร์เด้, สตานิลาฟ คริสยุก, สเตฟาน สแตรนเบิร์ก และ ฟีโอดอร์ สโมลอฟ ที่ยังบาดเจ็บ ทำให้โฉมหน้าตัวจริงคงหนีไม่พ้น วิตอร์ คลาสเซ่น (4 นัด), ยูริ กาซินสกี้ (4 นัด) และ เจาซินโญ่ ดอส ซานโต๊ส (3 นัด/1 ประตู) เป็นตัวชูโรง

ฟอร์มเจ้าบ้าน เทเร็ก กรอซนี่ เพิ่งจะพ่าย อูรัล 2-3 มาในเกมล่าสุด ซึ่งถือเป็นเกมแรกในซีซั่นนี้หลังเก็บชัยในลีกมา 3 เกมรวด ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาเตรียมเช็คความฟิตของ เบคิม บาลาจ กับ อับบลาย เอ็มเบนกู สองแนวรุกตัวเก่งว่าจะพร้อมทันเกมนี้หรือไม่ ส่วนแกนหลักที่เหลือยังคงวาง มาโกเหม็ด มิทรีเชฟ (4 นัด/1 ประตู)เป็นหอกตัวเป้าโดยมี ซาอู ซาดาเยฟ (3 นัด/1 ประตู) เป็นตัวปั้นเกม

ส่วนทีมเยือน ซันเดอร์แลนด์ มีการเปลี่ยนแปลงค้อนข้างเยอะทั้งเรื่องตัวหลักที่ย้ายออกไปว่าเล่นนับตั้งแต่ตกชั้น รวมถึงเข้ามาทำหน้าที่กุนซือของ ไซม่อน เกรย์สัน นับตั้งแต่ เดวิด มอยส์ ประกาศลาออกหลังพาทีมตกชั้น ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามน่าจะได้เห็น เลวิส แกร็บแบน ที่เพิ่งประเดิมประตูเกมลีกจับคู่กับ เจมส์ วาห์น ในระบบ 4-4-2 โดยใช้ ดาร์รอน กิ๊บสัน และ ลินเดน กูช เป็นจอมทัพร่วมกัน

ตัวแทนจากลีกวันอย่าง บิวรี่ พกพาความมั่นใจก่อนเปิดรังต้อนรับ ซันเดอร์แลนด์ ในเกมลีกคัพรอบแรกโดยการชนะ วอลซอลล์ 1-0 ในนัดเปิดลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เจย์ โอเช กองกลางที่เจ็บหนักจากเกมล่าสุด แถมตัวเจ็บหน้าเก่าอย่าง โอแกน โอคอนเนล กับ นาธาน คาเมรอน ยังคงไม่มีชื่อในเกมนี้ ส่วนผู้เล่นที่พร้อมลงสนามนายใหญ่ ลี คลาร์ก เตรียมมาในระบบ 4-5-1 โดยมี เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ลงยืนเป็นตัวเป้าพร้อมกับวาง เซลลี่ อิสมาเอล ขึ้นเกมทางริมเส้นร่วมกับ แอนดรูว์ ทัตต์

ส่วนทีมเยือน แอตวิดาเบิร์ก ทีมโซนท้ายของตารางกำลังอยู่ช่วงย่ำแย่หลังแพ้มา 3 เกมรวด นั่นเท่ากับว่า 3 นัดหลังพวกเขาเสียประตูถึง 12 ประตูเข้าไปแล้ว ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาไม่มีปัญหาตัวเจ็บจากเกมล่าสุดที่แพ้ ดัลคุลด์ 1-4 คาบ้าน และยังคงได้เห็นนักเตะอย่าง ไซม่อน มาร์คลันด์(16นัด/3ประตู)ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกมนี้ ร่วมกับ ไอแซค ไลด์เบิร์ก(10นัด/2ประตู)และ อัลเบร์โต้ คาเตนาคคี่(16นัด)ในแผงแนวรุก

เจ้าบ้าน เฮลซิงบอร์ก ทีมอันดับ 5 ของตาราง เพิ่งบุกไปพ่าย นอร์บี้ 2-3 หยุดสถิติคว้าชัย 3 เกมรวดเป็นที่เรียบร้อย ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะไร้เงาตัวหลักไปถึง 3 รายไม่ว่าจะเป็น เจสเปอร์ แลงจ์ (16นัด/7ประตู)หัวหอกเบอร์หนึ่งรวมไปถึง แมตต์ ไพซ์โดรสกี้ (14นัด)นายทวารตัวเก่งที่บาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ นอกจากนี้ โอเก้ อัคโปเวสต้า(15นัด/5ประตู)หัวหอกตัวเก่งอีกรายที่ดันถูกคาดโทษในเกมนี้

