วิเคราะห์บอล / วิเคราะห์บอลวันนี้

ส่วนทีมเยือน ฮัคเค่น มีตัวเจ็บเพิ่มเติมคือ อัลฮัสซาน กามาร่า (12 นัด 5 ประตู) กองหน้าที่มีปัญหารุนแรงที่หัวเข่าจนต้องปิดเทอมยาว พ่วงด้วยแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง อเล็กซานเดอร์ ฟาร์เนรุด (13 นัด 2 ประตู) กองกลางตัวหลักที่ต้องใช้เวลาฟักฟื้นอีกนานพอสมควร นอกจากนี้ยังจะไร้เงา เอ็กซอน บินากู (14 นัด) กับ นาซิรู โมฮาเหม็ด (14 นัด 2 ประตู) ที่พากันติดโทษแบน ส่วนตัวหลักอย่าง ราสมุส ลินด์เกร็น (14 นัด 1 ประตู) และ นาซิรู โมฮัมเหม็ด (14 นัด 2 ประตู)จะพ้นโทษแบนกับมาชวยทีมได้พอดี

เจ้าบ้าน ฮัมมาร์บี้ จะไม่มีชื่อของ พา ดิบบา (17 นัด 6 ประตู) กองหน้าตัวเก่งที่ติดโทษแบน ส่วนแข้งแกนหลักจากเกมที่แล้วยังพร้อมลงช่วยได้ไม่มีปัญหา คาดว่าเกมนี้ยังจะได้เห็นกองหน้าบราซิเลี่ยนอย่าง โรมูโล่ (13 นัด 3 ประตู)ลงล่าตาข่ายตามด้วย บียอร์น พอลเซ่น (17 นัด 5 ประตู) และ อาร์นอร์ สมาราสัน (16 นัด 3 ประตู)คอยปั้นเกมจากแผงมิดฟิลด์

ส่วนลูกทีมของ โธมัส คริสเตียนเซ่น จะขาดเพียงแค่ พอนตุส ยานส์สัน แนวรับชาวสวีเดนที่ถูกคาดโทษจากซีซั่นที่แล้ว ส่วนขุมกำลังหลักที่เหลือต่างพร้อมลงประจำตำแหน่งยกเว้น โรเบิร์ต กรีน อดีตมือกาวทีมชาติอังกฤษที่ส่อแววจะพลาดออกสตาร์ทหลังการย้ายเข้ามาของ เฟลิกซ์ ไวด์วัลด์ โกล์ชาวเยอรมัน ซึ่งเกมนี้เราจะได้เห็น คริส วู้ด เจ้าของดาวซัลโวของศึกแชมเปี้ยนชิพลงเล่นแดนหน้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมีสมาชิกใหม่อย่าง เอซยาน อาลิออสกี้ ขึ้นเกมริมเส้นฝั่งขวา และ แมทธิว เพนนิงตัน ลงเล่นเซ็นเตอร์

เจ้าบ้าน โบลตัน ภายใต้การนำของ ฟิล พาร์กินสัน จัดว่าอยู่ในสภาพทีมพร้อมรบเต็มสูบหลังไร้ปัญหาตัวเจ็บก่อนนัดประเดิมซีซั่น คาดว่าเกมนี้พวกเขาจะมาในระบบ 3-5-2 โดยจะได้เห็นกำลังเสริมอย่าง อดัม เลอ ฟงเดร้ จับคู่กับ แกรี่ แมดดีน ในแดนหน้า พร้อมกับวางแข้งใหม่อย่าง สตีเฟ่น ดาร์บี้ เป็นวิงแบ็คทางฝั่งขวา เช่นเดียวกับ แอนดรูว์ เทย์เลอร์ ที่จะถูกวางเป็นตัวยืนทางฝั่งซ้าย ส่วนกำลังเสริมหน้าใหม่ในแนวรุกอย่าง อดัม อาร์มสตรอง และ อารอน วิลเบรแฮม ยังต้องรอโอกาสไปก่อน

เกมลีกนัดล่าสุด เอไอเค โซลน่า เสียท่าไปไม่หน่อยที่ปล่อยให้ คัลม่าร์ บุกมาชนะ 1-0 ก่อนจะช้ำซ้ำสองหลังจากพลาดท่าตกรอบ ยูโรป้า ด้วยการพ่าย บราก้า 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่วนความพร้อมก่อนเกมพวกเขาไม่มีรายงานตัวเจ็บตัวแบน และพร้อมส่ง เดนดี้ อัฟดิค (11 นัด 2 ประตู) และ เฮนอค กอยตุม (10 นัด3 ประตู)ลงล่าตาข่ายโดยมี เอเบเนเซอร์ โอโฟรี่ (3 ประตู) กับ สเตฟาน อิชิซากี้ (4 ประตู)ลงคุมแดนกลาง

เจ้าบ้าน ซิริอุส ฟอร์มดีต่อเนื่องถึงขนาดไม่แพ้ใครมา 7 เกมรวด(ชนะ5เสมอ2)จนรั้งอันดับ 3 ในยามนี้ ส่วนความพร้อมไม่มีตัวเจ็บเพิ่มเติมนอกจาก โมเซส อ๊กบู (15 นัด 6 ประตู) ดาวซัลโวสูงสุดชาวไนจีเรียที่บาดเจ็บหนักจนพักยาวไปก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง ดาเนี่ยล ยาร์ล (7 นัด), อันเต้ บียอร์เคบอม (5 นัด), คริสเตอร์ กุสตาฟสสัน (13 นัด 2 ประตู) และกองกลางตัวใหม่ โยฮัน ไอส์โวลด์ (6 นัด) ทำให้นักเตะส่วนใหญ่แทบจะยกชุดหน้าเดิมลงสนามไม่ว่าจะเป็น ฟิลิป ฮักลุนด์ (13 นัด 4 ประตู) ตัวรุกหรือ โยฮัน แอนเดอร์สสัน(11นัด)กองหน้า 

ส่วนทีมเยือน เชฟฯเว้นส์เดย์ ของกุนซือชาวฝอยทอง คาร์ลอส คาร์วัลญัล สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ได้แบบเต็มๆยกเว้นแค่ เลียม พัลเมอร์ แบ็คขวาตัวหลักที่เจ็บเอ็นร้อยหวาย ส่วนแกนหลักแนวรุกเตรียมหวังพึ่ง สตีเว่น เฟล็ตเชอร์ (10 ประตู) และ แฟร์นันโด โฟเรสติเอรี่ (12 ประตู) พร้อมกับลุ้น คีแรน ลี กับ แซม ฮัทชินสัน สองมิดฟิลด์จะสลัดเดี้ยงทันช่วยทีมหรือไม่

เจ้าบ้าน เปรสตัน ของกุนซือ อเล็กซ์ นีล จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ทอม คล้าร์ก กองหลังที่ยังบาดเจ็บ แถมยังต้องลุ้นว่า จอห์น เวลช์, พอล กัลลาเกอร์, คาลั่ม วู๊ดส์ และ จอร์แดน ฮูกิล ที่สลัดเดี้ยงกลับมาซ้อมจะสามารถแทรกเป็นตัวจริงในเกมนี้ได้บ้างหรือไม่ นอกจากนี้ยังหวังพึ่งได้เพียง คัลลั่ม โรบินสัน กองหน้าตัวหลักที่กดไป 10 ประตูซีซั่นก่อน หลังต้องเสีย เอเดียน แม็คเกียดี้ ปีกความเร็วสูงให้ ซันเดอร์แลนด์

ส่วนทีมเยือน เร้ดดิ้ง ของกุนซือ ย๊าป สตัม ต้องมาสู้กันต่อใน ชปช. หลังชวดขึ้นชั้นจากการพ่ายจุดโทษต่อฮัดเดอร์ฟิลด์ในรอบชิงชนะเลิศศึกเพลย์-อ๊อฟ แถมฟอร์มอุ่นเครื่องออกลูกล้าหลังเสมอ2 แพ้ 2 ตลอด 4 เกมหลังที่ผ่านมา ส่วนความพร้อมของพวกเขาในเกมนี้เตรียมได้ พอล แม็กเชน (31 นัด 3 ประตู) ปราการหลังกัปตันทีมกลับมาเป็นตัวชูโรงตั้งแต่ประเดิมซีซั่น แต่ยังจะไร้เงา ยานน์ เกอร์มอร์กก็องต์ (44 นัด 19 ประตู) ดาวซัลโวของทีมที่มีปัญหาที่โคนขาหนีบ

เจ้าบ้าน คิวพีอาร์ ย่ำแย่กว่านี้ไม่มีอีกแล้วเพราะฟอร์มเน่าแพ้ต่อเนื่องจากท้ายซีซั่นลากยาวมาถึงเกมอุ่นเครื่องที่แพ้ไปถึง 5 จาก 6 เกม ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาได้ 2 แข้งอย่าง จอช สโคเว่น มิดฟิลด์จากบาร์นสลี่ย์ และ อารีล โบรีเซียก กองกลางชาวโปลแลนด์เข้ามาเสริม ส่วนตัวเจ็บยังไร้เงา แกรนท์ ฮอลล์ แนวรับ รวมถึง จอร์แดน เคาซิน มิดฟิลด์ตัวหลักที่ยังเดีย้งเช่นกัน

"ตราลูกโลก"เบอร์มิงแฮม ของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ทิ้งทวนอุ่นเครื่องได้ไม่ดีเช่นกันจากการพ่าย สวอนซี 0-2 ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งาน พอล โรบินสัน แบ็คซ้ายกัปตันทีมที่ถูกคาดโทษจากซีซั่นก่อนรวมถึงหัวหอกตัวชูโรง ลูคัส ยุทคีเวี๊ยซ ที่ไม่มีชื่อในเกมนี้ แต่ยังดีที่จะได้ตัวใหม่เข้ามาเติมเต็มอย่าง เดวิด สต็อคเดล, มาร์ค โรเบิร์ตส์ และ ชีคห์ เอนดอยล์ 

"ม้าขาว" อิปสวิช ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะสู้เลยหลังทิ้งทวนเกมอุ่นเครื่องด้วยการพ่าย ชาร์ลตัน แอธเลติก มา 1-6 แถมความพร้อมก่อนเกมยังจะขาดตัวหลักอย่าง เอเมียร์ ฮูว์ส และ ทอม อเดเยมี่ ที่ไม่สมบูรณ์พร้อมลงเล่น นอกจากนี้พวกเขายังเสีย ทอม ลอว์เรนซ์ (34 นัด 9 ประตู) ห้องเครื่องตัวเก่งที่ย้ายออกไปทำให้แกนหลักตัวตีย์แมนจะเหลือแค่ แกรนท์ วอร์ด (43 นัด 6 ประตู) และ เฟร็ด เซียร์ส (40 นัด 7 ประตู)เท่านั้น

ส่วนทีมเยือน บาร์นสลี่ย์ ฟอร์มที่ผ่านมาจัดว่าไม่สู้ดีนักหลังอุ่นแข้งแพ้ไปถึง 3 จาก 5 เกมหลัง แถมนัดล่าสุดออกไปพ่าย ร็อตเตอร์แฮม เละ 0-4 ส่วนความพร้อมในเกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน 3 นักเตะใหม่อย่าง ลอยด์ อิสโกรฟ ตัวรุก, เลียม ลินด์เซย์ กองหลังและ เซกิ ฟรายเออร์ส์ ฟูลแบ็ก ซึ่งทั้งหมดล้วนยังบาดเจ็บ ส่วนแข้งหน้าใหม่ที่หวังมายกระดับทีมทั้ง คาเมร่อน แม็คกีแฮน, อิเก้ อักโบ และ อีธาน ปินน็อค โดยเฉพาะ เจสัน แม็คคาร์ธี่ย์ อาจมีลุ้นลงสนามในเกมนี้

ย้อนความถึงฟอร์มก่อนนัดเปิดฤดูกาลของ บริสตอล ซิตี้ ต้องเลยว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่เตรียมตัวมาดีหลังอุ่นชนะมา 3 เกมรวดก่อนเกมเจอ บาร์นสลี่ย์ แม้นายใหญ่ ลี จอห์นสัน จะไร้เงา แมตติ้ เทย์เลอร์ กองหน้าวัย 27 ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ทว่ายังพอมีข่าวดีเมื่อ มิลาน ยูริช อีกหนึ่งหัวหอกตัวเก่งสลัดเดี้ยงกลับมาซ้อมได้แล้ว ทำให้ภาระจะตกไปอยู่ที่ ฟามาร่า ดิดิอู หัวหอกตัวเก่งที่ย้ายมาจาก อองเช่ ไปโดยปริยาย