ทีมเยือน เดเกอร์ฟอร์ส ฟอร์มยังคงนิ่งนอนใจไม่ได้แม้จะชนะ ออร์ไกร์ท 3-0 ในเกมล่าสุด เพราะตลอด 5 นัดที่ผ่านมาไม่สามารถเก็บผลชนะได้ต่อเนื่องเลยซักนัด ส่วนความพร้อมพวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บจากเกมล่าสุด ซึ่งคาดว่า สเตฟาน ยาค็อปส์สัน นายใหญ่ยังคงวาง อเล็กซานเดอร์ แอนเดอร์สัน(12นัด/1ประตู), ซาร์กอน อับราฮัม(17นัด/6ประตู)และ แซมสัน มายัมเบลล่า(17นัด/4ประตู)เป็นทีเด็ดในแดนหน้า

ส่วนทางด้าน เอไอเค โซลน่า กลับมาคัมแบ็คคว้าชัยได้อย่างสวยหรูหลังไม่ชนะใครมา 3 เกมติด(เสมอ2แพ้1) โดยการบุกไปถล่ม ซิริอุส 4-1 ส่วนความพร้อมก่อนเกมไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นให้ต้องกังวล และยังคงได้เห็นกุนซือ ริคาร์ด นอร์ลิง ส่งสองกองหน้าตัวเก่งอย่าง เดนดี้ อัฟดิค (12 นัด 2 ประตู) และ เฮนอค กอยตุม (11 นัด 4 ประตู)ลงล่าตาข่าย โดยมี สเตฟาน อิชิซากี้ (13นัด/1ประตู)ลงคุมแดนกลาง

เจ้าบ้าน โกเตนเบิร์ก ทีมอันดับ 11 เพิ่งบุกไปพ่าย คัลมาร์ 0-1 มาในเกมล่าสุด ทำให้ฟอร์มตลอด 5 นัดหลังเก็บชัยได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น(เสมอ2แพ้2) ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะไม่มี เบนจามิน ซาโล(-)แนวรับ และ มาร์ติน สเมดเบิร์ก-ดาเลนซ์(12นัด)กองกลางตัวหลักที่มาเดี้ยงในช่วงเวลานี้ ส่วนตัวคีย์แมนในแดนหน้าของกุนซือ เอลฟ์ เวสเตอร์เบิร์ก ยังคงวาง โทเบียส ไฮเซ่น (17 นัด/6 ประตู)ลงล่าตาข่ายโดยมี มิคาเอล โบมัน (16 นัด/4 ประตู) เป็นตัวสนับสนุน

ส่วนทีมรองบ่อนอย่าง เอลเวอร์รัม ทีมจาก ดิวิชั่น 1 เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ค่อนข้างแน่พร้อมกับส่ง อัดนาน ซิรัค และ โรบิน เยลเมเซธ สองหัวหอกตัวเก่งลงจับคู่ในระบบ 4-4-2 โดยมี โยนัส เอนเครุ๊ด และ พีเดอร์ เนอร์สวีน สองห้องเครื่องคีย์แมนลงคุมแดนกลาง

เจ้าบ้าน วาเลเรนก้า ทีมอันดับ 11 จากลีกสูงสุดจะหมดสิทธิ์ใช้งาน มาร์คัส นัคคิม กองหลังและ เฮนริก โยฮานเซ่น หัวหอกตัวหลักที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนขุมกำลังหลักที่เหลือยังพร้อมลงประจำตำแหน่งนำโดย อับเดลลาอุย ที่พร้อมเป้นตัวยืนในแดนหน้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี โฮล์ม, ซาฮิด และ ฟินน์ เป็นสามประสานแนวรุก

ส่วนทีมเยือน บราก้า ของกุนซือ อเบล เฟอร์ไรร่า อยู่ในสภาพทีมพร้อมรบเต็มสูบหลังไร้ปัญหาตัวเจ็บ คาดว่าเกมนี้ทีมเยือนจะมาในระบบ 4-42 เช่นกัน พร้อมกับส่ง ฟอนเต้ กับ อาเหเม็ด ฮาดซาน ลงเป็นคู่กองหน้า พร้อมกับส่ง เอดูอาร์โด้ เป็นตัวริมเส้นทางฝั่งซ้าย และ ชาดาส ลงเป็นปีกขวา

ทีมแชมป์จากซีซั่นที่แล้วอย่าง เบนฟิก้า มีโจทย์ให้ รุย วิคตอเรีย เฮดโค้ชใหญ่ให้ต้องปวดหัวเมื่อมีตัวเจ็บอยู่ในทีมถึง 4 รายในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น อันเดร คาร์ริลโล่, อังเดร ฮอร์ต้า, คอสตาส มิโตรกลู และ จูเลโอ เซซ่า แถมยังต้องลุ้นว่า จูลิโอ เซซ่าร์ นายทวารชาวบราซิเลี่ยนจะฟิตทันหรือไม่ แต่คาดว่า บรูโน่ วาเรล่า ยังคงถูกส่งลงเป็นตัวจริงโดยมี โจนาส และ แฮริส เซเฟอร์โรวิช เป็นตัวทีเด็ดในแดนหน้าในระบบ 4-4-2

ส่วนทีมเยือน เอสโตริล ทีมอันดับ 10 จากซีซั่นที่แล้ว เตรียมตัวมาดีเช่นกันจากการชนะเกมอุ่นเครื่องมาตลอด 3 เกมท้าย ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะขาดแนวรับ ธีอาโก้ คาร์โดโซ่ และ อังเดร คลาโร่ แต่ยังดีที่ กอนซาโล่ บรันเดา แนวรับ แนวรับตัวหลักยังพร้อมเป้นตัวยืนโดยมี เคลเบอร์ ดาวยิงชาวบราซิลเป็นคีย์แมนในระบบ 4-2-3-1 ตามคาด

เจ้าบ้าน ปอร์โต้ เตรียมตัวก่อนนัดประเดิมลีกมาอย่างดีหลังอุ่นเครื่องชนะมา 4 เกมรวด แถมสภาพความพร้อมจัดว่าสมบูรณ์สุดๆเนื่องจากไม่มีตัวเจ็บและตัวแบนค้างจากซีซั่นแล้ว คาดว่าเกมนี้นายใหญ่ เซอร์จิโอ้ คอนไซเซา เตรียมมาในระบบ 4-4-2 พร้อมกับส่ง วินเซนต์ อบูบาก้าร์ หอกชาวแคเมอรูนที่เรียกตัวกลับจาก เบซิคตัส ลงยืนหน้าเป้าร่วมกับ ธิควินโญ่ โซอาเรส ศูนย์หน้าบราซิเลี่ยน

ส่วนทีมเยือน ดินาโม มอสโก คัมแบ็กคว้าชัยได้อย่างสวยหรูจากการเปิดรังถล่ม อัมคาร์ เพิร์ม 3-0 หลังจากแพ้มา 2 เกมติด ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขายังต้องเช็คความฟิตของ อเล็กซีย์ โลนอฟ(4นัด)กองกลางตัวหลักจะฟิตทันเกมนี้หรือไม่หลังบาดเจ็บจากเกมล่าสุด ส่วนแกนหลักอย่าง วานเดอร์สัน(4นัด/1ประตู)พร้อมลงยืนหน้าเป้าโดยมี คิริล พานเชนโก้(4นัด/2ประตู)คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

เจ้าบ้าน รอสตอฟ ออกสตาร์ทได้ไม่ดีนักจากการ เสมอ 1 แพ้ 1 ตลอด 2 เกมแรกในซีซั่นนี้ แต่ทว่าดูเหมือนพวกเขาจะตั้งหลักได้แล้วหลังเก็บชัยมาได้ 2 นัดหลังสุดแถมยังเป็นการชนะนอกบ้านทั้งสองนัดอีกด้วย ส่วนสภาพวคามพร้อมก่อนกลับมาเฝ้ารังเกมนี้ยังต้องลุ้นเช็คความฟิตสองนักเตะตัวหลักอย่าง อเล็กซานเดอร์ บูคาลอฟ(2นัด)กองหน้าตัวเก่งและ โคห์เรน เบย์ราเมียน(4นัด)กองกลางว่าจะสมบูรณ์ทันเกมนี้หรือไม่ แต่ไม่พลาดแน่ๆคือ โคเรน เบรัมยาน และ มุสซ่า ดุมเบีย พร้อมลงปั้นเกมรุกด้วยกันทั้งคู่

ส่วนจ่าฝูง เซนิต เพิ่งเปิดรังถล่ม สปาร์ตัก มอสโก 5-1 เก็บชัยรวด 4 นัดติดในซีซั่นนี้ ส่วนความพร้อมก่อนเกมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน อีกอร์ สโมลนิคอฟ แนวรับที่ติดโทษแบนและ วิคเตอร์ ไฟซูลิน กองกลางที่เจ็บหัวเข่า ส่วนผู้คาดว่าจะลงสนามกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ เตรียมจัดชุดแกร่งนำโดย เซบาสเตียน ดรุยซี่ (4 นัด / 2 ประตู) ลงจับคู่กับ อเล็กซานเดอร์ โคโคริน (4 นัด / 3 ประตู)ในแดนหน้าพร้อมกับวาง ดาเลอร์ คูซีเยฟ ( 4 นัด / 2 ประตู), เลอันโดร ปาเรเดส (4 นัด)และ โอเลก ชาตอฟ (4 นัด)คอยหนุนหลัง

เจ้าบ้าน อูราล ทีมอันดับ 8 เพิ่งบุกไปเสมอ คราสโนดาร์ 1-1 ซึ่งถือเป็นนัดที่ 3 ที่พวกเขาเก็บผลเสมอตลอดเกมลีก 4 นัดแรก(ชนะ1) ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขายังขาด วลาดีมีร์ โคซิน กองหลังเพียงรายเดียวที่ไม่มีชื่อเกมนี้ ส่วนตัวชูโรงหลักๆคงหนีไม่พ้น คริสอัมบ้า ลุนกู (4 นัด) ลงเป็นตัวจบสกอร์ พร้อมกับวาง นิโคไล ดิมิตรอฟ (4 นัด / 1 ประตู), ยูริ บาวิน ( 4 นัด)และ กิยอร์กี ชานตูเรีย (3 นัด / 1 ประตู)เป็นตัวสนับสนุน