ส่วนทีมเยือน คาร์ดิฟฟ์ ทิ้งทวนเมอุ่นเครื่องด้วยการถล่มหมูอย่าง ลิฟวิงสตัน 4-0 ขณะที่ความพร้อมก่อนเกมพวกเขาโชคไม่ดีเมื่อ คาดีม แฮร์ริส ปีกตัวเก่งเจ็บหนักจากเกมอุ่นเครื่องพักยาว 3 เดือน รวมถึง ลี แคมป์ นายทวารตัวหลักและ 2 ปราการหลัง คัลลั่ม แพเตอร์สัน กับ แมตต์ คอนนอลลี่ ที่เดี้ยงกันครับเซ็ต อย่างไรก็ดีตัวหลักรายอื่นๆที่เป็นตัวชูโรงจากซีซั่นที่แล้วอย่าง แอนโทนี่ พิลคิงตัน (7 ประตู) และดาวซัลโว เคนเน็ธ โซโฮเร่ (11ประตู)เตรียมลงสนามตามคาด

เจ้าบ้าน เบอร์ตัน เพิ่งทิ้งทวนเกมอุ่นเครื่องด้วยความมั่นใจหลังชนะเลสเตอร์ 2-1 ในเกมล่าสุดก่อนนัดประเดิมลีก ส่วนคามพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะไม่มี เบน เทอร์เนอร์ กองหลังวัย 28 ที่จะติดโทษแบน 5 นัดจากเหตุมีปัญหากับคู่แข่งในสนามจากซีซั่นที่แล้ว แถมกองหน้า เลียม บ๊อยซ์ ก็เจ็บหนักจากเกมอุ่นเครื่องอีกต่างหาก ส่วนผู้เล่นตามคาดยังคงต้องหวังพึ่ง มาร์วิน ซอร์เดล (21 นัด 4 ประตู), ลอยด์ ดายเออร์ (42 นัด 7 ประตู) และ ลูคัส เอกิ้นส์ (38 นัด 5 ประตู)ในเกมนี้

ส่วน นอริช มีข่าวดีคืออจะได้ เวส ฮูลาแฮน (33 นัด 7 ประตู) กองกลางตัวเก๋าหายเจ็บกลับมาช่วยทีม ส่วนในรายของ รัสเซลล์ มาร์ติน (37 นัด 1 ประตู) และ จอช เมอร์ฟี่ย์ (27 นัด 4 ประตู)ยังต้องลุ้นเช็คความฟิตก่อนลงสนาม ส่วนตัวหลักในเกมนี้พวกเขาเตรียมวาง เนลสัน โอลิเวียร่า, คาเมร่อน เจอโรม และ สตีเว่น เนสมิธ ออกสตาร์ทด้วยกันทั้งหมด

เจ้าบ้าน ฟูแล่ม ไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยตลอดการอุ่นเครื่อง 4 เกมหลัง(เสมอ2แพ้2) แถมเกมล่าสุดเปิดรังโดน โวล์ฟสบวร์ก ถล่มยับ 0-3 อีกต่างหาก อย่างไรก็ดีพวกเขาอาจมีมิติในเกมการเล่นมากขึ้นเมื่อ 3 แข้งใหม่อย่าง บูบาการ์ กามาร่า กองหน้าฝรั่ง รวมถึง 2 มิดฟิลด์ โอลิเวอร์ นอร์วู๊ด กับ อิบราฮิม่า ซิสเซ่ มีสิทธิ์ออกสตาร์ทด้วยกันทั้งหมด โดยมีตัวหลักหน้าเดิมอย่าง ลูคัส ปิอาซอน (30 นัด 5 ประตู) และ ฟลอยด์ อายิเต้ (33 นัด 9 ประตู)เป็นตัวชูโรง

ทีมดังจาก ฮอลแลนด์ เกมนี้จะขาดนักเตะเพียง 2 รายเช่นกัน ซึ่งทั้ง ยัสซิน อายุบ กับ ดาริโอ ดูมิช ที่ยังเจ็บจะไม่มีชื่อในเกมนี้ ส่วนผู้ตามคาดเฮดโค้ชอย่าง อีริค เต็น ฮาก เตรียมยึดแกนหลักจากเกมแรกนำโดย แพทริก จอสเตน จับคู่กับ ไซม่อน มาคีน๊อค ในแดนหน้า โดยมี ริโก สไตรเดอร์ , ซากาเรีย ลาบิยัด และ อูร์บี้ เอมานูเอลสัน เป็นตัวสนับสนุน

ตัวแทนจากโปแลนด์อย่าง เลช พอซนาน ออกไปเสมอในเกมแรก 0-0 ก่อนจะมาเหนื่อยกันต่อในรังของตัวเองเพื่อโอกาสผ่านเข้าไปสู่รอบเพลย์ออฟต่อไป ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามพวกเขาจะขาดเพียงแค่ ดาร์โก เยฟติช กองกลางและ เวอร์นอน เดอ มาร์โก แนวรับเพียง 2 รายเท่านั้น ส่วนแกนหลักจากเกมที่แล้วยังพร้อมลงคืนตำแหน่งโดยเฉพาะแนวรุกอย่าง กายอส, มาเซียจ มาคุสเซฟสกี้ และ มูฮาเหม็ด เกอิต้า พร้อมกับทิ้ง คริสเตียน กิตชาร์ กับ นิคกี้ นีลเซ่น คอยล่าตาข่ายร่วมกัน

ส่วนทีมเยือน ดินาโม บูคาเรสต์ตัวแทนจากลีก โรมาเนีย ยังคงไร้ปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นให้ต้องกังวล โดยมเกมนี้เฮ้ดโค้ช คาสมิน คอนทร่า เตรียมใช้ตัวหลักๆจากเกมนัดแรกโดยมี ริวัลดินโญ่ เป็นหัวหอกตัวเป้า ในระบบ 4-2-3-1 โดยมี อดัม เนเมซ ตัวรุกสโลวาเกีย และ ดิอาโก้ ซาโลเมา แข้งโปรตุกีสอันตรายคอยปั้นเกมรุก

เจ้าบ้าน แอธเลติก บิลเบา จะไร้เงา อันเดร อิตูร์รัสเป้ จอมทัพชาวสเปน และ เยอร์ราย อัลวาเรซ กองหลังตัวหลักที่ยังบาดเจ็บ ส่วนแกนหลักที่เหลือเทรนเนอร์ โจเซ่ อังเคล ซิกานด้า เตรียมจัดชุดเต็มในระบบ 4-2-3-1 นำโดย อาริทซ์ อาดูริซ,เดอ มาร์กอส และ อิเกร์ มูเนียอิน ลงประจำตำแหน่ง

ทีมดังอย่าง พีเอสวี หมายมั่นปั้นมือเอาคืนเต็มที่หลังพ่ายคาบ้าน 0-1 ส่วนสภาพทีมก่อนลงสนามนายใหญ่ ฟิลลิป โคคู จะไร้เงา มิเกล ริทช์ไมเออร์ กองกลางที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีม ส่วนแกนหลักอย่าง แกสตัน โลเปซ ตัวรุกสิงห์อีซ้าย, ลุค เด ยอง หัวหอกเลือดดัตช์ และ อีร์วิ่ง โลซาโน น่าจะได้ออกสตาร์ทในรับบ 4-3-3 คืนนี้

ตัวแทนจากโครเอเชียอย่าง โอซีเยค หักปากกาเซียนด้วยการบุกไปชนะ พีเอสวี ถึงถิ่น 1-0 นั่นเท่ากับว่าหากไม่แพ้เกมนี้จะตีตั่วผ่านเข้ารอบทันที ส่วนความพร้อมก่อนลงสนามนายใหญ่ โซลัน เซคิก ไร้ปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บและเตรียมส่ง มูซาเฟอร์ อีจูปิ หัวหอกชาวมาซิโดเนียลงล่าตาข่าย โดยมี โรเบิร์ต มุดดราซิย่า และ พีตาร์ บ็อคก้าจ์ คอยปั้นเกม

ส่วนตัวแทนจากฝรั่งเศสอย่าง บอร์กโดซ์ มีความได้เปรียบไม่มากนักจากเกมที่แล้ว อย่างไรก็ดีนายใหญ่ โจเซลีน กูร์เวนเน็ก ยังสามารถจัดชุดที่พร้อมที่สุดลงสนามหลังไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่นบาดเจ็บ รวมถึงเรื่องความฟิตที่ดูดีกว่าเจ้าถิ่นเนื่องจาก ลีกเอิง ยังไม่เปิดซีซั่นในยามนี้ คาดว่าเกมนี้จะได้เห็น แข้งใหม่อย่าง เบอนัวต์ กอสติล ลงเฝ้าเสา พร้อมกับวาง มัลคอม ซิลวา ตัวรุกดาวรุ่งบราซิเลี่ยนประสานงานร่วมกับ ฟรานโคอิส กามาโน่ และ แกต็อง ลาบอร์ ในระบบ 4-3-3

เกมนี้ วีดีโอตัน ตัวแทน ฮังการี ยังพอมีโอกาสลุ้นผ่านเข้ารอบ เพราะถึงแม้จะพ่ายมา 1-2 ในรัง บอร์กโดซ์ แต่ก็ยังฉกอเวย์โกลออกมาได้หนึ่งประตู ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขายังคงไร้ปัญหาตัวเจ็บจากเกมที่แล้วและพร้อมส่งแข้งที่ดีที่สุดลงสนามนำโดย มาร์โค สเคโปวิช ที่ยิงประตูได้ในเกมที่แล้วลงจับคู่กับ ดานโก้ ลาเซวิค ในระบบ 4-4-2

ส่วนทีมเยือนของกุนซือ โรนัลด์ คูมัน เตรียมจัดชุดเก่งลงแก้หน้าค่อนข้างแน่ หลังเสียฟอร์มไปเล็กๆจากการชนะรองบ่อนได้เพียงเม็ดเดียว คาดว่าเกมนี้ยังคงได้เห็น เวย์น รูนี่ย์ สตาร์ดังทีมชาติอังกฤษออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้งแม้จะมีปัญหาบาดเจ็บเล็กน้อยก่อนหน้านี้โดยมี เควิน มิรัลลาส และ ซานโดร รามิเรซ หัวหอกดาวรุ่งที่ย้ายจาก มาลาก้า ลงเป็นสามประสานในระบบ 4-3-3 พร้อมกับวาง ไมเคิ่ล คีน กองหลังค่าตัวแพงจับคู่กับ แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ กัปตันทีมตามคาด

ทีมรองบ่อน รูซอมเบร็อค เปิดตำรามหาอุตม์บุกไปเน้นรับก่อนจะออกมาจากถิ่น กูดิสัน ปาร์ค ด้วยสกอร์พ่ายเพียง 0-1 เท่านั้น คาดว่าเกมนี้เจ้าถิ่นเตรียมจัดชุดผู้เล่นตัวหลักจากเกมแรกแทบยกเซ็ตนำโดย ปีเตอร์ กัล-อันเดรซลี่ ศูนย์หน้าตัวทีเด็ดลงประสานงานร่วมกับ ดอมินิค คุนก้า และ มิรอส ลักนีย์ ในระบบ 4-3-3

ทีมเยือน ซีเอส คราอิโอว่า ตัวแทนจาก โรมาเนีย เพิ่งลงสนามเกมยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในเกมที่แล้ว ซึ่งเกมนี้พวกเขายังพอมีโอกาสสร้างชื่อหลังแพ้ในเกมแรกเพียง 0-1 เท่านั้น ส่วนความพร้อมก่อนเกมกุนซือชาวอิตาลีอย่าง เดวิส แมนเกีย เตรียมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามตามเดิม พร้อมกับวาง มิเฮล บาลูต้า เป็นหัวหอกเดี่ยวในระบบ 4-1-4-1 โดยมี กุสตาโว่ ดิ เมาโร และ นิคูซอร์ บานคู คอยขึ้นเกมทางริมเส้นทั้งสองฝั่ง