ส่วนทีมเยือน อิลเวส ภายใต้การนำของกุนซือ ยาร์คโก้ วิสส์ กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจหลังชนะ จีวาสคีล่า 2-1 ซึ่งคาดว่าเกมนี้พวกเขาเตรียมจัดชุดเต็มจากเกมที่แล้วลงบู๊ อาริเอล เอ็นกูอูคัม (20 นัด / 9 ประตู) กองหน้าชาวแคเมอรูนลงเล่นหน้าเป้าโดยมี ลิโร่ ยาร์วิเน่น (17นัด/1ประตู)เป็นตัวสนับสนุน

เจ้าบ้าน พีเอส เคมี่ เพิ่งออกไปเสมอ วาซ่า 3-3 ในเกมล่าสุดทำสถิติ ชนะ1 เสมอ1 แพ้3 ส่วนสภาพความพร้มก่อนเกมสามารถจัดชุดเก่งลงบู๊ได้ไม่มีปัญหาโดยเฉพาะ ราสมุส คาร์ยาไลเน่น (20 นัด/6 ประตู),โมโมดู ซีเซ่ย์(17นัด/7ประตู) และ สไนเดอร์ มูนอส(20นัด)ลงปั้นเกมรุก

ส่วนทีมเยือน วีพีเอส วาซ่า อยู่ในช่วงฟอร์มฝืดหลังเจ๊ามา 3 เกมรวด โดยเกมล่าสุดเป็นการเสมอ พีเอส เคมี่ 3-3 ในรัง ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน 2 แนวรับตัวหลักทั้ง วิลเล่ คอสคิมา (11 นัด) และ เวลี ลัมปิ (17 นัด) รวมไปถึงมิดฟิลด์อย่าง อาตู ลาทิไคเน่น (14 นัด)ที่ยังสลัดอาการบาดเจ็บไม่หลุด ส่วนตัวหลักหน้าเดิมอย่าง สตีเว่น มอร์ริสซี่ย์ (19 นัด/5 ประตู) ดาวยิงตัวเก่งชาวจาเมก้าและ ยูฮา ฮาโคล่า(20นัด/3ประตู)ห้องเครื่องตัวชูโรงพร้อมลงสนามตามคาด

เจ้าบ้าน เอชไอเอฟเค เฮลซิงกิ ยังย่ำแย่ต่อเนื่องหลังพ่าย อินเตอร์ ตูร์คู 0-2 นับเป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 3 ในรอบ 5 เกมหลัง ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขายังคงไร้เงา คิม ไรมี, เปาลี คูซิยาร์วี่, ทอมมี่ เวซาล่า และ ยานี่ แบ็คมัน ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักอย่าง เปคก้า ชิโวล่า (17 นัด / 5 ประตู) พร้อมลงจับคู่กับ มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ (15 นัด / 5 ประตู)

ทีมเยือน พอร์ทสมัธ ตัวแทนจากลีกวันมีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นก่อนเกมไม่แพ้กัน หลังจะไม่มีตัวเจ็บอย่าง จามัล โลว์(1นัด)ที่ติดโทษแบน, มิลาน เลาโควิช(-)กองหน้า,แมตทิว คล๊าร์ค(-)กองกลาง และ นาธาน ทอมป์สัน(-)กองหลัง ส่วนตัวคีย์แมนในแดนหน้าทีมเยือนยังคงฝากความหวังไว้ที่ เบร็ทท์ พิตแมน(1นัด/2ประตู)ที่เหมาคนเดียวสองประตูในเกมประเดิมลีกลงจับคู่กับ คอเนอร์ แชปลิน(1นัด)ในระบบ 4-4-2 ตามคาด

เจ้าบ้าน คาร์ดิฟฟ์ ภายใต้การนำของกุนซือ นีล วอร์น็อค ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งานผู้เล่นถึง 5 รายก่อนลงสนามไล่ตั้งแต่ คัลลั่ม พาเตอร์สัน(-), แมตต์ คอนนอลลี่(-)สองแนวรับ ลี แคมป์(-)นายประตู, คาดีม แฮร์ริส(-)กองกลาง และ รายส์ ฮิลลี่(-)กองหน้า ทำให้ตัวหลักๆในเกมนี้ยังจำเป็นต้องหวังพึ่ง จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์(1นัด) จับคู่กับ เคนเน็ท โซฮอร์(1นัด/1ประตู)ในระบบ 3-4-1-2

ส่วนทีมเยือน ครอว์ลีย์ ทาวน์ ตัวแทนจากลีกทูนั้นแทบเป็นรองในทุกด้าน แถมพร้อมช่วงหลังยังไม่สู้ดีนักจากการแพ้มา 2 เกมติด ส่วนสภาพความพร้อมกุนซือหนุ่มวัย 38 ปีอย่าง แฮรี่ คีเวลล์ อดีตปีกออสซี่ทัพ "หงส์แดง" เตรียมมาในระบบ 3-4-2-1 โดยมี โทมัส ฟาร์ไฮจ์ด หัวหอกดาวรุ่งชาวดัตช์ยืนเป็นตัวเป้าพร้อมกับส่ง จอร์แดน โรเบิร์ต ริมเส้นเลือดอังกฤษเป็นทีเด็ดเกมริมเส้น