"ปีศาจแดง" เอซี มิลาน บุกไปคว้าชัยถึงถิ่น ซีเอส คราอิโอว่า ได้เพียง 1-0 ถ้าเทียบกับมาตราฐานถือว่าค่อนข้างเสียฟอร์มอยู๋ไม่น้อย อย่างไรก็ดีเกมนี้ได้โอกาสเฝ้ารังน่าจะจัดชุดใหญ่เอาใหญ่แฟนบอลเป็นแน่ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมโค้ช วินเชนโซ่ มอนเตลล่า น่าจะทดลองปรับใช้ อันเดร ซิลวา กองหน้าเท้าคมที่ย้ายเข้ามาใหม่ลงเป็นหน้าเป้า โดยมี เอ็มบาย เนียง และ ปาทริค คูโตรเร่ ลงเล่นในระบบ 4-3-3 พร้อมกับส่ง ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ประสานงานร่วมกับ จาโคโม่ โบนาเวนตูร่า และ แฟรงค์ เคสซี ในแดนกลาง

ส่วนทีมเยือน ออสเตรีย เวียนนา ทีมจากลีกออสเตรียยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน โรเบิร์ต อัลเมอร์ และ ลูคัส เวนทูโต้ ที่ต้องใช้เวลาฟื้นตัวจากการบาดเจ็บเอ็นไขว้ตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว รวมไปถึงแข้งดาวรุ่งอย่าง วีเซล เดมากู ที่ยังบาดเจ็บที่หัวไหล่ ส่วนคีย์แมนหลักในเกมนี้พวกเขาจะใช้ เควิน ฟรีย์เซนบริชเชอร์ จับคู่กับ มอนเชียน ในระบบ 4-4-2

เกมนี้ ลิมาสซอล เตรียมกับมาเล่นในบ้านที่ประเทศไซปรัสหลังเจ๊ากันมาก่อน 0-0 ในเกมแรก คาดว่าเกมนี้พวกเขามีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลังตัวผู้เล่นชุดเดิมสามารถสู้คู่แข่งจากออสเตรียได้ดี โดยเกมนี้ยังคงมาในระบบ 4-2-3-1 โดยใช้ มิเกล อาร์รัวบาร์เรน่า เป็นหัวหอกโดยมี ซาสซี่ตัวรุกชาวฝรั่งเศส ,อาตูร์ เพลย์เมกเกอร์บราซิเลี่ยนและ เมสก้า แข้งสัญชาติกินีบิสเซาเป็นสามประสานแนวรุก

เกมแรกจะจบลงด้วยการเสมอก็จริงแต่ดูเหมือน สเตอัว บูคาเรสต์ จะเสียเปรียบอยู่ไม่น้อยหลังเสมอในบ้าน 2-2 และเสียอเวย์โกลถึงสองลูก ส่วนความพร้อมทริปเยือนสาธารณรัฐเช็คในถิ่น วิคตอเรีย พัลเซ่น จะหมดสิทธิ์ใช้งาน คอนสแตนติน บูเดสคู มิดฟิลด์ตัวหลักที่ยังบาดเจ็บ ส่วนผู้เล่นที่กุนซือ นิโคแล ดิก้า จะจัดในเกมนี้คาดว่าเตรียมใช้ เดนิส อาลีเบ็ค ยืนเป็นหอกตัวเป้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี เดนนิส มัน, คอนสแตนติน บูเดสคู และ ฟลอริน ทานาเซ่ คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง

เจ้าบ้าน วิคตอเรีย พัลเซ่น ดูได้เปรียบอยู่ไม่น้อยหลังบุกไปเจ๊าถึงถิ่น สเตอัว บูคาเรสต์ ถึง 2-2 แถมเกมล่าสุดยังตุนความมั่นใจจากการถล่ม ดูก้า ปรากซ์ 4-0 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมดูจะมีปัญหาอยู่พอสมควรเมื่อพวกเขาจะไร้เงาตัวเจ็บอย่าง มาตัส โคซาซิค นายประตู,มาเรียน ซิซอฟสกี้ กับ โรมัน ฮุบนิค สองผู้เล่นแนวรับ รวมไปถึง ยาน โควาริก และ วาลัค พิลาร์ ผู้เล่นจากตำแหน่งมิดฟิลด์ซึ่งร่วมทั้งหมดนับได้ถึง 5 ราย ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามคงหนีไม่พ้น มิชาเอล เคอร์เมนชิค เตรียมปักหลักในแดนหน้าโดยมี อันเดรียส อิวานส์ชิตซ์ ยืนเป็นตัวต่ำในระบบ 4-4-1-1

ส่วนทีมเยือน มาริบอร์ ทีมรองจ่าฝูงจากลีกสโลวีเนียกำลังมั่นอกมั่นใจหลังเก็บชัยมา 3 เกมรวดรวมทุกรายการ ส่วนสภาพความพร้อมในเกมนี้พวกเขาจะขาด2 นักเตะอย่าง รัจเซวิค(1นัด)แนวรับและ คาบาฮา(2นัด)กองกลางที่ไม่น่ามีชื่อในเกมนี้ ส่วนตัวทีเด็ดในกมนี้จะได้เห็น จัสมิน มีซาโนวิค ลงยืนเป็นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1 โดยมี มาร์กอส ทาวาเรส เพลย์เมกเกอร์บราซิเลี่ยนที่ยิงประตูชัยเกมนักแรกลงเป็นคีย์แมน

เกมนี้ ฮาฟนาร์ฟยอร์ดูร์ จะได้กลับมาเล่นในบ้านหลังบุกไปแพ้ มาริบอร์ ทีมดังจากสโลวีเนีย 0-1 แบบหน้าเจ็บใจ ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาเตรียมจุดชุดที่ดีที่สุดลงบู๊เช่นเคยนำโดยสองหัวหอกตัวเก่งอย่่าง สตีเว่น เลนน่อน และ ฟินน์โบกาสัน ที่ซัดในลีกรวมกัน 17 เม็ดลงล่าตาข่ายในระบบ 4-4-2 โดยมี โพราริน วัลดิมาร์สสัน เป็นตัวทีเด็ดในเกมริมเส้น

ส่วน เอฟซี วิโตรุล ตัวแทนจากโรมาเนียชิงความได้เปรียบมาได้ในเกมแรก 1-0 ซึ่งถือเป็นการประเดิมทัวร์นาเมนต์ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อย่างสวยหรูส่วนตัวเจ็บจะไร้เงา คาร์โล การ์ซาฟ (1นัด)แดนกลางที่มีปัญหาบาดเจ็บ รวมถึง จอร์จี ซุคุแดน(3นัด/1ประตู)กองหน้าที่ติดโทษแบนในเกมนี้ ส่วนตัวชูโรงในเกมนี้ยังคงใช้งาน อร์จ ตูคูดีน หัวหอกความหวังใหม่วัย 26 ปี และ คริสเตียน กาเนีย ตัวรุกคนสำคัญคอยปั้นเกม

ตัวแทนจาก ไซปรัส อย่าง อโปเอล นิโคเซีย บุกไปพลาดท่าแพ้ก่อนในเกมแรก 0-1 ก่อนจะได้โอกาสแก้ตัวในนัดที่สองของเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือกในบ้านตัวเอง ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาจะขาด โลนนูร์(17นัด)แนวรับและ โปเต้ ที่เจ็บเพิ่มเติมเข้ามา อย่างไรก็ดีพวกเขาจะได้ตัว เอฟรีม จอมทัพตัวเก่งที่ซัดไปถึง 8 ประตูในซีซั่นที่แล้วลงช่วยทีมเช่นเดียวกับ มิลานอฟ แนวรับตัวชูโรงอีกราย

ส่วนทีมเยือน ฮาโปเอล เบียร์ เชว่า อยู่ในสถาการณ์ค่อนข้างสดใสที่จะผ่านเข้ารอบหลังตุนสกอร์มาแล้ว 2-0 ในเกมแรก แถมสภาพความพร้อมพวกเขายังไร้ปัญหาตัวเจ็บตัวแบนทำให้กุนซือ บารัค บาคาร์ เตรียมจัดชุดหลักๆจากเกมที่แล้วลงสนามโดยมี โมฮัมหมัด กาดีร์ เป็นตัวยืนในแดนหน้าพร้อมขนาบข้างด้วย แอนโธนี่ เอ็นวาคาเอเม่ หัวหอกเลือกไนจีเรียนที่ซัดประตูจากเกมที่แล้วรวมถึง มาออร์ เมลิคสัน แข้งตัวเก๋าขึ้นเกมทางกราบขวาในระบบ 4-3-3

เกมนี้ ลูโดโกเรตส์ จะได้กลับมาเล่นในบ้านหลังบุกไปพ่ายในเกมแรงถึง 0-2 แถมฟอร์มการเล่นดูน่าเป็นห่วงเพราะขนาดเจอทีมรองบ่อนอย่าง โลโคโมทีฟ พลอฟดิฟ ในเกมลีกยังทำได้เพียงเสมอเท่านั้นในนัดล่าสุด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขายังคงไร้เงา วลาดิสลาฟ สโตยานอฟ นายประตูที่ยังบาดเจ็บ แต่แกนหลักหน้าเก่าอย่าง ยอดี้ ลูโกกี้, มาร์เซลินโญ่ และ วานแดร์สัน ยังพร้อมเป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกโดยใช้ โจนาธาน คาฟู เป็นหน้าเป้าในระบบ 4-2-3-1

ส่วนทีมเยือน ซูดูว่า ค่อนข้างอยู่ในสภานการณ์รอยตัวหลังตุนมาก่อนในเกมแรกถึง 3-0 ส่วนผู้เล่นตามคาดพวกเขาเตรียทวาง คาร์โลลิส ลัคเซมิส ที่ซัดในลีกไปแล้ว 5 เม็ดจาก16นัดลงจับคู่กับ มาริยาน อัลติพาร์มาคอฟสกี้ โดยมี โอวิดิยูส เวอร์บิกกาส เป็นตัวทีเด็ดแผงมิดฟิลด์

สถานการณ์ของ เอฟซี ซิยง ที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปดูท่าจะเลือนลางหลังบุกไปพ่าย ซูดูว่า ตัวแทนจากลิธัวเนียในเกมแรกถึง 0-3 ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาเตรียมวางหัวหอกตัวเก่งอย่าง มูสซ่า โคนาเต้ ลงยืนเป็นหน้าเป้า โดยใช้ คาร์ลิตอส มิดฟิลด์จอมเก๋าเลือดโปรตุเกสกับ เฟร็ดดี้ เอ็มเว็ง กองกลางชาวแคเมอรูนคุมจังหวะแดนกลาง

ส่วน คาราบัค ตัวแทนจาก อาเซอร์ไบจาน จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ยาค็อป ราเซสนิคซัค ที่เพิ่งบาดเจ็บจากเกมที่แล้ว ส่วนผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามนายใหญ่ คูร์บาน คูร์บานอฟ ยังคงวาง 3 ประสานแดนหน้าอย่าง ดีโน่ เอ็นด์โลวู กองหน้าแอฟริกาใต้, วิลด์-โดนัลด์ เกร์ริเย่ร์ ปีกซ้ายทีมชาติเฮติ และ อัฟรัน อิสมายิลอฟ ตัวริมเส้นคอยขึ้นเกมทางกราบขวา

เกมนี้ตัวแทนจากมอลโดว่าอย่าง เชริฟฟ์ จะกลับมาเล่นในบ้านหลังเสมอ คาราบัค 0-0 ในเกมแรก ส่วนสภาพความพร้อมพวกเขาไร้ปัญหาตัวเจ็บตัวแบนและพร้อมจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนามโดยเฉพาะ โจซิป เบรโซเว็ช จอมทัพคนสำคัญที่ยิงไป 12 ประตูในซีซั่นที่แล้ว พร้อมกับวาง สเตฟาน มิวโกซ่า กับ ดามาสแคน ที่ยิงรวมกัน 5 ประตูในลีกลงลาตาข่าย