"ลูกโลก" เบอร์มิงแฮม ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เจองานไม่หนักมากจากการได้เปิดรังรับมือ ครอว์ลีย์ ทาวน์ จากลีกทูที่แพ้มาสองเกมติด ส่วนสภาพความพร้อมของเจ้าบ้านภายใต้การนำของ แฮรี่ เรดแนปป์ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ชีค เกอีต้า(-)แนวรับและ ลูคัส จัสคีวิซ(-) กองหน้าที่เจ็บก่อนประเดิมซีซั่น ทำให้ทีเด็ดในแดนหน้าจะยังคงวางตัว ชี อดัมส์ กับ เคลย์ตัน โดนัลสัน เป็นคู่หัวหอก

ส่วนทีมเยือน แบล็คพูล ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นจากลีกทูขึ้นมายัง ลีกวันประเดิมเกมลีกด้วยความพ่ายแพ้ต่อ แบรดฟอร์ด 1-2 ทั้งที่ฟอร์มช่วงปรีซีซั่นจะร้อนแรงถึงขั้นชนะมา 3 นัดร่วมก็ตาม ส่วนเกมลีกคัพรอบแรกในเกมนี้พวกเขาอยู่ในสภาพทีมค่อนข้างพร้อมเพราะจะขาดเพียงแค่ จิม แม็คอลิสเตอร์ กองกลางมากประสบการณ์ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแนวรุกอย่าง โคลิน ดาเนี่ยล จะถูกส่งลงปั้นเกมให้ นาธาน เดลฟูเนโซ่ ที่จะจับคู่กับ ไคล์ วาสเซลล์ ในแดนหน้าตามคาด

ทัพ "เดอะ ลาติกส์" ภายใต้การนำของกุนซือ พอล คุก ออกสตาร์ทเกมลีกด้วยการบุกชนะ เอ็มเค ดอนส์ 1-0 ก่อนเริ่มต้นเล่นเกม ลีก คัพ รอบแรกใน้บ้านตัวเองโดยมีคู่ปรับร่วมลีกอย่าง แบล็คพูล เป็นคู่แข่ง ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาจะไร้เงา 2 แข้งเดี้ยงอย่าง รีซ เจมส์ กองหลังดาวรุ่งและ เวลส์แมน ฌอน แม็คโดนัลด์ กองกลางที่ยังบาดเจ็บ ส่วน คัลลั่ม เอลเดอร์(1นัด)แนวรับตัวหลักจะถูกคาดโทษในเกมนี้

ส่วนทีมเยือน ชรูว์สบิวรี่ ทีมจากลีกวันประเดิมเกมลีกด้วยความมั่นใจเช่นกันหลังเอาชนะ นอร์ทแฮมป์ตัน 1-0 ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะไม่มีชื่อของ โจ ไรลี่ย์(-)แนวรับที่ยังบาดเจ็บ ส่วนผู้ที่คาดว่าจะได้ลงสนามนายใหญ่ พอล เฮิร์ซ ยังคงวาง เลเนล จอห์น-เลวิส หัวหอกตัวเก่งที่เพิ่งซัดประตูโทนจากเกมที่แล้วลงล่าตาข่าย ทว่ายังต้องเดาใจว่าจะใช้ คาร์ลตัน มอร์ริส หัวหอกดาวรุ่งวัย 21 ปีเป็นคู่ในในแดนหน้าหรือไม่

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพิ่งเปิดรังชนะ มิลล์อวอลล์ 1-0 ในเกมประเดิมลีกมาหมาดๆ เรื่องความมั่นใจก่อนเกมคงไม่ต้องพูดถึง ส่วนความพร้อมก่อนเกมกุนซือ มาร์ค วอร์เบอร์ตัน ออกตวแล้วว่าจะให้โอกาสดาวรุ่งได้โชว์ฝีเท้าในรายการนี้ไม่ว่าจะเป็น คีแรน โดเวล และ แมตตี้ แคลช ลงคุมเกมแดนกลาง โดยใช้ เจสัน คัมมิ่ง กับ แบร์รี่ แมคเคย์ สองหัวหอกดาวรุ่งจับคู่ในแดนหน้า

ทางด้าน เชสเตอร์ฟิลด์ ตัวแทนจากลีกทูจะหมดสิทธิ์ใช้งาน เอียน อีวาตต์(1นัด)กองหลังกัปตันทีมที่ถูกคาดโทษ รวมถึง เจโรเม่ วิลเลี่ยมส์(-)แนวรับ และ จอร์แดน ซินน็อตต์(1นัด)กองกลางที่มีปัญหาบาดเจ็บ แต่ยังดีที่สองแกนหลักอย่าง คริส โอเกรดี้(1นัด)กับ โกซี่ อัจวู(1นัด)เป็นคู่หน้าในะระบบ 4-4-2