ส่วนทีมเยือน ลอนดริน่า ของกุนซือ คัลดิโอ เทนคาติ ฟอร์มดีไม่แพ้กันหลังบุกไปชนะ กัวรานี่ 3-2 ส่วนสภาพทีมก่อนเกมพวกเขาจะขาด ไอย์รตอน(14นัด/1ประตู)กองหลัง แต่แกนหลักในระบบ 4-2-3-1 อย่าง โยนาต้าร์ เบลลุสโซ่(16นัด/10ประตู)หัวหอกดาวซัลโวเตรียมลงยืนหน้าเป้า โดยใช้ เซลซินโญ่(14นัด/1ประตู)เป็นตัวปั้นเกม

ส่วนทีมเยือน ฮอนก้า กำลังมั่นใจไม่แพ้กันหลังเพิ่งถล่ม จีอาร์ไอเอฟเค 3-0 ในนัดล่าสุดและรั้งรองจ่าฝูงในยามนี้ ส่วนสภาพความพร้อม เวสซา วาสซาร่า เทรนเนอร์ชาวฟินแลนด์ยังคงไร้เงาแข้งเดี้ยงหน้าเก่าอย่าง ออนนิ พูฮาไรเน่น(1นัด), มิโก้ ปูย์สกิรี้(-)สองกองหน้า รวมถึง ดูอาร์เต้ แธมมีเลโต้(2นัด)แนวรับที่ยังบาดเจ็บด้วยกันทั้งหมด ส่วนตัวทีเด็ดในเกมนี้เตรียมวาง โจเอล เปโลโว(15นัด/3ประตู),ทอมมิ ซาร์ริเน่น(14นัด/1ประตู)และ ลูคัส คอฟฟ์แมนน์(14นัด/2ประตู)คอยปั้นเกมจากแดนกลาง

เจ้าบ้าน เอซี โอลู ทีมอันดับ 4 มีหลุดเสมอไป 2 นัด ก่อนคัมแบ็กคว้าชัยด้วยการบุกชนะ คอคคูล่า 1-0 เก็บสถิติไม่แพ้ใครมา 7 เกมติด(ชนะ4เสมอ3) ส่วนสภาพความพร้อมกุนซือใหญ่ ลาอูโน่ โอยาเน่น มีลุ้นได้ตัว เอลลิส คอสคิเน่น(6นัด)กองกลาง และ ยูนา ยูนทูเน่น(1นัด)แนวรับสลัดเดี้ยงกลับมาเป็นตัวเลือก ส่วนแกนหลักอย่าง ติตี้ เอสซอมบ้า (14นัด)กองกลางเลือดแคเมอรูนที่ซัดไปถึง 5ประตูในซีซั่นนี้จะเป็นตัวชูโรงร่วมกับ ดาวิด รามาดริงเกย์(11นัด/3ประตู)ในการปั้นเกมรุก

ส่วนทีมเยือน โบฮีเมียนส์ ทีมอันดับ 6 ของตารางไร้ปัญหาตัวเจ็บตัวแบนให้กังวลใจ ซึ่งคาดว่าเกมนี้จะได้เห็นทีมเยือนยกเซ็ตจากเกมชนะ แชมร็อค โรเวอร์ส ถึงรัง 2-1 โดยมี 2 กองหน้าอย่างแดเนี่ยล คอร์โคราน(16นัด/12ประตู) และ อิสมาอิล อคินาเด้(5นัด/1ประตู)ลงล่าตาข่าย

เจ้าถิ่น คอร์ก ซิตี้ ทีมจ่าฝูงของตารางยังคงไร้เงา มีข่าวดีคือจะได้ จอห์นนี่ ดันเลียวี่ (12 นัด/ 2 ประตู) ปีกตัวเก่งของทีมยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนตัวหลักอย่าง อลัน แบนเน็ทท์ (16 นัด)เตรียมหายบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมในแผงหลังอีกครั้งพร้อมกลับวาง แกร์รี่ บั๊กลีย์(16นัด/5ประตู)ที่ยิงหนึ่งประตูในเกมที่แล้วลงปั้นเกมโดยมี คาร์ล เชพพาร์ด(22นัด/9ประตู)เป็นหัวหอก

ทีมเยือน แอต. พาราเนนเซ่ ยังคงย่ำแย่ต่อเนื่องหลังแพ้มา 2 เกมรวด และไม่ชนะใครมา 9 เกมติดรวมทุกรายการ(เสมอ3แพ้6) ส่วนสภาพความพร้อมจะไร้เงา คาร์ลอส อัลเบร์โต้(-)กองหลัง และ กิเลอร์เม่(4นัด)แนวรุกตัวสำรอง ส่วนตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามเตรียมวาง ปาโปล เฟลิเป้ (7 นัด/1 ประตู),เอดูอาโด้ ดา ซิลวา(5นัด) และ ดักลาส คูตินโญ่(15นัด) เป็นสามประสานแดนหน้าในระบบ 4-3-3

เจ้าบ้าน วาสโก ดา กาม่า เพิ่งโชว์ฟอร์มโหดบุกไปถล่ม อัตเลติโก มิไนโร่ 2-1ในเกมล่าสุด ส่วนสภาพทีมก่อนเกมจะขาดเพียงแค่ เคลวิน(5นัด)ตัวรุกริมเส้นและ หลุยส์ ฟาเบียโน่(9นัด/5ประตู)อดีตหอกทีมชาติบราซิลที่ยังบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่ ส่วนผู้เล่นที่พร้อมลงสนามในเกมนี้เตรียมให้โอกาส เปาโล วิคตอร์(5นัด/1ประตู)ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในระบบ 4-2-3-1 โดยใช้ เปาลินโญ่ (3นัด/2ประตู)เป็นตัวสนับสนุน

ทีมเยือน บราวน์ชไวก์ จำต้องเล่นในศึก ลีกา 2 เยอรมัน ต่อไป หลังพลาดท่าพ่าย โวล์ฟสบวร์ก ด้วยสกอร์รวม 0-2 ในแมตช์เพลย์ออฟเลื่อนชั้นช่วงท้ายซีซั่น ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมประเดิมลีกพวกยังต้องลุ้นว่า จูเลียสเ บอาด้า กองหน้า และ คริสตอฟเฟอร์ ไนมาน หัวหอกรองดาวซัลโวที่ซัดไป 11 ประตูเมื่อซีซํ่นก่อนจะฟิตทันมีชื่อเกมนี้หรือไม่ ส่วนตัวรุกขาประจำอย่าง โอเนล เฮอร์นันเดซ และ เมียร์โก โบลันด์ จะเป็นคีย์แมนสำคัญในเกมนี้