เจ้าบ้าน เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ทีมแกร่งระดับ แชมเปี้ยนชิพ ออกสตาร์ทเกมลีกได้มีดีนักหลังบุกไปแพ้ เปรสตัน 0-1 ก่อนเกม คาราบาว คัพกับตัวแทนจากลีกทู ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บเข้ามารบกวน แถมยังมีลุ้นได้ เคียร์ลัน ลี(-) และ เลียม พัลเมอร์(-)สองแดนกลางสลัดเดี้ยงกลับมาเป็นตัวเลือกในเกมนี้ ส่วนตัวหลักจากเกมที่แล้วอย่าง จอร์แดน โรดส์ หัวหอกเลือดสก็อตจะลงยืนเป้นหน้าเป้าในระบบ 4-5-1 โดยมี เฟร์นานโด ฟอเรสเตรลี่ ตัวรุกอิตาเลี่ยนคอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง

ทางด้าน "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตัวแทนจากลีกวันประเดิมเกมลีกได้ไม่สวยหรูนักหลังบุกไปพ่าย เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด 1-2 ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาเตรียมเช็คความฟิต เบน แกลดวิน(-)และ เคร็ก คอนเวย์(-)สองแดนกลาง แต่ดันโชคร้ายที่สองมิดฟิลด์อย่าง แบรดลีย์ แด็ค(1นัด)และ ดาร์รา เลนีแฮน(1นัด)ดันบาดเจ็บจากเกมลีกนัดล่าสุด

ตัวแทนลีกทูอย่าง โคเวนทรี จะได้โอกาสเฝ้าบ้านในศึก ลีก คัพ ประจำเกาะอังกฤษ ส่วนฟอร์มล่าสุดพวกเขาประเดิมลีกทูด้วยการคว้า 3 แต้มเหนือ น็อตต์สเคาน์ตี้ 3-0 ย่อมส่งผลต่อความมั่นใจค่อนข้างแน่ ส่วนปัญหาตัวเจ็บก่อนเกมจะไร้เงา มาร์ค แมคนอลตี้(1นัด)กองหน้าตัวหลักที่เจ็บจากนัดล่าสุด และ 3 แนวรับอย่าง คริสส์ สโตรกส์(-),จอร์แดน วิลลิส(-),ไรอัน ฮายเนส(-) อย่างไรก็ดีเกมนี้พวกเขาเตรียมวาง โจดี้ โจนส์ ปีกซ้ายตัวเก่งที่จัดแฮททริกเกมที่แล้วลงเป็นคีย์แมน

ส่วนทีมเยือน ทอนเดล่า รอดพ้นจากโซนตกชั้นได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะจบด้วยอันดับที่ 16 ของตารางในซีซั่นที่แล้ว ส่วนฟอร์มอุ่นเครื่องที่ผ่านมาจัดว่าฟอร์มฝืดอยู๋ไม่น้อยหลังเสมอไปถึง 4 และพ่ายมา 2 เกมหลังสุดให้แก่ ปอร์โต้ เบ ในเกมอุ่นเครื่องและแพ้ วิตอเรีย เซตูบัล 0-1 ในเกมบอลถ้วยภายในประเทศ ความพร้อมเกมนี้พวกเขายังไม่ส่งชื่อแข้งใหม่แนวรับอย่าง เจาซินโญ่ และ อันเซล ลงสนาม แต่แกนหลักแดนหน้าอย่าง มูริโล่ หัวหอกบราซิลยังพร้อมลงจับคู่กับ เฮลเลอร์โด้ ในระบบ 4-4-2

เจ้าบ้าน เฟยเรนเซ่ จบซีซั่นที่แล้วด้วยอันดับ 8 ของตาราง ทว่าการเตรียมตัวอุ่นเครื่อง 3 เกมหลังก่อนนัดเปิดลีกดูจะไม่สู้ดีนักเมื่อพวกเขาแพ้ไปถึง 3 เกมรวด ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็ดสัน ฟาเรียส หัวหอกตัวสำรองที่ถูกคาดโทษจากซีซั่นที่แล้ว รวมถึงแข้งใหม่อย่าง กีกี้ ที่ถูกดึงมาเสริมแนวรับยังไม่มีชื่อลงสนามด้วยเช่นกัน ส่วนผู้เล่นตามคาดเจ้าบ้านจะมาในระบบ 4-2-3-1 โดยมี โชเซ่ วาเลนเซีย หัวหอกโคลอมเบียลงยืนหน้าเป้า โดยใช้ หลุยส์ มาชาโด้ และ ธิอาโก้ ซิลวา ปั้นเกมอยู่ด้านหลัง

ส่วนจ่าฝูงภายใต้การนำของ มักนุส เพห์รสัน แม้จะมีหลุดไม่ชนะใครมา 3 นัดติด(เสมอ2แพ้1) แต่ก็กลับมาเข้าลู่เข้าทางด้วยการชนะมาสองนัดติด ส่วนความพร้อมในเกมนี้อาจได้เห็น โยฮัน ดาห์ลิน โกล์ป้ายแดงลงเป็นตัวสแตนบาย ส่วนตัวเจ็บจะขาด เบห์แรง ซาฟารี (11 นัด/1 ประตู), เฟลิเป้ คาร์วัลโญ่ (4 นัด/1 ประตู) และ อเล็กซานเดอร์ เยเรเมเจฟ (9 นัด/2 ประตู) แต่แกนหลักในแดนหน้าอย่าง โรเซนเบิร์ก(15นัด/4ประตู), ซิบิกกี้(17นัด/4ประตู)และ เบอร์เก็ต(13นัด/4ประตู)ลงบู๊ตามคาด

นายใหญ่ ออซคาน เมลเคมิเชล ยังคงนำทีมร้อนแรงอย่างต่อเนื่องหลังชนะคู่แข่งไปถึง 4 จาก 5 เกมหลัง ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บและพร้อมจัดทัพที่ดีที่สุดรับมือจ่าฝูง มัลโม่ นำโดย มักนุส อีริคสัน หัวหอกตัวเก่งที่ซัดไปถึง 8 จาก 17 ลงล่าตาข่ายพร้อมกับวาง เคริม เอ็มราบิท และ อ็อทมาน เอล คาเบียร์ ตอยปั้นเกมอย่างด้านหลัง

ส่วนทีมเยือนภายใต้การนำของโค้ช ไมเคิ่ล ชอลลี่ย์ ส่อแววตกชั้นเข้าไปทุกขณะหลังแพ้เละต่อเนื่องจนรั้งตำแหน่งบ๋วยในขณะนี้ ส่วนทางด้านความพร้อมพวกเขามีลุ้นได้ตัว เมาริซิโอ อัลบอร์นอซ(8 นัด)สลัดเดี้ยงกลับมาช่วยแดนกลาง ส่วนในราย โธมัส อูลิมเวงกู (1 นัด)ยังคงบาดเจ็บตามเดิม คาดว่าเกมนี้จะได้เห็น อาเนล ราสคาย (12 นัด)ลงช่วยทีมแดนกลางต่อไปอีกนัดพร้อมกับส่ง ลุดวิก อาห์มัน และ ชีดี้ โอเมเช่ เป็นคู่กองหน้าตัวจริง

เจ้าบ้าน นอร์โคปิ้ง หล่นมาอยู่อันดับ 7 หลังออกไปพ่าย โกเตนเบิร์ก 1-4 ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้นัดที่ 3 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาเพิ่งได้นายทวารตัวใหม่อย่าง อัสลัค ฟาคช์ ส่วนแข้งใหม่ก่อนหน้านี้อย่าง คริสโตเฟอร์ เตโล่ อาจมีลุ้นลงสนามร่วมกับแกนหลักอย่าง คาร์ล โฮล์มเบิร์ก (17 นัด/8 ประตู), เซบาสเตียน แอนเดอร์สสัน (17 นัด/4 ประตู) และ นิคลาส เอเลียสสัน (17 นัด/3 ประตู)ในตำแหน่งแนวรุก

ส่วนทีมเยือน วาเลเรนก้า จัดว่าเป็นทีมเหนียวแน่นแม้จะเก็บชัยได้เพียง 2 จาก 6 เกมในลีกแต่เกมที่เหลือพวกเขายังไม่ปราชัยให้ทีมใด ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะขาดเพียงแค่ เฮนริก โยแฮนเซ่น (10 นัด) กองหน้า แต่ตัวหลักที่เหลืออย่าง บาร์ด ฟินเน่ (16 นัด 4 ประตู), กายาส ซาฮิด (15 นัด 5 ประตู) และ โยนาธาน เนชั่น (15 นัด 3 ประตู)ยังพร้อมลงตัวจริงตามคาด

เจ้าบ้าน สตรอมก็อดเซ็ท ยังคงหาความคงเส้นคงวาไม่เจอเพราะตลอด 7 เกมหลังเก็บชัยได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น(เสมอ3แพ้3) ส่วนสภาพความพร้อม ทอร์ โอเล่ สคัลเลรุด บอสใหญ่ประจำทีมเตรียมขนชุดเก่งลงบู๊นำโดย ฟรานซิสโก้ จูเนียร์ (16 นัด)จอมทัพคีย์แมนพ้นโทษแบนลงสนามร่วมกับ บาสเซิ่ล ยราดี้ (16 นัด 3 ประตู) พร้อมกับใช้ มาร์คุส พีเดอร์เซ่น (14 นัด 2 ประตู) คอยปั้นเกมให้ อีริก แอนเดอร์เซ่น (13 นัด 6 ประตู)จบสกอร์