เจ้าบ้าน ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ทิ้งทวนเกมลีกเมื่อซีซั่นที่แล้วด้วยการชนะ 2 เกมรวด แต่ฟอร์มทิ้งทวนอุ่นเครื่องนัดล่าสุดไม่น่าประทับใจนักหลังเปิดรังพ่าย ชาเลอร์รัว 0-2 ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะขาด จัสติน คินโจ มิดฟิลด์ชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปีที่ยังบาดเจ็บ ทว่าแกนหลักแดนหน้าอย่าง รูเว่น เฮนนิ่งส์ ที่ซัดไป 9 ประตูในซีซั่นที่แล้วจะลงเป็นตัวยืนโดยมี มาร์เกล โซบอทท์ก้า เป็นตัวสนับสนุนอยู่แผงหลัง

ส่วนทีมเยือน โอเรโบร ฟอร์มถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับเจ้าบ้านหลังเก็บไป 4 จาก 6 คะแนนเต็มมาด้วยกันทั้งคู่ตลอด 2 นัดที่ผ่านมา ทว่าจุดนึงที่ทำให้ทีมของกุนซือ อเล็กซานเดอร์ อาเซ่น ได้เปรียบคงหนีไม่พ้นเรื่องความพร้อมที่สามารถจัดชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ซึ่งตัวชูโรงในเกมนี้ยังจะได้เห็น นาเฮียร์ เบซาร่า แนวรุกตัวหลักลงปั้นเกมกับ มาอิก เซม่า โดยมี อิ๊กบัวนานิเก้ กับ โอโมห์ ลงเป็นหัวหอกคู่กันตามคาด

เจ้าบ้าน ฮัคเค่น ทีมอันดับ 8 เพิ่งบุกไปเสมอ ซิริอุส 2-2 มาในเกมล่าสุดทำให้สองเกมหลังพวกเขาเก็บไป 4 จาก 6 คะแนนเต็ม ส่วนสภาพความพร้อมนายใหญ่ มิคาเอล สตาห์เร่ จะขาดเพียงแค่ อเล็กซานเดอร์ ฟาร์เนรุด (13 นัด 2 ประตู) กองกลางตัวหลักที่ยังเดี้ยงยาว แถมยังจะหมดสิทธิ์ใช้งาน รวมถึง ราสมุส ลินด์เกร็น (14 นัด 1 ประตู) และ นาซิรู โมฮัมเหม็ด (14 นัด 2 ประตู)ที่ถูกคาดโทษพร้อมกันทั้งสองราย อย่างไรก็ดีพวกเขายังสามารถใช้งาน เอริก ไฟร์เบิร์ก (13 นัด) และ เอ็กซอน บินากู (12 นัด)ที่พ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา

ทีมอาคันตุกะ เยอร์การ์เด้น กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้งหลังเอาคืน ออสเตอร์ซุนด์ 3-0 ในเกมล่าสุด เก็บชัยไปถึง 3 จาก 4 นัดที่ผ่านมา ส่วนสภาพความพร้อมจะขาดเพียงแค่ ติโน่ คาเดเวเร่(4นัด/1ประตู)ที่บาดเจ็บต้นขาอยู่ก่อนหน้านี้ แต่แกนหลักในแผงมิดฟิลด์อย่าง ฮาริส ราเดตินัค มิดฟิลด์วัย 31 ปีเตรียมลงมาเติมความเก๋า โดยใช้ แมกนุส เอริกส์สัน(16นัด/8ประตู) กับ เอล คาบี้ (15นัด/3ประตู) เป็นคู่หูแดนหน้า

ทีมบ๋วยประจำลีกอย่าง เอสคิลสตูน่า กลับคืนฟอร์มห่วยอีกครั้งหลังพ่าย คัลมาร์ 0-2 เก็บสถิติชนะแค่เพียงหนเดียวตลอด 16 เกมในซีซั่นนี้เท่านั้น(เสมอ4 แพ้11) ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมพวกเขาจะไร้เงา อเล็กซานเดอร์ มิเกล(10นัด)กองหลังคนสำคัญที่ติดโทษแบน เช่นเดียวกับ สองกองกลางตัวหลักอย่าง อาเนล ราสคาย (11 นัด)และ เมาริซิโอ อัลบอร์นอซ (8 นัด) ที่ยังบาดเจ็บ ส่วนทีเด็ดในเกมนี้ยังคงวาง อมาร์ เอ็ดดาห์รี่ และ บูยา ตูลาย เป็นคีย์แมนในแผงแนวรุกตามคาด

ทีมเยือน ลิเมอริค เพิ่งเปิดรังเสมอ สลิโก โรเวอร์ส 0-0 ก่อนจะรั้งอันดับ 7 ในยามนี้ ส่วนความพร้อมก่อนเกมกุนซือ มาร์ติน รัสเซลล์ ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนยกเว้ นแบร์รี่ ค็อตเตอร์ (2 นัด) แข้งสำรองที่เดี้ยงยาวมาก่อนหน้านี้ ส่วนแกนหลักอย่าง ชีโดซี่ อ็อกเบเน่ (21 นัด 5 ประตู) กองหน้าดีกรีดาวซัลโวสโมสรจะลงเป็นคีย์แมนตามคาด

เจ้าบ้าน เดอร์รี่ ทีมอันดับ 3 ของตารางเพิ่งบุกไปชนะ ฟินน์ ฮาร์ปส์ 2-0 เก็บชัยรวด 2 นัด ส่วนสภาพความพร้อมก่อนเกมจะได้ตัว อารอน แบร์รี่ (19 นัด 1 ประตู) ปราการหลังตัวหลักพ้นโทษแบนกลับมาลงตัวจริง โดยมีแกนหลักหน้าเดิมอย่าง แฮร์รี่ โมนาแกน (17 นัด)และ แอรอน แมคอนัฟฟ์ ( 21 นัด 8 ประตู)ลงคุมแดนกลางโดยใช้ เนธาน บอยล์ (22 นัด 5 ประตู)ลงยืนตัวเป้า