ส่วนทีมเยือน โคเปนเฮเก้น ของกุนซือ สตาเล่ โซลบัคเค่น กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดๆหลังเอาชนะ วาร์ดาร์ สค็อบเย่ 4-1 ทะลุผ่านเข้ารอบ ยูโรป้า ไปแบบสบายๆ ส่วนฟอร์มเกมลีกจะหนักไปทางเสมอหลังเก็บชัยได้เพียงนัดเดียวตลอด 3 เกมหลัง(ชนะ1เสมอ2) ส่วนความพร้อมพวกเขาจะขาด 4 แข้งเดี้ยง ประกอบด้วย ทอม ฮ็อกลี่, ปีเตอร์ อังเกอร์เซ่น, นิโคไล บอยเลเซ่น และ ราสมุส ฟอล์ค แต่แกนหลักอย่าง ปิเอรอส โซเตรู กับ เฟเดริโก้ ซานตานแดร์ ยังพร้อมยืนคู่หน้าในระบบ 4-4-2 ไม่มีปัญหา

อเล็กซานเดอร์ ซอร์นิเกอร์ เทรนเนอร์ประจำทีมเพิ่งพานักเตะบุกไปพ่าย ไฮจ์ดุ๊ก สปลิต 0-2 เป็นอันต้องตกรอบ ยูโรป้า ลีก ไปโดยปริยาย ทำให้ 5 นัดที่ผ่านมารวมทุกรายการพวกเขาเก็บชัยเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น(เสมอ1แพ้3) ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะส่ง ลาสเซ่ วีเกน คริสเตนเซ่น กองกลางตัวใหม่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอยู่ด้านหลังกองหน้าหลังทำแฮตทริกได้ในเกมชนะ ลิงบี้ 5-3 พร้อมกับส่ง ทีย์มู ปั๊คกี้ กับ แยน คิลลิเมนท์ เป็นคู่แดนหน้าในระบบ 3-5-2

ส่วนทีมเยือน โกเตเบิร์ก อยู๋ในสภาพทีมค่อนข้างพร้อมกว่าเจ้าบ้านหลังจะได้ เอมิล ซาโลมอนส์สัน (15 นัด 3 ประตู) แนวรับคนสำคัญพ้นติดโทษกลับมาช่วยที ส่วนตัวเจ็บยังคงไม่มีแข้งเดี้ยงค้างสต็อคอย่าง 2 แข้งดาวรุ่ง เบนจามิน ยาปิ ซาโล (-) ปราการหลัง และ คาร์ลสสัน ลาเกไมเออร์ (-)ตัวรุก ส่วนตัวทีเด็ด โทเบียส ไฮเซ่น (16 นัด 6 ประตู) หัวหอกดาวซัลโวยังพร้อมลงสนามร่วมกับ มิคาเอล โบมัน (15 นัด 4 ประตู)ตามคาด

เจ้าบ้าน คัลม่าร์ มีปัญหาตัวเจ็บพอสมควรหลังจะขาดผู้เล่นไปถึง 4 รายอย่าง ราสมุส เอล์ม (3 นัด), โทเบียส อีริคส์สัน (9 นัด), มาร์คุส ธอร์บียอร์นส์สัน (13 นัด) และ โอเล โซเดอร์เบิร์ก (5 นัด) ส่วนตัวความหวังในแดนหน้าพวกเขายังพร้อมส่ง โรมารินโญ่ (17 นัด 6 ประตู) กับ เมลเคอร์ ฮอลล์เบิร์ก (16 นัด 3 ประตู)ยืนเป็นคู่หน้า แถมยังจะได้ ฟิลิป แซชเพคิดิส (12 นัด)พ้นโทษแบนกลับมาช่วยแดนกลางได้ทัน

ส่วนทีมเยือนอย่าง ออสเตอร์ซุนด์ เพิ่งตะลุยผ่าน โฟล่า เอสช์ ในเกม ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือกมาหมาดๆ แต่พวกเขายังขาด แอนเดรียส แอนเดอร์สสัน (4 นัด) นายทวารตัวใหม่ที่ย้ายค่ายมาจาก เกเฟิ่ล และ เซบาสเตียน ลุนด์แบ็ค (-)ที่ยังบาดเจ็บ แต่แกนหลักหน้าเก่ายังคงวาง เจมี่ ฮ็อปคัตต์ (11 นัด 5 ประตู) กับ เคอร์ติส เอ็ดเวิร์ดส์ (17 นัด 3 ประตู) เป็นตัวปั้นเกมร่วมกับ ซามาน ก็อดดอส (12 นัด 3 ประตู)หัวหอกประจำทีม

เทรนเนอร์ โจเอล เซเดอร์เกร็น เตรียมต้อนรับ อีริก ลาร์สสัน (15 นัด 2 ประตู) แนวรับตัวเก่งกลับมาคุมแดนหลังอีกครั้งหลังถูกคาดโทษในเกมที่ผ่านมา และคาดว่าพวกเขายังคงยึดแกนหลักจากเกมที่แล้วนำโดย ฮัลเลนิอุส (15 นัด 3 ประตู) ล่าตาข่ายคู่กับ ปีเตอร์ วิลสัน (17 นัด 2 ประตู)โดยมี มาร์คุส ดาเนียลสัน กองหลังคีย์แมนที่ตัดสินใจอยู่ค้าแข้งกับทีมเป็นตัวชูโรง